ความเป็นจริง ทุกคนต่างรู้ผลในการต่อสู้ครั้งนี้ดี
ระดับสะท้อนสวรรค์ขั้นสูงสุดสู้กับระดับอภินิหารขั้นสูงสุด
ยังมีอะไรต้องสงสัยอีก?
มันเป็นสิ่งที่ผู้เข้าสอบ รวมถึง หนานกง เฮา คิด เขาไม่ได้หยิ่งยโส แต่ความเป็นจริงคือเขาได้ใช้เวลาในการเตรียมตัวต่อสู้กับ ฟาง เจิ้งจือ เป็นเวลานานมาก
มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะมั่นใจ
หนานกง เฮา คิดว่าเขาต้องได้สู้กับ ฟาง เจิ้งจือ แน่นอน เขาย่อมเดาได้ว่า ฟาง เจิ้งจือ ไม่มีทางยอมแพ้ และพยายามใช้ทุกวิถีทาง
อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้คาดว่า ฟาง เจิ้งจือ จะสู้ได้นานขนาดนี้
“เกิดอะไรขึ้น? พลังของเขายังไม่หมดอีกหรือ?” หนานกง เฮา ตกตะลึง หลักจาdปะทะกันครั้งที่แปด
เขารู้ว่า ฟาง เจิ้งจือ กำลังทำอะไรอยู่
ต่อสู้แบบแลกชีวิต?
เขาจะทนไปได้นานแค่ไหน?
แน่นอนว่าไม่ เขาไม่มีทางทนไปได้นาน มันเหมือนกับการวิ่งมาราธอน ใครจะสามารถเร่งความเร็วได้ตลอดเวลา
แต่ ฟาง เจิ้งจือ กำลังทำแบบนั้น…
การโจมตีแต่ละครั้งเต็มไปด้วยพลังงานที่เขามี ค่าใช้จ่ายที่ต้องแลกนั้นมากแค่ไหน และยากแค่ไหนที่จะรักษาระดับพลังนี้ไว้
หนานกง เฮา รู้ดีว่ามันเหนื่อยมาก ดังนั้นเขาจึงไม่รีบ
เขารู้ว่า ฟาง เจิ้งจือ ไม่สามารถใช้พลังนี้ได้นาน เขาคิดว่า ฟาง เจิ้งจือ คงพยายามทำให้การพ่ายแพ้ของเขาไม่น่าอับอายเกินไป
หนานกง เฮา เข้าใจเรื่องนี้ได้ นอกจากนี้ ฟาง เจิ้งจือ ได้ขอต่อสู้แบบยุติธรรมและปฏิเสธข้อเสนอของเขา
นี่เป็นผลทำให้เขาต้องต่อสู้กับ ฟาง เจิ้งจือ อย่างจริงจัง
แต่…
ฟาง เจิ้งจือ สามารถทนได้นานมาก
ยิ่งไปกว่านั้น ราวกับว่า ฟาง เจิ้งจือ ยังมีพลังงานมากมายอยู่ในตัวเขา เขายังคงพุ่งเข้ามาและเหวี่ยงดาบไปมา เหมือนเขากำลังปลดปล่อยความโกรธของเขาอยู่
“อะไรกัน?” หนานกง เฮา ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เขาเคยอยู่ในระดับสะท้อนสวรรค์และรู้ว่าภายในตัวเองนั้นมีพลังงานแค่ไหน ต่อให้ ฟาง เจิ้งจือ มีมากกว่าคนปกติทั่วไป ก็ไม่มีทางมากมายได้ขนาดนี้
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ ฟาง เจิ้งจือ ทำอยู่คือการดึงพลังงานมาใช้จริงๆ
ฟาง เจิ้งจือ พยายามจะเก็บรักษาพลังงานเหล่านี้ไว้ เพราะเขาคิดว่าไม่คุ้มที่จะเสียมันไป
แต่คราวนี้ เขาพบว่ามีบางสิ่งที่สามารถเติมเต็มพลังงานเหล่านี้ได้
นั่นคือมหาสมุทรอันกว้างใหญ่
มหาสมุทรที่เต็มไปด้วยพลังงานดิบ
การเหวี่ยงดาบแต่ละครั้งล้วนใช้พลังงานที่อยู่บนท้องฟ้าในมิติพิเศษจนหมดสิ้น มันเป็นความรู้สึกที่เยี่ยมมาก
การกวัดแกว่งดาบทุกครั้งเป็นการปลดปล่อยพวกมันออกมา
ฟาง เจิ้งจือ สามารถใช้คำเดียวอธิบายสิ่งนี้ได้
เจ๋ง!
น้ำในมหาสมุทรของเขาค่อยๆระเหยขึ้นไปเติมเต็มหมอกบนท้องฟ้าในมิติพิเศษของเขา ทุกครั้งที่มันถูกใช้ไป มันจะถูกเติมเต็มโดยทันที
ฟาง เจิ้งจือ ไม่รู้ว่านานแค่ไหนน้ำในมหาสมุทรถึงจะถูกใชจนหมดไป อย่างไรก็ตาม เขารู้สึกว่าอย่างน้อยหนึ่งชั่วโมง
ถึงแม้เขาจะไม่มีวิธีเอาชนะ หนานกง เฮา การที่สามารถทนได้ถึงหนึ่งชั่วโมงก็เป็นเรื่องที่น่าชื่นชมแล้ว
ฟาง เจิ้งจือ รู้ว่าพวกเขาไม่มีทางเยาะเย้ยเด็ดขาด
สิ่งที่ ฟาง เจิ้งจือ ไม่รู้ก็คือ ขณะที่หมอกและน้ำในมหาสมุทรถูกใช้ไป ต้นไม้ในมิติพิเศษของเขาก็เกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน ใบเริ่มงอกออกมาจากกิ่งก้าน ผลไม้เริ่มมีการเปลี่ยนแปลง
ตอนแรกผิวนอกของพวกมันราบเรียบธรรมดา แต่ตอนนี้เริ่มปรากฎรูปบางอย่างบนพื้นผิว มีทั้งภูเขา แม่น้ำ ต้นไม้ หญ้า…
ผลไม้ที่มีการเปลี่ยนแปลงมากที่สุดคือผลสีม่วง
มันมีลวดลายอยู่แล้ว แต่ตอนนี้มันกลับส่องแสงออกมา
…
หนานกง เฮา ตื่นตะลึงมากเมื่อพบว่าการโจมตีของ ฟาง เจิ้งจือ แต่ละครั้งเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
ถึงแม้ว่า…
การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้ใชัดเจน
แต่เขาสัมผัสได้
“ถ้าข้าลดระดับพลังของตัวเอง ข้าจะชนะไหม?” หนานกง เฮา สงสัยตัวเองขณะต่อสู้
หนานกง เฮา ไม่เคยสงสัยในเส้นทางที่เขาเลือก เพราะเขาเลือกเส้นทางนี้หลังจากคิดอย่างถี่ถ้วนและหาข้อมูลมาแล้ว
มันเป็นเส้นทางที่สั้นที่สุด
ตอนแรกเขายอมแพ้เรื่องวิชาลับเขียวฟ้าและเลือกเรียนวิชารบมังกรแทน ไม่ใช่ว่าเขากลัวความยากของมัน
เขาเลือกโดยมีเหตุผล
วิชารบมังกรเป็นวิชาที่เหมาะสำหรับการเริ่มต้น
เขาจะเรียนวิชารบมังกรก่อน จากนั้นค่อยวิชาลับเขียวฟ้า เขาไม่เคยเปิดเผยมันให้ใครรู้
รวมทั้ง หนานกง มู่
หนานกง เฮา รู้ว่าทำไม หนานกง มู่ ถึงเลือกวิชาลับเขียวฟ้า เขาพยายามจะโน้มน้าว หนานกง มู่ แต่มันก็ไม่มีประโยชน์ เขาจึงทำได้แค่สนับสนุนสิ่งที่น้องชายเลือก
ตราบเท่าที่ หนานกง มู่ เข้าร่วมทดสอบ เขาจะไม่เข้าเด็ดขาด นอกจากนี้เขาไม่คิดจะสู้กับ หนานกง มู่
หลายครั้งที่ หนานกง เฮา สัญญากับตัวเองว่าจะทำให้ หนานกง มู่ เป็นผู้เชี่ยวชาญในวิชาลับเขียวฟ้าให้ได้หลังจากเขาสามารถสำเร็จวิชาลับเขียวฟ้าได้ เขาจะช่วยให้น้องชายของเขากลายเป็นเซียน
นี่คือ หนานกง เฮา
เขาไม่ได้ปรารถนาชื่อเสียงหรือผลประโยชน์อะไร สิ่งที่เขาต้องการคือหาวิธีบ่มเพาะพลังที่ดีที่สุด
แต่ตอนนี้ เป็นครั้งแรกที่เขาสงสัยในวิธีของเขา มันเกิดจาก ฟาง เจิ้งจือ
มันติดอยู่ในใจเขาตลอดเวลา
ผู้เข้าสอบทกคนต่างยืนนิ่ง พวกเขาพยายามคิดว่าการต่อสู้ครั้งนี้จะจบลงตอนไหน
ห้าครั้ง? หกครั้ง? แปดครั้ง?
ห้านาที?
สิบห้านาที!
…
ผ่านไปสิบห้านาทีการต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป ฟาง เจิ้งจือ ยังคงเข้าโจมตี หนานกง เฮา อย่างต่อเนื่อง
เกิดอะไรขึ้นกัน?!
พวกเขาคิดไม่ออกแม้แต่น้อย สิ่งที่พวกเขาทำได้คือแค่ยืนแข็งเป็นหุ่นไม้ทำได้แค่มองฉากที่เกิดขึ้น
…
ทหารและผู้เข้าสอบทุกคนต่างหมกมุ่นอยู่กับการดูการต่อสู้ จนลืมสังเกตุว่ามีคนยืนอยู่ที่บนหน้าผา
บริเวณที่ แต่เดิม เหยียน ซิว ใช้ฆ่าปีศาจบางตนไป
ใต้เท้าของพวกเขามีรอยเลือดอยู่ คนเหล่านี้ไมได้สนใจและก้าวเท้าเหยียบย่ำมันทันที
ที่เดินนำหน้าเป็นหญิงสาวนางหนึ่งในชุดสีขาว ใบหน้าของนางถูกปกปิดด้วยผ้า
แต่บรรยากาศรอบๆตัวนางไม่สามารถปิดบังได้
มันเต็มไปด้วยบรรยากาศอันเยือกเย็น รวมถึงการที่นางยืนอยู่บนหน้าที่เต็มไปด้วยหิมะ ทำให้ใครที่เห็นต้องหนาวสั่นไปจนถึงกระดูกสันหลัง
ลมพัดขอบผ้าปิดหน้าของนางยกขึ้นเล็กน้อย เผยให้เห็นผิวอันงดงามและริมฝีปากสีดงสดของนาง และเห็นได้ว่า…
หญิงสาวนางนี้กำลังตกใจกับสิ่งที่นางเห็นอยู่
นางมาพร้อมกับกลุ่มชายชุดดำ อย่างไรก็ตามความตกใจบนใบหน้าของพวกเขาปรากฎมาอย่างชัดเจน
ชายด้านซ้ายของนางสวมผ้าคลุมสีดำอยู่ ร่างกายผมบาง ดวงตาเป็นประกายราวกับดวงดาว
ที่สำคัญ เขามีดวงตาปีศาจสีแดงอยู่บนหน้าผาก
เขาคือ ไป่ ซิง
คนที่ยืนอยู่ข้างๆแน่นอนวาต้องเป็น หยุน ชิงวู่
“388เต๋า? เขามี388เต๋าจริงๆ? ข้าไม่คิดว่า ฟาง เจิ้งจือ จะแข็งแกร่งขนาดนี้!“
“แม้จะมีระดับพลังแค่สะท้อนสวรรค์ขั้นสูง แต่ก็สามารถต่อสู้กับ หนานกง เฮา ได้ถึง 15 นาที ข้าคิดว่าคงไม่มีใครมีพรสวรรค์เท่าเขาแล้ว?“
“นายท่าน พวกเราไม่สามารถให้เขามีชีวิตอยู่ต่อไปได้!“
ความตกใจเต็มไปทั่วใบหน้าของชายชุดดำ ปากของพวกเขาอ้าค้างด้วยความหวาดกลัว ไม่สามารถปกปิดความตกใจจากสิ่งที่พวกเขาเห็นได้
หยุน ชิงวู มองเงียบๆพร้อมกับดวงตาที่เป็นประกาย ไม่มีใครรู้ว่านางคิดอะไรอยู่
เป็นเพราะว่า…
นางถือเป็นลูกสาวคนโปรดของจักรพรรดิปีศาจ นายน้อยของเหล่าปีศาจ
“นายท่าน ข้าควรเอาชีวิต หนานกง เฮา หรือ ฟาง เจิ้งจือ ดี?” ไป่ ซิง พูดขึ้นมา
เขากำลังรอให้ หยุน ชิงวู ตัดสินใจ
แน่นอน ถ้าทุกสิ่งเป็นไปตามแผนนางก็คงไม่ต้องรอ อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นฉากที่เกิดขึ้น แผนต้องถูกเปลี่ยน
“แล้วแต่เจ้า” ในที่สุด หยุน ชิงวู ก็พูดออกมา อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่านางจะลังเลเล็กน้อย
นางรีบระงับความลังเลทันที
มันไม่มีเหตุผลที่ต้องคิดอย่างนั้น
นางเป็นนายน้อยของเหล่าปีศาจ
“ขอบคุณ นายน้อย!“ไป่ ซิง พยักหน้า
ทันใดนั้น…
แสงสีส่องสว่างขึ้นสู่ท้องฟ้า
มันสว่างราวกับดวงดาว มันไม่ได้สดใส แต่เต็มไปด้วยคาวมหนาวเย็นและจิตสังหาร
ไป่ ซิง ได้รับตำแหน่งหัวหน้าดินแดน ไม่ใช่พราะเขาเป็นทายาทของหัวหน้ารุ่นก่อน แต่เป็นเพราะความสามารถของเขา
ความสามารถที่เกิดจากความเยือกเย็นและภักดี นอกจากนี้ไม่มีใครที่เขาต้องการฆ่าแล้วรอดไปได้
แน่นอนว่าเหตุการณ์ในกลืนกินโลกเป็นข้อยกเว้น
ฝ่ายตรงข้ามเขาคือ ซิง หยวนกัว
เป็นชายที่ใครๆก็ต่างหวาดกลัว
ไป่ ซิง ไม่ได้โทษที่ตัวเองล้มเหลว
อย่างไรก็ตามตอนนี้มันต่างออกไป
ศัตรูของเขาไม่ใช่ ซิง หยวนกัว แต่เป็น หนานกง เฮา และ ฟาง เจิ้งจือ ยิ่งไปกว่านั้นทั้งสองกำลังต่อสู้กันอย่างรุนแรง
คนหนึ่งอยู่ในระดับสะท้อนสวรรค์ขั้นสูงสุด อีกคนอยู่ในระดับอภินิหารขั้นสูงสุด พวกเขาล้วนเป็นอัจฉริยะทั้งคู่
อย่างไรก็ตามพวกเขาจะสามารถต้านทาน ไป่ ซิง ที่อยู่ในระดับจุติได้หรือ?
ถ้าพวกเขาทำได้อย่าเรียกข้าว่า ไป่ ซิง อีก!
ลำแสงสีเงินที่เกิดจาก ไป่ ซิง พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า ทันใดนั้นร่างของ ไป่ ซิง ได้หายไปจากขอบหน้าผาทันที
ราวกับเขาไม่เคยอยู่ตรงนั้นมาก่อน
…
ผู้เข้าสอบและทหารต่างทำแค่ดูการต่อสู้ระหว่าง หนานกง เฮา และ ฟาง เจิ้งจือ