การเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันทำให้เหล่าแม่ทัพผงะไปเล็กน้อย พลังที่สี่ปีศาจแสดงให้เห็นนั้นเข้าขั้นน่ากลัว
ในกรณีนั้น…
แม่ทัพไม่รู้ว่าพวกเขาจะรับมือกับสถานการณ์พวกนี้ได้ไหม
อย่างไรก็ตาม พวกเขารู้ดีว่าความสัมพันธ์ระหว่าง ฟาง เจิ้งจือ กับนักปราชญ์ไม่ดีเท่าไรนัก ดังนั้นสถานการณ์ในตอนนี้ที่นักปราชญ์ทั้งสองคนใช้ร่างกายของตัวเองบัง ฟาง เจิ้งจือ เอาไว้นั้นไม่น่าเกิดขึ้นได้
อย่างไรก็ตาม นักปราชญ์ทั้งสองคนตอนนี้ยืนขวาง ฟาง เจิ้งจือ เอาไว้อย่างชัดเจน ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาทำโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
ดังนั้นมันเป็เนรื่องปกติที่พวกแม่ทัพจะตกใจ
แน่นอนว่ามันก็เป็นแค่การคาดการณ์เท่านั้น
เหล่าแม่ทัพจึงไม่ได้หยุดนักปราชญ์ทั้งสองคนนั้นเอาไว้
อย่างไรก็ตามด้วยความลังเล พวกเขาจึงตัดสินใจจะดูสถานการณ์ไปอีกสักพัก
เพราะหลังจากที่นักปราชญ์ทั้งสองไปบังอยู่ด้านหน้า ฟาง เจิ้งจือ ปีศาจทั้งสี่ก็เข้ามาใกล้แล้วเช่นกัน ในมือของนักปราชญ์ทั้งสองดึงดาบขึ้นมาทันที
มันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร อย่างไรก็ตามดาบในมือของพวกเขากลับไปไม่ได้แทงไปที่ปีศาจทั้งสี่ แต่มันกลับหันหลังมาและแทงใส่ ฟาง เจิ้งจือ
นักปราชญ์ทั้งสองที่พึ่งตะโกนออกมาว่าจะปกป้องคนของอาณาจักรเซี่ย แต่ดาบของพวกเขากลับทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม
“ฉึก!“
เลือดสดๆกระเด็นขึ้นไปในอากาศ
ประกายแห่งความเยือกเย็นปรากฎขึ้นบนดวงตาของนักปราชญ์ทั้งสองคนทันที ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มแห่งความยินดีปรากฎขึ้นมา อย่างไรก็ตามรอยยิ้มนี้ปรากฎขึ้นได้ไม่นาน
นักปราชญ์ทั้งสองก็ลดหัวลงอย่างรวดเร็ว
ในสายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ เพราะว่าพวกเขาพบว่าเลือดที่สาดกระเซ็นนั้นมาจากหน้าอกของพวกเขาเอง
ตื่นตะลึง
นักปราชญ์ทั้งสองตกใจ ปีศาจทั้งสี่ก็ตะลึงเช่นกัน
แม่ทัพที่ยืนอยู่หลัง ฟาง เจิ้งจือ ก็ตกใจเช่นกัน พวกเขายืนนิ่งอยู่กับที่ เพราะฉากที่เกิดขึ้นนั้นเร็วเกินไป
“เมื่อไหร่ … เมื่อไหร่ที่เจ้ารู้กัน…” นักปราชญ์ทั้งสองคนถามออกมาเบาๆ ดวงตาของพวกเขาจ้องเขม็งไปที่ ฟาง เจิ้งจือ
พวกเขาไม่เข้าใจจริงๆ
ทำไม ฟาง เจิ้งจือ ถึงมองแผนของพวกเขาออกครั้งแล้วครั้งเล่า
“ตั้งแต่ตอนที่พวกเจ้าตามทั้งสี่คนนั้นมาข้าก็รู้แล้ว” รอยยิ้มจางๆปรากฎบนใบหน้า ฟาง เจิ้งจือ
พูดคุยกันอย่างสันติ?
ใครกันที่อยู่ในสถานการณ์แบบนี้แล้วยังมาห้ามปรามให้พูดคุยด้วยความสันติ?
ฟาง เจิ้งจือ ไม่เคยเชื่อว่าเหล่านักปราชญ์ที่เข้าร่วมการทดสอบระดับสภา จะพูดเรื่องเด็กๆออกมาแบบนั้น แน่นอนแค่จุดนี้เพียงอย่างเดียว ฟาง เจิ้งจือ ไม่มีทางยืนยันเรื่องนี้ได้
ความจริงที่อ้างอิงได้จากหนึ่งคำพูด
นับตั้งแต่อดีตที่ผ่านมารวมถึงในโลกเก่าของเขา มีคำพูดหนึ่งที่ทุกคนรู้กันดี
นั่นคือ ผู้ชมนั้นย่อมรู้ดีกว่าผู้ที่เล่นเกมเอง
ก่อนหน้านี้ ฟาง เจิ้งจือ เข้าใจแบบนี้ อย่างไรก็ตามเมื่อเห็นนักปราชญ์สองคนปรากฎตัวออกมา พร้อมกับท่าทีที่ราวกับตัวเองเป็นผู้พิทักษ์ความถูกต้อง
เขาก็เข้าใจอีกคำพูดหนึ่งขึ้นมาทันที…
นั่นคือภายในสถานการณ์พิเศษ มีแต่เพียงผู้เล่นที่แท้จริงเท่านั้น ถึงจะเข้าใจสิ่งต่างๆในเกมได้ดีที่สุด!
นักปราชญ์ทั้งสองคนด้านหน้าเขานั้นไม่นึกถึงตัวเองและพยายามทำสิ่งที่ถูกต้องในสถานการณ์เช่นนี้ จะเป็นแบบนั้นงั้นรึ? คนอื่นอาจจะไม่มั่นใจมากนัก อย่างไรก็ตาม ฟาง เจิ้งจือ นั้นมั่นใจเลยว่ามันเป็นไปไม่ได้!
“ภายในดาบเล่มหนึ่ง กลับมีดาบอีกเล่มซ่อนอยู่!” เมื่อ ฟาง เจิ้งจือ เห็นนักปราชญ์ทั้งสองคนพุ่งผ่านปีศาจทั้งสี่มา เขาก็นึกถึงความเป็นไปได้นี้แล้ว
อะไรคือความหมายของการลอบโจมตี?
มันต้องเป็นสิ่งที่ไม่มีทางป้องกันได้!
ฟาง เจิ้งจือ นั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญในการลอบโจมตี ดังนั้นเขารู้ดีว่าการโจมตีแบบไหนที่จะป้องกันไม่ได้ ก่อนหน้านี้ที่เขาเจอ ไป่ ซิง ในกลืนกินโลก
เขารู้ในทันที่ว่า ไป่ ซิง ไม่มีทางโง่
แน่นอน…
มีอีกคนหนึ่งที่ไม่มีทางโง่เง่าแน่นอน นั่นคือ หยุน ชิงวู
ดังนั้นการที่นางจะเสียเวลาในการวางแผนลอบโจมตี มันจะเป็นแค่การลอบโจมตีพื้นๆได้ยังไงกัน
มันจึงออกมาเป็นแผนซ้อนแผน ลอบโจมตีภายใต้การลอบโจมตี
มันเป็นการโจมตีที่หวังให้เขาตายอย่างแท้จริง
ฟาง เจิ้งจือ รู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี ดังนั้นตอนนี้เขาจึงมองอย่างดูถูกไปยังคนพยายามที่จะแสดงความสามารถในการลอบโจมตีออกมา แต่เทียบชั้นกับตัวเขาไม่ได้แม้แต่น้อย
ในเมื่อพวกเจ้าอยากจะแผนซ้อนแผนขนาดนี้ ข้าก็เลยสนองความต้องการของเจ้าซะ
ตั้งแตกที่นักปราชญ์ทั้งสองคนพุ่งผ่านสี่ปีศาจมา ฟาง เจิ้งจือ ก็ได้จับดาบรอไว้แล้ว
มีคำอยู่คำพูดหนึ่ง
อย่าหันหลังให้กับศัตรู
เพราะมันเป็นการกระทำที่โง่มาก!
“เจ้ารู้ตั้งแต่พวกเราวิ่งออกมา? ทำไม…ทำไมกัน?! พวกเราอยากจะรู้เหตุผล!” ท่าทีของนักปราชญ์ทั้งสองเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ เสียงพวกเขาสั่นสะท้านอย่างชัดเจน
“ระวัง!“
ขณะที่ ฟาง เจิ้งจือ เตรียมจะตอบคำถามนั่นเอง
เสียงเตือนก็ดังขึ้นที่ข้างหูเขาทันที เขารู้สึกคุ้นเคยกับเสียงนี้มาก ถ้าเขาเดาไม่ผิดน่าจะเป็นเสียงของ เถิง ซือเซิง
อย่างไรก็ตาม เถิง ซือเซิง ให้ระวังอะไรกัน?
ฟาง เจิ้งจือ ไม่สามารถเข้าใจได้ทันที อย่างไรก็ตาม เขาก็ถอยหลังกลับมา ขณะที่เขาถอยหลังกลับมานั้นเองเขาเห็นดาบสองเล่ม
มั่นแทงตรงมายังคอของเขา
แน่นอนว่ามันมาจากมือของนักปราชญ์ทั้งสองคน อย่างไรก็ตามเพราะระยะที่อยู่ใกล้จนเกินไปทำให้ ฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้เห็นดาบที่นักปราชญ์ทั้งสองคนถืออยู่ในมุมอับสายตา
เหงื่ออันเย็นเยียบของ ฟาง เจิ้งจือ ถึงกับไหลออกมา
หลังของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ เขามองเห็นตัวตนที่แท้จริงของสองนักปราชญ์
อย่างไรก็ตาม …
ฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้เห็นความมุ่งมั่นของพวกเขา
มันไม่ได้เกี่ยวกับการตัดสินใจของ ฟาง เจิ้งจือ แต่มันเป็นเพราะความคิด ฟาง เจิ้งจือ เป็นคนที่กลัวความเจ็บปวดและความตาย ดังนั้นเมื่อเขาเจอปัญหาเขาจึงพยายามหลีกเลี่ยง
ในทางตรงกันข้าม นักปราชญ์ทั้งสองเห็นประโยชน์จากจุดนี้
มันเป็นความตั้งใจของพวกเขา
นับตั้งแต่เริ่มต้น พวกปีศาจได้วางแผนเพื่อการโจมตีครั้งสุดท้ายนี้
หรืออีกความหมายหนึ่ง พวกเขาต้องการให้ ฟาง เจิ้งจือ เข้าใจว่าตัวเองรู้ทุกอย่างหมดแล้ว ถ้าใครคิดแบบนั้นขึ้นมา
มันจะเป็นช่วงเวลาที่เขาจะลดการระวังตัวเองลง
ในความเป็นจริง…
ช่วงเวลานี้เป็นเวลาที่ปีศาจรอคอย การโจมตีถึงตายอย่างแท้จริง พวกเขามั่นใจในการโจมตีระยะประชิดนี้มากว่า ฟาง เจิ้งจือ ไม่มีทางรอดไปได้
มันอันตรายมาก ความอันตรายนี้สามารถมาทำให้ ฟาง เจิ้งจือ ไปพบยมฑูตแห่งความตายได้เลย ถ้าไม่ใช่เพราะ เถิง ซือเซิง เองก็อยู่ใกล้ ฟาง เจิ้งจือ และกล่าวเตือนเขาได้ทันเวลา
ก่อนหน้านี้เขากำลังยินดีอย่างแท้จริงที่อ่านแผนของพวกปีศาจออก แต่…!
เผ่าพันธุ์ปีศาจ!
หยุน ชิงวู!
ในตอนนี้ ฟาง เจิ้งจือ เข้าใจแล้วว่าเผ่าพันธ์ุปิศาจเป็นยังไง หยุน ชิงวู นั้นร้ายกาจ แค่ไหน และเขาก็เข้าใจแล้วว่าตัวเองโชคดีแค่ไหนที่รอดมาได้จากกลืนกินโลก
“ฟาง เจิ้งจือ หัวหน้าดินแดน ไป่ ซิง ฝากข้อความประโยคหนึ่งมาให้เจ้า มดตัวน้อยจะสามารถสู้กับสัตว์ยักษ์บนฟ้าได้ยังไง? เจ้าเป็นคนฉลาด เจ้าคงสามารถเข้าใจในความหมายของมันดี!”การโจมตีของนักปราชญ์ 2 คนพลาดไป
นั้นเป็นสาเหตุที่ทำให้ความผิดหวังเกิดขึ้นในสายตาของพวกเขา
อย่างไรก็ตามหลังจากที่ทำพลาดแล้ว นักปราชญ์ทั้งสองก็ไม่ได้เผยรูปลักษณ์ที่แท้จริง พวกเขากลับยืนอยู่เฉยๆ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
พวกเขานิ่งสงบ และเต็มไปด้วยความเยือกเย็นต่อให้ยืนอยู่ท่ามกลางทหารนับหมื่นก็ตาม
การลอบสังหารของพวกเขาล้มเหลว
นักปราชญ์ทั้งสองไม่คิดจะโจมตีอีกต่อไป เพราะพวกเขารู้อย่างชัดเจนว่าการลอบสังหารของพวกเขาพลาด มันพลาดจริงๆ
“ถอนตัว!” นักปราชญ์ทั้งสองหันกลับไปมองปีศาจทั้งสี่ตน
ในเวลาเดียวกันแผลบนอกของพวกเขาก็เริ่มฟื้นตัวอย่างช้าๆ แม้จะมีเลือดไหลออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน พวกเขาก็ไม่คิดจะสนใจแม้แต่น้อย พวกเขาไม่แม้แต่จะหันไปดูเป็นครั้งที่สองด้วยซ้ำ
“รับทราบ!“เมื่อปิศาจทั้ง 4 ได้ยินคำพูดของนักปราชญ์ทั้งสอง พวกเขาก็โค้งตัวคำนับและแยกย้ายกันไปคนละทิศทางภายในหุบเขาสายลมเป็นสี่ทิศทาง
นักปราชญ์ทั้งสองเองก็ไม่รอช้าที่จะทำเช่นนั้น พวกเขากระโจนตัวขึ้นในทันที ใช้ร่างของหมาป่าเขาเงินเป็นฐานเพื่อกระโจนตัวออกไปให้ถึงกำแพงทั้งสองของหุบเขาสายลมอย่างรวดเร็ว
พวกเขามาถึงอย่างรวดเร็ว
และจากไปอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้สิ่งที่พวกเขาทำมันดูเป็นเอกลักษณ์และไม่มีความลังเลและไม่ใส่ใจคนอื่นแม้แต่น้อย
“จะหนีงั้นรึ? หยุดพวกเขา!“
“เร็วเข้า ยิงธนูหยุดพวกนั้นซะ!“
“อย่าปล่อยให้พวกมันหนีไปได้!“
แม่ทัพเรียกสติกลับมาได้ในทันที แน่นอนว่า ถ้าพวกเขายังไม่เข้าใจอีก จนถึงตอนนี้พวกเขาก็คงกลายเป็นคนโง่ไปแล้วจริงๆ