นับตั้งแต่อดีตเหล่าผู้มีความสามารถล้วนมองหาความรัก พวกเขาไม่ได้มองหาเพียงเรื่องบนเตียง แต่มองหาความรักที่แท้จริง
มีเหล่าอัจฉริยะมากมายที่ฝันว่าจะสามารถหาผู้ที่มีความคิดคล้ายๆกันผู้ที่จะสามารถอยู่ด้วยกันได้และเติบโตไปด้วยกัน
ความฝันบางอย่างล้วนขมขื่น บางฝันก็ไม่ได้จบสวยนัก บางคนก็อยู่คนเดียวไปจนตาย
แม้ว่าพวกเขาส่วนมากจะจบไม่สวยนัก แต่พวกเขาก็ยินดีที่จะเป็นแมงเม่าที่บินเข้ากองไฟ
จริงๆแล้ว…
มันเข้าใจได้ไม่ยากว่าทำไม
ในโลกนี้ การศึกษาเป็นหนทางไปสู่ความสำเร็จ พวกเขาล้วนใช้เวลาส่วนใหญ่ไปในห้องหนังสือ ทำแค่มองการเปลี่ยนไปของโลกภายนอกอยู่เงียบๆ
พวกเขาพยายามทำเพื่อความสำเร็จ พวกเขาต้องการที่จะเป็นผู้เก่งกาจกว่าใครๆ และพวกเขาก็หวังว่าจะได้เปิดผ้าคลุมหน้านั้นออก…
จะมีผู้หญิงกี่คนบนโลกที่มีทั้งสมองและหน้าตางดงาม?
เป็นผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบ
ผู้ชายจำเป็นต้องรู้วิธีในการชื่นชมศิลปะและการเขียน สำหรับผู้หญิงสิ่งที่พวกนางจำเป็นต้องมีความงดงามและความสามารถ
ถ้าไม่มีของพวกนี้ แล้วพวกเขาจะสามารถสื่อสารกันได้ยังไง?
เช่นนั้น เหล่าหญิงสาวจึงพยายามพัฒนาความสามารถด้านดนตรี ส่วนฝ่ายชายก็ต้องเรียนรู้วิธีในการชื่นชมศิลปะ
มันถือเป็นความงดงามของความรักอย่างหนึ่ง
ผู้ใดก็ตามที่ไม่เข้าใจในศิลปะไม่มีทางกล้าพูดถึงเรื่องความรักเด็ดขาด
สำหรับ หยุน ชิงวู นางถือเป็นนางในฝันสำหรับชายหนุ่มในอาณาจักรเซี่ย
หยุน ชิงวู รู้วิธีในการวาดเขียน ขับบทกลอน และอีกหลายๆอย่าง ความจริงนางสามารถทำได้แทบทุกอย่าง
เช่นนั้น…
เหล่าผู้เข้าสอบจะไม่ถูกหญิงสาวนางนี้ดึงดูดได้ยังไง?
“ทำไม หยุน ชิงวู ถึงมาอยู่ในดินแดนภูเขาทางใต้?”
ความคิดแรกในใจของเหล่าผู้เข้าสอบคือ “นางถูกลักพามา?“ แน่นอนว่าความคิดนี้อยู่ได้ไม่นาน
พวกเขาเห็นเหล่าปีศาจยืนอยู่ที่ด้านหลัง หยุน ชิงวู และแสดงความเคารพนางเป็นอย่างมาก
“หยุน ชิงวู เป็นพวกเดียวกับปีศาจ?!“
ความคิดนี้อยู่ในใจของเหล่าผู้เข้าสอบ พวกเขากำมือแน่น
แม้ว่านางจะเป็นปีศาจ แต่พวกเขาก็ยังชื่นชอบนางอยู่ดี
ปฏิกริยาของ หนานกง เฮา นันต่างจากผู้เข้าสอบคนอื่นๆ
“นางยังไม่ตาย?“หนานกง เฮา กระชับดาบในมือ เขานึกถึงตอนที่เขาได้ทำลายเรือของ หยุน ชิงวู ลง
แต่เขาก็มีความสงสัยอยู่เสมอ…
ผู้หญิงที่เขาฆ่า…เป็น หยุน ชิงวู จริงๆ?
“นายน้อยของเหล่าปีศาจ หยุน ชิงวู!” น้ำเสียงของ ซิง ฉิงซุย เต็มไปด้วยความเยือกเย็น
เขายกดาบขึ้นมาและชี้ไปที่บนหน้าผา
“อะไรนะ? นางเป็นนายน้อยของเหล่าปีศาจ?!“
“นายน้อยซิง ท่านแน่ใจแล้วหรือ?“
“จะเป็นไปได้ยังไง“
ผู้เข้าสอบทุกคนมองไปอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ ซิง ฉิงซุย พูด
แต่พวกเขาก็ต้องเชื่ออยู่ดี
เพราะมันเป็นความจริง!
ขณะที่เพลงบรรเลงลอยไปตามอากาศ ชายทั้งสองที่ยืนอยู่ด้านหลังก็เปิดเผยตัวออกมา
ดวงตาปีศาจสีแดงของเขาสามารถเห็นได้ชัดเจน
ถึงแม้สีของมันยังไม่เข้มเท่า ไป่ ซิง แต่ก็เห็นได้ชัดว่า…
พวกเขาอยู่ในระดับจุติทั้งคู่!
มีอีกสองคนอยู่ข้างๆปีศาจที่อยู่ในระดับจุติ ดวงตาปีศาจของเขาเป็นสีเขียว
ระดับอภินิหาร
พวกเขาทั้งสามเป็นรองหัวหน้าของสิบดินแดนปีศาจ สองตนอยู่ในระดับจุติ อีกหนึ่งอยู่ในระดับอภินิหาร
“มีปีศาจระดับจุติสองตน ระดับอภินิหารขั้นสูงอีกหนึ่ง และกองทัพที่อยู่ในระดับอภินิหารมากกว่าห้าสิบตน นอกจากนี้พวกเรายังถูกล้อมโดยคนของดินแดนภูเขาทางใต้…พวกเราจะสู้ได้ยังไง?“
“ข้าต้องตายแน่ๆ!“
“ไม่! ข้ามาที่นี่เพื่อสอบ ไม่ได้มาตายนะ!“
“หุบปาก ความตายไม่ใช่เรื่องใหญ่! ข้ายอมสละชีวิตเพื่อการต่อสู้ครั้งนี้ หยุน ชิงวู ความปรารถนาเดียวของข้าคือตายด้วยมือของเจ้า!“หนึ่งในผู้เข้าสอบกล่าวถึงผู้เข้าสอบคนอื่นด้วยความดูถูก
ทันทีที่เขาพูดจบ ลำแสงสีม่วงพุ่งลงมาจากฟ้าจากด้านหลังของ หยุน ชิงวู
“อั้ก!“
เลือดไหลออกมาจากปากของผู้เข้าสอบคนนั้น
เขามองไปที่หน้าอกของตัวเองอย่างไม่เชื่อ มีดาบปักอยู่ลึกลงไปในหน้าอกของเขา
เลือดไหลออกมาก่อนที่จะหยดลงไปกับพิ้น
“เจ้า… ” ผู้เข้าสอบมองไปที่ชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ด้านหน้าเขา เขามองไปยังดวงตาปีศาจสีแดงอย่างไม่เชือ
“อ่อนแอ ไร้ค่า!” ชายวัยกลางคนดึงดาบออกมา เลือดสาดกระเซ็นออกมาจากบาดแผลทันที อย่างไรก็ตามเขาไม่คิดจะมองไป่ที่ผู้เข้าสอบด้วยซ้ำ ความเป็นจริงเขาไม่มีความจำเป็นที่จะต้องฆ่าผู้เข้าสอบด้วยซ้ำ
เขาคิดว่า ผู้เข้าสอบนั้นมีแต่ความอ่อนแอ
ผู้เข้าสอบใช้เวลากว่าสิบปีในการเตรียมการสำหรับการทดสอบครั้งนี้ แต่สิ่งที่เขาได้ยินสุดท้ายกลับเป็น อ่อนแอ…
ทั้งอ่อนแอ และไร้ค่า
ตกใจ สับสน และสูญเสีย
ถ้าเป็นในอาณาจักรเซี่ย พวกเขาถือเป็นยอดอัจฉริยะ
พวกเขาเพลิดเพลินกับการใช้ชีวิตและได้รับความเคารพจากคนอื่น พวกเขามีเวลาพอที่สามารถเขียนบทกวีได้อย่างสนุกสนาน
แต่ทว่าในตอนนี้พวกเขาก้าวออกมาจากอาณาจักรเซี่ย ก้าวออกมาจากโล่ที่คอยปกป้อง
ฟาง เจิ้งจือ เป็นตัวอย่างที่สำคัญ
เขาเป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่ว่าเขาจะเก่งกาจแค่ไหน พวกเขาก็ไม่เคยคิดว่า ฟาง เจิ้งจือ เป็นคู่แข่ง แค่ชาวบ้านธรรมดาจะมาเทียบกับพวกเขาได้ยังไง?
พวกเขาเย่อหยิ่งและมองข้ามคนอื่นๆ
แต่ตอนนี้…
ในการต่อสู้ระหว่างอาณาจักรเซี่ยกับดินแดนภูเขาทางใต้ เมื่อถูกพวกปีศาจปิดล้อม พวกเขาล้วนหมดหนทาง
อัจฉริยะในระดับสะท้อนสวรรค์ขั้นสูง?
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับปีศาจระดับจุติ เขาก็เป็นแค่คนอ่อนแอ
เขาสามารถถูกฆ่าได้ง่ายๆ
เฉิน เฟยยู่ มองดูผู้เข้าสอบที่เลือดท่วมตัว เขายืนอยู่ห่างจากคนนั้นไม่ไกลเท่าไรนัก เมื่อชายวัยกลางคนดึงดาบออก เขาก็รู้สึกถึงความอุ่นของเลือดที่พุ่งออกมา
เลือดกระเซ็นมาบนใบหน้าของเขา
เขาเห็นสีหน้าของผู้เข้าสอบคนนั้นชัดเจน นั้นเป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าความตายได้คืบคลานเข้ามาใกล้
ในฐานะที่เป็น 1 ในคนของ 13 กองตรวจการ เขาเคยเห็นการต่อสู้นองเลือดมามาก
อย่างไรก็ตามเขารู้ว่าการนองเลือดจะไม่ถึงตาย เพราะ การที่อยู่ในสิบสามกองตรวจการ พวกเขาจะมั่นใจได้ว่าไม่มีทางต่อสู้บาดเจ็บถึงตายแน่นอน
เมื่อเขาเข้าถึงระดับอภินิาร …
เขามีอยู่ความคิดเดียว เขาต้องการที่จะแสดงพลังของเขา เขาต้องการให้คนอื่นๆยอมรับและมองว่าเขาเป็นอัจฉริยะ
แต่ตอนนี้?
มีปีศาจที่อยู่ในระดับจุติอยู่ห่างไปไม่กี่ก้าว ปีศาจถือดาบที่เปื้อนเลือดของเพื่อนเขา รวมถึงเหยียดหยาม…
แต่เขาทำอะไรได้?
ตลอดเวลา เขาคิดจะแสดงความสามารถของเขาออกมา
แต่ตอนนี้ ตอนที่เขามีโอกาสกลับมีความคิดเดียวในใจ เขาทำได้แค่รอ เขาไม่รู้ว่าตัวเองกำลังรอให้ดาบแทงมาที่เขา หรือรอโอกาสที่จะวิ่งหนี
เฉิน เฟยยู่ ไม่ได้มองที่การกระทำของชายวัยกลางคน เขาได้แต่ก้มหน้ามองผู้เข้าสอบที่นอนอยู่ที่พื้น
ชายวัยกลางคนเก็บดาบเข้าฝัก
จากนั้น เขาก็มองไปที่ผู้เขาสอบโดยรอบอย่างเงียบๆ แววตาของเขาจ้องไปด้วยความรังเกียจและดูถูก
เขาไม่ได้ดึงดาบออกมาอีกหลังจากที่เก็บเข้าฝัก เขาเดินผ่านผู้เข้าสอบที่ยืนนิ่งอยู่กับที่ จากนั้นเขาก็เดินตรงไปหา ไป่ ซิง และ หนานกง เฮา
“เขาตัวคนเดียว ตราบเท่าที่พวกเราอยู่ด้วยกัน … “ผู้เข้าสอบคนหนึ่งเริ่มพูดออกมา อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้รับโอกาสนั้น
ดาบมาจ่อที่คอของเขาแล้ว ดาบที่ย้อมไปด้วยเลือด
ผู้เข้าสอบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเมื่อเห็นดาบ แววตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว แต่ก็ไม่ได้มองไปที่ชายวัยกลางคน เขามองไปที่ผู้เข้าสอบทั้งหมดโดยรอบ …
ตอนนี้ ผู้เข้าสอบทั้งหมดก็มองไปที่เขาเช่นกัน อย่างไรก็ตามพวกเขาเลือกที่จะไม่เคลื่อนไหว พวกเขาไม่ได้แม้แต่จะกรีดร้อง
“เชี่ย!“
เลือดพุ่งออกมาราวกับน้ำพุ
ชายวัยกลางคนเก็บดาบเข้าฝัก เขาไม่แม้แต่จะมองไปที่ผู้เข้าสอบที่ล้มลง
เลือดหยดจากมือของเขา
ท่าทีของเขาไม่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย ค่อยๆเดินเข้าไปยืนข้าง ไป่ ซิง เงียบๆ
เขาไม่ได้ดึงดาบออกมาอีก เขามอง ไป่ ซิง, หนานกง เฮา. เหยียน ซิว และ ฟาง เจิ้งจือ ที่ล้มลงเงียบๆ
เพลงยังคงดังสะท้อนไปทั่วอากาศ นับตั้งแต่ที่ผู้เข้าสอบทั้งสองคนถูกฆ่าไป เพลงยังคงไม่ถูกหยุดเล่น
มันยังคงไพเราะและน่าหลงไหลเหมือนเดิม
อย่างไรก็ตาม …
ผู้เข้าสอบไม่สามารถเพลิดเพลินกับเสียงดนตรีได้อีกต่อไปแล้ว ทั้งหมดที่พวกเขารู้สึกได้คือเลือดสีแดงที่หลั่งนองไปทั่ว
“นายน้อยซิง ตอนนี้พวกเราควรทำยังไงดี?“
“ใช่แล้ว จักรพรรดิได้มอบเหรียญตราให้เขา เขาต้องพูดอะไรบางอย่างออกมาบ้าง! เขาได้พากองทัพทลายภูผามาไว้ที่นี่แล้วหรือยัง? ถ้าทำแล้วตอนนี้… “
“นายน้อยซิง พวกเราไม่สามารถหนีไปได้! ตรงนั้นก็มีปีศาจเช่นกัน!“
แม่ทัพทุกคนเริ่มแสดงความคิดเห็น
นี่เป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายสำหรับอาณาจักรเซี่ย
พวกเขาถูกล้อมไปด้วยทหารของดินแดนภูเขาทางใต้และพวกปีศาจไม่มีทางที่พวกเขาจะได้รับชัยชนะ
ความหวังเดียวของพวกเขาคือ ซิง ฉิงซุย ที่ถือครองเหรียญตราจักรพรรดิไว้ในมือ
ผู้เข้าสอบคนอื่นๆต่างมองไปที่ ซิง ฉิงซุย เช่นกัน ตอนนี้ ซิง ฉิงซุย เป็นความหวังสุดท้ายของพวกเขา
ซิง ฉิงซุย ไม่ได้ยืนอยู่กับผู้เข้าสอบคนอื่นๆ เขายืนอยู่กับเหล่าแม่ทัพใกล้ๆกับ ฟาง เจิ้งจือ
เขาได้ยินเสียงของแม่ทัพและผู้เข้าสอบคนอื่น
อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้ตอบทันที