ไม่นานกองทัพที่อยู่ในความวุ่นวายก็กลับมาอยู่ในความสงบอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามไม่มีประโยชน์อะไรมากนัก
เพราะว่า….
ด้วยความรวดเร็วหอกสีดำก็ตกลงมาจากท้องฟ้า พวกมันมาพร้อมกับลมหอบใหญ่ที่รุนแรง ก่อนจะปักตะปูขนาดใหญ่ลงในกองทัพของ หนานกง เฮา
และตามมาด้วยธนูสีขาวอีกครั้ง
วงกลมอีกอันปรากฎขึ้น เปรียบเทียบกับอันก่อนแล้วมันใหญ่กว่าเกือบ 2 เท่า มันราวกับพุ่มไม้ที่เต็มไปดวยหนามแหลมคม
แม่ทัพรีบลุกขึ้นมาและโบกธงในมือพร้อมกับออกคำสั่งทันที
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เขาจะมีเวลาได้โบกธง ตะปูขนาดใหญ่อีกอันก็ได้ร่วงลงมาจากท้องฟ้า และไม่นานก็มีอันที่ 4 5 6 ตามมา
ไม่นานทั่วทั้งกองทัพก็เต็มไปด้วยด้วยหอกสีดำและลูกศร กลยุทธ์การจัดทัพที่แม่ทัพได้รับมาจาก หนานกง เฮา นั้นเต็มไปด้วยหลุมทันที
เขาถึงกับตัวเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ เขาโบกธงอย่างหงุดหงิดพร้อมกับพยายามที่จะออกคำสั่ง
แม้ว่าการกระทำของ ฟาง เจิ้งจือ จะทำให้เขาปวดหัวเล็กน้อย แต่พวกเขาก็มั่นใจว่ากลยุทธ์กระดานแปดทิศที่ หนานกง เฮา เป็นคนจัดตั้งด้วยตัวเอง ไม่มีทางถูกทำลายเพียงเพราะ ตะปูตัวใหญ่ แน่นอน
ดังนั้นเขาจึงยังคงคอยสั่งทหารขณะเดียวกันก็ยิ้มแฝงเจตนาร้ายไปทาง ฟาง เจิ้งจือ ที่เป็นคนออกคำสั่งให้ยิงธนูและเขวี้ยงหอกมา
ถ้าแค่การเขวี้ยงหอกและยิงธนูจะพังรูปแบบกลยุทธ์ที่เขาได้รับมาจาก หนานกง เฮา ได้
มันจะไม่เป็นกลยุทธ์ที่ไร้ค่าไปหน่อยหรือ?
อย่างไรก็ตามรอยยิ้มของแม่ทัพกลับแข็งค้าง เพราะทันใดนั้นเองเขาสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่ไม่ถูกต้องเท่าไรนัก
กระดานแปดทิศนั้นประกอบไปด้วยประตู 8 บาน ซึ่งต้องมีการปรับเปลี่ยนเพื่อคงพลังของกลยุทธ์นี้ไว้ อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขาพยายามจะปรับเปลี่ยนประตูทั้ง 8 บานนั้นเอง พวกเขาก็ตระหนักถึงบางอย่าง…
พวกเขาไม่สามารถหลีกเลี่ยงตะปูขนาดใหญ่ที่ปักอยู่บนพื้นได้
มันเหมือนบางคนมาวางกับดักไว้บนเส้นทาง เจ้าจะเอากับดักนี้ออก หรือเลือกเดินในทางที่ไกลกว่า
อย่างไรก็ตามการจัดทัพตามรูปแบบที่ หนานกง เฮา ให้มานั้นสามารถปรับเปลี่ยนได้มากมายงั้นหรือ?
แน่นอนว่ามันสามารถทำได้
อย่างไรก็ตามพวกเขาทำไม่ได้ เพราะ หนานกง เฮา ไม่ได้สอนพวกเขา ดังนั้นพวกเขาไม่มีทางปรับเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นได้
นั่นหมายความว่ากลยุทธ์กระดานแปดทิศไม่สามารถปรับเปลี่ยนอะไรได้อีกแล้ว และพวกเขาก็ไม่สามารถใช้มันกดดันเหล่านักปราชญ์ที่อยู่ด้านในอีกแล้ว
หรืออาจจะพูดอย่างง่ายๆคือ แต่เดิมที่กลยุทธ์นี้สามารถปรับเปลี่ยนและเคลื่อนไหวได้ ตอนแรกมีทหาร 50 คนต่อสู้กับ วู่ เฟิง หลังจากสู้ไปหนึ่งรอบทหารเหล่านี้ก็สามารถย้ายไปอีกด้านเพื่อผักผ่อนได้ จากนั้นก็มาสู้และพักผ่อนอีกครั้ง…
แต่ตอนนี้?
นั่นหมายความว่าทหารทั้ง 50 คนต้องต่อสู้กับ วู่ เฟิง อย่างต่อเนื่องโดยทหารคนอื่นๆไม่สามารถเข้ามาช่วยได้เลย
ทหาร 50 คนจะสามารถหยุด วู่ เฟิง ได้งั้นหรือ?
ได้ แต่ก็ไม่นานนัก
“ทำไมถึงเป็นอย่างนี้?!“
แม่ทัพที่ถือธงอยู่แต่ละคงต่างเหลือบตามองกันด้วยความสงสัย มันเป็นความสงสัยที่เกิดจากความไม่เชื่อ
เพราะการที่จะบรรลุผลลัพธ์เช่นนี้ได้
มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
นั่นคือ ฟาง เจิ้งจือ มองกลยุทธ์ที่ หนานกง เฮา วางไว้ออกหมดแล้ว จากนั้นก็ใช่ตะปูขนาดใหญ่ทีละอันปักลงไปแต่ละที่บนกองทัพของ หนานกง เฮา
แม่ทัพที่อยู่ด้านหลัง ฟาง เจิ้งจือ ต่างถูกทำให้ตกตะลึง
เมื่อพวกเขาเห็น ฟาง เจิ้งจือ สั่งให้ยิงธนูและเขวี้ยงหอกออกไปนั้น ถึงแม้พวกเขาจะทำตามคำสั่งของ ฟาง เจิ้งจือ แต่ในหัวใจของพวกเขาเขา ก็คิดว่ามันคงเป็นแค่การทำให้ไขว้เขวเท่านั้น
อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขาเห็นกองทัพที่จัดทัพตามรูปแบบกระดานแปดทิศเริ่มเคลื่อนไหวได้ช้าลงจนเกือบจะหยุดเคลื่อนไหว ในที่สุดพวกเขาจึงตกตะลึงอย่างชัดเจน
“มีบางอย่างแปลกๆเกี่ยวกับตำแหน่งที่เขาให้ยิงไป!“
“มันเป็นตำแหน่งที่มีผลต่อการเคลื่อนไหวของทหารภายในนั้นทั้งสิ้น! ฟาง เจิ้งจือ ทำให้พวกเขาต้องเปลี่ยนเส้นทางเคลื่อนไหว!“
“ถูกต้องเพื่อให้การเคลื่อนไหวของพวกเขายังมีประสิทธิภาพ อย่างแรกคือต้องดึงอกและลูกศรออกก่อน แต่พวกเขาไม่มีเวลาที่จะทำมัน”
“แม้ว่าจะดึงออกก็ไม่ได้เป็นปัญหากับพวกเราอยู่ดีเพราะพวกเขาไม่สมารถดึงออกได้ไวกว่าพวกเราที่เป็นคนยิงออกไป!“
“ฟาง เจิ้งจือ ทำมันได้ยังไงกัน?“
ในขณะที่แม่ทัพถกเถียงกันอยู่นั้นพวกเขาก็มองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ พวกเขาตกตะลึงอย่างแท้จริง
เพราะ ฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้ยิงแบบสุ่ม!
เขาไม่ได้ทำแบบนั้น!
เขาได้วางแผนไว้แล้วสั่งให้ยิงอย่างมีเป้าหมาย ทุกจุดที่เขาสั่งให้ยิงมีผลต่อการเคลื่อนไหวของกองทัพที่จัดตามรูปแบบกระดานแปดทิศทั้งสิ้น!
“ยิง!“
ฟาง เจิ้งจือ ไม่คิดจะสนใจแม่ทัพที่กำลังถกเถียงกันอยู่แม้แต่น้อย เขายังคงออกคำสั่งจากด้านหน้าสุด สายตาของเขาเริ่มมองรูปแบบที่จัดตั้งขึ้นมาจากกลยุทธ์กลุ่มดาวคันไถ
กระดานแปดทิศนั้นเน้นการป้องกัน
การทำลายการป้องกันนั้นเป็นขั้นตอนแรก ขั้นตอนที่สองคือการทำลายกลยุทธ์ที่ใช้ในการโจมตีของ หนานกง เฮา
ไม่มีพลังในการโจมตี ก็สามารถพูดได้ว่ากลยุทธ์นี้ปราศจากพิษสงใดๆแล้ว ดังนั้นการที่จะเข้าไปก็ไม่มีปัญหา
ขณะที่ ฟาง เจิ้งจือ ออกคำสั่ง
หอกสีดำและลูกศรสีขาวพุ่งไปบนท้องฟ้าอย่างรวดเร็วและกลายเป็นตะปูที่ปักลงไปยังจุดสำคัญต่างๆของกระดานแปดทิศ
สำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้มากที่สุด
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็น วู่ เฟิง, เฉิน เฟยยู่ รวมถึงนักปราชญ์ทั้งหลาย
มีบางครั้งที่พวกเขาเชื่อว่าพวกเขาสารถทำให้ทหารต้องหวาดกลัวได้ หรือแม้แต่คิดว่าตัวเองนั้นสามารถเผชิญหน้ากับทหารนับพันได้โดยไม่พ่ายแพ้
แต่วันนี้…
ต่อหน้ากลยุทธ์ที่ หนานกง เฮา วางไว้ พวกเขาราวกับกลายเป็นลูกไก่ในกำมือของ หนานกง เฮา ไม่ว่าเขาอยากจะบีบ จะคลาย ก็ทำได้…
ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่สำคัญที่สุด พวกเขาถูกรังแกและทำให้อับอายต่อหน้า ฟาง เจิ้งจือ
ความไม่พอใจ ความเศร้าใจ
อารมณ์เหล่านี้วนเวียนอยู่ในใจพวกเขานับครั้งไม่ถ้วน อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่สามารถทำอะไรกับมันได้ ทหารรอบข้างนั้นว่องไวเกินไป เมื่อดาบของเจ้าฟันลงบนตัวทหาร 2คนด้านหน้า ผลลัทธ์ที่เห็นคือด้านหน้ากลับไม่มีใครอยู่หรือทหารทั้ง 10 คนได้หายไปในทันที
กลยุทธ์การจัดทัพแบบนี้ประหลาดมาก
พวกเขารู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตามแม้พวกเขาจะติดอยู่ในกองทัพทหารนับพัน พวกเขาก็ไม่สามารถเอาชนะได้ เพราะเส้นทางที่พวกเขาเข้ามานั้นเป็นประตูแห่งความตายที่เดินเข้าไปพบกับกลยุทธ์กระดานแปดทิศที่ หนานกง เฮา วางไว้อย่างจัง
พวกเขาจะมีชีวิตรอดได้ยังไงเมื่อเผชิญหน้ากับความตาย!
แต่ ทันใดนั้น ความรู้สึกของพวกเขาก็เปลี่ยนไป
มันเป็นความรู้สึกยินดีและเป็นอิสระ พวกเขาต่างยืนอยู่ด้านหน้าด้วยความงุนงง
ความว่องไวและความคล่องตัวที่มีหายไป พวกเขายืนตัวแข็งเป็นหิน
มันเป็นเรื่องยากที่จะสู้กับกระต่ายที่ว่องไว อย่างไรก็ตามมันง่ายเป็นอย่างมากถ้าต้องรับมือกับลูกแกะตัวน้อยที่ทำได้แค่ก้มหัวกินหญ้า
ดังนั้น พวกเขาจึงเริ่มทันที พวกเขายกมือขึ้น ดาบหล่นลงมาทันที ยกมือขึ้นอีกขึ้นก็มีเสียงดาบหล่นลงมาอีกครั้ง …
“อ๊ากกก!“
“ไม่นะ!”“
“แคร้ง!“
เสียงร้องโหยหวนและเสียงของอาวุธที่ตกลงพื้นดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ยิ่งไปกว่านั้น เสียงยิ่งดังมากขึ้นเรื่อยๆ
สุดท้าย พื้นที่ว่างขนาดใหญ่จึงเริ่มปรากฎขึ้นมา
มันเป็นช่องว่างที่เกิดขึ้นรอบๆเหล่านักปราชญ์
ทหารที่ลอมรอบพวกเขาไว้ ค่อยๆถอยหลังออกไปทีละคน ทีละคน เพราะว่าพวกเขากำลังเจอกับประสบการณ์อันโหดร้าย พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับกลุ่มนักปราชญ์ที่อยู่ในระดับสะท้อนสวรรค์ขั้นสูงสุด
การล่าถอยของทหารนั้นไม่ได้ทำให้เหล่านักปราชญ์คิดที่จะหยุดเลยแม้แต่น้อย
เพราะพวกเขาต้องการจะปลดปล่อยความโกรธที่พวกเขากักเก็บมานาน และมันจะต้องเป็นวิธีที่รุนแรงและไม่สามารถให้อภัยได้ ถึงแม้พวกเขาจะรู้ว่าโอกาสที่พวกเขาได้นั้นมาจาก ฟาง เจิ้งจือ
แล้ว มันจะทำไมล่ะ?
หลังจากที่ถูกกดดันและโจมตีมานานแล้ว และตอนนี้พวกเขาก็กลับมายืนได้ มันจะเป็นไปได้หรือที่พวกเขาจะไม่คิดสวนกลับบ้างเลย?
ความหยิ่งยโสนั้นเป็นพื้นฐานของเหล่านักปราชญ์
พวกเขาต้องยืนอยู่บนจุดสูงสุดเท่านั้น
แม้พวกเขาอาจจะไม่ได้ทำอะไรที่ร้ายแรงเกินไป แต่ก็ทำให้กระดูกของเหล่าทหารหักบ้าง หรือทำให้ลงไปนอนกองอยู่กับพื้นด้วยอาการบาดเจ็บอันรุนแรงบ้าง
เฉิน เฟยยู่ นั้นเป็นคนหนึ่งที่ทนมานานที่สุด
หลังจากที่เขาเข้าสู่ระดับอภินิหารแล้วนั้น ตอนแรกเขาคิดว่ามันจะเป็นช่วงเวลาแห่งความรุ่งโรจน์ของเขา แต่เขาดันไปพบกับ ฟาง เจิ้งจือ เข้า ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เขาถูกตัดออก แต่ตอนนี้เขากำลังติดอยู่ในกลยุทธ์ที่ หนานกง เฮา วางไว้
มันเป็นความอัปยศที่มีเพียงแค่เลือดเท่านั้นทีจะสามารถล้างออกไปได้
ดาบขนาด 7 นิ้วลอยไปรอบๆตัวเขาคล้ายกับมังกรตัวหนึ่ง ภายใต้แสงสีฟ้าจางๆ มีแสงสีเขียวส่องออกมาวิบวับ
แต่ ทันใดนั้น
ก็เกิดเสียงของลูกศรพุ่งผ่านอากาศดังขึ้น
เฉิน เฟยยู่ ได้ยินเสียงลูกศรพุ่งผ่านอากาศมานานแล้ว อย่างไรก็ตามเพราะเขาสนใจเพียงแต่เสียงเท่านั้น เมื่อเขายกหัวขึ้นมา
ดวงตาของ เฉิน เฟยยู่ มีแสงวูบขึ้นมาทันที
เพราะมันเป็นลูกศรสีเขียวหยกที่พุ่งมาที่หน้าอกเขาด้วยความรวดเร็ว
“ล้านคมดาบ”