คำพูดของ หนานกง เฮา นั้นพูดกับ ฟาง เจิ้งจือ อย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตามเมื่อ เฉิน เฟยยู่, วู่ เฟิง และผู้เข้าสอบคนอื่นได้ยินกลับตกใจมากกว่า ฟาง เจิ้งจือ เสียอีก
“หนานกง เฮา ออกมาคนเดียว?“
“เขาจะทำอะไรกัน?“
ทุกคนต่างมองไปด้วยความไม่เชื่อ
พวกเขานึกว่าภาพของ หนานกง เฮา ที่เดินออกมาคนเดียวเป็นภาพหลอนเสียอีก เพราะมันไม่น่าจะเป็นไปได้
หนานกง เฮา โง่หรือไง?
แน่นอนว่าไม่ ดังนั้นเขาพยายามจะทำอะไรกัน?
เขาคิดจะจัดการทหารนับหมื่นด้วยตัวคนเดียว?
มันไม่มีทางเป็นไปได้ ทหารของ ฟาง เจิ้งจือ รวมกับ เหยียน ซิว นั้นมีเกือบห้าหมื่นนาย
หนานกง เฮา จะจัดการทั้งหมดด้วยตัวคนเดียวได้ยังไง
ไม่มีใครเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ส่วน ฟาง เจิ้งจือ นั้นไม่ได้คิดอะไรเลย
“จริงๆแล้ว พวกเราก็ไม่เคยสนิทกันมาก่อนนะ” ฟาง เจิ้งจือ ยิ้มก่อนจะหันไปมองแม่ทัพคนหนึ่ง
” เจ้าสนิทกับเขาไหม?”
“หา?” แม่ทัพคนนั้นตกใจเล็กน้อย เขาไม่รู้ว่าควรจะตอบออกมาว่ายังไงดี
อย่างไรก็ตามเขาก็นึกได้ว่าเขาอยู่ในกอทัพของ ฟาง เจิ้งจือ จึงกัดฟันตอบออกไปทันที
“ไม่!“
“มีเรื่องเล่าอยู่ว่าไม่มีวิธีไหนที่ทำให้มิตรภาพแน่นแฟ้นไปว่าการประลองกัน ดังนั้นในเมื่อพวกเรายังไม่คุ้นเคยกันดี งั้นข้าควรสั่งยิงธนูสักหน่อยเพื่อให้พวกเราคุ้นเคยกันมากขึ้น” ฟาง เจิ้งจือ พยักหน้าด้วยความพอใจ
“ยิงธนู?” แม่ทัพได้แต่ตกตะลึง
มันสมเหตุสมผลตรงไหนกัน?
เขาไม่คิดจะทำตามคำสั่งของ ฟาง เจิ้งจือ แต่ปากของเขากลับถ่ายทอดคำสั่งออกไปด้วยความสับสน
อะไรกัน
อยู๋ดีๆการต่อสู้จะเริ่มขึ้นเลยเนี่ยนะ?
พวกเขาไม่ได้เตรียมตัวแม้แต่น้อย ยิ่งไปกว่านั้น หนานกง เฮา ก็ออกมาจากถิ่นฐานวานรน้ำแข็งคนเดียว ฟาง เจิ้งจือ ไม่สนใจในจุดประสงค์ของ หนานกง เฮา หน่อยหรือ?
เขาไม่เข้าใจจริงๆ
แต่เขายังคงทำตามคำสั่ง!
“พลธนูพร้อม!“
“ยิงได้!“
เสียงของเขาดังขึ้น ขณะที่ลูกศรนับร้อยพุ่งออกไปในอากาศ ตรงไปยัง หนานกง เฮา
สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เหล่าแม่ทัพและผู้เข้าสอบทุกคนตกตะลึง
มีใครทำแบบนี้กัน? ! หนานกง เฮา ทักทาย ฟาง เจิ้งจือ แต่ เฟิง เจิ้งจือ กลับสั่งให้โจมตี
ใครกันจะกล้าทำแบบนี้?
นอกจากนี้ฝ่ายตรงข้ามของเขาคือ หนานกง เฮา!
ฟาง เจิ้งจือ ไม่เกรงกลัวเลยงั้นรึ?
…
แน่นอนว่า ฟาง เจิ้งจือ ไม่กลัว
เขาไม่แม้แต่จะอธิบายความคิดของเขาให้คนรอบข้างฟังด้วยซ้ำ ทั้งๆที่การกระทำของเขาไม่ใช่เรื่องง่ายที่คนอื่นจะเข้าใจ
เขามีอยู่สองเหตุผลที่ทำเช่นนี้ อย่างแรก เขาไม่เชื่อว่า หนานกง เฮา มาคนเดียว
ฟาง เจิ้งจือ มีทหารหลายหมื่นนาย!
ถ้า หนานกง เฮา ยังไม่รู้ตัว เขาจะเตือน หนานกง เฮา ด้วยลูกศรเอง
นั่นเป็นเหตุผลแรก อีกเหตุผลคือเขาต้องการยั่ว หนานกง เฮา
ฟาง เจิ้งจือ ขี้เกียจเดาว่าจุดประสงค์ของ หนานกง เฮา คืออะไร เขาจึงคิดจะยั่วยุให้ หนานกง เฮา เปิดเผยมันออกมาเอง
“… “
ลูกศรจำนวนมากปักอยู่บนพื้นดินด้านหน้าที่ หนานกง เฮา ยืนอยู่
แต่ หนานกง เฮา กลับไม่เคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย
เขายืนมอง ฟาง เจิ้งจือ เงียบๆ รอบๆกายของเขามีหมอกสีขาวล้อมรอบ
เมื่อลูกศรกระทบเข้ากลับหมอกสีขาว มันก็ถูกทำให้เปลี่ยนเส้นทางด้วยบางอย่างที่มองไม่เห็นทันที
จริงๆแล้ว ดูเหมือนว่ามันจะลื่นออกมาจากหมกมากกว่า
“วิชามังกรรบ ของตระกูลหนานกง นั้นมีพื้นฐานมาจากน้ำแข็ง?” ฟาง เจิ้งจือ คิดกับตัวเอง
ตอนที่เขาพบ หนานกง มู่ วิชาที่เขาใช้ก็มีพื้นฐานมาจากน้ำแข็งเช่นกัน
แต่ ฟาง เจิ้งจือ ไม่เคยเห็นวิชารบมังกรมาก่อน เขาจึงไม่รู้ว่ามันทำงานอย่างไร จึงทำเพียงได้แค่คาดเดาเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ไม่มีอะไรมายืนยันสิ่งที่เขาคิดเอาไว้ วิชารบมังกรนั้นเป็นหนึ่งในวิชาที่ยอดเยี่ยมที่สุดของตระกูลหนานกง แน่นอนว่ามันไม่มีทางเป็นเพียงวิชาง่ายๆ
“วิชารบมังกรไม่ใช่มาจากน้ำแข็งทั้งหมด” เหยียน ซิว พึมพำ
“ไม่ใช่น้ำแข็งทั้งหมด? แล้ว … มีอะไรอีกหรือ?” ฟาง เจิ้งจือ คิดว่า เหยียน ซิว จะอธิบายต่อไป แต่เขากลับไม่ได้พูดอะไรออกมา
“มีแนวคิดสองอย่าง หนึ่งกล่าวไว้ว่าวิชารบมังกรไม่ใช่ทุกสิ่ง อีกอย่างกล่าวว่าวิชารบมังกรคือทุกสิ่ง” เหยียน ซิว ตอบ
“ไม่ใช่ทุกสิ่ง? เป็นทุกสิ่ง?” ฟาง เจิ้งจือ ไม่สามารถเข้าใจได้
“พูดง่ายๆคือวิชารบมังกรนั้นไม่ได้มีพื้นฐานจากธาตุใดๆ มันเป็น มันแตกต่างจากวิชาลับเขียวฟ้าอย่างสิ้นเชิง วิชาลับเขียวฟ้าใช้สองสิ่งที่ตรงข้ามกันเพื่อเพิ่มพูนพลังให้อีกฝ่าย อย่างไรก็ตามวิชารบมังกรนั้นมีแต่ความว่างเปล่า ขีดจำกัดของมันนั้นขึ้นอยู่กับผู้ใชว่าสามารถเติมเต็มมันได้มากเท่าไร” เหยียน ซิว อธิบาย
“ว่างเปล่า? ข้าเข้าใจแล้ว!” ฟาง เจิ้งจือ เข้าใจในสิ่งที่ เหยียน ซิว พูด
ยิ่งไปกว่านั้นเขาเข้าใจว่าทำไม หนานกง เฮา ถึงเลือกเรียนวิชานี้แทนที่จะเป็นวิชาลับเขียวฟ้า
ถ้าเป็นตามที่ เหยียน ซิว บอก แนวคิดของวิชานี้ก็เรียบง่ายมาก
ถ้าทุกอย่างในจักรวาลเปรียบได้กับคำคำหนึ่ง วิชารบมังกรก็เหมือนกับผ้าขาวที่ว่างเปล่า รอให้คนเอาคำมาเติม
มันจะยากตรงไหนที่จะเขียนคำลงไปในผ้าขาว?
แน่นอนว่าไม่!
สิ่งนี้มันเรียบง่ายกว่ามากเมื่อเทียบกับวิชาลับเขียวฟ้า
ที่ต่างกันมากในวิชาลับเขียวฟ้าและวิชารบมังกรนั้นเป็นอุปสรรคในการที่จะบรรลุวิชาทั้งสองนี้ได้ วิชารบมังรนั้นง่ายที่จะบรรลุ แต่มันต้องอาศัยการฝึกฝนอย่างมากเพื่อที่จะใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในอีกด้านวิชาลับเขียวฟ้าการที่จะบรรลุได้นั้นเป็นเรื่องยากมาก อย่างไรก็ตาม ถ้าเข้าใจหลักการแล้วละก็ พวกเขาจะสามารถพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว
โดยปกติวิชาทั้งสองนั้นสามารถเทียบเท่ากันได้
อย่างไรก็ตามคนมีพรสวรรค์อย่าง หนานกง เอา มันต่างอย่างเห็นได้ชัด
วิชาลับเขียวฟ้านั้นมีข้อจำกัดอยู่ที่ธาตุ
วิชารบมังกรนั้นง่ายที่จะเรียนรู้แต่ยากที่จะเชี่ยวชาญ
อย่างไรก็ตามมันเป็นเหมือนผ้าขาว ประสิทธิภาพของมันนั้นไม่มีสิ้นสุด ถ้าพื้นฐานนั้นแน่นพอ…
มันสามารถรองรับสิ่งต่างๆที่ผู้เติมแต่งต้องการได้ทั้งหมด!
เมื่อ ฟาง เจิ้งจือ คิดถึงตรงนี้ เขาก็พอเข้าใจว่า หนานกง เฮา นั้นแข็งแกร่งขนาดไหน ทั้งยังเข้าใจอีกว่าทำไมผู้เข้าสอบถึงมีท่าทีแบบเดียวกันเมื่อเห็น หนานกง เฮา ปรากฎตัว
แม้ว่าเขาจะมาคนเดียวก็ตาม!
เมื่อ วู่ เฟิง ได้ยินที่ เหยียน ซิว พูดเขายิ่งตื่นตะลึงมากกว่า ฟาง เจิ้งจือ
ไม่เพียง แต่ วู่ เฟิง รู้ว่าวิชารบมังกรแข็งแกร่งขนาดไหน…
แต่ยังรู้ว่า หนานกง เฮา เข้าถึงหัวใจเต๋าแห่งธรรมชาติแล้วด้วย!
มันเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้วิชารบมังกรน่ากลัวกว่าเดิมอีกหลายเท่า
วิชารบมังกรสามารถรองรับทุกอย่างบนโลกนี้ได้
ส่วนหัวใจเต๋าแห่งธรรมชาตินั้นทำให้ผู้ที่ครอบครองสามารถปรับเปลี่ยนสิ่งต่างๆได้ตามต้องการ
ดังนั้นความแข็งแกร่งของ หนานกง เฮา ไม่มีขีดจำกัด เขามีความสามารถในการเรียนรู้เต๋าอะไรก็ได้ และสามารถนำมันมาใช้ได้ทุกอย่าง
วู่ เฟิง รู้เรื่องนี้ดี ดังนั้นแม้ตอนที่เขามีทหารในครอบครองสองหมื่นนาย เขาก็ไม่กล้าเหยียบมาที่ถิ่นฐานวานรน้ำแข็ง
อย่างไรก็ตาม …
วู่ เฟิง ทำแบบนั้น แต่ใช่ว่าคนอื่นจะคิดแบบนั้น
เช่น เฉิน เฟยยู่
เฉิน เฟยยู่ รู้ว่า หนานกง เฮา แข็งแกร่ง แต่ในใจของเขา ไม่ว่า หนานกง เฮา จะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่ก็อยู่แค่ระดับสะท้อนสวรรค์
จะมาเทียบกับเขาที่อยู่ในระดับอภินิหารได้ยังไง?
แน่นอน
ว่ามันไม่ง่าย เพราะ หนานกง เฮา เคยเอาชนะผู้ที่ในระดับอภินิหารมาได้
“นี่เป็นโอกาสที่ดี!” เฉิน เฟยยู่ ไม่คิดว่าตัวเองจะเอาชนะ หนานกง เฮา ได้ แต่เขาก็อยากจะลอง
โดยเฉพาะเมื่อมีทหารห้าหมื่นนายเป็นสักขีพยาน
เขาสามารถใช้ หนานกง เฮา เพื่อทำให้ความต้องการของเขาเป็นจริงได้ ชื่อของเขาต้องดังไปทั่วทั้งอาณาจักรเซี่ย ผู้คนจะต้องเคารพเขา
เฉิน เฟยยู่ ไม่มีทางทิ้งโอกาสแบบนี้ไปแน่นอน
ต่อให้รู้ว่าตัวเองจะแพ้ก็ตาม…
เขาไม่สนใจ
เขาไม่เชื่อว่าคนที่อยู่รอบๆจะตาบอดถึงขนาดไม่รู้ว่าเขาอยู่ในระดับอภินิหารแล้ว
“ฟาง เจิ้งจือ!“เฉิน เฟยยู่ ตะโกนขณะที่เขาคิดถึงเรื่องนี้
“นายน้อยเฉิน…อยากพูดอะไรงั้นหรือ?” ขณะที่ ฟาง เจิ้งจือ จะสั่งยิงธนูต่อเขาก็ได้ยินเสียง เฉิน เฟยยู่
” หนานกง เฮา มาคนเดียวเพื่อท้าทายกองทัพของพวกเรา ข้าขอให้เจ้าอนุญาติข้าต่อสู้กับเขาตัวต่อตัว!” เฉิน เฟยยู่ ตอบอย่างมั่นใจ
เขาพูดเหมือนตัวเองผ่านศึกมาแล้วมากมาย
แต่ในด้านของผู้เข้าสอบคนอื่นๆ พวกเขาไม่เข้าใจ เฉิน เฟยยู่ แม้แต่น้อยและได้แต่เกาหัวด้วยความสับสน
“เฉิน เฟยยู่ จะทำอะไร?“
“เขาต้องการจะท้าทาย หนานกง เฮา! เขาคงเบื่อที่จะมีชีวิตอยู๋แล้ว?“
“เขาคิดว่าตัวเองสามารถเอาชนะ หนานกง เฮา ได้?“
ผู้คนต่างพูดคุยกันด้วยความไม่เชื่อมั่นในตัว เฉิน เฟยยู่
วู่ เฟิง เองก็ตะลึงไปเช่นกัน เขารู้ว่า เฉิน เฟยยู่ ค่อนข้างแข็งแกร่ง แต่ไม่มีตรงไหนเทียบกับ หนานกง เฮา ได้
การไปท้าทาย หนานกง เฮา เหมือนกับหาเรื่องให้ตัวเองอับอาย
นี่เป็นความคิดเดียวกับที่ทุกคนคิดตอนนี้
อย่างไรก็ตาม ฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้คิดแบบนั้น
เขาเป็นคนเดียวที่รู้ว่า เฉิน เฟยยู่ คิดอะไร เขารู้ความจริงว่า เฉิน เฟยยู่ อยู่ในระดับอภินิหารแล้ว เขาจึงไม่แปลกใจตอนที่ เฉิน เฟยยู่ ป้องกันวิชาล้านคมดาบไว้ได้
“เห้อ อยากอวดจริงๆเลย?” ฟาง เจิ้งจือ คิดกับตัวเอง
แต่มันก็จะโหดร้ายเกินไป ถ้า ฟาง เจิ้งจือ ไม่ให้เขาแสดงความสามารถที่มีเลย
ฟาง เจิ้งจือ จึงคิดจะปล่อยให้ เฉิน เฟยยู่ ทำตามที่ต้องการ
“เอาล่ะในเมื่อนายน้อยเฉิน กระตือรืนร้นขนาดนี้ ข้าก็ไม่อยากขัดขวาง เชิญเจ้าตามสบาย ระวังตัวด้วย! Prev Next