“ใช้ร่างตัวเองเป็นลูกศร?!“
ไม่ใช่แค่ปีศาจระดับสูงเท่านั้นที่ตกตะลึงกับสิ่งที่เห็น แม้แต่ ไป่ ซิง และ วู่ ยี่ เองก็ถึงกับผงะไป
เป็นไปตามที่พวกเขาคาดคิด…
มันไม่น่าเป็นไปได้ที่จะฆ่าทุกคนเพื่อขึ้นไปถึงยอดเขา แม้แต่ ซิง หยวนกัว ผู้ที่แข็งแกร่งมากที่สุดในพวกเขาทั้งหมด ก็ไม่คิดที่จะทำอะไรเช่นนี้
แต่…
ฟาง เจิ้งจือ กลับทำมัน
เขาทำในสิ่งที่ไม่น่าเชื่อมากที่สุด ขณะที่ทุกคนจับตาดูเขา เขาก็ได้กลายเป็นลำแสงสีม่วงพุ่งไปหา หยุน ชิงวู แล้ว
มันไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นนัก
ไป่ ซิง และ วู่ ยี่ เองก็สามารถทำได้ แม้แต่ปีศาจชั้นสูงก็มีวิชาที่สามารถทำได้
แต่พวกเขาไม่ได้คิดถึงมัน
ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่สามารถคิดได้ถึงแผนการนี้ อย่างไรก็ตามไม่มีใครคิดอะไรแบบนี้ทั้งๆที่อยู่ในสงคราม
จะมีใครในโลกคิดว่า ฟาง เจิ้งจือ จะใช้มังกรหวนกลับเพื่อเปิดทางให้ตัวเอง จากนั้นก็ยิงตัวเองออกไป
ตกตะลึง, หวาดกลัว, ทำอะไรไม่ถูก
นี่คือสิ่งที่ ไป่ ซิง และ วู่ ยี่ ต่างรู้สึก พวกเขาต้องรีบไปให้ถึงยอดผาเพื่อช่วย หยุน ชิงวู แต่พวกเขาทำไม่ได้
อาทิตย์แผงศรของ ฟาง เจิ้งจือ ยังคงปักอยู่ในรอยแยก
อย่างไรก็ตาม เมื่อมีคนหนึ่งได้ใช้วิชานี้ไปแล้ว มันน่าจะเป็นเรื่องยากที่จะมีใครใช้วิธีนี้ซ้ำได้อีก
แม้ว่าพวกเขาจะมีธนูอยู่…
แต่ตอนนี้มันมีประโยชน์อะไรบ้าง?
ฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้รวดเร็วเท่า ไป่ ซิง แต่เมื่อเขาเพิ่มพลังจากอาทิตย์แผงศร แม้แต่ ไป่ ซิง เองก็ไม่สามารถหยุดเขาได้
…
ลำแสงสีม่วงพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าตัดผ่านฝนที่ตกหนัก จากนั้นก็พุ่งลงไปหา หยุน ชิงวู ราวกับดาวตก
รองหัวหน้าดินแดนปีศาจหนุ่มที่ยืนถัดจาก หยุน ชิงวู ตัวแข็งค้าง รอยยิ้มเย่อหยิ่งถูกลบออกไปจากใบหน้าของเขา และถูกแทนที่ด้วยความตกตะลึง
ถ้า ฟาง เจิ้งจือ ปีนขึ้นมาจากด้านล่าง…
เขาจะมีวิธีมากกว่า 100 วิธีเพื่อที่จะเอาชนะ ฟาง เจิ้งจือ เขาอาจฆ่า ฟาง เจิ้งจือ ได้เลย เพราะเขามีความได้เปรียบเพราะอยู่ด้านบน
อย่างไรก็ตามเขาตระหนักในทันทีว่า ฟาง เจิ้งจือ อยู่สูงกว่าเขาแล้ว เขาจะสามารถรับมือกับคู่ต่อสู้เช่นนี้ได้สบายๆงั้นหรือ?
“ชิ้ง!”เขาชักดาบออกจากฝัก มันเป็นดาบที่ไม่เหมือนดาบทั่วไปที่ปลายดาบมีเป็นเหมือนสามง่าม ยิ่งไปกว่านั้นมันยังแหลมคมมากกว่าดาบทั่วไป
นี่คืออาวุธของเขา
มันชื่อว่า ‘ดาบอสูรกาย’
ถ้าหอกฉีหลินเป็น 1 ใน 10 สุดยอดสมบัติที่ยิ่งใหญ่ของอาณาจักรเซี่ย งั้นดาบอสูรกายก็เป็น 1 ใน 5 สมบัติที่ยิ่งใหญ่ของดินแดนปีศาจ
สำหรับปีศาจวัยอย่างเขา แต่กลับได้ครอบครองดาบเช่นนี้…
เห็นได้ชั้นเลยว่าเขามีเชื้อสายชั้นสูง
อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ไม่ได้มีความหมายมากนัก เขาไม่รู้ว่าจะสามารถป้องกันการโจมตีของ ฟาง เจิ้งจือ ได้หรือไม่ แต่เขาก็เดินออกมาเพื่อบัง หยุน ชิงวู เอาไว้
หยุน ชิงวู เงยหน้ามอง ฟาง เจิ้งจือ อย่างเงียบๆ นางรู้สึกถึงคลื่นพลังและจิตสังหารที่พุ่งเข้ามาใกล้
“เขาทำได้… ” ริมฝีปากของ หยุน ชิงวู เปิดเล็กน้อยขณะที่นางพึมพำกับตัวเอง ราวกับว่านางรู้ว่าสิ่งนี้มันสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
“เปรี้ยง!”สายฟ้าสีม่วงผ่าลงมาผ่านกลุ่มเมฆสีดำคล้ายภาพของต้นไม้ขนาดใหญ่ จนครอบคลุมไปทั่วพื้นที่ ฟาง เจิ้งจือ ได้ใช้ตัวเองแทนสายฟ้าเพื่อใช้วิชามงกรหวนกลับ
ร่างสีม่วงยังคงวันเวียนอยู่ในกลุ่มเมฆราวกับเป็นมังกรอันแข็งแกร่ง
“ตาย!”เสียงที่เยือกเย็นดังก้องผ่านกลุ่มเมฆ
จากนั้นลำแสงสีม่วงก็พุ่งออกมาจากภายในกลุ่มเมฆ มีร่างของคนที่หอหุ้มไปด้วยแสง พุ่งลงมาสู่พื้นดิน
ดวงตาสีม่วงจ้องเขม็งไปยังร่างในชุดขาว
จิตสังหารของเขาพร้อมจะทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้า
เมือร่มกับดาบที่เปล่งแสงออกมา ใครก็ตามที่เห็นต้องเกิดความรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาทันที
“ทำไมเขาถึงมีพลังมากขนาดนี้!” รองหัวหน้าดินแดนปีศาจหนุ่มชูดาบขึ้นกลางอากาศ เขาจับดาบในมือแน่น
ไม่เคยมีใครในชีวิตที่ทำให้เขารู้สึกถึงอารมณ์เช่นนี้มาก่อน
ความเยือกเย็นส่งไปถึงกระดูกกับกลิ่นอายแห่งการเข่นฆ่าที่แข็งแกร่งขนาดนี้ ทำให้เขาเข้าใจถึงความหมายที่แท้จริงของความหวาดกลัว
ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าทำไม ฉือ โข่ว ถึงล้มเหลว
ฉือ โข่ว ไม่ได้ล้มเหลวเพราะระดับพลังของเขาสู้ไม่ได้
เขาล้มเหลวเพราะกลิ่นอายและจิตสังหารอันน่ากลัวนี้!
เหงื่อท่วมหน้าผากของเขา ในเวลาไม่นานร่างกายของเขาก็เปียกโชกไปด้วยเหงื่อ
อย่างไรก็ตามเขายังคงจับดาบแน่นและชูขึ้นไปกลางอากาศ เขาตึงเครียดมาก แต่ต่อให้เขาจะหน้าซีด ดาบของเขาก็ไม่สั่นไหว
ในขณะนั้นดวงตาปีศาจสีเขียวบนหน้าผากของเขาก็เปล่งประกาย
หัวหน้าดินแดนหนุ่มยังคงจ้องดาบในท้องฟ้า เขาจ้องมองอยู่กับลำแสงรูปร่างคล้ายมังกรสีม่วงที่วนเวียนรอยดาบ
“ตูม!“เสียงปะทะดังก้องสะท้อนออกมาทำให้หน้าผาสั่นไหว แม้แต่พื้นดินด้านล่างก็เริ่มสั่นสะเทือน
ฝนที่ตกอย่างหนักยังคงบดบังวิสัยทัศน์ของทุกคน แต่มันก็ไม่ได้ทำให้พวกเขาหวาดกลัวน้อยลงเลยจากสิ่งที่ได้เห็น
ทหารม้าของอาณาจักรเซี่ยยังคงถือหอกอยู่ในมือ ส่วนทหารดินแดนภูเขาทางใต้ก็ยังคงจับดาบแน่น เหล่าปีศาจชั้นสูงทำเพียงแค่จ้องมองนิ่งๆ
แม้แต่ ซิง หยวนกัว ก็หยุดมองการปะทะกันที่ด้านบนของหน้าผา
“ตูม!“รอยแตกขนาดใหญ่ปรากฏบนหน้าผา
ก้อนหินขนาดใหญ่กระเด็นลงมาทันที ก่อนที่จะกะแทกเข้ากับพื้นและเกิดเสียงดังสนั่น
ณ ตอนนี้…
มีสามคนที่ยืนอยู่บริเวณรอยแตกบนหน้าผา
ชุดของ หยุน ชิงวู พัดไปตามสายลมเปิดเผยให้เห็นถึงรูปร่างที่งดงามของนาง
มีร่างคุกเข่าอยู่ข้างหน้าของนาง
ผ้าคลุมหน้าของเขาถูกฉีกขาดเปิดเผยให้เห็นใบหน้าอันหล่อเหลา รวมถึงดวงตาปีศาจสีเขียว
เขามองไปยังเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านหน้าเขา
เขากัดริมฝีปากจนเลือดไหลออกมา แขนของเขาก็เปื้อนเลือดอยู่เช่นกัน
รอยเลือดยาวจากไหล่ไปจนถึงมือ
ฝนยังคงตกลงมาอย่างต่อเนื่อง
ชะลายรอยเลือดออก เผยให้เห็นลอยแผลที่ลึกลงไปถึงกระดูก นอกจากนั้นก็มีแสงจางๆคล้ายโลหะส่องออกมา
“อ่าา… ” รองหัวหน้าดินแดนหายใจเข้าอย่างรุนแรงเพราะความเหนื่อยล้าตลอดสงคราม
การโจมตีครั้งนี้ทำให้เขาต้องคุกเข่าลง
ปีศาจมักคิดว่าตัวเองเป็นเผ่าพันธุ์ชั้นสูง การที่ถูกบังคับให้ต้องล้มลงโดยฝ่ายตรงข้ามนั้นเป็นเรื่องที่น่าอัปยศอย่างมาก
“ทำไมเขาถึงแข็งแกร่งขนาดนี้? ทำไม … มันเป็นไปไม่ได้ … เขาจะแข็งแกร่งขนาดนี้ได้อย่างไร … ” ปีศาจหนุ่มหายใจอย่างติดขัด
ฟาง เจิ้งจือ ยืนเงียบๆบนหน้าผา เขาเพิกเฉยต่อรองหัวหน้าดินแดนหนุ่ม ขณะที่เขายกดาบชี้ไปที่ หยุน ชิงวู
ดาบไร้ร่องรอยยังคงส่องแสงสีม่วงออกมา เลือดที่เปื้อนอยู่ไหลลงมากับพื้น
มันยังคงส่งเสียงออกมาราวกับมังกรแสดงให้เห็นถึงความตื่นเต้นของมัน
จิตสังหารยังคงพวยพุ่งออกมาอย่าต่อเนื่อง
“เจ้าจะฆ่าข้าจริงๆหรอ?” หยุน ชิงวู พูด ขณะที่ดวงตาอันงดงามของนางจ้องมองไปที่ดาบในมือของ ฟาง เจิ้งจือ เสียงของนางดูสงบราวกับพูดคุยกับเพื่อน
แน่นอนว่ามีใบดาบจ่ออยู่ที่ลำคอของ หยุน ชิงวู มันอยู่ห่างออกไปไม่เกินสามก้าว
ฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้ตอบคำถามของ หยุน ชิงวู
เขาแค่มองเงียบๆเท่านั้น
…
บนพื้นราบด้านล่าง
ดวงตานับแสนคู่จ้องมองร่างทั้งสามที่อยู่บนหน้าผา เพื่อให้ชัดเจนยิ่งขึ้นพวกเขามองไปยังดาบที่อยู่ในดวงตาของ ฟาง เจิ้งจือ
การเคลื่อนไหวถัดไปจะเป็นการตัดสินชะตาของ หยุน ชิงวู
ตาย!
หรือมีชีวิตรอด!
ฟาง เจิ้งจือ สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ทุกอย่าง
ตอนนี้ไม่มีใครขวาง ฟาง เจิ้งจือ เอาไว้แล้วถ้า ฟาง เจิ้งจือ เลือกที่จะโจมตี แม้แต่ ไป่ ซิง และ วู่ ยี่ ก็อยู่ไกลเกินไป
พวกเขาทำอะไรได้นอกจากรอ?
ดาบของ ฟาง เจิ้งจือ อยู่ใกล้ หยุน ชิงวู มากเกินไป ในระยะนี้ ฟาง เจิ้งจือ สามารถฆ่า หยุน ชิงวู ได้อย่างแน่นอน
“ฆ่า!“
“ทำไมเขาถึงยังลังเลอยู่ล่ะ?“
“ถ้าเจ้าอยู่ตรงนั้น จะสามารถฆ่า หยุน ชิงวู ได้ลงจริงๆงั้นหรือ?“
ผู้เข้าสอบทุกคนต่างสับสน พวกเขารู้ว่าอีกไม่กี่นาทีจะเปลี่ยนแปลงสงครามครั้งนี้ไปทั้งหมด
หากดินแดนภูเขาทางใต้ขาดการช่วยเหลือจากพวกปีศาจ พวกเขายังสามารถต่อกรกับอาณาจักรเซี่ยได้อีกงั้นหรือ?
ยิ่งไปกว่านั้น มันจะทำให้ ฟาง เจิ้งจือ มีชื่อเสียงและอิทธิพลมากขึ้นด้วย
นั่นคิอ หยุน ชิงวู
หยุน ชิงวู ผู้มีความสามารถอย่างไม่น่าเชื่อ นางเป็นอัจฉริยะ นางเองก็เป็นนายน้อยของเหล่าปีศาจและไม่เคยสนใจชะตากรรมของมนุษย์เลยแม้แต่น้อย
ซิง ฉิงซุย มองไปยัง ฟาง เจิ้งจือ พร้อมอ้าปากค้าง ก่อนที่จะปิดปากและก็อ้าอีกครั้ง ราวกับเขาอยากจะพูดอะไรออกมา
ซิง หยวนกัว เองก็เหมือนกัน
อย่างไรก็ตาม ซิง หยวนกัว ยืนเงียบๆ ต่อให้เขาจะเป็นผู้บัญชาการรบในครั้งนี้ แต่ตอนนี้เขาก็ไม่ควรพูดอะไรออกมา
ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
หนานกง เฮา เก็บดาบเข้าฝัก บรรยากาศอันเยือกเย็นยังคงแผ่ออกมาจากตัวเขา เขาไม่ได้ไล่ตาม ไป่ ซิง หรือ วู่ ยี่
มันไม่จำเป็นอีกต่อไป
…
ขณะที่เวลาค่อยๆผ่านไป ฟาง เจิ้งจือ ยังคงจ่อดาบไปที่ หยุน ชิงวู ในด้านของ หยุน ชิงวู นางเหมือนกำลังรอบางอย่างอยู่
หลังจากผ่านไปนาน เสียงของนางก็ดังขึนอีกครั้ง
“เมื่อเจ้าตัดสินใจแล้ว จะลังเลทำไมล่ะ? เจ้าใช้ความพยายามทุกอย่างเพื่อขึ้นมาบนนี้ เจ้าไม่สามารถปล่อยข้าไปได้โดยไม่มีเหตุผล” หยุน ชิงวู เดินขึ้นไปด้านหน้า ชุดของนางพริ้วไหวไปตามสายชม
คราวนี้เสียงของนางดูผ่อนคลายมากขึ้น ราวกับหัวใจของนางถูกปดปล่อย
ผ้าปิดหน้าที่แนบสนิทกับใบหน้าของนางเผยให้ ฟาง เจิ้งจือ เป็นถึงลักษณะบนใบหน้าที่งดงาม
นางดูราวกับดอกบัวสีขาวท่ามกลางหิมะ
ใจเย็นและหยิ่งยโส นางยืนอยู่บนจุดสูงสุดก้มหัวมองทุกคนที่อยู่ด้านล่างเงียบๆ
“ฆ่า … ฆ่าทุกคนที่ทำร้ายข้า ข้าจะฆ่าทั้งหมด … ฆ่า … ” ฟาง เจิ้งจือ พึมพัมกับตัวเอง
อย่างไรก็ตามเสียงของเขาเต็มไปด้วยความน่ากลัว มันเต็มไปด้วยความต้องการฆ่า
“ตูม!” สายฟ้าสีม่วงพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า ฉีกกระชากอากาศรอบๆ
ในเวลาเดียวกัน ดาบไร้ร่องรอยก็เปล่งแสงขึ้นสว่างกว่าเดิม
“ตาย!”
“ตาย!“
“ตาย!”“