หนานกง เฮา ยังคงนิ่งสงบเหมือนตอนที่เดินออกมาจากถิ่นฐานวานรน้ำแข็ง แม้ว่า หยุน ชิงวู และ ไป่ ซิง จะปรากฎตัวขึ้นก็ตาม เขายังคงสงบนิ่งเยือกเย็น
อย่างไรก็ตามเขาเริ่มดูจริงจังมากขึ้นหลังจากหน่วยรบมังกรปรากฎตัว
ไม่มีใครรู้ว่า หนานกง เฮา กำลังคิดอะไรอยู่ บางที ไป่ ซิง อาจจะพูดถูก จะเหลืออะไรอีก ถ้าได้เผยไพ่ตายออกมาแล้ว? หรือบางที หนานกง เฮา อาจจะพูดถูก
เจ้าก็ลองเด้าดู…
“การต่อสู้ในถิ่นฐานวานรน้ำแข็งจะเป็นตัวตัดสินอนาคตระหว่างดินแดนภูเขาทางใต้และอาณาจักรเซี่ยหรือไม่นะ?“ไป่ ซิง พูดกดดัน
“เจ้าลองคิดดู” หนานงกง เฮา มองไปที่ดวงตาของ ไป่ ซิง ขณะที่ดวงตาของเขาเปล่งประกายสีทอง
“แค่ข้าชนะ ก็ไม่ต้องมานั่งเดาโชคชะตาของคนพวกนี้แล้ว” ไป่ ซิง จ้องมองพร้อมยิ้มออกมา ก่อนที่ร่างกายของเขาจะกลายเป็นแสงสีเงิน
…
นี่เป็นการต่อสู้ที่รุนแรงอย่างไม่น่าเชื่อ
กองทัพทหาร 50,000 นายของอาณาจักรเซี่ยยืนอยู่กับที่ ถูกโจมตีโดยทหารมากกว่า 100,000 ของดินแดนภูเขาทางใต้และปีศาจชั้นสูงกว่าสิบตน
อย่างไรก็ตามเมื่อหน่วยรบมังกรปรากฎตัวขึ้น ทหารของดินแดนภูเขาทางใต้ก็ไม่มีทางเลือกนอกจากถอยกลับไป
อย่างไรก็ตาม ทุกคนรู้ดีว่าการต่อสู้ครั้งนี้ เป็นแค่สงครามชั่วคราวเท่านั้น เพราะที่นี่คือดินแดนภูเขาทางใต้ไม่ใช่อาณาจักรเซี่ย
ถ้าพวกเขาไม่สามารถชนะได้ ก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้นว่าจะพ่ายแพ้ตอนไหน
ดินแดนภูเขาทางใต้ตั้งทัพซุ่มโจมตีในถิ่นฐานวานรน้ำแข็ง แน่นอนว่าพวกเขาต้องมีการซุ่มโจมตีจากด้านนอกอีก ถ้ากองทัพถูกโค่นล้มพวกเขาคงไม่ต่างจากคนที่ตายไปแล้ว
ซิง ฉิงซุย และ วู่ เฟิง ต่างรู้เรื่องนี้
อย่างไรก็ตาม …
วู่ เฟิง เป็นกังวลเรื่องของ เหยียน ซิว มากกว่า แม้ว่า เหยียน ซิว จะสงบเยือกเย็นอยู่ตลอดเวลา แต่ วู่ เฟิง ก็รู้ดีว่าเขายังคงเป็นเด็กอยู่
การพ่ายแพ้ เหยียน ซิว ในการทดสอบด้านปัญญา …
เคยทำให้ วู่ เฟิง ต้องเจ็บใจมาก
อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้เกลียด เหยียน ซิว เพราะเขาเติบโตขึ้นมาพร้อมกับ เหยียน ซิว เขาปฏิบัติกับ เหยียน ซิว เสมือนเป็นน้องชายคนนหนึ่ง
แม้ว่าจะเป็นเรื่องแปลกที่มีน้องชายเก่งกาจกว่าคนที่เป็นพี่…
นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาต้องการเห็น เหยียน ซิว ถูกปีศาจอาชูร่าครอบงำ นอกจากนี้เขายังไม่อยากเห็น เหยียน ซิว ถูกปีศาจฆ่าตายอีกด้วย
เขาจับขลุ่ยหยกในมือแน่นขณะที่เขาตัดสินใจ
นอกจาก วู่ เฟิง แล้ว หยุน ชิงวู เองก็ให้ความสนใจกับ เหยียน ซิว พอสมควร
“ข้าคิดว่าเขาต้องการความช่วยเหลือนะ” หยุน ชิงวู พึมพำกับตัวเอง อย่างไรก็ตาม นี้เหมือนเป็นคำสั่งให้ลูกน้องทั้งสองของนาง
“ข้าควรเข้าไปช่วยเขาหรือไม่?“ปีศาจที่มีดวงตาสีเขียวถามขึ้น
“วู่ ยี่ จงไป” หยุน ชิงวู ส่ายหัว
“ข้า? นายน้อย แต่ความปลอดภัยของท่าน … “ปีศาจที่มีดวงตาปีศาจสีแดลังเลเมื่อได้ยิน หยุน ชิงวู ออกคำสั่ง
“ข้าไม่เป็นไร” หยุน ชิงวู ตอบอย่างเรียบๆ
“ข้าเข้าใจแล้ว แล้วข้าจะรับกลับมา “วู่ ยี่ หายตัวไปทันทีโดยไม่มีคำพูดอะไรอีก
การต่อสู้ที่รุนแรงด้านล่างยังคงดำเนินไป แต่ทันใดนั้นลำแสงพุ่งตรงลงมาจากหน้าผาอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตามเมื่อลำแสงพุ่งตรงไปทาง เหยียน ซิว, วู่ เฟิง ก้สัมผัสได้ถึงจิตสังหารของลำแสงนั้นทันที
“ฝันไปเถอะ!” วู่ เฟิง ร้องตะโกนขณะที่เขาก็พุ่งตรงไปเช่นกัน
วู่ เฟิง มีความสามารถด้านดนตรี
การต่อสู้ระยะประชิดนั้นไม่ใช่ข้อได้เปรียบของเขา
แต่เขาเดิบโตมาท่ามกลางการต่อสู้ เขาไม่ลังเลเลยที่จะพุ่งเขาไปในตอนนี้ ขณะที่เขาทำเช่นนั้นขลุ่ยสีเขียวหยกในมือก็ส่องสว่างขึ้น
ราวกับมีชั้นน้ำบางๆขึ้นมาปกคลุม เมื่อแสงนั้นคลุมไปถึงแขนของ วู่ เฟิง มันก็เกิดเป็นรูปร่างแปลกๆขึ้น
ลายของเมฆสีเขียวเริ่มก่อตัวขึ้นที่แขนของ วู่ เฟิง พวกมันลุกลามไปเรื่อยๆจนถึงหน้าอกของเขา
“โอ้?” เสียงแปลกๆดังขึ้นจนสามารถได้ยินได้
จากนั้นแสงที่พุ่งลงมาจากหน้าผาก็ปะทะกับร่างของ วู่ เฟิง
ไม่น่าแปลกใจที่ วู่ เฟิง จะกระเด็นออกมาราวกับว่าวที่ถูกพัดกระเด็น เขากระอักเลือดออกมา ใบหน้ากลายเป็นซีดเซียว
ชายวัยกลางคนที่มีดวงตาปีศาจสีแดงที่ยืนนิ่ง เขาคือ วู่ ยี่
เสื้อของ วู่ ยี่ ฉีกขาดเล็กน้อย รวมถึงแขนของเขาก็สั่นสะท้านเล้กน้อยเช่นกัน เขามองไปที่ วู่ เฟิง ที่ล้มลงอยู่บนพื้นด้วยความชื่นชม
“อย่าคิดจะมาขัดขวางเลย มันเปล่าประโชน์” วู่ ยี่ มองไปที่ วู่ เฟิง ที่กำลังดิ้นรนเพื่อที่จะลุกขึ้นมา
“ถ้าข้าไม่ต่อสู้ ข้าคงจะไร้ประโยชน์จริงๆแน่!“วู่ เฟิง กัดริมฝีปากของตัวเองจนเลือดไหลออกมา ยากที่จะรู้ว่ามันเป็นเลือดที่ไหลออกมาจากปากหรือเพราะอวัยวะภายในของเขาเสียหาย
“ด้วยความสามารถของเจ้า คงอีก 10 ปีกว่าจะชนะข้าได้” วู่ ยี่ พูดอย่างมั่นใจขณะที่มองไปยังลายแปลกๆที่แขนของ วู่ เฟิง
“ข้ารู้” วู่ เฟิง ตอบอย่างมั่นใจ
“อืม ข้าให้โอกาส ข้าจะทำเป็นไม่เห็นเจ้า”
“แต่ ข้าได้เห็นเจ้าแล้ว”
“เอาล่ะ … ถ้าอย่างนั้นไป ไปลงนรกซะ!” วู่ ยี่ พยักหน้าและพลิกดาบของเขา ลำแสงที่ทั้งคมและบางพุ่งออกมาจากปลายดาบ
มันดูราวกับลำแสงธรรมดาๆ
อย่างไรกตาม เมื่อ วู่ เฟิง เห็นแสงนั้นสีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปทันที
“ตูม!“
เลือดกระเซ็นไปทั่วทุกหนทุกแห่ง
หัวของ วู่ เฟิง ล้มลงกระทบกับพื้น บาดแผลที่หน้าอกของเขาสาหัสจนมองเห็นกระดูกด้านใน ดวงตาของเขาปิดลง อย่างไรก็ตามขลุ่ยหยกของเขายังคงชี้ไปทาง เหยียน ซิว…
“วู่ เฟิง!“
“นายน้อยวู่!“
ผู้เข้าสอบทุกคนกรีดร้องอย่างหวาดกลัวขณะที่พวกเขามองไปที่ วู่ เฟิง อย่างสลดใจ พวกเขารู้ดีว่าจุดจบของพวกเขานั้นใกล้เข้ามาเต็มทีแล้ว
…
เหยียน ซิว ยังคงดูไม่มีชีวิตชีวา
เขาเฝ้าปกป้อง ฟาง เจิ้งจือ อยู่เงียบๆ แสงสีแดงยังคงส่องสว่างอยู่ในดวงตาของเขา ไม่อาจเดาได้เลยว่าเขากำลังมองดูอะไรอยู่
เขายังคงจับพัดภูเขาและแม่น้ำ สวรรค์และโลกไว้ในมือแน่น คราบเลือดที่ติดอยู่ทำให้คนที่เห็นล้วนเจ็บปวดอย่างยิ่ง
“วู … วู … วู่ เฟิง … “เสียงเล็กๆดังออกมาจาก เหยียน ซิว ขณะที่เขาพูดถ้อยคำเหล่านั้น ตาสีแดงของเขาค่อยๆจางลง
ตอนนี้มันดูโปร่งแสงขึ้น
“วู่ เฟิง!” จู่ๆ เหยียน ซิว ก็ตะโกนชื่อของ วู่ เฟิงขึ้นพร้อมกับการระเบิดพลังเป็นแสงสีแดง
“อะไรกัน?“วู่ เฟิง สับสนขณะมองดูแสงสีแดงที่หน้าอกของ เหยียน ซิว … เหยียน ซิว ควรจะถูกครอบงำอยู่แท้ๆ
แน่นอน…
เหยียน ซิว ยังคงถูกปีศาจอาชูร่าครอบงำอยู่ แสงสีแดงที่หน้าอกของเขายังคงไม่หายไป
แล้ว เหยียน ซิว สามารถพูดได้ยังไงกัน?
วู่ ยี่ ไม่เข้าใจ
ชายวัยกลางคนที่ต่อสู้ กับ เหยียน ซิว ก็ไม่เข้าใจ เหยียน ซิว สามารถรอดพ้นจากปีศาจอาชูร่าได้ยังไงกัน?
หัวหน้าดินแดนทั้งสองตนต่างสับสนเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตามความสับสนของพวกเขากลายเป็นเรื่องประหลาดใจอย่างรวดเร็ว พวกเขาเห็นร่างๆหนึ่งเอาแขนไว้บนไหล่ของ เหยียน ซิว
แขนข้างนั้นคลุมไปด้วยแสงสีม่วง
แสงสีม่วงนั้นเกิดจาดดาบภายในมือของเขา ดาบทั้งเล่มตั้งแต่ด้ามถึงปลายส่องแสงสีม่วงแปลกๆออกมา
“ฟาง… ฟาง เจิ้งจือ!“วู่ ยี่ ไม่เคยถูกทำให้ตกใจโดยมนุษย์มาก่อน เพราะเขาเป็นปีศาจระดับจุติ แต่ตอนนี้ด้วยเหตุผลที่อธิบายไม่ได้ เขารู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก
ชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ข้างๆ วู ยี่ เองก็ตกใจเช่นกัน เขามองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ พร้อมถอยหลังออกไป
แม้จะเป็นเพียงก้าวเล็กๆ แต่มันก็เพียงพอที่จะอธิบายสิ่งที่เขาคิด
“ฟาง เจิ้งจือ ยังไม่ตาย!“
“นี่ … นี่เป็น ฟาง เจิ้งจือ จริงๆใช่ไหม?“
“เกิดอะไรขึ้น? ทำไม ทำไมข้าถึงรู้สึกหวาดกลัวขนาดนี้?!“
ผู้เข้าสอบสังเกตุเห็นร่างที่ยืนอยู่ข้างๆ เหยียน ซิว เขาดูเหมือน เดิมแต่ก็ต่างออกไปอย่างพูดไม่ถูก
ท่าทีของ หยุน ชิงวู เปลี่ยนไปในทันที
หยุน ชิงวู รู้จักร่างที่ยืนอยูด้านหลัง เหยียน ซิว ดี เพราะ ฟาง เจิ้งจือ เป็นคนที่นางไม่รู้ว่านางจะอธิบายด้วยคำพูดยังไงดี
ปกติ ฟาง เจิ้งจือ นั้นจะดูเหมือนเล่นสนุกตลอดเวลา
แต่ตอนนี้…
กลิ่นอายนั้นหายไป
ฟาง เจิ้งจือ ราวกับจิตวิญญานที่ถูกห่อหุ้มด้วยแสงสีม่วง ดาบไร้ร่องรอยของเขากลายเป็นดาบผลึกแก้วสีม่วง
แม้แต่แขนของ ฟาง เจิ้งจือ ก็ถูกห่อหุ้มด้วยแสงสีม่วง
แม้แต่ดวงตาของเขาก็เช่นกัน
ดวงตาของ เหยียน ซิว กลายเป็นสีแดงเพราะเต๋าแห่งอาชูร่า แต่มันก็เป็นเพียงพลังระดับจุติ
แต่…
ฟาง เจิ้งจือ อยู่ในระดับจุติงั้นรึ?
แน่นอนว่าไม่ ความได้เปรียบของเขามีเพียงเรื่องเดียวคือมีเต๋าอยู่ในมิติพิเศษทั้งหมด 388 ดวง อย่างไรก็ตามตอนนี้มีเพียงเต๋าดวงเดียวเท่านั้นที่ไหลเวียนไปทั่วร่างกายของเขา
เต๋าแห่งการสังหารหมู่
จิตสังหารของเขาสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน
ความเย็นยะเยือกของเต๋าแห่งอาชูร่านั้นมาจากการรวมกันระหวางความดีและความเลว แต่กลิ่นอายอันน่ากลัวจาก ฟาง เจิ้งจือ เกิดมาจากภายในร่างกายของเขา
มันเป็นจิตสังหาร
ความแน่วแน่ที่จะฆ่า
“เขาตื่นแล้ว?” หยุน ชิงวู ตื่นตะลึง มันเป็นเรื่องยากที่นางจะแปลกใจกับอะไร
เสียงของหัวหน้าปีศาจดังขึ้น ดวงตาสีเขียวจ้องไปที่ดาบของเขา
…
ร่างกายของ เหยียน ซิว สั่นสะท้านเล็กน้อย
คลื่นพลังสีม่วงจากตัวของ ฟาง เจิ้งจือ ค่อยๆปกคลุมตัว เหยียน ซิว
สำหรับคนที่ถูกกลืนกินโดยปีศาจอาชูร่า…
นี่คือสิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้ ไม่มีทางที่ผู้ถูกกลืนกินจะให้พลังงานอื่นๆผ่านเข้าไปในร่างกายได้
อย่างไรก็ตาม เหยียน ซิว ไม่ได้มีท่าทีอะไร เขายืนอยู่เงียบๆพร้อมกับร่างกายที่สั่นเล็กน้อย
จากนั้น…
เขาก็ปิดตาลง
เหมือนกับที่ทุกคนคาดคิด เหยียน ซิว กำลังสับสน อย่างไรก็ตามไม่มีใครคิดว่า ฟาง เจิ้งจือ จะทำให้ เหยียน ซิว กลับมาเป็นปกติได้!