(จากตอนที่แล้วใช้ชื่อ รัฐมนตรีกรมกฎหมาย เปลี่ยนเป็น รัฐมนตรีกรมพิธีการ นะครับ)
ในสาส์นนั้นมีคำพูดเพียงไม่กี่บรรทัด มันทำให้ ฟาง เจิ้งจือ กังวลเล็กน้อย
เขาเชื่อว่าคำตอบจะอยู่ในสาส์นนั้น แต่ถ้าเขามองไม่เห็นมันก็ไม่มีความหาย
มันจะเป็นบทกวีงั้นหรือ?
ฟาง เจิ้งจือ เหลือกตามองไปมา จากต้นประโยค ถึงท้ายโยค หรืออ่านแบบทะแยงจากทุกบรรทัพ…
แต่หลังจากเขาพยายามทุกวิธีทางแล้ว ก็ยังไม่สามารถพบความหมายของมันได้
หรือมันเป็นเพียงสาส์นเพื่อเจรจาเท่านั้น?
ไม่…มันไม่ควรเป็นแบบนี้!
เดี๋ยวก่อน!
ถ้าเลือกสันติจะมีมีชีวิตรอด หากแยกจากเราจะพินาศ
“เราจะมีชีวิตอยู่หากสันติ หากแยกจากเราจะพินาศ!“
ทันใดนั้นเอง ฟาง เจิ้งจือ ก็เหล่มองเล็กน้อย และพบว่าประโยคนี้ไม่มีความแตกต่างอะไรนักแต่มันรวมอยู่กับคำที่ซ่อนอยู่ในสาส์นนี้
แต่มีปัญหาอยู่
มันมีคำที่ไม่ถูกต้อง!
“เราจะมีชีวิตอยู่อย่างสันติ หากแยกจากเราจะพินาศ”มันควรจะเป็น “รวมกันเราอยู่ แยกกันเราตายสิ?”
เขาเบลอจนเขียนผิดหรือเปล่า?
ฟาง เจิ้งจือ เชื่อว่าสิ่งนี้เป็นไปได้เล็กน้อย แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่วลีนี้จะหมายถึงความสันติ
ไม่!
มันไม่ใช่คำพ้องเสียง แต่เป็นคำที่มีความหมายแตกต่างกัน ความหมายที่แท้จริงของมันไม่ใช่ ‘สันติ’ แต่เป็น ‘ร่วมกัน’ เหมือนกับการรวมตัวเข้าด้วยกัน
(หมายเหตุนักแปล : ในภาษาจีนคำว่า ‘สันติภาพ’ และ ‘ร่วมกัน’ ใช้อักศรเดียวกัน แต่ออกเสียงต่างกัน)
การร่วมกัน …
ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว!
ดวงตาของ ฟาง เจิ้งจือ เปล่งประกาย ในที่สุดเขาก็เข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ของสาส์นนี้
เข้าใจความหมายของสาส์นนี้ …
แน่นอน เขารู้ว่าทำไม หลิน มู่ไป่ ถึงส่งรัฐมนตรีพิธีการมาที่นี่
ฟาง เจิ้งจือ คิดว่ามันยากที่จะเชื่อ แม้ว่าอาณาจักรเซี่ยจะอยู่ในสถานะที่เสี่ยง แต่นักปราชญ์คนนี้ยังคงมองเห็นแสงสว่างในก้นเหว
รวมกันเราอยู่ แยกกันเราตาย
หลิน มู่ไป่ ได้คาดการไว้แล้วว่าเผ่าปีศาจจะโจมตีดินแดนภูเขาทางใต้ ดังนั้นเข้าจึงเลือกที่จะร่วมมือกับดินแดนภูเขาทางใต้เพื่อเอาชนะเหล่าปีศาจ
เมื่อทั้งสองร่วมมือกันแล้ว
อาณาจักรเซี่ยย่อมมีโอกาส
แน่นอนมันเป็นโอกาสที่ยากลำบาก ถ้าไม่ใช่เพราะการรุกรรานของปิศาจจากเมืองเงาเลือด ตามแผนของเขามันน่าจะเป็นโอกาสที่ดี
อย่างไรก็ตาม…
ถ้ากองทัพปิศาจจากเมืองเงาเลือดมุ่งเข้าสู่เมืองภูเขาเซียนอย่างที่ ฟาง เจิ้งจือ คิด สิ่งนี้ก็ไม่อาจเรียกได้ว่าโอกาสอีกต่อไป
ต่อให้จะเก่งกาจแค่ไหน ถ้าต้องเจอศึกกับพวกปีศาจจำนวนมาก อาณาจักรเซี่ยก็ไม่ได้มีโอกาสมากนก
“ท่านพี่!“
เสียงขององค์หญิง ฉาน ยู่ ดังขึ้นอีกครั้ง เสียงของนางไม่ดังมากนัก แต่กลับหนักแน่นเหลือคณา
ฉาน หลิง หยุดมือ ดาบนั้นเต็มไปด้วยความเยือกเย็น มันจ่อที่คอของรัฐมนตรีพิธีการ
รัฐมนตรีพิธีกรมพิธีการ ตัวสั่นด้วยความกลัวใบหน้าของเขาซีดขาว แต่เขาก็ไม่ได้ขอความเมตตา
มันอาจจะเป็น…
เพราะความยิ่งยโสของเขา
แม้ว่าเขาจะตายเขาก็จะไม่ขอความเมตตา!
“เจ้าต้องให้ข้าพูดซ้ำอีกรอบงั้นรึ?”แขนของ ฉาน หลิง ไม่ได้เคลื่อนไหวแววตาของเขาหันไปมององค์หญิง ฉาน ยู่
“ท่านพี่ ถ้าข้าบอกว่ากองทัพปีศาจของเมืองเงาเลือดกำลังมุ่งหน้ามาที่เมืองภูเขาเซียน ท่านจะยังอยากเป็นองค์จักรพรรดิอยู่หรือไม่?”องค์หญิ ฉาน ยู่ กัดฟันแน่น
แน่นอนว่านางไม่รู้ชัดเรื่องของกองทัพปีศาจจากเมืองเงาเลือดว่ากำลังเร่งรัดบุกมาหรือไม่
ทั้งหมดนี้…
เป็นเพียงการคาดการณ์ของ ฟาง เจิ้งจือ
ถ้ากองทัพปีศาจไม่ได้บุกมาที่เมืองภูเขาเซียน ตามที่ ฉาน หลิง บอก มันเป็นไปได้ที่ดินแดนภูเขาทางใต้อาจจะแยกตัวออกจากอาณาจักรเซี่ย
แต่ถ้ากองทัพปีศาจจากเมืองเงาเลือดมาล่ะก็ ความคิดที่จะแยกออกจากอาณาจักรเซี่ยคงเป็นเรื่องตลก
ประเทศที่ถูกควบคุมโดยเผ่าพันธุ์อื่นจะยังคงได้รับเกียรติในฐานะประเทศได้ยังไง? ต่อให้เขาได้เป็นจักรพรรดิก็ไม่มีความหมาย?
องค์หญิง ฉาน ยู่ กำลังเดิมพัน
นางเดิมพันระหว่างเชื่อใน ฉาน หลิง หรือ ฟาง เจิ้งจือ และนางเลือกที่จะเชื่อใน ฟาง เจิงจือ ผู้ซึ่งนางรู็จักได้ไม่กี่เดือนและเจอกนไม่กี่ครั้ง
“หา? เจ้า…กองทัพปีศาจจากเมืองเงาเลือดกำลังมุ่งหน้ามาที่เมืองภูเขาเซียนงั้นรึ? นั้น … มันไม่เป็นความจริง ถ้ามันเป็นอย่างที่เจาพูดทำไมพวกเขาถึงต้องการทำสัญญากับข้า และให้เวลาข้าอีกตั้ง 3 วัน?“ฉาน หลิงยังพบว่ามันยากที่จะเชื่อ
“นี่ … ” เสียงขององค์หญิง ฉาน ยู่ หายไป นางสงสัยเช่นกัน
ถ้ากองทัพปีศาจจากเมืองเงาเลือด มุ่งหน้ามาที่เมืองภูเขาเซียน ตามปกติแล้วเวลาน่าจะสำคัญที่สุดพวกเขาจะไม่ปล่อยเวลาให้เมืองภูเขาเซียนได้ทันเตรียมตัว
นอกจากนี้เมืองภูเขาเซียนอยู่ในการควบคุมของพวกเขาแล้ว กองทัพปีศาจจะได้อะไรจากการทำเช่นนั้น
แต่ทำไมกองทัพปีศาจถึงทำสัญญาเช่นนั้น?
“เจ้าแน่ใจหรือว่ากองทัพปีศาจจากเมืองเงาเลือดโผล่มาแล้ว? เจ้าเห็นมันด้วยตาของตัวเองหรือไม่?”ฉาน หลิง เริ่มถามเมื่อองค์หญิง ฉาน ยู่ เงียบไป
“คือว่า…” องค์หญิง ฉาน ยู่ พูดไม่ออกอีกครั้งแน่นอนว่านางไม่เคยเห็นมัน แต่นางรู้สึกว่า ฟาง เจิ้งจือ พูดถูก นั่นเป็นเพียงความคิดเห็นของนาง
ไม่มีหลักฐานที่จะรับรองความคิดนั้นแม้แต่น้อย
องค์หญิง ฉาน ยู่ หันไปหาเด็กหนุ่มที่ซ่อนอยู่ด้านหลังของนางที่นิ่งเงียบตั้งแต่เข้ามาในพระราชวัง
“ในตอนแรกข้าไม่มั่นใจ แต่หลังจากี่ได้เห็นสัญญานั่น ข้าก็มั่นใจแล้ว!”ฟาง เจิ้งจือ กระโจนออกมา สายตาของเขาจ้องไปที่องค์หญิง ฉาน ยู่
เขาไม่อยากจะเผยตัวในสถานการณ์เช่นนี้ ไม่ขณะที่รัฐมนตรีพิธีการยังคงนอนหมดหนทางอยู่ที่พื้น
“นั่นใคร?! เจ้า …ไม่ใช่ทหารของพระราชวังนี้!เจ้ามาจากอาณาจักรเซี่ย! บอกชื่อของเจ้ามา และข้าจะทำให้เจ้าตายอย่างทรมาน!“ฉาน หลิง หันไปหา ฟาง เจิ้งจือ ทันทีที่เห็นการปลอมตัวของเขา
แต่ไม่ได้ความว่าก่อนหน้านี้เขาประมาท
ความจริงก็คือ …
หลังจากที่ ฟาง เจิ้งจือ ตามองค์หญิง ฉาน ยู่ เข้าไปในพระราชวัง เขาก็เห็นรัฐมนตรีกรมพิธีการยื่นมือออกมาขอให้ตัวเองช่วย แต่เพื่อป้องกันไม่ให้เปิดเผยตัวตนของเขา เขาจึงซ่อนอยู่ด้านหลังองค์หญิง ฉาน ยู่ และลดระดับศีรษะลง
ด้วยเหตุนี้ทำให้ ฉาน หลิง มองไม่เห็น ใบหน้าของ ฟาง เจิ้งจือ
และดูเหมือน ฉาน หลิง จะไม่ได้สนใจ ไม่ว่าในกรณีใดก็ตามเป็นเรื่องธรรมดาที่องค์หญิง ฉาน ยู่ จะมีองครักษ์ตามติดในพระราชวัง
อย่างไรก็ตามเมื่อองค์หญิง ฉาน ยู่ หันไปหา ฟาง เจิ้งจือ จึงไม่สามารถซ่อนตัวได้อีกต่อไป
“ฝ่าบาท แน่ใจหรือว่าควรกังวลเรื่องชื่อของข้ามากกว่าการโจมตีของกองทัพปีศาจ?“ฟาง เจิ้งจือ พูดขัด
ที่จริงแล้ว ฟาง เจิ้งจือ ควรจะเดินไปอย่างเงียบ ๆ แทนที่จะต้องอยู่ในสถานการณ์แบบนี้
ดูเหมือนว่าเขาไม่สามารถจากไปได้แม้เขาต้องการ
“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าคิดหรือว่าจะโน้มน้าวข้าได้?”ฉาน หลิง จ้องมองด้วยรอยยิ้ม
“ขึ้นอยู่กับสิ่งที่ท่านเชื่อ ข้าแค่พูดความจริงเท่านั้น” ฟาง เจิ้งจือ พยักหน้าและเหลือบมอง ฉาน หลิง “ถ้าข้าเดาถูก มันคงยังไม่นานนัก ที่ท่านทำสัญญากับพวกปีศาจให้ข้าเดาก็สักสองชั่วโมงก่อน“
“แล้วยังไง?“ท่าทีของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย น้ำเสียงยังคงสงบ แม้แต่รอยยิ้มไม่ได้จางหายไป
“การปิดล้อมเมืองภูเขาเซียน พวกปีศาจไม่มีเหตุผลที่ต้องยอมแพ้ในการเข้ายึดเมือง ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ให้เวลา 3 วันในการเตรียมการ เว้นแต่ว่า…”ฟาง เจิ้งจือ หยุดชั่วคราว
“เว้นแต่อะไร?”องค์หญิง ฉาน ยู่ ดูใจร้อน
“เจ้าไม่รู้จริงๆหรือ?”ฟาง เจิ้งจือ ไม่ใส่ใจกับคำพูดขององค์หญิง และจ้องไปที่ ฉาน หลิง
“พูดสิ!“ฉาน หลิง ทำหน้าบึ้งหน้าขมวดคิ้ว เขาจับดาบแน่น ก่อนจะมองไปที่รัฐมนตรีฝ่ายพิธีการที่ตัวสั่นเทาและยกดาบขึ้น
ดาบถูกยกออก รัฐมนตรีพิธีการถอนหายใด้วยความโล่งอก เห็นแบบนี้ ฟาง เจิ้งจือ อยากพูดอะไรบางอย่างออกมาทันที
ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น! ฟาง เจิ้งจือ คิด
ไม่ว่าเจ้าจะฆ่ารัฐมนตรีคนนี้หรือไม่ข้าก็ไม่สนใจ
ข้าไม่ได้ต้องการให้เจ้าถ่วงเวลาหรือทำให้เจ้าสับสน!
หรือก็คือ..
ฟาง เจิ้งจือ รู้ว่า ฉาน หลิง กำลังเข้าใจเขาผิด เขาคิดว่า ฟาง เจิ้งจือ เล่นแง่เพื่อปกป้องรัฐมนตรีกรมพิธีการไว้
ความเป็นจริงคือ ฉาน หลิง ทำสัญญาไปเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อน!
“เผ่าปีศาจและดินแดนภูเขาทางใต้มีบางอย่างทีเหมือนกัน พวกเขาทั้งสองขาดกำลังคน แต่สำหรับปีศาจนั้นแย่กว่า ดังนั้นที่เผ่าปีศาจยอมแพ้ในการบุกเมืองภูเขาเซียน ก็มีอยู่เหตุผลเดียวเท่านั้น…พวกเขาต้องการเวลาอีกหน่อย“ฟาง เจิ้งจือ พูดตามความคิดเห็น
“พวกเขายังต้องการเวลาเพิ่มอีกนิดหน่อย?!“
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ท่าทีขององค์หญิง ฉาน ยู่ ก็เปลี่ยนไป
ฉาน หลิง เองก็เช่นกัน ความสูงส่งและมีเกียรติของเขาหายไป กลับกลายเป็นความตกใจและหวาดกลัว