ฟาง เจิ้งจือ รู้สึกแบบนี้มาก่อน นั่นคือตอนที่ต่อสู้กับ ลู่ ยู่เฉิง ที่กองตรวจการศักดิ์สิทธิ์
ในตอนนั้น ลู่ ยู่เฉิง อยู่ในระดับสะท้อนสวรรค์ เขาตามล่า ฟาง เจิ้งจือ และ เหยียน ซิว ในหอสมบัติสวรรรค์
จากนั้น ฟาง เจิ้งจือ ก็ได้เข้าถึงพลังระดับสะท้อนสวรรค์ในเวลาต่อมา ทั้งสองคนได้ต่อสู้กันในหอสมบัติสวรรค์
แม้ว่า ฟาง เจิ้งจือ ดูเหมือนจะมีท่าทีตกใจ แต่ความจริงเขาควบคุมเต๋าแห่งการสรรค์สร้างได้ดีกว่าเพราะแบบนั้นเขาจึงสามารถควบคุมเขตแดนน้ำแข็งของ ลู่ ยู่เฉิง ได้
ในตอนนี้บทบาทสลับกัน แต่ก็ยังคงความเหมือนไว้อยู่
แน่นอนว่า เพื่อที่จะทำมัน จะต้องทำตามเงื่อนไขสองอย่าง อย่างแรกคือภายในมิติพิเศษต้องมีเต๋าที่เหมือนกันอยู่อย่างที่สองคือต้องควบคุมมันได้ดีกว่าฝ่ายตรงข้าม
หนานกง เฮา อยู่ในระดับอภินิหารขั้นสูง ฉะนั้นเขาต้องควบคุมเต๋าแห่งการสวรรค์ได้ดีกว่า ฟาง เจิ้งจือ นอกจากนี้วิชารบมังกรที่เป็กเอกลักษณ์นั่นยังช่วยให้เขาผสานวิชาดาบเข้ากับเต๋าได้มากมายอีกด้วย
ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องยากที่ หนานกง เฮา จะทำแบบนี้
หนานกง เฮา อาจจะทำได้ง่ายๆ แต่ ฟาง เจิ้งจือ ต้องใช้ความพยายาม
สำหรับ ฟาง เจิ้งจือ เขารู้สึกว่าถ้าวิชาดาบไม่เป็นของเขาอีกต่อไป อะไรที่เป็นของเขา ไม่ใช่ของเขาอีกต่อไป แล้วเขาจะต่อสู้ได้ยังไง?
ฟาง เจิ้งจือ รู้ว่า หนานกง เฮา นั้นแข็งแกร่ง แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่า หนานกง เฮา จะแข็งแกร่งขนาดนี้
ขโมยเต๋าของคนอื่น?
ความคิดนี้ติดอยู่ในใจของ ฟาง เจิ้งจือ เขาพยายามคิดหาจุดอ่อนของวิชารบมังกร อย่างไรก็ตาม ประเด็นสำคัญคือเขาไม่เจอจุดอ่อน
แต่เขาทำได้แค่หลบ
ไม่มีความรุนแรงหรืออะไรที่ยิ่งใหญ่ให้เห็น อย่างไรก็ตามมันรวดเร็วราวกับสายฟ้า
หนานกง เฮา โจมตีใส่เขาตรงๆ เมื่อดาบของเขาสัมผัสกับน้ำตกจากสวรรค์ มันก็พุ่งผ่านตรงมาที่คอของ ฟาง เจิ้งจือ เลย
การโจมตีครั้งนี้ทำให้ ฟาง เจิ้งจือ ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหยุดใช้วิชาแล้วถอยหนีออกมา
“แคร้ง!“เสียงของดาบปะทะกันดังขึ้น
เสียงได้ดังมากนักแต่ทุกคนสามารถได้ยินชัดเจน
ดาบของ หนานกง เฮา กลับไปอยู่ในตำแหน่งเดิม ปลายของมันยังคงชี้มาที่ ฟาง เจิ้งจือ มันส่องแสงสีทองออกมาเล็กน้อย
“ยินดีด้วย เจ้าสามารถป้องกันการโจมตีของข้าได้!” น้ำเสียงของ หนานกง เฮา กลับไปสงบดังเดิม
หนานกง เฮา ที่กใจกับ ฟาง เจิ้งจือ ที่มีถึง 388 เต๋าได้หายไปแล้ว
การโจมตีครั้งนี้ได้ทำให้ความสงบของเขากลับคืนมา
มันเป็นความงดงามในวิชาของเขา
“ฟาง เจิ้งจือ ป้องกันการโจมตีได้!?“
“การต่อสู้ครั้งนี้น่าสนใจกว่าที่ข้าคิดไว้”
“ข้าสงสัยจริงๆว่า ฟาง เจิ้งจือ จะทนไปได้สักเท่าไร ถ้า หนานกง เฮา ลดระดับพลังตัวเองลงเขายังมีโอกาสชนะแท้ๆ!”
“อืมแค่ระดับทะส้อนสวรรค์สามารถป้องกันการโจมตีของระดับอภินิหารได้ก็น่าประทับใจมากแล้ว“
ทุกคนมองไปยัง ฟาง เจิ้งจือ ด้วยความสับสน พวกเขาเคยมองข้าม ฟาง เจิ้งจือ แต่ตอนนี้เขาเหมือนเป็นดาวที่กำลังเปล่งประกาย
แต่ยังไงก็ตาม…
หนานกง เฮา แข็งแกร่งเกินไป
หนานกง เฮา นั้นมีระดับพลังที่เหนือกว่า ฟาง เจิ้งจือ ไม่ว่า ฟาง เจิ้งจือ จะพยายามเท่าไรก็ไม่มีทางเอาชนะ หนานกง เฮา ได้
ความจริงที่เขาสามารถป้องกันการโจมตีได้…
ก็อาจจะนับได้ว่าเป็นชัยชนะแล้ว
ผู้เข้าสอบทุกคนคิดแบบเดียวกัน อย่างไรก็ตามเป็น เฉิน เฟยยู่ ที่เศร้าใจกับเรื่องที่น้ำที่สุด เขาอยู่ในระดับอภินิหารเหมือนกันแต่ไม่สามารถป้องกันได้
เหยียน ซิว ไม่ได้ตกใจมาก เขารู้ว่า ฟาง เจิ้งจือ ต้องสามารถป้องกันการโจมตีของ หนานกง เฮา ได้ เขาไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องยากจนเกินไป
เหยียน ซิว เห็นบางอย่างที่คนอื่นไม่เห็น มือที่จับดาบอยู่ของ ฟาง เจิ้งจือ
ตอนนี้…
มันสั่นสะท้านเล็กน้อย
…
ฟาง เจิ้งจือ คิดหลายวิธีเพื่อป้องกันการโจมตีของ หนานกง เฮา เขาต้องการจะใช้เต๋าจำนวนมากที่เขามีเพื่อสร้างความได้เปรรยบ
นอกจากนี้เขาต้องการลองใช้เต๋าทีละอัน
เขาไม่เชื่อว่าวิชารบมังกรสามารถรองรับได้ทุกอย่าง
แต่ ฟาง เจิ้งจือ มีโอกาสไหม?
ไม่
เขาถูกบังคับให้ต้องใช้วิธีธรรมดาที่สุด ไม่ได้ใช้เต๋า แต่เป็นพลังของเขา
ที่ทำให้สามารถป้องกันการโจมตีของ หนานกง เฮา ได้
อย่างไรก็ตาม ถ้าดาบของ ฟาง เจิ้งจือ ไม่มีเต๋าอยู่เลยจะสู้กับ หนานกง เฮา ได้ยังไง นี่เป็นสิ่งที่ เหยียน ซิว คิด
ในขณะที่ดาบปะทะกัน คลื่นพลังอันรุนแรงก็พุ่งไปทาง ฟาง เจิ้งจือ เช่นกัน
ถ้าไม่ใช่ว่าดาบในมือของ ฟาง เจิ้งจือ เป็นไร้ร่องรอย…
เขาคงไม่สามารถทนรับพลังที่รุนแรงนั้นได้
“เทพเซียนสงคราม เมิ่ง เทียน เป็นวีรบุรษของอาณาจักรเซี่ย ดาบของเขาผ่าเมืองเงาเลือดของปีศาจออกเป็นสองส่วน รอยนั้นยังมีอยู่จนทุกวันนี้ ดาบของเขาเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดของจักรพรรดิปีศาจ ดาบของเขานั้นเป็นดาบที่ดีอย่างแท้จริง” ตาของ หนานกง เฮา เป็นประกายขณะมองไปที่ดาบในมือ ฟาง เจิ้งจือ ชายเสื้อของเขาพัดไปตามสายลม
ฟาง เจิ้งจือ รู้สิ่งที่ หนานกง เฮา พูดดี
หนานกง เฮา รู้ว่าเขาป้องกันการโจมตีได้เพราะดาบที่ดี นอกจากนี้เขารู้ว่าการโจมตีครั้งต่อไปของ หนานกง เฮา คงไม่ง่ายที่จะป้องกัน
ความแตกต่างระหว่างของระดับพลังนั้นสำคัญหรือไม่?
รวมถึงวิชารบมังกร!
เขาจะหาจุดอ่อนของมันเจอได้ยังไง?
วิชาที่ช่วงชิงเต๋าของคนอื่นได้เป็นเรื่องยากที่จะทำลาย! เขาสามารถขโมยทุกอย่างในมือของคนอื่นได้ เขาจะแพ้ได้ยังไง?
แต่ หนานกง เฮา ได้แพ้ให้คนคนหนึ่งก่อนหน้านี้
ฉือ กูเหยียน
ฟาง เจิ้งจือ รู้เรื่องนี้ แต่เขาไม่รู้ว่านางสามารถเอาชนะวิชาดาบของ หนานกง เฮา ได้ยังไง!
ใช้วิชาล้านคมดาบ?
มันเป็นวิชาเดียวที่เขาได้เห็นมาจาก ฉือ กูเหยียน ตอนนี้มันดูเหมือนเป็นความหวังเดียวของเขา
อย่างไรก็ตามมันสามารถทำลายวิชารบมังกรได้หรือไม่?
ฟาง เจิ้งจือ คิดว่ามันเป็นไปได้ยาก
แต่ ฉือ กูเหยียน จะเอาชนะ หนานกง เฮา ได้ยังไงกัน?
เขาพยายามนึกถึงตอนที่ได้พูดคุยกับ ฉือ กูเหยียน ที่หมู่บ้านภูเขาทางเหนือ ตอนนั้นนางทำให้เขาเข้าใจอะไรมากขึ้นรวมถึงทำข้อตกลงกับเขา
นางต้องการให้เขาเข้าร่วมการทดสอบระดับสภา
นั่นหมายความว่า นางรู้ว่าการต่อสู้ครั้งนี้ต้องเกิดขึ้น
แต่ทำไมนางถึงไม่เห็นพูดอะไรเกี่ยวกับวิชารบมังกรเลย? นางจะคิดว่าเขาไม่มีโอกาสเอาชนะ หนานกง เฮา ไหม? หรือว่านางบอกอะไรกับข้าแต่ไม่ได้สังเกตุ
ฟาง เจิ้งจือ ยังคงพยายามนึก อย่างไรก็ตามเขานึกไม่ออกแม้แต่น้อย
ได้ งั้น…
ฉือ กูเหยียน ต้องคิดว่าเขาไม่สามารถเอาชนะ หนานกง เฮา ได้
ฟาง เจิ้งจือ รู้สึกโกรธขึ้นมาทันทีเมื่อนึกถึงตรงนี้ มือที่สั่นสะท้านของเขากลับมามั่นคงและจับดาบแน่นกว่าเดิม
สิ่งที่เขาไม่ได้รู้เลย คือรอยเลือดทีปลายดาบได้เปลีย่นไป
มันเริ่มเคลื่อนไหว
ฟาง เจิ้งจือ ไม่คิดอะไรอีกต่อไป จากเต๋าและความรู้ที่เขามีไม่สามารถหาทางเอาชนะวิชารบมังกรของ หนานกง เฮา ได้
ถ้าเป็นในกรณีนี้
ตัวเลือกของเขาก็ง่ายๆ
แค่ทำมัน!
ทำไปอย่างไม่ใส่ใจ!
ฟาง เจิ้งจือ เคลื่อนไหว เขาไม่รอให้ หนานกง เฮา โจมตีอีกครั้ง เขาเลือกที่จะเคลื่อนไหวก่อน เขาไม่คิดจะให้ หนานกง เฮา กุมความได้เปรียบเอาไว้คนเดียว
มันไม่สำคัญว่าเขาจะชนะหรือไม่ แต่เขาไม่ยอมแพ้!
ฟาง เจิ้งจือ ตรงไปยัง หนานกง เฮา
ผู้เข้าสอบทุกคนล้วนตกใจเมื่อเห็นสิ่งที่ ฟาง เจิ้งจือ ทำ ทำไมเขาไม่ใช้เวลานี้เพื่อเตรียมการป้องกันล่ะ?
หรือเขายอมแพ้แล้ว?
ดวงตาของ หนานกง เฮา เคลื่อนไหว เขารู้ว่า ฟาง เจิ้งจือ ป้องกันการโจมตีก่อนหน้านี้ด้วยความติดขัด แต่ตอนนี้ ฟาง เจิ้งจือ กลับเลือกที่จะโจมตี?
“ไม่เลว!” หนานกง เฮา โบกดาบในมือ
เขารู้ว่า ฟาง เจิ้งจือ ยินดีที่จะแพ้ แต่เขาก็จะพยายามต่อไป หรือพูดได้ว่ามันเป็นจุดยืนของ ฟาง เจิ้งจือ
หนานกง เฮา รู้ว่าการต่อสู้กับ ฟาง เจิ้งจือ นั้นคงไม่นานมากนัก
สามรอบ!
นั่นคือขีด จำกัด ที่เขากำหนดไว้สำหรับตัวเอง
ตอนแรกที่ได้ยินว่า ฟาง เจิ้งจือ มีเต๋าจำนวนมากอยู่ เขาต้องการเพิ่มข้อจำกัดออกไป เขาต้องการจะลดระดับพลังเพื่อจะดูว่า ฟาง เจิ้งจือ แข็งแกร่งแค่ไหน
แต่ ฟาง เจิ้งจือ ได้ปฎิเสธ
เช่นนั้น เขาก็เคารพการตัดสินใจของ ฟาง เจิ้งจือ
เขาตัดสินใจที่จะจบการต่อสู้นี้ให้เร็วขึ้น หนานกง เฮา ไม่คิดจะสนใจกับคำถามที่ค้างคาในใจอีกต่อไป
กาต่อสู้ครั้งนี้ไม่ได้สำคัญกับเขามากมายนัก
หนานกง เฮา รู้ว่าโอกาสยังมีอยู่ เมื่อ ฟาง เจิ้งจือ สามารถเข้าสู้ระดับอภินิหารได้ เขาค่อยลองทดสอบอีกที
แน่นอนว่ามันขึ้นอยู่กับตัว ฟาง เจิ้งจือ ว่าสามารถเข้าสู่ระดับอภินิหารได้หรือเปล่า เงื่อนไขอีกข้อคือเขาไม่ได้บรรลุเข้าสู่ระดับจุติ
388 เต๋า?
มันเป็นดาบสองคม!
ฟาง เจิ้งจือ ยอดเยี่ยมที่สุดในระดับพลังตอนนี้ อย่างไรก็ตามมันกลับยากขึ้นเป็นหลายเท่าที่จะเข้าสู่ระดับพลังขึ้นต่อไป
เหตุผลง่ายๆ ยิ่งมีเต๋ามากเท่าไรก็ยิ่งสามารถฝึกให้เชี่ยวชาญได้มากเท่านั้น ใครที่สนใจเพียงอย่างเดียวก็ย่อมก้าวหน้าได้ไวกว่า
หนานกง เฮา ไม่คิดจะดึงเวลาอีกต่อไป เขายังคงมีภารกิจที่ต้องทำให้สงครามระหว่างอาณาจักรเซี่ยและดินแดนภูเขาทางใต้อีก
ดาบของ หนานกง เฮา แยกออกเป็นสี่
สี่ดาบ สี่คน
เมื่อดาบแยกตัวออก ร่างของ หนานกง เฮา ก็เช่นกัน ชายเสื้อของเขาโบกไปตามสายลม
ดาบทั้งสี่พุ่งไปทาง ฟาง เจิ้งจือ จากสี่ทิศทางที่ต่างกัน
…
ฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้ตกใจกับการแยกร่างของ หนานกง เฮา เขารู้จักวิชามากมายที่ทำแบบนี้ได้
มันไม่ใช่ภาพฉายสามมิติหรือภาพสะท้อน
บางวิชาสามารถสร้างร่างที่เกิดจาการสะท้อนของแสงได้ถึงสามร่าง แน่นอนว่า ฟาง เจิ้งจือ ไม่แข็งแกร่งพอที่จะทำเองได้