ถ้าข้าไม่สามารถกันการโจมตีของเจ้าได้ งั้นข้าจะให้เจ้ากันข้าแทน
การโจมตีคือการป้องกันที่ดีที่สุด นี่เป็นหลักความคิดของกองตรวจการความมั่นคงและ ฟาง เจิ้งจือ เข้าใจมันเป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ยังไม่เพียงพอให้เอาชนะ หนานกง เฮา ได้
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของวิชาให้ถึงขีดสุด เขาต้องโจมตีให้โดนถ้าเขาไม่สามารถใช้วิชาของตัวเขาได้ เขาจะโจมตีได้อย่างไรกัน?
ฟาง เจิ้งจือ เข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดี
ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะปรับเปลี่ยนแนวคิดนี้เล็กน้อย
มีเพียงหนทางเดียวที่คนอ่อนแออาจจะได้รับชัยชนะ เขาต้องทำให้วิชาของเขาซับซ้อนจนไม่สามารถคาดเดาได้
ในการต่อสู้ระหว่างคนสองคนที่แตกต่างกัน คนที่อ่อนแอจะใช้วิชาที่ดีที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ และคนที่แข็งแกร่งที่สามารถใช้วิชาต่างๆได้อย่างง่ายได้อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์จะเหมือนกันอยู่เสมอ
ผู้คนจะยกย่องคนที่สามารถใช้วิชาสามัญธรรมดาให้ทรงพลังได้ สุดท้ายพวกเขาก็จะได้รับการชื่นชมว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญ
“ไม่ว่าวิชาของเจ้าจะดีเยี่ยมแค่ไหน ข้าจะสามารถหาจุดอ่อนมันจนเจอ ถ้าเจ้าต้องการเป็นผู้เชี่ยวชาญจริงๆ เจ้าต้องรู้จักปรับใช้วิชาเหล่านั้นให้ดีขึ้น!”
มันเป็นหลักการาทางธุรกิจที่ ฟาง เจิ้งจือ นำมาปรับใช้
พวกเขาจะพยายามคิดให้นอกกรอบ!
แน่นอนว่า ฟาง เจิ้งจือ ไม่สามารถจะทำถึงขนาดนั้นได้ นับตั้งแต่เขาออกจาหมู่บ้านภูเขาทางเหนือ เขาก็ไม่เคยโชคดีพอที่จะชนะการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ในกระบวนท่าเดียว
นั่นคือสิ่งที่แทบจะเป็นไปไม่ได้
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้
ฟาง เจิ้งจือ คิดว่าแนวคิดเหล่านี้ยากเกินไป
ฟาง เจิ้งจือ ยังไม่เข้าใจในทันที แต่เขารู้สึกได้เขารู้สึกว่าเขาสามารถจัดการอะไรบางอย่างตามเส้นทางเหล่านั้นได้
หนานกง เฮา เอาชนะได้ทุกอย่างที่เขาพยายามทำ หนานกง เฮา ทำให้วิชาของเขาไร้ประโยชน์
หรือก็คือ
ตอนนี้เขาราวกับเป็นมือสมัครเล่นที่กำลังต่อกรกับผู้เชี่ยวชาญ
ไม่ว่าจะสมบูรณ์แบบหรือซับซ้อนแค่ไหน วิชาของเขาก็ไม่สามารเอาชนะการโจมตีธรรมดาๆของฝ่ายตรงข้ามได้เลย
วิชารบมังกรจะขโมยวิชาของเขาไป!
เขาไร้หนทางอย่างชัดเจน…
มองผิวเผิน นี่ดูเหมือนจะเป็นวิชาที่ไม่สามารถเอาชนะได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อคิดอย่างละเอียดดีๆ ก็มีข้อจำกัดบางอย่างที่วิชานี้สร้างขึ้น
เขาต้องเห็นวิชานั้นก่อนเพื่อที่จะสามารถทำลายมันได้
เมื่อน้ำตกของ ฟาง เจิ้งจือ จู่โจม ใส่ ดาบของ หนานกง เฮา ก็ผสานเข้ากับมัน
ด้วยวิธีนี้ การโจมตีของ ฟาง เจิ้งจือ จึงไร้ประโยชน์ไปทันที
แต่ถ้าเกิดว่าไม่มีน้ำตก
นี่เป็นความคิดที่ค่อนข้างบ้าบิ่นและเป็นไปไม่ได้ ถ้าหากไม่มีน้ำตก ไม่มีเต๋าถ้าไม่มีเต๋าดาบจะรับพลังจากไหน?
แต่…
ถ้าเขาคิดอย่างจริงจัง ก็จะรู้ดีว่ามันไม่ได้เป็นไปไม่ได้เสมอ
น้ำตกของ ฟาง เจิ้งจือ เกิดขึ้นจากเต๋า มันถูกใช้เพิ่มพลังให้กับการโจมตีของดาบ
เต๋าเป็นสิ่งที่มาจากสวรรค์และรวมเป็นจุดเดียวก่อนจะพุ่งเข้าหาเป้าหมาย
อย่างไรก็ตามนอกจากเต๋า วิชานี้ก็ใช้พลังอย่างอื่นด้วย
นั่นก็คือ…
สายหมอกขาวที่อยู่ในมิติพิเศษของเขา
เต๋าคือรูปร่าง สายหมอกขาวคือลมปราณ เมื่อคนสองคนมีลมปราณเท่ากัน วิชาที่ใช้จะเป็นตัวตัดสินความได้เปรียบอย่างไรก็ตาม ลมปราณสามารถกลายเป็นวิชาได้ด้วย
ดังนั้นเมื่อ ฟาง เจิ้งจือ คิดเกี่ยวกับการไม่มีน้ำตก…
สิ่งที่เขาคิดนั้นหมายความว่าเขาจะทิ้งวิชาที่ซับซ้อนของเขาไป หรือพูดอีกอย่างคือเขาจะเลิกใช้พลังของเต๋า และใช้พลังของตัวเองแทน
โดยปกติวิชานี้จะไม่ประสบผลสำเร็จนัก
มันเหมือนกับคนที่พยายามดับความกระหายของผู้คนด้วยน้ำเพียงถังเดียว พวกเขาจะต้องแบ่งมันอย่างระวัง
แต่ก็ไม่มีทางยืนยันได้ว่าทุกคนจะได้รับน้ำ
แต่…
จะเกิดอะไรขึ้นถ้ามีน้ำมากเท่าทะเลสาบ?
เจ้ายังจำเป็นต้องแบ่งน้ำอีกหรือไม่? เมื่อถึงตอนนั้น เจ้าก็ได้แต่หวังว่าพวกเขาจะไม่ฆ่ากันเองจนต้องใส่ยาพิษลงไปในทะเลสาบ
ฟาง เจิ้งจือ มีหมอกขาวมากมายในมิติพิเศษของเขาหมอกขาวไม่เพียงแต่ปกคลุมทั่วท้องฟ้าในมิติพิเศษของเขา แต่ยังมีอยู่เต็มมหาสมุทรที่กว้างใหญ่
ในโลกนี้ หมอกขาวรู้กันในฐานะต้นกำเนิดของเต๋า
มันยังพอเป็นไปได้ที่เขาจะใช้พลังเท่าเดิมโดยไม่มีเต๋าอย่างไรก็ตามมันจะเผาผลาญกายของเขาเพิ่มขึ้นหลายเท่า พูดได้ว่า ฟาง เจิ้งจือ ต้องใส่ทุกสิ่งทุกอย่างที่มีในแต่ละการโจมตี
เมื่อเขาเลือกที่จะยอมแพ้ในเต๋าและเลือกใช้พลังที่แท้จริงของเขาแทน ฟาง เจิ้งจือ ค่อยๆสัมผัสถึงหมอกขาวในมิติพิเศษของเขา
…
ผู้คนที่เข้าถึงเต๋าได้มากกว่า 100 ดวงนั้นย่อมเป็นผู้ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในระดับพลังนั้น
นั่นคือสิ่งที่ถูกพิสูจน์ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม มีเพียงไม่กี่คนที่รู้ว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น
ก่อนหน้านี้ ฟาง เจิ้งจือ ไม่เข้าใจแต่ตอนนี้คำพูดของ ฉือ กูเหยียน ดังขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าในหัวของเขา
“สิ่งที่เจ้าจำเป็นต้องทำในตอนนี้คือ ใจเย็นลงและคอยๆพัฒนาเต๋าของเจ้า!“
ในตอนนั้น ฟาง เจิ้งจือ ไม่รู้เลยว่า ฉือ กูเหยียน หมายความถึงอะไร แต่ตอนนี้ เขาดูเหมือนจะเข้าใจแล้วว่าอะไรคือสิ่งที่นางพยายามจะบอก
ความได้เปรียบของเขาไม่ใช่การที่เขามีเต๋าอยู่เต็มต้นไม้
เต๋าเหล่านั้นยังไปไม่ถึงขั้นสุดท้าย จนกว่าพวกมันจะได้รับการพัฒนาอย่างถูกต้อง พวกมันจะราวกับดาบธรรมดาๆ แต่ … การฟูมฟักพวกมัน…
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นย่อมน่ากลัวอย่างมาก
นั่นคือสิ่งที่เขาพยายามอยู่ในตอนนี้
อย่างน้อยความหวังเดียวในอนาตอันใกล้ของเขา หนึ่งในเต๋าทั้งหมดจะพัฒนาอย่างเต็มที่และปลดปล่อยพลังที่แท้จริงออกมาได้
ฟาง เจิ้งจือ มองไปที่ หนานกง เฮา ที่กำลังโจมตีมาจากอีกด้าน
ครั้งนี้ ฟาง เจิ้งจือไม่ตกใจอีกต่อไป เขาไม่คิดจะเอาตัวเข้าแลกเพื่อทำลายตาข่าย
แต่เขาคิดจะทำลายตาข่าย…
ทำลายมันก่อน!
“ตูม!“
ฟาง เจิ้งจือ ปะทะกับ หนานกง เฮา ทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนอีกครั้ง มันต่างจากการปะทะก่อนหน้านี้
การปะทะครั้งนี้
เกิดเสียงดังสนั่นและทรงพลังเป็นอย่างมาก
ไม่ใช่การปะทะกันธรรมดาๆอีกต่อไป ราวกับหินขนาดใหญ่สองก้อนปะทะกัน
ทำให้เหล่าผู้เข้าสอบต้องถอยออกไป พวกเขาไม่เชื่อในสิ่งที่พวกเขาได้เห็น
พวกเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
พวกเขาเห็น หนานกง เฮา แยกร่างออกเป็นสี่ และโจมตีมาจากสี่ทิศทาง จากนั้นก็เกิดเสียงดังกึกก้อง
“พวกเขาปะทะกัน?“
“ใครชนะ?!“
ผู้เข้าสอบยอมรับว่า ฟาง เจิ้งจือ มีความสามารถ อย่างไรก็ตามการที่รับการโจมตีได้ครั้งเดียวก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว ไม่มีใครคิดว่า ฟาง เจิ้งจือ จะมีโอกาสที่สอง
เหยียน ซิว จ้องมองไปที่ตรงกลางความวุ่นวาย ขณะที่พัดในมือถูกโบกไปมา
เฉิน เฟยยู่ และ วู่ เฟิง ตกใจเป็นอย่างมากกับผลที่เกิดขึ้น
โดยเฉพาะ เฉิน เฟยยู่ เขาเป็นคนพูดเองว่าวิชาอะไรก็ตามเมื่ออยู่ต่อหน้า หนานกง เฮา นั้นไร้ผล ทำไมจึงเกิดแรงสั่นสะเทือนขนาดนี้ได้
เถิง ซือเซิง มองไปด้วยความกังวล อย่างไรก็ตามมันต่างจากของ เหยียน ซิว
จากนั้น…
ฝุ่นก็ค่อยๆร่วงลงมา
ร่างทั้งสองสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน คนหนึ่งสวมชุดสีขาว อีกคนสวมหนังสัตว์ลายเสือดาว
ชุดพวกเขาเต็มไปด้วยฝุ่นผง
ฟาง เจิ้งจือ ยิ้มออกมาจางๆ ขณะที่ดาบในมือส่องแสงสีม่วงออกมา จากนั้นเขาก็ไม่คิดจะรอให้ หนานกง เฮา โจมตีอีกต่อไป
เขาพุ่งไปข้างหน้าอีกครั้ง
แสงสีม่วงส่องแสงออกมา ขณะที่ดวงตาของ ฟาง เจิ้งจือ ก็กลายเป็นสีม่วงเช่นกัน
“เขา … พุ่งไปข้างหน้า?!“
“นั่นหมายความว่าเขาสามารถป้องกันการโจมตีของ หนานกง เฮา ได้? ไม่เพียงแต่ป้องกันได้ แต่มีพลังเหลือพอที่จะพุ่งออกไปด้วย?“
“เป็นไปได้ยังไง“
ผู้เข้าสอบทุกคนคิดว่า ฟาง เจิ้งจือ ยอมแพ้แล้ว แต่ตอนนี้พวกเขากลับพบกับเรื่องน่าหวาดกลัวและไม่น่าเชื่อ
มันเป็นผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิด
แม้แต่ตัว หนานกง เฮา เองก็ตกใจ เขาไม่เพียงตกใจที่ ฟาง เจิ้งจือ กันได้ แต่เขาตกใจที่ ฟาง เจิ้งจือ …
ยังสามารถสู้ต่อได้?!
เขารู้อย่างชัดเจนว่า ฟาง เจิ้งจือ กันการโจมตีของเขาได้ยังไง
ฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้ใช้วิชาใดๆหรือเต๋าอะไร สิ่งที่เขาทำคือโคจรพลังในมิติพิเศษออกมาใช้
พลังของเขามีมากแค่ไหนกัน?
ไม่มีใครรู้
แต่ความจริงที่เกิดขึ้นคือ ฟาง เจิ้งจือ สามารถป้องกันการโจมตีของ หนานกง เฮา ได้
จากนั้น…
ฟาง เจิ้งจือ เหวี่ยงดาบของเขาปะทะเข้ากับดาบ หนานกง เฮา แสงสีม่วงแปลกๆเรืองแสงออกมาจากปลายดาบ
พลังที่อยู่เบื้องหลังการโจมตีครั้งนี้รุนแรงเป็นอย่างมาก
“ข้าเข้าใจแล้ว!” ดวงตาของ หนานกง เฮา เป็นประกายสีทอง เมื่อเขาเห็น ฟาง เจิ้งจือ ปลดปล่อยพลังออกมา เขาก็เข้าใจได้ในทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
ดาบของ ฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้เคลื่อนไหวจากวิชาหรือเต๋าใดๆ มันเคลื่อนไหวจากพลังที่แท้จริงของ ฟาง เจิ้งจือ
ผลที่ตามมา…
วิชารบมังกรของเขาไม่สามารถควบคุมมันได้ เขาไม่สามารถควบคุมพลังที่มาจากภายในตัวของ ฟาง เจิ้งจือ ได้
หนานกง เฮา ต้องการจบการต่อสู้ครั้งนี้อย่างรวดเร็ว แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ทันการแล้ว มันจะไม่จบลงจนกว่า ฟาง เจิ้งจือ จะใช้พลังที่มีจนหมด
“ตูม!“
การปะทะกันครั้งที่สาม
รอยสีม่วงปะทะเข้ากับดาบแก้วของ หนานกง เฮา อีกครั้ง คลื่นกระแทกกระจายไปทางเหล่าผู้เข้าสอบ
จากนั้นก็การปะทะกันครั้งที่สี่ ครั้งที่ห้า และครั้งที่หก…
การปะทะกันแต่ละครั้งรุนแรงจนเศษฝุ่นผงลอยไปทั่วอากาศ มันทำให้วิสัยทัศน์ในสนามรบลดลงอย่างมาก
“… นี่มัน?!”
“เขาแข็งแกร่งขนาดนี้ได้ยังไงกัน?! เขาสามารถป้องกันการโจมตีของ หนานกง เฮา จำนวนมาได้ยังไงกัน?“