“หยุด!”หลังจากเดินไปได้ 15 นาที ฟาง เจิ้งจือ ก็ไม่สามารถทนได้
“มีอะไรงั้นรึ?” ข้าอยากเห็นองค์ราชาและพี่ชายที่ 3 ทำไมเราต้องหยุดด้วย?”องค์หญิง ฉาน ยู่ ขมวดคิ้วและมองดู ฟาง เจิ้งจือ อย่างสงสัย
“ข้าคิดว่าพวกเราควรเปลี่ยนเสื้อผ้า” ฟาง เจิ้งจือ ตอบกลับ
“เปลี่ยน? ทำไม?“
“ฝ่าบาท … ลองคิดดูสิ พวกเราไม่เจอปัญหาอะไรเลยจนตอนนี้ …แต่พวกเราต้องหยุดทุกครั้งที่พบพวกทหารยามมันทำให้เราเสียเวลา และเผยตัวตนของเจ้าให้โลกได้รู้พวกเราสามารถเปลี่ยนแปลงและพิจารณาถึงตัวพวกเราเอง… “ฟาง เจิ้งจือ อธิบาย
“ฮึ่ม นั่นก็จริง!”องค์หญิง ฉาน ยู่ ถูกขัดจังหวะ จากนั้นนางก็หันไปสำรวจรอบๆก่อนจะวิ่งเข้าไปในมุมมืด
ฟาง เจิ้งจือ สับสน
ไม่มีใครอยู่ที่นั่น ทำไมองค์หญิง ฉาน ยู่ ถึงไปที่นั่น? นางจะทิ้งเขาหรือ? เขาจะออกไปได้ยังไง?
ขณะที่เขากำลังครุ่นคิดก็ได้ยินเสียงขององค์หญิง ฉาน ยู่
“เจ้า และเจ้า ถอดเสื้อผ้าออก!“
“รับทราบ ฝ่าบาท!“
ไม่นานองค์หญิง ฉาน ยู่ ก็ออกมาจามุมมืด
นางถือชุดเกราะหวาย 2 เกราะไว้ในมือ
“นี่เสื้อผ้า” องค์หญิง ฉาน ยู่ โยนมันให้กับ ฟาง เจิ้งจือ อย่างภูมิใจ
ฟาง เจิ้งจือ ไม่แน่ใจในสิ่งที่เขาเห็น เขารู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
วังหลวง!
นอกจากหน่วยลาดตระเวน พวกเชาก็ซ่อนตัวอยู่ในมุมมืดเพื่อลอบโจมตี
อันตรายมีอยู่ทุกหนแห่ง
เดี๋ยวก่อน… ตำแหน่งในการลาดตระเวนของทหารยังไม่เปลี่ยนแปลงนั่นหมายความว่า… เมืองภูเขาเซียนยังอยู่ในการควบคุมของดินแดนภูเขาทางใต้?
ตาของ ฟาง เจิ้งจือ กระตุกเล็กน้อย เขารู้ว่านี่เป็นโอกาสที่ดี ถ้าที่นี่ยังไม่ได้ถูกควบคุมโดยเหล่าปีศาจ
แต่…
ถ้าเมืองนี้ยังอยู่ภายใต้การควบคุมของดินแดนภูเขาทางใต้จริงๆ ทำไมทั้งราชาและรัชทายาท ฉาน หลิง ถึงไม่หนีออกมาล่ะ? ถ้าพวกเขาสามารถเข้ามาได้ง่ายๆ มันก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับพวกเหล่าราชวงศ์จะหนีออกมา
มันต้องมีบางอย่างผิดปกติ!
มีบางอย่างผิดปกติอย่างแน่นอน!
ฟาง เจิ้งจือ คิดแบบนั้น แต่เขาไม่สามารถหาได้ว่าอะไรที่ผิดปกติ เขาต้องรีบคิดให้ออกเร็วที่สุด
เขาพบที่เงียบๆ ก่อนที่เขาจะสวมชุดเกราะหวาย จากนั้นเขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ด้วยชุดเกราะนี้อย่างน้อยเขาก็จะไม่เป็นจุดสังเกตุและสามารถหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าได้
ทุกอย่างจะง่ายขึ้น
การเดินทางมากับองค์หญิง ฉาน ยู่ ทำให้ ฟาง เจิ้งจือ สามารถเดินทางเข้ามาในพระราชวังที่ซับซ้อนได้โดยไม่เจอปัญหาใดๆ จากนั้นพวกเขาก็เดินทางมาภึงประตูขนาดใหญ่
มันเป็นประตูที่ประดับด้วยทองคำและเพชร มันผสานกันจนกลายเป็นงานศิลปะที่งดงาม
พวกเขาสามารถได้ยินเสียงกลองจากภายใน
ทหารยามสวมชุดเกราะหนักหกคนยืนอยู่ที่ประตู แต่ละคนมีร่างกายอันใหญ่โตและมีผิวสีดำราวกับน้ำหมึก
ภาพบนประตูเป็นรูปสัตว์ร้าย
มันดูเหมือนกับสิงโตแต่มีปีกอยู่คู่หนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นมันมีเขาอยู่คู่หนึ่งบนหัวด้วย
บนเขาเต็มไปด้วยลวดลายที่ซับซ้อน
ลายเมฆ!
จนถึงตอนนี้ ฟาง เจิ้งจือ ได้เห็นลายเมฆมาหลายครั้ง เขาเห็นมันครั้งแรกที่กลืนกินโลก…
จากนั้นเห็นมันอีกครั้งที่ขลุ่ยหยกของ วู่ เฟิง…
จากนั้นก็เห็นมันบนตัวขององค์หญิง ฉาน ยู่ และตอนนี้ที่ประตู มันทำให้เขาเกิดความอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาอีกครั้ง
ลวดลายเมฆ …
มันคืออะไรกัน?
ฟาง เจิ้งจือ อยากจะถามองค์หญิง ฉาน ยู่ เพราะอย่างน้อยนางก็มีลายนี้บนร่างกายของนาง อย่างไรก็ตาม ทันใดนั้นเสียงกลองได้หยุดลง
จากนั้นพวกเขาก็ได้ยินเสียงโต๊ะและเก้าอี้พัง เขาได้ยินเสียงของคนที่ดูโกรธเกรี้ยวดังมาจากข้างใน
“กบฏ หยุดสิ่งที่เจ้ากำลังจะทำซะ!“
ฟาง เจิ้งจือ ตากระตุก อีกครั้ง
กบฎ?
จากลายที่เขาเห็นบนประตู เขามั่นใจว่าคนที่อยู่ด้านในไม่เป็นองค์รัชทายาทก็เป็นองค์ราชา
นั่นหมายความว่า ‘กบฏ’ อาจเป็น…
มันดูเหมือน…
จะมีปัญหา!
ฟาง เจิ้งจือ หงุดหงิดเล็กน้อย หรือว่าองค์รัชทายาทจะใช้โอกาสนี้ในการก่อกบฏ? นี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นบ่อยในประวัติศาสตร์
องค์รัชทายาทอาจจะใช้โอกาสนี้เพื่อร่วมมือกับคนภายนอกในการการยึดบัลลังก์
มันอาจจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้?
ฟาง เจิ้งจือ ต้องการเข้าไปดูด้านใน แต่เขารู้ว่าตัวเขาต้องรักษาความเยือกเย็นเอาไว้ เขาไม่ควรเคลื่อนไหวอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า เขาคิดจะรอให้ทหารยามทั้งหกคนมีท่าทีก่อน
อย่างไรก็ตาม …
ทหารที่ยืนอยู่หน้าประตู ไม่แม้แต่จะกระพริบตาเท่านั้น ราวกับพวกเขาไม่ได้ยินเสียงที่เกิดขึ้นด้านใน
ต้องมีบางอย่างผิดปกติ!
หากมีกบฏอยู่ข้างใน ทหารควรพุ่งเข้าในในห้องเพื่อปกป้ององค์ราชาแล้ว!
ทำไมพวกเขาถึงไม่เคลื่อนไหว?
หรือว่า…
พวกเขาเป็นคนขององค์รัชทายาท?!
ฟาง เจิ้งจือ รู้ว่านี่เป็นแค่ความเป็นไปได้อย่างไรก็ตามสิ่งนี้มีผลกระทบที่น่ากลัว
ถ้าทหารยามภักดีต่อองค์รัชทายาท …
การกบฏครั้งนี้มีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จ
“ท่านพ่อ!“
เหตุการณ์นี้จะเป็นเหมือนกฎของเมอร์ฟี่อีกครั้ง (เป็นภาษิตที่ผู้คนมักใช้พูดกันว่า”ถ้าความซวยมันจะเกิด มันก็ต้องเกิด ” (Anything that can go wrong, will go wrong))
ฟาง เจิ้งจือ กำลังตัดสินใจระหว่างเข้าข้างองค์ราชาและเข้าไปช่วยเหลือเขา หรือเข้าข้างองค์รัชทายาทและตามน้ำกับองค์หญิงไป
แสงสีแดงเปล่งประกายจากร่างกายของนาง
ท่าทีของเหล่าทหารเปลี่ยนไปทันทีเมื่อเห็นองค์หญิง พวกเขาต่างก็ตกใจ
“องค์หญิง!“
“นั่นคือองค์หญิง!“
“ยินดีที่ได้พบฝ่าบาท!“
ทหารต่างมองกันและถกเถียงด้วยเสียงกระซิบ อย่างไรก็ตามไม่มีใครคุกเข่าลงเพื่อแสดงความเคารพ
“หลบไป!“องค์หญิง ฉาน ยู่ ออกคำสั่ง
“เอ่อ …”
ท่าทีของพวกเขาค่อนข้างสับสน
“ข้าบอกว่าให้หลบไป!” องค์หญิง ฉาน ยู่ เริ่มโกรธขึ้นมา
“โปรดอภัยให้เราด้วยฝ่าบาท องค์รัชทายาททรงสั่งพวกเราว่าไม่ให้ผู้ใดผ่านเข้าไปได้!”หนึ่งในทหารยามตอบด้วยความเคารพ
“พี่สามของข้าอยู่ที่นี่รึ! ที่นี่คือศาลราชา ทำไมเขาถึงไม่อยู่ที่พักของตัวเองเพื่อวางแผนรับมือกับพวกปีศาจ? เขามาทำอะไรที่นี่?” องค์หญิง ฉาน ยู่ ขมวดคิ้ว
“สิ่งนั้น… ข้าเองก็ไม่ทราบขอรับ”ทหารต่างมองหน้ากันและกัดฟันแน่น
“เจ้าสวะ มีใครอื่นอยู่ที่นี่อีก?“
“ไม่ทราบขอรับ”
“เจ้าไม่รู้? หรือเจ้าไม่พูด หลบไป ข้าจะเข้าไปข้างใน!”องค์หญิง ฉาน ยู่ ส่ายหัวของนางและดวงตาของนางที่เปล่งประกายอย่างเย็นเยือก
“โปรดอภัยให้พวกเราด้วย” ทหารยามกัดฟันของพวกเขาแน่น
“เจ้ากล้าดียังไง!ข้าอยากจะรู้นักว่าจะมีกี่คนที่กล้าหยุดข้า!”ร่างขององค์หญิง ฉาน ยู่ ระเบิดพลังแสงสีแดงออกมา
ฟาง เจิ้งจือ เคยเห็นองค์หญิง ฉาน ยู่ โกรธมาก่อน เขาเคยเห็นด้วยตาตัวเองแล้ว
แต่คราวนี้ …
มันให้ความรู้สึกที่แตกต่าง …
ก่อนหน้านี้ความโกรธของนางเกิดจากความไม่สามารถทนเก็บความโกรธเอาไว้ได้ แต่คราวนี้นางกำลังแสดงพลังอำนาจของนาง
อำนาจขององค์หญิง
ในฐานะองค์หญิงของดินแดนภูเขาทางใต้ นางยอมรับว่าคนนอกอาจท้าทายอำนาจของนางได้ แต่นางจะไม่ยอมให้ทหารยามทำแบบเดียวกันแน่
แสงสีแดงปกคลุมรอบร่างกายของนาง ในขณะที่ลวดลายของเมฆปรากฎขึ้นบนผิวหนังของนาง
ในเวลาเดียวกัน ฟาง เจิ้งจือ สัมผัสได้ถึงคลื่นความร้อน มันเป็นบรรยากาศที่แปลกประหลาดเป็นอย่างมาก
บรรยากาศรอบๆเคลื่อนไหวเป็นจังหวะ…
ราวกับการเต้นของหัวใจ
ตอนนี้นางราวกับสัตว์ป่า…
นั่นเป็นคำเดียวที่ ฟาง เจิ้งจือ นึกคำอธิบายได้ ดวงตาของนางจ้องไปที่ทหารยามเขม็ง ขาของนางงอลงเล็กน้อย
และลวดลายของเมฆที่เปล่งแสงสีแดง …
นางดูเหมือนกับเสือดาวที่จ้องตะครุบเหยื่อ
ทหารยามทั้งหกคนต่างหน้าซีดขาวเมื่อได้เห็นสิ่งนี้ แขนของพวกเขาสั่นเทา
ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังเผชิญหน้ากับสิ่งที่ทำให้พวกเขาหวาดกลัว
“นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของเจ้า หลีกทางไป!” องค์หญิง ฉาน ยู่ ตะโกนลั่นอีกครั้ง คราวนี้เสียงของนางดูเหมือนจะเปล่งมาจากส่วนลึกภายในร่างกายของเธอ
ฟาง เจิ้งจือ จำได้ว่าแม่ทัพไถ่เองก็เคยทำบางอย่างที่คล้ายกันนี้ตอนสู้กับเขา
ตอนนี้องค์หญิง ฉาน ยู่ เองก็คำรามราวกับสัตว์ร้ายเช่นกัน
แต่…
มันดูไม่เหมือนกับแม่ทัพไถ่ ร่างกายขององค์หญิง ฉาน ยู่ ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป
ลวดลายเมฆบนผิวของนางคืออะไรกัน?