เมื่อเหล่าแม่ทัพเห็นฉากที่เกิดขึ้น พวกเขาก็ได้สติกลับคืนมาทันที ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความตกใจ อย่างไรก็ตามมันเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ
เพราะว่าในหัวใจของพวกเขา นักปราชญ์ที่อยู่ด้านหน้าเป็นเพียงผู้เข้าสอบระดับสภาด้านการต่อสู้เท่านั้น
ผู้เข้าทดสอบทั้งสี่คน?
พวกเขาสามารถสู้ร่วมกันได้ดีขนาดตั้งค่ายกลดาบขึ้นมาได้? พวกเขาไม่ได้จะสู้กันทีละคนงั้นหรือ? ต่อให้พวกเขาจะต่อสู้ร่วมกันได้จริงๆ มันก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะใช้ค่ายกลดาบ!
พวกเขาไม่เข้าใจอย่างแท้จริง
ขณะที่เหล่าแม่ทัพกำลังวิตกกังวลอยู่นั้น นักปราชญ์ทั้งสี่คนดูเหมือนไม่คิดจะอธิบายตัวเองแม้แต่น้อย ในขณะที่ปลายดาบของพวกเขาทั้งสี่แตะกัน ท่าทีของนักปราชญ์ทั้งสี่คนก็เปลี่ยนไปทันที
พวกเขาดูค่อนข้างเจ็บปวด
ฟาง เจิ้งจือ เคยเห็นท่าทีแบบนี้มาก่อน เป็นช่วงเวลาที่ เหยียน ซิว ใช้เต๋าแห่งอาชูร่า อย่างไรก็ตาม เปรียบเทียบกับ เหยียน ซิว ความเจ็บปวดบนใบหน้าของนักปราชญ์ทั้งสี่ค่อนข้างแตกต่างออกไป
ความเจ็บปวดของ เหยียน ซิว นั้นเป็นเพราะการอดทน
อย่างไรก็ตามสำหรับนักปราชญ์ทั้งสี่นี้ดูเหมือนจะเป็นเพราะความทุกข์ทรมาร
แสงจางๆค่อยๆปรากฎขึ้นมาตรงกลางระหว่างทั้งสี่ดาบ มันเป็นแสงที่คล้ายส่องออกมาจากดวงดาว เป็นสีเงินงดงาม
มันดูลึกลับแต่ก็น่าหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
“นี่ดูเหมือน … ” ฟาง เจิ้งจือ นึกถึงเรื่องหนึ่งได้อย่างรวดเร็ว มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในกลืนกินโลก
ตอนนั้น ฟาง เจิ้งจือ ได้พบกับชาวดินแดนภูเขาทางใต้เป็นครั้งแรก
ชื่อของเขาคือ ฉาน เจีย
ที่ยืนอยู่ข้างๆเขาเป็นอีกคนหนึ่ง หรือvาจจะกล่าวได่ว่าปีศาจตนหนึ่ง มันเป็นครั้งแรกที่ ฟาง เจิ้งจือ ได้เห็นดวงตาปีศาจสีเขียว และเป็นครั้งแรกที่ ฟาง เจิ้งจือ ได้พบกับ ไป่ ซิง
หัวหน้าของ 1 ใน 10 ดินแดนปีศาจ
ฟาง เจิ้งจือ ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงรู้สึกแบบเดียวกันในตอนนี้ อย่างไรก็ตาม เขาสัมผัสได้ว่าแสงสีเงินจางๆที่อยู่ด้านหน้านั้นดูเหมือนจะเป็นสิ่งเดียวกับที่ ไป่ ซิง ใช้
ดูเหมือนว่า
ข้าจะประเมิณตัวเองสูงเกินไป!
แน่นอนว่า ฟาง เจิ้งจือ มองตัวตนที่แท้จริงของคนเหล่านี้ออก ไม่เพียงแต่นักปราชญ์ทั้งสี่คน แม้แต่ตัวตนของนายน้อยหลี่ที่อยู่ด้านหลังของ วู่ เฟิง เขาก็รู้
ในความเป็นจริงท่ามกลางเหล่านักปราชญ์ทั้งสี่คน ตอนแรกมีคนหนึ่งยืนอยู่หลัง เฉิน เฟยยู่
อย่างไรก็ตาม…
เฉิน เฟยยู่ ตอนนั้นดูเหมือนกำลังบ้าคลั่งอยู่!
เขาใช้พลังของเขาอย่างเต็มที่เพื่อป้องกันวิชาล้านคมดาบของ ฟาง เจิ้งจือ ทำให้นักปราชญ์คนนั้นยังสามารถปกปิดตัวตนของตัวเองเอาไว้ได้
ดังนั้น เมื่อ เฉิน เฟยยู่ พุ่งออกมาและตะโกนให้ ฟาง เจิ้งจือ ยิงธนูไปที่เขาอีกครั้ง
ฟาง เจิ้งจือ ถึงกับพูดไม่ออกไปจริงๆ
นอกจาก เฉิน เฟยยู่ จะฉลาดแล้ว มีอีกหนึ่งอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้ อย่างไรก็ตามเขาได้แสดงพลังอันน่าประทับใจในการหยุดลูกศรของ ฟาง เจิ้งจือ เอาไว้
อย่างน้อยที่สุดนักปราชญ์ที่กำลังจะลอบโจมตี เฉิน เฟยยู่ ก็ถึงกับตกตะลึงไปทันที
ฟาง เจิ้งจือ เห็นมัน อย่างไรก็ตามเขาไม่อยากจะประกาศออกไปเสียงดัง แต่สิ่งที่ ฟาง เจิ้งจือ คิดคือในเมื่อเจ้าไม่อยากเปิดเผยตัวเอง งั้นให้ข้าทำให้เจ้าตกใจหน่อยเป็นไง
นั่นคือเหตุผลที่เขายิงลูกศรไปทาง วู่ เฟิง อีก
ผลลัพธ์ที่ออกมานั้นชัดเจน
ผลที่ได้คือเหมาะมากและค่อนข้างน่าประทับใจ ไม่เพียงแต่เขาจะทำให้นายน้อยหลี่พิการได้ แต่เขายังทำให้นักปราชญ์ทั้งสี่คนโกรธแคhนขึ้นมาได้อีกด้วย
จนถึงตอนนี้ ฟาง เจิ้งจือ ได้ทำตามแผนที่สมบูรณ์แบบของเขา
อย่างไรก็ตาม …
สิ่งที่เขาไม่ได้คาดคิดคือ
แม้จะมีทหารหมาป่าเขาเงินอยู่ด้านหน้าเขา และทหารจากอาณาจักรเซี่ยกว่าสี่หมื่นนายอยู่ด้านหลังเขา พวกนั้นก็ยังเข้ามาถึงตัวเขาได้ และกำลังจะใช้วิชาที่คล้ายๆกับของ ไป่ ซิง
ไม่ใช่ว่าเขาควรจะเป็นคนได้เปรียบในครังนี้หรอกหรือ?
นี่คือสิ่งที่ ฟาง เจิ้งจือ คิดมาตลอด
อย่างไรก็ตาม ในความเป็นจริง ดูเหมือนเขาจะคำนวณผิดเล็กน้อย พลังของนักปราชญ์ทั้งสี่คนด้านหน้าเขานั้นดูเหมือนจะไม่ได้อยู่แค่ในระดับสะท้อนสวรรค์
แต่มันเป็นระดับอภินิหาร!
ที่สำคัญที่สุดนักปราชญ์ทั้งสี่คนที่อยู่ในระดับอภินิหารดูเหมือนจะสามารถใช้ค่ายกลดาบเพื่อโจมตีพร้อมกันได้ เพื่อให้ระดับวิชาที่พวกเขาใกล้เคียงกับ ไป่ ซิง ที่อยู่ในระดับจุติ!
“เชี่ยเอ้ย หยุน ชิงวู เจ้าล้อข้าเล่นใช่ไหม? ไม่ว่ายังไงพวกเราก็เคยอยู่ในเรือลำเดียวกันนะ เจ้ากลับส่งคนที่อยู่ในระดับอภินิหารถึงสี่คนมาลอบสังหารข้าเนี่ยนะ?!”
ตั้งแต่ที่เขาพบกับ วู่ จวี้เอ๋อ ฟาง เจิ้งจือ ได้รับรู้บางอย่างเกี่ยวกับ หยุน ชิงวู ว่านางมีฐานะพิเศษอีกอย่างหนึ่ง
นายน้อยของเหล่าปีศาจ!
แม้ว่า ฟาง เจิ้งจือ จะรู้สึกตกใจไปบ้างเมื่อได้ยินถึงฐานะที่แท้จริงของ หยุน ชิงวู แต่เขาก็รู้ว่า วู่ จวี้เอ๋อ ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะมาหลอกเขา
ดังนั้นเขาจึงนึกถึงเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในดินแดนภูเขาทางใต้ แน่นอนเขาคิดว่ามันต้องเกี่ยวข้องกับ หยุน ชิงวู แน่นอน
เห็นได้ชัดเลยว่านักปราชญ์ทั้ง 4 คนด้านหน้าของเขาคือเผ่าปีศาจ
ฟาง เจิ้งจือ ไม่จำเป็นต้องถอดหน้ากากของพวกเขาแม้แต่น้อย เพราะเมื่อ ฟาง เจิ้งจือ เอาชนะกลยุทธ์ของ หนานกง เฮา ได้ นักปราชญ์คนหนึ่งก็จู่โจม เฉิน เฟยยู่ ในทันที
สถานะของ เฉิน เฟยยู่ คือใคร?
เขาเป็นน้องชายของ ฮั่ว เฟย ซึ่งเป็นนางสนมขององค์จักรพรรดิ ดังนั้นเขามีศักดิ์ถือเป็นน้องเขยขององค์จักรพรรดิและมีเชื้อสายของ 13 กองตรวจการศักดิ์สิทธิ์
ฟาง เจิ้งจือ รู้ถึงเรื่องนั้นดี จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่เหล่านักปราชญ์จะไม่รู้เรื่องนี้ดังนั้นใครจะกล้าโจมตีใส่คนอย่าง เฉิน เฟยยู่ บ้าง?
แต่กลับมีคนที่กล้าทำแบบนั้นจริงๆ
อย่างเช่น ฟาง เจิ้งจือ ลอบโจมตี เฉิน เฟยยู่
แต่อย่างไรก็ตาม นั้นก็เพื่อเข้ายึดถิ่นฐานราชสีห์คำราม และตอนนี้ เฉิน เฟยยู่ ถูกตัดออกจากการแข่งขันแล้ว แต่ตอนนี้เขากลับโจมตี เฉิน เฟยยู่ อีกครั้ง…
เหตุผลมีอยู่เพียงข้อเดียวเท่านั้น
นั่นก็คืออีกฝ่ายหนึ่งเป็นเผ่าพันธุ์ปีศาจ!
ฟาง เจิ้งจือ คิดแบบนั้น อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้คิดถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย ตอนแรกเขารู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา อย่างไรก็ตามในความเป็นจริงดูเหมือนว่าเขาจะถูกควบคุมโดยคนอื่นตลอดมา
มันไม่ใช่ความรู้สึกที่ดีเลย
อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้มีตัวเลือกมากนัก
เมื่อต้องเผชิญกับ 4 ปีศาจที่อยู่ในระดับอภินิหารผู้ใช้ค่ายกลเพื่อผสานการโจมตีจากดาบทั้ง4 ทำให้ระดับพลังของพวกขาตอนนี้อยู่ในระดับจุติแล้ว สิ่งที่ ฟาง เจิ้งจือ ต้องทำตอนนี้นั้นง่ายมาก
มีเพียงสิ่งเดียวที่เขาต้องทำตอนนี้
วิ่ง!
อย่างไรก็ตามในความเป็นจริงด้านหลังของเขามีผู้คนยืนอยู่ด้านหลังจำนวนมาก การวิ่งหนีไปไม่ใช่เรื่องที่เขาทำได้อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่ามันไม่ส่งผลอะไรกับ ฟาง เจิ้งจือ แม้แต่น้อย
พลิกตัวขึ้นไปในอากาศ เขา “กระโดด” ลงจากหลังม้า
ตามปกติเขานั้นจะรักษาภาพลักษณ์อันสง่างามของตัวเองเอาไว้เสมอ อย่างไรก็ตามในสถานการณ์พิเศษการลงจากหลังมาก็ไม่ใช่เรื่องแย่เท่าไรนัก
สี่ปีศาจที่ปลอมตัวเป็นนักปราญ์ถึงกับผงะไปกับการตัดสินใจของ ฟาง เจิ้งจือ ในทันที ชื่อเสียงของ ฟาง เจิ้งจือ นั้นอยู่ในระดับเดียวกับ หนานกง เฮา เพราะพวกเขาทั้งสองคนเสมอกันในการทดสอบระดับสภาปัญญา
ด้วยความฉลาดและพรสวรรค์ของเขา
เมื่อถูกโจมตีเขาไม่คิดจะต่อสู้กลับแม้แต่น้อย แต่เขากลับหลบหนี และวิธีในการเอาตัวรอดของเขานั้นดูไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจแม้แต่น้อย
ถ้ามีคนบอกว่าปีศาจทั้งสี่ไม่ได้ตกใจเลยแม้แต่น้อย ย่อมเป็นไปไม่ได้
แต่พวกเขาก็รีบนึกถึงสิ่งที่ ไป่ ซิง พูดมาเกี่ยวกับ ฟาง เจิ้งจือ ผู้ที่เต็มไปด้วยเรื่องประหลาด
หรือก็คือ..
เขาเป็นคนที่ทำให้คนอื่นแปลกใจได้เสมอ
หลังจากพิชิตหุบเขาสายลมของถิ่นฐานวานรน้ำแข็งได้ เขาก็เอาชนะกลยุทธ์ของ หนานกง เฮาและสุดท้ายเขาสามารถมองตัวตนของนักปราชญ์ทั้งสี่คนออก ทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นถึงความฉลาดของ ฟาง เจิ้งจือ อย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตามคนฉลาดแบบนี้เมื่อพบกับอันตราย เขายังกล้าไปหลบใต้ท้องม้าโดยไม่กังวลเกี่ยวกับภาพลักษณ์ของตัวเองแม้แต่น้อย
อืม…สมกับที่เขาเป็นคนที่”เต็มไปด้วยความน่าประหลาดใจ” อย่างแท้จริง
“ฆ่า!“ปีศาจทั้งสี่เลิกคิด
เนื่องจากไม่มีความจำเป็นต้องทำเช่นนี้อีก จุดมุ่งหมายของพวกเขาคือการฆ่าเหล่านักปราชญ์ที่เข้าร่วมการทดสอบให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ เพื่อจุดชนวนกระตุ้นให้เกิดความขัดแย้งระหว่างอาณาจักรเซี่ยและดินแดนภูเขาทางใต้
นักปราชญ์ที่เข้าร่วมการทดสอบเหล่านี้มีแต่พวก ‘ชนชั้นสูง’
หรือพวกราชวงศ์ ทายาทของ 13 กองตรวจการและพวกตระกูลใหญ่ๆในอาณาจักรเซี่ย เมื่อพวกเขาล้มตายในประเทศบ้านเกิดและในดินแดนภูเขาทางใต้ จะเป็นที่ชัดเจนว่าการรักษาความสัมพันธ์ระหว่างอาณาจักรเซี่ยกับดินแนภูเขาทางใต้นั้นเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว
อย่างไรก็ตามนอกจากความสำคัญเรื่องนี้ เหนือสิ่งอื่นใด ถ้าหากฆ่า ฟาง เจิ้งจือ หรือไม่ก็ หนานกง เฮา ได้ มันก็คุ้มค่าพอที่จะยอมทิ้งนักปราชญ์คนอื่นไป
ปีศาจทั้ง 4 ตน ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้รับคำสั่งเช่นนี้
อย่างไรก็ตามนี้เป็นคำสั่งจาก ไป่ ซิง ดังนั้นสิ่งที่พวกเขาต้องทำมีเพียงแค่ปฏิบัติตาม
ในตอนแรกพวกเขาวางจุดมุ่งหมายไว้ที่ ฟาง เจิ้งจืออย่างไรก็ตาม ฟาง เจิ้งจือ ห้อมล้อมไปด้วยทหารหมาป่าเขาเงินกว่า 500 นาย มันยากเกินไปที่จะเข้าโจมตี ฟาง เจิ้งจือ
ดังนั้น…
หลังจากเห็นว่าหุบเขาสายลมถูกพิชิต พวกเขาจึงได้คิดว่าจะเปลี่ยนแผนการที่วางเอาไว้….