ฟาง เจิ้งจือ อยากรู้เกี่ยวกับลวดลายเมฆนั่น เขาจะไม่พลาดหากได้ตรวจสอบ
เขาสามารถเข้าร่วมกับองค์หญิงเพื่อเอาชนะทหารยามทั้งหกได้
แต่นั่นจะเป็นการดูหมิ่นองค์หญิง ฉาน ยู่ เกินไป
ถ้านางไม่สามารถเอาชนะยามเพียงไม่กี่คนได้ แล้วนางจะรักษาตำแหน่งในกองทัพได้อย่างไร
แน่นอนว่ามีเหตุผลอื่นที่ทำให้เขาไม่โจมตี
เขาชอบลอบโจมตีระหว่างการต่อสู้มากกว่า
โดยการทำเช่นนั้น เขาคิดว่ามันจะทำให้พวกเขามีโอกาสชนะมากขึ้น
เขาจะฆ่านกสามตัวด้วยหินเพียงก้อนเดียวอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เขาจะเพิ่มโอกาสชนะด้วยการแสดงความเคารพต่อองค์หญิง ฉาน ยู่ และสามารถตรวจสอบเรื่องลายเมฆนั่นได้
องค์หญิง ฉาน ยู่ เริ่มเคลื่อนไหว
ทหารทั้งหกยืนถือหอกสีดำไว้ในมือ มือของพวกเขาซีดขาวในขณะเตรียมรับการโจมตีพวกเขาเป็นทหารชั้นยอด ทั้งหมดอยู่ในระดับสะท้อนสวรรค์ขั้นสูง
1 ในพวกเขาอยู่ในระดับอภินิหารแล้วอย่างไรก็ตามพวกเขาไม่กล้าประมาท องค์หญิง ฉาน ยู่
พวกเขาไม่ได้พูด
พวกเขารู้ว่าคำพูดนั่นไร้ประโยชน์สำหรับตอนนี้
พวกเขาต้องปฏิบัติหน้าที่และปฏิบัติตามคำสั่งที่ได้รับ องค์รัชทายาทออกคำสั่งชัดเจนว่าห้ามใครผ่านเข้าไป!
“ฟุ้บ!“
แสงสีแดงเคลื่อนไหวไปมาอย่างรวดเร็ว
องค์หญิง ฉาน ยู่ กระโดดขึ้นพร้อมหยิบมีดสั้นที่ขาของนางออกมา นางพุ่งเข้าไปจ่อคอทหารคนหนึ่ง
ฟาง เจิ้งจือ รู้ดีว่าดาบนั้นคมแค่ไหน
แต่มีดสั้นนั้นไม่ใช่แบบนั้นมันไม่ได้คมมากแต่มีดสั้นของนางมีออร่าที่เผาไหม้และทำจากวัสดุที่เป็นเอกลักษณ์
“ชิ้ง!“
เสียงที่คมชัดดังขึ้นเมื่อหอกและมีดสั้นปะทะกัน ทหารยามรับการโจมตีขององค์หญิง ฉาน ยู่
กล้ามเนื้อของเขาเกร็งแข็ง
ผิวของเขาสามารถเห็นผ่านเกราะ เห็นได้ชัดว่ามันยากแค่ไหนที่จะรับการโจมตีนี้
แต่เขาก็ยังสามารถต้านมันไว้ได้
อย่างน้อยนั่นคือสิ่งที่ ฟาง เจิ้งจือ คิด
ความคิดของเขาเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากปะทะกัน มีดไม่มีท่าทีที่จะหยุดลง มันยังคงแทงไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง
“ตูม!“
ทันใดนั้นเองหอกในมือของทหารแตกออกเป็นสองส่วนหลังจากนั้นไม่นานเลือดก็กระจายไปทั่ว
มันมากจากแผลบนหน้าอกที่ถูกมีดแทง
องค์หญิง ฉาน ยู่ พุ่งเข้าไปจ่อที่ลำคอ แม้ว่าทหารยามจะสามารถรับการโจมตีไว้ได้ ฟาง เจิ้งจือ ก็มั่นใจว่านางจะไม่พลาดเป้า
แต่นางก็จงใจพลาด นางไม่ได้กะเอาถึงตาย
มีดเสียบทะลุอกของเขาอย่างชัดเจน แต่ไม่ได้ลงไปลึกมา จากนั้น องค์หญิง ฉาน ยู่ ก็กางแขนออกราวกับนกที่กางปีก
หลังจากนั้น …
มีบางสิ่งที่น่าตกใจเกิดขึ้น
องค์หญิง ฉาน ยู่ หมุนตัวก่อนจะเข้าพุ่งไปกลางทหารทั้งหกราวกับพายุแห่งความตาย
นางเผชิญหน้าแบบ หกต่อหนึ่ง แต่นางยังคงพุ่งเข้าไปกลางวงต่อสู้
ฟาง เจิ้งจือ คิดว่านางเสียสติ
ที่สำคัญไปกว่านั้น ทหารทั้งหกคนไม่ได้อ่อนแอ แม้ว่าองค์หญิง ฉาน ยู่ จะมีอาวุธที่เหนือกว่าแต่ก็ไม่ควรประมาท
แต่…
นางก็ยังทำ
ทหารยามทั้งหกต่างดิ้นรน แขนของพวกเขาแข็งเกร็งเพื่อต้านพลังขององค์หญิง ฉาน ยู่
เมื่อพวกเขาพยายามที่จะโจมตี สิ่งแปลกประหลาดก็เกิดขึ้นมันราวกับว่าการโจมตีของพวกเขาถูกดึงไปที่มีดขององค์หญิง ฉาน ยู่
มันราวกับเป็นจังหวะ
จังหวะที่แปลกและลึกลับมาก ดาบทุกดาบปะทะเข้ากับตัวมีดขององค์หญิง ฉาน ยู๋ พอดี
ฟาง เจิ้งจือ ไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร หรือมันมาจากที่ไหน แต่เขามั่นใจว่า มันเป็นเพราะความสามารถของนาง
ในความเป็นจริงมันให้ความรู้สึกเหมือนว่านางควบคุมทุกการเคลื่อนไหวไว้ได้
“แคร้ง แคร้ง!“
หอกแตกเป็นเสี่ยง เลือดไหลออกจากแผลที่อกไม่นาน กาต่อสู้ก็จบลง และเส้นทางได้เปิดออก
พวกเขาไม่ได้เปิดทางให้
แต่องค์หญิง ฉาน ยู่ ฝ่าผ่านเข้าไป
ฟาง เจิ้งจือ ตกตะลึง เขาคิดว่าองค์หญิง ฉาน ยู่ เสียสติ แต่นางก็พิสูจน์ว่าเขาคิดผิด
เขายังสงสัยว่าการต่อสู้ครั้งนี้จะใช้เวลานานแค่ไหน ถ้าพวกเขาเป็นทหารของพระราชวัง …
พวกเขาคงไม่ได้อ่อนแอ
อย่างไรก็ตาม …
การต่อสู้ครั้งนี้เร็วกว่าที่เขาคาดไว้มาก
เร็วกว่ามากๆ
มันเป็นวิชาอะไรกันแน่?
ฟาง เจิ้งจือ พยายามคิด
พายุนั้นไม่ได้เกิดขึ้นมาจากทักษะที่ยอดเยี่ยมของนางเพียงอย่างเดียว มันเป็นการเคลื่อนไหวอย่างถูกจังหวะ
ฟาง เจิ้งจือ ไม่เคยพบเห็นมาก่อน
“แข็งกร่งมาก!” ฟาง เจิ้งจือ พึมพัมอย่างไม่รู้ตัว เขาได้ยินทหารและ เถิง ซือเซิง พูดว่าองค์หญิง ฉาน ยู่ นั้นแข็งแกร่งมาก ตอนนั้น ฟาง เจิ้งจือ คิดว่าเป็นเพราะพวกเขาชื่นชมนางเพราะนางเป็นเชื้อพระวงศ์
แต่นางมีความสามารถจริงๆ
เขาไม่เข้าใจเรื่องนี้มาก่อน
แต่ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว
องค์หญิง ฉาน ยู่ สามารถผ่านทหารทั้งหกคนไปได้อย่างง่ายดาย ถ้าพวกเขาไม่ปล่อยให้นางผ่านไป ตอนนี้ลำคอของพวกเขาคง
หรือก็คือ
องค์หญิง ฉาน ยู่ ทีความสามารถในการเอาชนะทหารทั้งหกคนได้ในชั่วพริบตา
นี่เป็นพลังของนางงั้นรึ?
ฟาง เจิ้งจือ คิดว่าพลังขององค์หญิง ฉาน ยู่ นั้นเกี่ยวของกับลายเมฆบนตัวของนาง สิ่งที่เขาเพิ่งได้เห็นน่าจะยืนยันเรื่องนี้ได้ดี
หนานกง เฮา นั้นแข็งแกร่ง
เขาแข็งแกร่งเพราะเขาเข้าใจเต๋าได้เป็นอย่างดี และหัวใจหรือจิตใจของเขาได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี
ในทางกลับกัน…
พลังชององค์หญิง ฉาน ยู่ มาจากประสบการณ์ในการต่อสู็ นางต่อสู้เคียงข้างกับทหารมานับครั้งไม่ถ้วน
จังหวะ?
นางสามารถควบคุมจังหวะในการคเลื่อนไหว รวมถึงความเร็วอันน่ากลัวของนาง ทั้งความยืดหยุ่น และเทคนิกการต่อสู้เฉพาะตัว…
ทุกอย่างรวมกันกลายเป็นความแข็งแกร่ง…
แข็งแกร่งจนน่ากลัว…
ฟาง เจิ้งจือ รู้ว่าตอนนี้อยู่ในระดับอภินิหาร แต่ถ้าให้เขาต้องมาสู้ตัวต่อตัวกับองค์หญิง…
เขาไม่มีทางปล่อยให้นางเข้ามาใกล้ตัวแน่นอน!
นางสามารถปาดคอของเขาได้ จากนั้นก็เอามีดแทงเข้าไปในหัวใจ หรือควักลูกตาเขาออกมาได้อย่างรวดเร็ว…
ตอนนี้ ฟาง เจิ้งจือ อยากยืนแบบรักษาระยะห่างจากองค์หญิง ฉาน ยู่ ขึ้นมาทันที
แม้เขาจะไม่ได้เป็นเป้าหมายขององค์ญิง ฉาน ยู่ ในตอนนี้ก็ตาม
ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าทำไมแม่ทัพทุกคนที่อยู่ในกระโจมถึงเว้นระยะห่างตอนที่ นางสูญเสียความเยือกเย็น
“ตูม!” เสียงดังสนั่นขัดความคิดของ ฟาง เจิ้งจือ
จากนั้น ฟาง เจิ้งจือ ก็สัมผัสได้ถึงเสียงลมที่พัดมาปะทะเขาเบาๆ
ประตูถูกเปิดออก
องค์หญิง ฉาน ยู่ เตะปะตูเปิดออก
ทุกการเคลื่อนไหวเกิดขึ้นอย่างไหลลื่น
มันเร็วอย่างน่าตกใจ
ฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้เคลื่อนไหวแม้แต่น้อย … เขาไม่ได้มีโอกาสให้โจมตีเลย
เมื่อเห็นประตูเปิดออก ทหารทั้งหกคนพยายามรีบเดินไปขวางทางเข้าไว้ แต่มัน ก็สายเกินไป
เป็นเพราะว่า…
องค์หญิง ฉาน ยู่ เข้าไปข้างในแล้ว
ทหารยามหน้าถอดสีทันที ไม่ใช่ว่าพวกเขาเสียเลือดจากบาดแผลอะไร แต่เป็นเพราะพวกเขาหวาดกลัว
เลือดยังคงไหลออกมาจากบาดแผลที่เปิดอยู่ อย่างไรก็ตามพวกเขากัดฟันและกระชับหอกที่หักแล้วในมือของพวกเขาให้แน่นขึ้น พวกเขาตัดสินใจที่หยุดองค์หญิง ฉาน ยู่
นี่คือภารกิจของพวกเขา
อย่างไรก็ตามพวกเขาต้องล้มเหลวอยู่แล้ว มันไม่มีทางหลีกเลี่ยง
ขณะที่พวกเขากำลังจะเข้าไปในห้องโถง ร่างหนึ่งก็ได้เดินเข้ามาแหวกลางกลุ่มพวกเขา
“โทษที ขอผ่านหน่อย!” นี่เป็นเสียงที่ดูสุภาพมาก แต่เมื่อมันดังออกมา มันมาพร้อมกับพลังอันรุนแรงที่ปะทะเข้ากับร่างของพวกเขา
มันเป็นเพราะความต่างชั้นของระดับพลัง
ก่อนที่พวกเขาจะได้สติ พวกเขาก็ถูกผลักออกมานอกประตูแล้ว
“ตูม!”ประตูกระแทกและปิดลง
ทหารทั้งหกคนมองดูประตูที่ปิดลงด้านหลังอย่างตกใจ ปากของพวกเขาอ้าค้างและลืมเรื่องบาดแผลไปจนหมดสิ้น