“อะไรนะ? เกิดอะไรขึ้น?!“
“ใช่แล้ว แม้ว่าพวกเราจะหาหนทางไม่ได้ ตราบใดที่พวกเราอยู่ด้วยกัน พวกปีศาจจะไม่สามารถยึดดินแดนของพวกเราได้!“
“ทำไมเราต้องกลัวปีศาจเพียง 50,000 ตนด้วย“
แม่ทัพต่างขมวดคิ้วเมื่อได้ยิน ฟาง เจิ้งจือ พูด ความพ่านแพ้ไม่เคยอยู่ในหัวของพวกเขา
ฟาง เจิ้งจือ อยู่กับความคิดตัวเอง
องค์หญิง ฉาน ยู่ ไม่พอใจเป็นอย่างมากเมื่อนางได้ยิน
ขณะที่นางกำลังคาดเดาเขา ฟาง เจิ้งจือ ก็ พูดขึ้นมาอีกครั้ง
“เจ้าไม่สามารถไปที่เมืองภูเขาเซียนได้ เจ้าต้องไม่ไปที่นั่น“ฟาง เจิ้งจือ จับมือขององค์หญิงเอาไว้ในขณะที่พูด
“เขากำลังพูดถึงเรื่องอะไร!“
“เราไม่สามารถไปที่เมืองภูเขาเซียนได้? ถ้าอย่างนั้นแล้วทั้งองค์ราชาและองค์ราชาละจะเป็นยังไงกัน?“
“ถูกต้อง! ฝ่าบาทโปรดอย่าฟังในคำพูดของเจ้าขยะนี่! เขาจะต้องกลัวพวกปีศาจเป็นแน่!“
แม่ทัพทุกคนต่างโกรธแค้นและไม่พอใจในตัว ฟาง เจิ้งจือ เป็นอย่างมาก เพราะตอนนี้องค์ราชาของพวกเขายังอยู่ในอันตราย
ไม่ให้ไปที่เมืองภูเขาเซียน?!
แล้วจะให้พวกเขาไปที่ไหนกัน?
เหล่าแม่ทัพต่างโกรธแค้นในคำพูดนั้น แต่องค์ญิง ฉาน ยู่ กลับไม่พูดสิ่งใด นั่นเป็นเพราะส่วนหนึ่งมาจากการที่ ฟาง เจิ้งจือ เขย่าตัวนางจนนางเริ่มมึนหัว
และเหตุผลอื่นคือ …
แม้ว่านางจะไม่เข้าใจในสิ่งที่ ฟาง เจิ้งจือ พูด แต่มันเป็นความคิดเห็นที่ต่างออกไป
แต่นางตัดสินใจลองฟังเขา
แต่…
หลังจากที่ ฟาง เจิ้งจือ เขย่าแขนของนาง เขาก็ขมวดคิ้วและดูเหมือนจะพูดกับตัว เขาบ่นกับตัวเองตลอดเวลา
“ไม่! มันไม่ถูกต้อง … ใช่มันควรจะเป็นอย่างนั้น ไม่ใช่ … โอ้ใช่มันถูกต้องอย่างแน่นอน เดี๋ยวก่อน ไม่มันต้องมีบางอย่างไม่ถูกต้อง… “
ฟาง เจิ้งจือ ยังคงวิเคราะห์อย่างต่อเนื่อง
องค์หญิง ฉาน ยู่ ยังคงรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ นางไม่ได้ผลัก ฟาง เจิ้งจือ ออกไปและไม่ต้องการทำลายสมาธิของเขา
นางรู้ดีว่าเขาจำเป็นต้องใช้เวลาพอสมควรในการคิดว่าพวกปีศาจนั้นวางแผนอะไรไว้อยู่ แม้แต่อัจฉริยะก็ไม่สามารถคิดออกได้ทันที
นอกจากนี้คนที่คิดแผนนี้คือ หยุน ชิงวู
คนที่มีชื่อเสียงเกือบจะเทียบเท่ากับเจ้าแห่งปีศาจ
ในตอนแรกแม่ทัพรู้สึกโกรธแค้น แต่เมื่อองค์หญิง ฉษน ยู่ ยังคงนิ่งเงียบ
พวกเขาก็รอคอยเช่นกัน
อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ได้รอให้ ฟาง เจิ้งจือ เสนอแผนการอะไรออกมา แต่พวกเขากำลังรอ ฟาง เจิ้งจือ อธิบาย
ฟาง เจิ้งจือ ไม่ทันรู้ตัวว่าจับแจนขององค์หญิง ฉาน ยู่ เอาไว้ เขาสามารถคาดการณ์ได้ว่าเป้าหมายของ หยุน ชิงวู คืออะไรและนางจะดำเนินการอย่างไร อย่างไรก็ตามเขายังคงหาวิธีและเวลาที่แน่นอนไม่ได้
ดังนั้น…
เขาต้องการเวลามากกว่านี้เพื่อที่จะคิด
เขาคิดอย่างหนักหน่วงจนทำให้ร่างของเขาเคลื่อนไหวโดยไม่รู้ตัว เขาจเช็ดเหงื่อไปมาและสลัดมันออกจากมือ ถ้าเขาอยู่ใกล้อะไรเขาก็จะจับสิ่งนั้นเอาไว้
ฟาง เจิ้งจือ ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับสงครามที่กำลังเกิดขึ้น ถ้าไม่ใช่การต่อสู้ในถิ่นฐานวานรน้ำแข็ง เขาก็คงไม่รู้ว่าประตูผ่านภูเขาถูกยึดไปแล้ว
เขามีมุมมองที่จำกัด
มันทำให้ยากมากที่จะเดาว่า หยุน ชิงวู คิดอะไรอยู่ นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเขาต้องการแนะนำให้คนพวกนี้เข้าโจมตีปีศาจที่เมืองภูเขาเซียน
จากนั้น…
เขาก็คิดถึงเมืองเงาเลือด
มันเป็นความบังเอิญจากคนที่พยายามลบเขาออกจากสถานการณ์ อย่างที่พูดไป เขาถูกบีบจากทุกๆทาง
จะเป็นไปได้หรือไม่?
ที่ดินแดนภูเขาทางใต้จะสามารถเข้ายึดเมืองเงาเลือดได้?
ช่างไร้เดียงสา!
แม้แต่จักรพรรดิของอาณาจักรเซี่ยก็ไม่กล้าโจมตีเมืองเงาเลือด มันไม่ใช่เมืองที่เปราะบางเหมือนกับเมืองภูเขาเซียน
กองทัพปีศาจจากทั้ง 10 ดินแดนอยู่ที่นั่น
ฟาง เจิ้งจือ ไม่รู้ถึงจำนวนที่แน่นอน แต่อย่างน้อยๆก็ 200,000 คนได้
ถึงจะเป็นจำนวนที่เหมาะสมที่จะเข้ายึดเมืองเงาเลือด
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาคิดถึงเรื่องนี้เขาก็เริ่มรู้สึกเย็นเยียบไปทั้งตัว
เนื่องจาก หยุน ชิงวู ต้องการปิดล้อมเมืองภูเขาเซียน ทำไมนางถึงใช้ทหารแค่ 50,000 กันล่ะ?
ถ้านางใช้ทหาร 100,000 หรือ 200,000 เลยล่ะ ก็ดินแดนภูเขาทางใต้ต้องเผชิญกับศัตรูทั้งสองทาง ดินแดนภูเขาทางใต้จะจบสิ้นทันที
เผชิญหน้ากับศัตรูสองทางในครั้งเดียว!
อาณาจักรเซี่ยนั้นใช้ประตูผ่านภูเขาเป็นจุดระวังภัยและให้ดินแดนภูเขาทางใต้เป็นรัฐบรรณาการเพื่อป้องกันการลอบโจมตีของพวกปีศาจ
สถานที่ตั้งจองเมืองเงาเลือดนั้นชัดเจน
ดินแดนภูเขาทางใต้อยู่ระหว่างปีศาจและอาณาจักรเซี่ย!
ฟาง เจิ้งจือ สงสัยว่าทำไมพวกปีศาจถึงร่วมมือกับดินแดนภูเขาทางใต้
เขาคาดการณ์ว่าดินแดนภูเขาทางใต้ต้องการใช้ประโยชน์จากปีศาจเพื่อให้ได้มาซึ่งอิสรภาพปีศาจต้องการใช้โอกาสนี้เพื่อแทรกซึมเข้าดินแดนภูเขาทางใต้ …
หรือ … ควบคุมดินแดนภูเขาทางใต้เอาไว้
ดูเหมือนจะค่อนข้างชัดเจน แต่ก็มีความหมายที่น่ากลัว ปีศาจจะมีเป้าหมายแค่ดินแดนภูเขาทางใต้อย่างนั้นหรือ?
พวกเขาจะพยายามอย่างมากเพื่อเป้าหมายแค่นี้อย่างนั้นรึ…
มันเพียงพอแล้วจริงๆงั้นหรือ?
ไม่!
มีบางอย่างผิดปกติ ดินแดนภูเขาทางใต้กับพวกปีศาจตกลงที่จะร่วมมือกันแล้ว พวกปีศาจถึงสามารถซ่อนทหารทััง 50,000 ของพวกเขาไว้ภายในเมืองภูเขาเซียนได้
หรือก็คือ
แค่นั้นก็ง่ายพอที่ปีศาจจะเข้ายึดดินแดนภูเขาทางใต้ได้แล้ว ทำไมพวกเขาต้องรอจนกว่าอาณาจักรเซี่ยจะเขาสู่ดินแดนภูเขาทางใต้ด้วย? ทำไมพวกเขาต้องรอจนกว่าการทดสอบเกือบจะจบด้วย?
มันดูไม่ใช่เรื่องที่ฉลาดเท่าไรนัก
มันซับซ้อนเกินไป! สิ่งที่ซ่อนอยู่มักจะเป็นสิ่งที่อันตรายที่สุดเสมอ ตั้งแต่ตอนที่พวกเขาสามารถควบคุมดินแดนภูเขาทางใต้ได้อย่างง่ายดาย ทำไมพวกเขาต้องเผยไพ่ในมือของพวกเขาออกมาด้วย?
มีเหตุผลที่เป็นไปได้เพียงข้อเดียว …
เป้าหมายของพวกเขา ไม่ใช่การควบคุมดินแดนภูเขาทางใต้!
แต่…
พวกเขาต้องการทำให้ดินแดนภูเขาทางใต้เป็นรัฐบรรณาการของตัวเอง ถ้าเป็นไปได้พวกเขาต้องการให้ดินแดนภูเขาทางใต้เป็นดาบของพวกเขา!
มันต้องเป็นอย่างนั้นแน่!
ตาของ ฟาง เจิ้งจือ เบิกกว้างเมื่อเขาคิดออก มันเป็นแผนที่แยบยลและน่าสะพรึงกลัว
แต่เขาก็ไม่แปลกใจที่ หยุน ชิงวู่ จะคิดแผนการที่แยบยลนี้ขึ้นมา
“ฝ่าบาท โปรดออกคำสั่งให้ทหารทั้ง 80,000 นายของเรามุ่งหน้า …ดินแดนที่ใกล้ที่สุดกับพวกปีศาจคือที่ไหน?”ฟาง เจิ้งจือ หยุดตัวเอง เขาตระหนักว่าได้ลืมชื่อของถิ่นฐานที่ห่างไกลนั้นไปแล้ว
“หนาน หลิง เดี๋ยวก่อน เจ้าพูดว่าอะไรนะ? เจ้าต้องการให้ข้าส่งทหาร 80,000 คนไปที่ หนาน หลิง งั้นรึ?! นี่เจ้า …เอาจริงรึ?”องค์หญิง ฉาน ยู่ ไม่เคยคิดว่านางจะได้ยินความคิดที่ไร้สาระเช่นนี้หลังจากที่รอมานาน
นางไม่สามารถทนได้อีกต่อไป!
ทุกคนที่อยู่ในตำแหน่งเดียวกันกับนางจะรู้สึกแบบเดียวกัน
แม่ทัพทั้งหมดต่างโกรธแค้น เมืองภูเขาเซียนถูกปิดล้อม ทำไมเราถึงต้องส่งทหารไปที่ หนาน หลิง ด้วย?
เราจะไปทำอะไรที่นั่น!
ไม่มี!
นี่มันไม่ใช่แค่สงคราม มันเป็นความวุ่นวาย!
“ทำไมข้ารู้สึกว่าเขาเป็นสายของพวกปีศาจเลย?“
“ส่งทหาร 80,000 นายไปที่ หนาน หลิง? เขาต้องการให้พวกเราเข้าโจมตีเมองเงาเลือก? โจมตีเมืองหลวงของพวกปีศาจเพื่อรักษาชีวิตพวเราเอาไว?“
“ตลกมาก! ทหาร 80,000 คน จะสามารถพิชิตเมืองภูเงาเลือดได้ยังไง?!“
แม่ทัพทุกคนเยาะเย้ยขณะที่พวกเขารักษาระยะห่างเอาไว้
“เจ้ากำลังทำให้เวลาของข้าเสียเปล่านะ!” องค์หญิง ฉาน ยู่ ส่ายหัว
“ถ้าเจ้าไม่เชื่อข้า ดินแดนภูเขาทางใต้ต้องแพ้แน่นอน!“ฟาง เจิ้งจือ พูดด้วยความนิ่งสงบ ขณะมองไปที่องค์หญิง ฉาน ยู่
“กล้าดียังไง! เจ้ากล้าพูดเช่นนั้นออกมาได้ยังไง! ต่อให้เจ้าอยู่ในระดับอภินิหาร เจ้าก็ไม่มีทางหนีออกจากกระโจมนี้ไปได้หรอก!” แม่ทัพคนหนึ่งไม่สามารถทนได้อีกต่อไป
เขาดึงมีดออกมา
“ตาย!“
“ใครก็ตามที่กล้าพูดอะไรที่ทำให้คนของพวกเราหมดกำลังใจต้องตาย!“
เหล่าแม่ทัพทุกคนต่างตะโกนออกมาด้วยความโกรธ ก่อนที่จะดึงดาบออกมา พวกเขาต่างปล่อยจิตสังหารออกมากดดัน ฟาง เจิ้งจือ
“หยุด!” องค์หญิง ฉาน ยู่ ตะโกนขึ้นมาเพื่อหยุดทุกคน นางจ้องเขม็งไปที่ ฟาง เจิ้งจือ ” ฟาง เจิ้งจือ ข้าคิดว่าเจ้าเองก็เป็นอัจฉริยะคนหนึ่ง แต่ข้าไม่คิดจะให้เจ้าพ่นอะไรไร้สาระอกมาหรอกนะ พวกเรากำลังรีบและต้องการคำแนะนำจริงๆ แต่ถ้าเจ้ายังทำให้พวกเราสูญเสียขวัญกำลังใจอีก และไม่ให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์กับพวกเรา ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าออกไปเด็ดขาด!“
ร่างขององค์หญิง ฉาน ยู่ เริ่มมีออร่าแสงสีแดงปรากฎขึ้นมา ลวดลายเมฆเริ่มปรากฎขึ้นมาบนร่างของนาง
“คำอธิบาย?” ฟาง เจิ้งจือ มองไปที่องค์หญิง ฉาน ยู่และแม่ทัพที่อยู่รอบๆ ก่อนที่จะเดินไปใกล้ๆที่นั่งขององค์หญิง ฉาน ยู่ และหยิบผลไม้ขึ้นมา
“ทำไมเจ้าไม่อธิบายมาละว่าพวกปีศาจกว่า 50,000 นาย สามารถลอบเข้ามาในดินแดนภูเขาทางใต้โดยที่พวกเจ้าไม่รูตัวได้ยังไง?“
ฟาง เจิ้งจือ เคี้ยวผลไม้
“นั่นเป็นเพราะพวกเราได้ทำข้อตกลงกับพวกมันเอาไว้แล้ว! ไม่อย่างนั้นเจ้าคิดว่าพวกเราจะปล่อยให้พวกเมันเข้าใกล้เมืองภูเขาเซียนอย่างนั้นหรือ?“
“ใช่แล้ว! ยิ่งกว่านั้นถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าพวกเราต้องต่อสู้กับอาณาจักรเซี่ย พวกปีศาจคงไม่มีโอกาสแน่นอน!“
“เขาเป็นแค่ … “
แม่ทัพทุกคนเริ่มโต้ตอบ อย่างไรก็ตามพวกเขากลับหยุดพูดก่นที่จะเปิดเผยสิ่งสำคัญอะไรออกมามากกว่านี้
“มีอะไรงั้นรึ? ทำไมไม่พูดต่อล่ะ?”” ฟาง เจิ้งจือ กระตุ้น
“ฟาง เจิ้งจือ นี่เป็นความลับทางทหาร เจ้าเป็นคนของอาณาจักรเซี่ย พวกเราไม่สามารถพูดเรื่องนี้กับเจ้าได้!“แม่ทัพคนหนึ่งพูดอย่างโกรธเคือง
“เป็นอย่างนั้นหรอกหรือ? ข้าเดาว่าพวกเจ้าได้รวบรวมกองกำลังทั้งหมดไว้ที่สี่ถิ่นฐานหลัก <