เผ่าพันธุ์ปีศาจ ในบรรดานักปราชญ์ทั้ง 20 คนมีพวกปิศาจแฝงตัวอยู่ 7 คน ซึ่ง 6 คนในพวกนั้นได้เผยตัวแล้วเข้าโจมตี ฟาง เจิ้งจือ ส่วนอีกคนนั้นถูกฆ่าตายโดยวิชาล้านคมดาบของ
ฟาง เจิ้งจือ
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ทุกคนตื่นตะลึงเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้สิ่งสำคัญที่สุด ถ้านักปราชญ์ทั้ง 7 คนนี้เป็นปิศาจที่ปลอมตัวมา งั้นนักปราชญ์ทั้ง 7 คนที่เข้าร่วมการทดสอบระดับสภาตัวจริงอยู่ที่ไหน?
ไม่มีใครรู้
อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ดูเหมือนจะไม่ทำให้พวกทหารสงสัยอะไร ลูกศรสีขาวที่อยู่บนคันธนูของพวกเขาถูกยิงออกมาและกระจายไปทั่วท้องฟ้าทันที
เป้าหมายคือ ปีศาจทั้ง 6 ที่อยู่บนกำแพงทั้งสองฝั่งของหุบเขาสายลม
ในเวลาเดียวกัน เสียงที่ไพเราะของขลุ่ยหยกก็ดังขึ้นอีกครั้ง ลอยไปตามลูกธนูสีขาวนับร้อยพุ่งสู่พวกปีศาจ
ฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้สั่งให้ไล่ล่าแต่อย่างใด
ไม่ใช่เพราะเขาไม่ต้องการ แต่เป็นเพราะเขารู้อย่างชัดเจนว่าทุกคนในหมู่ปีศาจพวกนั้นต่างอยู่ในระดับอภินิหาร ถ้าหากการคาดเดาของเขาไม่ผิดพลาด แม้แต่ “นายน้อยหลี่” ที่นอนอยู่บนพื้นเองก็อยู่ในระดับอภินิหารเช่นกัน
อย่างไรก็ตามเพื่อให้แผนการที่ปีศาจวางไว้สำเร็จไปด้วยดี พวกเขาต้องการให้ ฟาง เจิ้งจือ คิดว่าทุกอย่างอยู่ในการควบคุมของเขา นายน้อยหฃี่จึงยอมรับการโจมตีจากวิชาล้านคมดาบเข้าไปตรงๆถึงสองครั้ง
หลังจากที่ได้รับาดเจ็บสาหัสจากอวัยวะส่วนต่างๆ แม้จะเป็นผู้ที่อยู่ในระดับอภินิหารแต่ก็ไม่สามารถทนพิษบาดแผลได้
ดังนั้นเหตุผลที่ ฟาง เจิ้งจือ ไม่ไล่ตามไปเป็นเรื่องง่ายนิดเดียว ด้วยพลังของเขา เขาจะสามารถเอาชนะผู้ที่อยู่ในระดับอภินิหารทั้ง 6 คนได้ยังไง?
ไล่ตาม?
ผลลัพธ์นั้นสามารถเดาได้อย่างง่ายๆ ฝ่ายปีศาจต้องยินดีที่จะสละชีพตัวเองสักหนึ่งหรือสองคนเพื่อฆ่า ฟาง เจิ้งจือ แน่นอน จากนั้นก็เอาหัวของ ฟาง เจิ้งจือ ไปเป็นเครื่องยืนยันว่าพวกเขาทำภารกิจสำเร็จแล้ว
ฟาง เจิ้งจือ ไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมเผ่าพันธุ์ปีศาจถึงต้องยอมเสียสละปีศาจที่แข็งแกร่งมีพลังอยู่ในระดับอภินหารเพื่อตัดหัวคนอย่างเขาด้วย อย่างไรก็ตามมันก็เป็นความจริงที่พวกเขาต้องการเช่นนั้น
ในเวลาเดียวกับที่ลูกศรสีขาวพุ่งออกไป หอกสีดำก็ถูกปาออกไปเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้ดูมีประโยชน์มากนัก
การเคลื่อนไหวของปีศาจทั้งหกนั้นรวดเร็วมาก กำแพงของหุบเขานั้นเต็มไปด้วยน้ำแข็งแต่เมื่อพวกเขาก้าวขึ้นไปนั้นราวกับพวกเขากำลังเดินอยู่บนพื้นเรียบๆ
แสงสีฟ้าอ่อนอยู่ที่เท้าของพวกเขาทำให้ความเร็วของพวกเขานั้นเข้าขั้นน่าเหลือเชื่อ ภายในเวลาสั้นๆพวกเขาก็ขึ้นไปถึงจุดสูงสุดของกำแพงแต่ละด้าน
“ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังจะหนีสินะ?” ฟาง เจิ้งจือ ไม่เคยรู้สึกว่าพลังนั้นสำคัญมาก เขาคิดว่าความฉลาดนั้นสำคัญกว่า
อย่างไรก็ตามในตอนนี้ต่อนหน้าปีศาจที่มีพลังอยู่ในระดับอภินิหารทั้งหก เขากลับรู้สึกว่าตัวเขาไม่สามารถทำอะไรได้ทั้งๆที่มีพลังอยู่ในมือ
เขามีทหารหมาป่าเขาเงินห้าร้อยนายและทหารจากอาณาจักรเซี่ยอีก นี่ควรจะเป็นเวลาแห่งเกียรติยศและชื่อเสียงของเขาที่สามารถพิชิตหุบเขาสายลมได้
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆคือเขาทำได้แค่ยืนดูอยู่เฉยๆดูพวกปีศาจหนีไปหลังจากที่ลอบสังหารเขาไม่สำเร็จ พูดจริงๆคือเขาค่อนข้างโอเคกับผลลัพ์ที่เกิดขึ้น
แต่ในใจ เขากลับรู้สกไม่พอใจเล็กน้อย
หรือเพราะ ฟาง เจิ้งจือ ถือดาบอยู่ในมือ แต่รู้สึกว่าตัวเองทำอะไรไม่ได้แม้แต่น้อย ทันใดนั้นแสงสีม่วงปรากฎขึ้นมาในดวงตาของ ฟาง เจิ้งจือ
ในขณะเดียวกัน ฟาง เจิ้งจือ ก็ยกดาบในมือขึ้น
ชื่อของมันคือ ดาบไร้ร่องรอบ!
อย่างไรก็ตาม ที่ปลายดาบกลับมีรอยคล้ายแผลเป็นสีม่วงอยู่ มันปล่อยจิตสังหารที่เย็นยะเยืกออกมา
“วิชาภูเขา …น้ำตก!“
ฟาง เจิ้งจือ ตะโกนออกมาก่อนจะยกดาบขึ้นไปเหนือหัว
บนท้องฟ้า ดวงจันทร์สีเงินสว่างปรากฎขึ้นมา มันส่องแสงสว่างไปทั่ว อย่างไรก็ตามด้วยเหตุผลบางอย่าง ในแสงสว่างสีเงินที่ส่องออกมามันดูเหมือนจะแฝงไว้ด้วยสีม่วงจางๆ
ก่อนที่น้ำตกจะไหลลงมาจากดวงจันทร์
จากนั้นด้วยความเร็วอันน่ากลัว มันแบ่งออกเป็นลำแสงหกลำแสง แต่ละอันนั้นเต็มไปด้วยความเยือกเย็นและบรรยากาศอันน่าหวาดกลัว มันกำลังตกใส่ปีศาจทั้งหกตนที่กำลังพยายามปีนกำแพงหุบเขาหลบหนีอยู่
ทันใดนั้น ดวงตาของเหล่าปีศาจเป็นประกายทันที
สายตาของพวกเขาหันไปมองลำแสงทั้งหก ทันใดนั้นท่าทีของพวกเขาดูเปลี่ยนไปเล็กน้อย มันเป็นท่าทีที่ซับซ้อนแต่ก็ดูเหมือนจะโล่งใจด้วยเหตุผลบางอย่าง
ตอนที่พวกเขาได้รับคำสั่งจาก ไป่ ซิง
ฆ่า ฟาง เจิ้งจือ หรือ หนานกง เฮา ด้วยทั้งหมดที่พวกเขามี แน่นอนว่าพวกเขาล้วนมีคำถามอยู่ในใจ ทำไมต้องด้วยทั้งหมดที่มี หรือถึงกับเอาชีวิตเข้าแลก
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ดูเหมือนพวกเขาจะเข้าใจแล้ว
เมื่อลำแสงทั้งหกค่อยๆตกลงมาพวกเขาก็ค่อยๆเข้าใจ
ว่าทำไมพวกเขาต้องเอาทุกอย่างเข้าแลกเพื่อสังหาร ฟาง เจิ้งจือ!
เผ่าพันธ์ุปีศาจไม่ได้กลัวคนที่แข็งแกร่ง เพราะตั้งแต่ที่พวกเขาเกิดมาก็มีดวงตาดวงหนึ่งที่สามารถใช้สื่อสารกับโลกและสวรรค์ได้
ด้วยดวงตาปีศาจพวกเขาล้วนมีพลังอันยิ่งใหญ่และความรู้อันไม่สิ้นสุด
พวกเขาล้วนภาคภูมิใจ อย่างไรก็ตามเบื้อหลังความภาคภูมิใจของพวกเขากลับมีปัญหาเรื่องการถ่ายทอดความรู้
เผ่าพันธุ์ปีศาจนั้นราวกับได้รับพรจากสรรค์ อย่างไรก็ตามการให้กำเนิดทายาทของพวกเขานั้นต่ำมาก เผ่าพันธุ์มนุษย์นั้นเก้าในสิบนั้นจะให้กำเนิดทายาทผู้สืบทอด แต่กลับกันสำหรับเผ่าพันธุ์ปีศาจนั้น
อย่างมากก็แค่หนึ่งในสิบที่จะมีทายาท
เรื่องนี้ทำให้เผ่าพันธุ์ปีศาจนั้นไม่มีความได้เปรียบในเรื่องจำนวนเหมือนมนุษย์
อย่างไรก็ตามด้วยความสามารถและพรสรรค์ของพวกเขามันก็ไม่ยากที่พวกเขาจะอยู่เหนือเผ่าพันธุ์มนุษย์
ความภาคภูมิใจของปีศาจจึงมาจากความสามารถของพวกเขา
อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขาได้พบเจอกับมนุษย์ที่มีพรสวรรค์มากยิ่งกว่า ในความคิดของพวกเขามันเป็นเรื่องที่ขัดกับธรรมชาติอย่างมาก
ตามปกติแม้แต่มนุษย์ที่อยู่ในระดับอภินิหารพวกเขายังไม่คิดจะชายตามอง
อย่างไรก็ตาม เมื่อมนุษย์ที่อยู่เพียงแค่ระดับสะท้อนสวรรค์กลับมีพลังที่เหนือกว่าระดับอภินิหาร มันต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
คนที่อายุแค่สิบห้าหรือสิบหกปีสามารถพิชิตหุบเขาสายลมที่เป็นปราการทางธรรมชาติของดินแดนภูเขาทางใต้ได้ จากนั้นด้วยสติปัญญาของเขาทำให้สามารถเอาชนะกลยุทธ์ที่วางไว้ที่ทางออกของหุบเขาแห่งสายลมได้
พวกเขาจะไม่รู้สึกตกใจได้ยังไง!
ทันใดนั้นก็มีลำแสงสีเงินส่องลงมาจากท้องฟ้า และปีศาจทั้งหกก็ยกดาบในมือขึ้นทันที ความจริงจังปรากฎบนดวงตาของพวกเขา มันแสดงให้เห็นถึงความจริงจังของพวกเขา
“ตูม ตูม ตูม… “
เสียงระเบิดทั้งหกดังก้อง หิมะและน้ำแข็งนับไม่ถ้วนจากกำแพงทั้งสองดานของหุบเขาสายลมตกลงมาจนพื้นด้านล่างสั่นสะเทือน
สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่ลำแสงทั้งหก
แม่ทัพ ทหารสี่หมื่นนาย วู่ เฟิง และ เฉิน เฟยยู่ รวมถึงหมาป่าเขาเงิน
ไม่มีใครสักคนที่มองสิ่งอื่น
ในหัวของพวกเขามีเพียงความคิดเดียว
แข็งแกร่ง!
แต่ทำไม พวกเขาถึงแข็งแกร่งได้ขนาดนี้!
พลังของ ฟาง เจิ้งจือ นั้นอยู่ในระดับสะท้อนสวรรค์ แต่มันก็เป็นความจริงที่ ฟาง เจิ้งจือ สามารถกดดันปีศาจทั้งหกได้
ถึงแม้พวกเขาจะถูกทำให้หยุดชะงักไปแค่ชั่วครู่ แต่มันก็น่าประทับใจมาก
น้ำแข็งและหิมะยังคงร่วงลงมา ร่างของปีศาจทั้งหกในระดับอภินิหารปรากฎให้เห็นอย่างชัดเจนท่ามกลางฝุ่นควันจากน้ำแข็งที่ร่วงลงมา เสื้อผ้าบนร่างของพวกเขาขาดเป็นรูมากมายทำให้สามารถมองเห็นแผลที่อยู่บนร่างของพวกเขาได้อย่างชัดเจน
ท่าทีของพวกเขาดูตกใจเป็นอย่างมาก นี่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าในการสู้แบบหนึ่งต่อหก พวกเขาถูกทำให้บาดเจ็บจาดลำแสงสีเงินที่ถูกแบ่งออกเป็นหกส่วน
“ฟาง เจิ้งจือ! ข้าจะจำไว้ ครั้งหน้าถ้าพวกเราพบกัน หวังว่าเจ้ายังมีชีวิตอยู่!” ปีศาจตนหนึ่งพูดและยกมือขึ้น หน้าการหนังมนุษย์ที่ปกปิดใบหน้าเขาอยู่ถูกถอดออกทันที เปิดเผยให้เหฌนดวงตาปีศาจที่อยู่บนใบหน้าของเขา