ฟาง เจิ้งจือ นั้นยังคงเชื่อใจ วู่ เฟิง และ เฉิน เฟยยู่ เป็นอย่างมาก เขากำลังนั่งเล่นสบายๆอยู่บนหลังม้ากำลังชมฉากต่อสู้ด้านหน้าของเขา
หลังจากนั่งดูไปสักพัก
ฟาง เจิ้งจือ ก็เข้าใจบางอย่าง
หนานกง เฮา เป็นคนยังไง!
เห็นได้ชัดว่าการซุ่มโจมตีด้านหน้านั้นเป็นกลยุทธ์ทางทหารอย่างหนึ่ง กลยุทธ์ทางทหารนั้นไม่ใช่เรื่องยากสำหรับ วู่ เฟิง และ เฉิน เฟยยู่
รวมถึง หนานกง เฮา ก็ด้วยเช่นกัน
กลยุทธ์ที่ หนานกง เฮา ได้ตั้งไว้นั้น
หลังจาก ฟาง เจิ้งจือ ได้ตรวจสอบไปสักพักแล้วนั้น เขาก็พอเข้าใจขึ้นมาบ้าง ต่อให้เขาไม่รู้ชื่อกลยุทธ์ที่ หนานกง เฮา ใช้ แต่เขาสามารถบอกได้ว่ามันมาจากสองแนวคิดที่ต่างกัน
1 คือกลุ่มดาวคันไถ 2 คือกระดาน 8 ทิศ
หรือจะพูดง่ายๆคือมี 2 รูปแบบเอามารวมกัน
นำโดยกระดาน 8 ทิศและตามด้วยกลุ่มดาวคันไถ
มันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างเข้าใจได้ยาก เพราะรูปแบบของกระดาน 8 ทิศนั้นมีไว้เพื่อป้องกัน ในโลกก่อนของ ฟาง เจิ้งจือ มีผู้ที่มีชื่อเสียงโด่งเขาคือขงเบ้ง
โดยการใช้กระดานแปดเหลี่ยมเป็น เขาอ้างว่ามันเป็นรูปแบบการป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุด ยุทธศาสตร์แปดทิศ!
ตำนานเล่าว่า ยุทศาสตร์แปดทิศ นี้สามารถป้องกันทหารนับแสนคนได้
ไม่ว่าจะจริงหรือไม่ ฟาง เจิ้งจือ เองก็ไม่รู้อย่างไรก็ตามได้มีการบันทึกเอาไว้ว่า กองทัพของแม่ทัพลกซุนแห่งง่อก๊ก ติดกับกลอุบายของ ขงเบ้ง จนแทบเอาชีวิตไม่รอด
พลังของกลยุทธ์นี้เห็นได้ชัดเจนจากตำนานที่บันทึกไว้
ในทางกลับกัน รูปแบบทัพคันไถนั้นสามมารถปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับอาวุธที่ทหารใช้ได้เ่ช่นหอก ดาบ แก่นแท้ของมันอยู่ภายใต้คำๆหนึ่ง การโจมตี
โจมตีทั้ง 7 กลุ่มสำคัญตามตำแหน่งดาวในกลุ่มดาวคันไถ
ก่อนอื่นก็ป้องกัน แล้วค่อยโจมตี!
จากการวางรูปแบบทั้ง 2 อย่างเข้าด้วยกัน ฟาง เจิ้งจือ สามารถเข้าใจถึงความคิดของ หนานกง เฮา ได้ไม่มากก็น้อย
แน่นอนว่า เป็นไปไม่ได้เลยที่ หนานกง เฮา จะใช้การจัดทัพทั้ง 2 แบบที่แตกต่างกันที่ทางออกของหุบเขาสายลม
กระดานแปดทิศ เป็นกลยุทธ์ที่เอาไว้ป้องกัน การที่จะเอาชนะกลยุทธ์นี้ได้นั้นต้องหาจุดที่เป็นประตูชีวิตของกระดานให้ได้ก่อน
นั่นเป็นพื้นฐานที่ทุกคนต้องรู้
ฟาง เจิ้งจือ เข้าใจในจุดนี้ดี แต่สำหรับ วู่ เฟิง และ เฉิน เฟยยู่ เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะรู้ อย่างไรก็ตามเขาแค่เข้าใจ ไม่มีทางที่ ฟาง เจิ้งจือ จะเอาชนะกลยุทธ์ทิศ นี้โดยมีเพียงแค่แนวคิดอยู่ในหัว
เพราะว่า
หนานกง เฮา ทิ้งไว้แต่ประตูแห่งความตายให้เขา
สามารถคาดการณ์ได้เลยว่ากลยุทธ์นี้ต้องยิ่งใหญ่ขนาดไหนจึงสามารถรวมทหารจำนวนมากไว้ได้ แต่ในทางกลับกันคนที่จะผ่านออกไปจากหุบเขาสายลมได้มีเพียงครั้งละ 10 คน
วิธีการของ หนานกง เฮา พูดได้เลยว่าทั้งเรียบง่ายแต่ตรงจุด
อย่างไรก็ตามมันกลับทำให้เขาปวดหัวและเจอปัญหาหนักทีเดียว
การตั้งประตูแห่งความตายไว้ที่ทางออกของหุบเขาสายลมนั้น หมายความว้าถ้าใครอยากมีชิวิตอยู่ก็ต้องฝ่าประตูนี้ไปให้ได้ หรือไม่ก็หนีออกไปจากหุบเขาสายลมซะ
“โหดร้ายมาก!“ฟาง เจิ้งจือ พูดได้แค่คำเดียวกับวิธีการนี้ความไร้ยางอายของเขาดูเหมือนจะใช้ไม่ได้ผลกับ หนานกง เฮา
ในขณะเดียวกัน วู่ เฟิง และ เฉิน เฟยยู่ รวมถึงเหล่านักปราชญ์ที่กำลังต่อสู้กับสู้กับทหารที่ทางออกของหุบเขาสายลมอย่างตึงเครียดอยู่นั้น ฟาง เจิ้งจือ นั้นกลับนั่งเล่นอยู่บนหลังม้าอย่างสบายใจ
“ทำไมเขาถึงไม่มาสู้ด้วยล่ะ?“นักปราชญ์คนหนึ่งไม่สามารถทนได้อีกต่อไป
“อย่าบอกนะว่าเขาอยากจะเห็นพวกเราตาย!“นักปราชญ์อีกคนหนึ่งก็ไม่สามารถอดกลั้นต่อไปได้อีกเมื่อเขาได้ยินเช่นนั้น
เมื่อ วู่ เฟิง และ เฉิน เฟยยู่ ได้ยินคำพูดของพวกเขา ทั้งสองก็จับอาวุธไว้ในมือแน่น และและกัดฟันสู้อย่างไม่มีทางเลือกน่าแปลกใจที่พวกเขาไม่พูดอะไรออกมาแม้แต่น้อย
ความแตกต่างระหว่าง เฉิน เฟยยู่ และ วู่ เฟิง กับเหล่านักปราชญ์มีแค่พวกเขานั้นเชี่ยวชาญด้านกลยุทธ์มากกว่า
จากมุมมองของพวกเขา
การกระทำของ ฟาง เจิ้งจือ นั้นราวกับเผาสะพานทิ้งหลังจากได้ข้ามมาแล้ว และปล่อยพวกเขาให้โดนไฟเผาตาย
อย่างไรก็ตามในความคิดของพวกเขา ถ้า ฟาง เจิ้งจือ ส่งทหารมาช่วยพวกเขาบ้าง จะช่วยให้พวกเขาลดความตึงเครียดไปได้มาก แต่ความเป็นจริง ไม่มีความช่วยเหลือใดๆจาก ฟาง เจิ้งจือ แม้แต่น้อย
ตามการจัดรูปแบบกระดานแปดทิศ ทุกๆคนภายในก็ต่างยืนกระจัดกระจายกันไป ยิ่งมีผู้คนมากเท่าไหร่ก็ยิ่งมีการแบ่งแยกมากขึ้นเท่านั้น
ทั้งหมดที่พวกเขาทำได้ก็คือการเกลียดตัวพวกเขาเองที่ประมาทเกินไป
เพื่อที่พวกเขาจะได้หน้า พวกเขาจึงตัดสินใจ ‘ซุ่มโจมตี’ หนานกง เฮา
มันเป็นสิ่งที่พวกเขาล้วนคิดไปเองทั้งสิ้น เหตุผลที่ว่าทำไมพวกเขาถึงเข้าไป เป็นอีกเรื่องที่ทำให้พวกเขาต้องขมขื่น
เหตุผลก็คือ
หนานกง เฮา ได้วางทัพลวงตาไว้ที่ทางออกของหุบเขาสายลม
มีเพียงทหารแค่ 10 กว่าคนยืนอยู่ด้านหน้า จากนั้นก็ใช้เต๋าแห่งการสรรค์สร้างปิดบังทหารที่อยู่ด้านในเอาไว้
ที่ทางออกของหุบเขาสายลมจะมีทหารแค่นั้นป้องกันได้ยังไงกัน?
วู่ เฟิง รู้สึกว่ามันน่าสงสัย อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถต้านทานโอกาสที่สวรรค์มอบให้ได้ ดังนั้นทั้งเขาและ เฉิน เฟยยู่ จึงพุ่งเข้าไป
ทุกอย่างก็สายเกินไป
ฟาง เจิ้งจือ ไม่รู้ว่า วู่ เฟิง และ เฉิน เฟยยู่ คิดอะไรอยู่แน่นอนว่าถึงแม้เขาจะรู้ มันก็ยังคงไม่มีอะไรเปลี่ยน
“มาให้กำลังใจ นายน้อยวู่ นายน้อยเฉิน กันเถอะ!” ฟาง เจิ้งจือ ออกคำสั่ง
“รับทราบ!“
ทันใดนั้นทหารที่ได้ยินก็ลากกลองออกมาทันที พวกเขาตีกลองพร้อมตะโกนให้กำลังใจอย่างบ้าตลั่ง
พลังของกลอง!
เมื่อ วู่ เฟิง และ เฉิน เฟยยู่ ได้ยิน
พวกเขาลืมเรื่องหนึ่งไป ถิ่นฐานวานรน้ำแข็งจะไม่รู้ได้ไงว่า ฟาง เจิ้งจือ จะยกทัพมา? แผนโจมตี หนานกง เฮา โดยไม่ทันตั้งตัว พังไม่เป็นท่า
นอกจากนี้พวกเขายังติดอยู่ในกับดัก
ในถิ่นฐานวานรน้ำแข็ง ข่าวได้ถูกส่งไปที่บ้านหินขนาดใหญ่หลังหนึ่ง
หนานกง เฮา ผู้ที่สวมชุดนักปราชญ์สีขาว นั่งอยู่หน้าโต๊ะตัวหนึ่ง ก่อนจะวางหนังสือโบราณในมือลง เขาหยิบรายงานทางทหารขึ้นมาและเปิดมันออกช้าๆ หลังจากอ่านเสร็จ เขาก็วางมันลง
อย่างไรก็ตาม ดวงตาสีดำของเขาเป็นประกายจางๆ ราวกับแสงแรกจากดวงอาทิตย์ในยามเช้า
“นายน้อยหนานกง ฟาง เจิ้งจือ จะติดกับดักที่เราวางไว้ที่ทางออกของหุบเขาสายลมหรือไม่?” ชายวัยกลางคนถามอย่างกระตือรืแร้น
“ไม่” หนานกง เฮา ส่ายหัว
“ไม่? เป็นไปไม่ได้ พวกเราได้ตั้งกลอุบายลวงเอาไว้ ในฐานะแม่ทัพ ฟาง เจิ้งจือ ต้องอยู่หน้าสุดแน่นอน อย่าบอกนะว่า ฟาง เจิ้งจือ จะขี้ขลาดไปแอบอยู่ด้านหลัง?” ชายวัยกลางคนค่อนข้างสับสน
“ถึงแม้ว่า ฟาง เจิ้งจือ จะไร้ยางอาย แต่เขาไม่ใช่คนขี้ขลาด เขาไม่มีทางไปแอบหลังกองทัพหรอก ถ้าข้าเดาไม่ผิดเขาคงอยู่หน้าสุด อย่างไรก็ตามเขาคงใช้ วู่ เฟิง และเหล่านักปราชญ์ที่กำลังกระตือรือร้นเพื่อสร้างผลงาน ให้เป็นคนทดสอบ” หนานกง เฮา ส่ายหัวอีกครั้ง
“ทดสอบ?“ชายวัยกลางคนดูเหมือนจะไม่ค่อยเข้าใจ
“ใช่ ทดสอบและดูว่ามีการซุ่มโจมตีจากตรงไหนบ้าง”
“นี่ไม่ไร้ยางอายเกินไปหน่อยหรือ? ไม่ว่ายังไงก็ตาม วู่ เฟิง และเหล่านักปราชญ์ก็มีชื่อในอันดับการทดสอบด้านปัญญาแล้ว แม้ว่าพวกเขาจะถูกตัดออก พวกเขาก็ควรจะได้รับการปฎิบัติราวกับแม่ทัพคนหนึ่ง ไม่โหดร้ายและไร้มนุษย์ธรรมเกินไปหน่อยรึที่จะใช้พวกเขาราวกับเป็นหน่วยพลีชีพ”
“ในสนามรบไม่มีความยุติธรรมอยู่หรอก ฟาง เจิ้งจือ ไม่คุ้นเคยกับภูมิศาสตร์ของหุบเขาสายลม จึงให้ วู่ เฟิง ไปเจอกับอันตรายก่อน ถือเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล ถ้าไม่ใช่ว่าพวกเขาต้องการทำเช่นนั้นเอง ฟาง เจิ้งจือ คงไปบังคับพวกเขาไม่ได้หรอก” หนานกง เฮา ตอบเรียบๆ
“แล้ว วู่ เฟิง รวมถึงนักปราชญ์คนอื่นๆจะสามารถผ่านกลยุท์ที่นายน้อยหนานกง ตั้งเอาไว้ได้หรือไม่?“ชายวัยกลางคนพยักหน้า หลังจากนั้นเขาถามอีกครั้ง
“พวกเขาไม่สามารถ’”
“ดูเหมือนนายน้อย หนานกง จะรู้ผลลัพธ์อยู่แล้ว?“เมื่อชายวัยกลางคนได้ยินเรื่องนี้ ความกังวลบนใบหน้าของเขาค่อยๆเริ่มลดลงพร้อมกับถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“ใช่และไม่ ตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับ ฟาง เจิ้งจือ ว่าจะรับมือยังไง” หลังจาก หนานกง เฮา พูดเสร็จเขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกแต่หยิบหนังสือขึ้นมาอ่านต่อเงียบๆแทน