ประตูทางเข้าเนินเขาเหล็กในตอนนี้นั้นเต็มไปด้วยเลือด
เลือดที่พุ่งขึ้นไปในอากาศแล้วสาดลงสู่พื้น สายฝนสีแดงสาดไปทั่วจนทําให้กําแพงของเนินเขาเหล็กเป็นสีแดง
เหล่าปีศาจในชุดเกราะสีดํานับไม่ถ้วนต่างรวมตัวกันที่กําแพง แต่ละคนยกโล่ขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อป้องกันลูกธนูที่พุ่งมา
เสียงกรีดร้องดังลั่นไปทั่วฟ้า
หลายๆเสียงดังมาจากบนกําแพงเมื่อทหารของดินแดนภูเขาทางใต้ยิงธนูใส่ปีศาจ พวกเขาก็ถูกยิงเช่นกัน
ลูกธนูมากมายตกลงมาจากกําแพง
แต่ก็มีลูกธนูจากด้านล่างที่ยิงสวนขึ้นมาด้านบนอย่างรวดเร็วทุกๆครั้งที่ลูกธนูเข้าปะทะกันต่างเกิดเป็นเสียงดังชัดเจน
สงคราม…
มักจะโหดร้าย
ผู้ล้มตายเกิดขึ้นจํานวนมากภายในชั่วพริบตา
ปีศาจเข้ามาที่เนินเขาเหล็ก ราวกับเป็นสัตว์ร้ายที่เต็มไปด้วยจิตสังหารแรงกล้าพวกเขาพุ่งชนกําแพงของถิ่นฐาน
ท่ามกลางกองทัพสีดําสนิมนั้นมีจุดสีขาวเล็กๆอยู่
ราวกับเป็นดอกบัวในความโกลาหล หยุน ชิงวู ยืนอยู่ที่นั่น
นางยืนอยู่ที่ทางเข้าถิ่นฐาน เหนือหัวมีแสงสีฟ้าคอยปกป้อง ไม่มีปีศาจตนใดกล้าเดินเข้าใกล้ระยะ 1 เมตรของนาง
นางไม่ได้ออกคําสั่งใดๆ และไม่ได้เคลื่อนไหว
อย่างไรก็ตาม หยุน ชิงวู ไม่ได้หลุดไปจากสายตาของแม่ทัพมู่แม้แต่นิดเดียวเขารู้ชัดว่า หยุน ชิงวู จะทําอะไร
ตราบใดที่นางอยู่ที่ประตู…
นั่นหมายความว่า…
ขวัญและกําลังใจของปิศาจจะไม่มีทางหมดลงปีศาจจํานวนนับไม่ถ้วนจะปล่อยพลังโจมตีเข้าใส่ถิ่นฐานเนินเขาเหล็ก เอาชีวิตของพวกเขาเข้าแลกเพื่อที่จะเข้ามาในถิ่นฐาน
” ท่านแม่ทัพ พวกปีศาจโจมตีเข้ามานานกว่าสองชั่วโมงแล้ว พวกเราพบกับความเสียหายอย่างห ท่านจะขอกําลังเสริมจากประตูทิศอื่นหรือไม่?”เสียงดังขึ้นมา
“ไม่ ปกป้องประตูต่อไป!” แม่ทัพตอบกลับอย่างไม่ลังเล
“รับทราบ!” เสียงหายไป
แม่ทัพมู่ไม่ได้สนใจจะมองผู้ส่งสารแม้แต่น้อย เขากํามือแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อ
เขารู้ว่าเขาไม่สามารถต้านไว้ใต้นานกว่านี้ แต่เขาจะทําอะไรได้? เขาไม่มีทางเลือกอื่น!
แม้ว่าการขอกําลังเสริมจากประตูทิศอื่น ๆ ดูเหมือนจะเป็นความคิดที่ดี …
เขาก็ทําได้แค่ถ่วงเวลา ถ้าปีศาจลอบไปตีประตูอื่น เมืองจะพังเร็วขึ้นกว่าเดิม
ปีศาจกําลังโจมตีอย่างบ้าคลั่ง
อย่างไรก็ตามตอนนี้พวกเขาใช้แค่เพียงกองทัพเดียวเท่านั้น ทหารที่เหลือยังไม่เคลื่อนพลเลยแม้แต่น้อย หรือก็คือ
ทหารม้ายังไม่ได้เข้าร่วมการต่อสู้!
แม่ทัพมู่มั่นใจว่าถ้าเขาเรียกกองกําลังเสริมมาจากประตูทิศอื่น ทหารม้าจะลงโทษการตัดสินใจของเขาทันที
เมืองจะแตกในที่สุด
หน้าที่ของเขาคือการถ่วงเวลาพวกปีศาจเอาไว้ เขาจึงไม่สามารถเสี่ยงอะไรได้
เขาต้องทนให้นานที่สุดเท่าที่เขาจะทําได้!
ด้วยหนทางนี้
แม่ทัพมู่อยู่ที่ทําได้แค่อยู่ในกํามือของ หยุน ชิงวู การโจมตีเพียงประตูเดียว นางสูญเสียไปน้อยมาก
นางต้องการที่จะรักษาความแข็งแกร่งของกองทัพให้ได้มากที่สุด
แม่ทัพมู่รู้ถึงเรื่องนี้ แต่เขาก็ไม่สามารถทําอะไรเพื่อเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ได้ เขาไม่สามารถออกไปสู้ในที่เปิดได้เขาไม่สามารถเรียกกําลังเสริมจากประตูทิศอื่นมาได้
เขาพบกับความสูญเสียเป็นอย่างมาก
สิ่งเดียวที่เขาทําได้คือเฝ้าดูอยู่เฉยๆและถ่วงเวลาให้ได้มากที่สุด
” ท่านแม่ทัพ พวกเราเสียกําลังคนไป 3,200 คน แล้ว” ไม่นานนักเสียงก็ดังขึ้นข้างตัวแม่ทัพ
“ข้ารู้แล้ว สั่งให้พวกเขาป้องกันประตูต่อไป! “แม่ทัพพยักหน้า
“รับทราบ ท่านแม่ทัพ!” เสียงหายไปอีกครั้ง
ในช่วงเวลาสั้น ๆ แค่สองชั่วโมง
ใน 20,000 คน เราเสียคนที่แข็งแกร่งไปกว่า 30% แล้วเพื่อป้องกันประตู นั้นยังไม่รวมผู้บาดเจ็บไม่มีทาง
ถ้ายังปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปคงต้านไม่ได้ถึงสองชั่วโมงแน่
แม่ทัพมู่รู้ว่าการป้องกันจะยากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป ทหารของพวกเขาจะทั้งบาดเจ็บและเหนื่อยล้า
ด้วยวิธีการของปีศาจที่ใช้โจมตี…
พวกเขาจะไม่หยุดจนกว่าเมืองจะพังแน่
เขาต้องทํายังไง?
หน้าที่ของเขาคือการคุ้มกันถิ่นฐานเนินเขาเหล็กและถ่วงเวลากองทัพปีศาจเขาควรจะถ่วงเวลาให้ได้อย่างน้อยสองวัน
แต่ตอนนี้ แค่หกชั่วโมงก็ดูจะเป็นไปไม่ได้
เขาควรจะเสียสละทหาร 80,000 นายเพื่อป้องกันเมืองนี้หรือไม่?
แม่ทัพมู่ไม่ต้องการเห็นสิ่งนั้นเกิดขึ้น แต่เขาก็ไม่มีทางเลือก แม้ว่าชีวิตของทหาร 80,000 นาย จะเป็นการแลกที่แพงมาก
มันก็คุ้มค่าถ้าแลกกับโอกาสที่ดินแดนภูเขาทางใต้จะรอดต่อไป
“เหล่านักรบที่กล้าหาญของแดนใต้! ข้า มู่ ซูเถี่ย จะไม่พูดอะไรมาก ทั้งหมดที่ข้าต้องการจะพูดคือ ตราบที่ดินแดนของพวกเรายังคงอยู่ ชีวิตของพวกเราก็ไม่มีวันสูญสิ้น ! การต่อสู้ครั้งนี้เกี่ยวข้องกับความอยู่รอดของดินแดนภูเขาทางใต้! “” แม่ทัพมู่ดึงดาบที่ด้า นหลังของเขาออกมา
ในเวลาเดียวกันเขาขึ้นเหยียบบนกําแพงและพันจนปีศาจตนหนึ่งร่วงลงไป เขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว แขนของเขาราวกับตาวตก
ปีศาจตนนั้นไม่มีโอกาสจะตอบโต้ มันกรีดร้องอย่างเจ็บปวดตอนที่ร่วงสู่พื้น
” ตาย!”
” ปกป้องถิ่นฐานด้วยชีวิตของพวกเรา”
” ต่อให้ต้องตายก็ตาม!”
ทหารของดินแดนภูเขาทางใต้ได้กําลังใจหลังจากได้เห็นแม่ทัพมู่ทําเช่นนั้น อย่างไรก็ตามหนึ่งในพวกเขาก็ถูกธนูยิงอย่างรวดเร็ว
” ท่านแม่ทัพ… กําลังเสริม… กําลังเสริม…” ทหารของดินแดนภูเขาทางใต้คนหนึ่งวิ่งเข้ามาอย่างเหน็ดเหนื่อย
“ถอยไปซะ อย่ามาขวางทางข้า ข้าจะต่อสู้กับพวกปีศาจ!” แม่ทัพมู่จ้องไปที่ผู้ส่งสารขณะถือดาบ
” ท่านแม่ทัพ พวกเรา…มีกําลังเสริม!”
“ถอยไป! เดี๋ยว! เมื่อเจ้าพูดอะไรออกมากัน? กําลังเสริม? พวกเขามาจากไหน?”
“องค์หญิง ฉาน ยู่ และองค์รัชทายาท ฉาน หลิง หัวหน้าถิ่นฐานฉือซุน และราชสีห์คําราม และ และผะ …ผู้คนจากอาณาจักรเซี่ย… ”
“อะไรนะ!? องค์หญิงอยู่ที่นี่! องค์รัชทายาทก็ด้วย? อาณาจักรเซี่ย พวกเขาเจรจากันสําเร็จแล้วงั้นหรือ?”แม่ทัพมู่ตะลึงงัน
” พวกเขาน่าจะมาถึงเร็ว ๆ นี้!”
“มาที่นี่?! ไม่ นั่นไม่สามารถเป็นไปได้เพวกเขาไม่สามารถผ่านทะเลเพลิงมาได้!” แม่ทัพมู่หยุดชั่วขณะเมื่อเขารู้สึกเจ็บที่หน้าอก
มีลูกธนูยิงทะลุออกมาจากอกของเขา
“ท่านแม่ทัพ ท่านแม่ทัพ!”
“แม่ทัพถูกโจมตี!”
“ปกป้องแม่ทัพ!”
ทหารของดินแดนภูเขาทางใต้ที่อยู่โดยรอบใกล้เคียงรีบเข้ามาช่วยแม่ทัพที่บาดเจ็บ
“ไม่ต้องเป็นห่วงข้า คุ้มกันเมือง! คุ้มกันเมือง!” แม่ทัพมู่จ้องไปที่ลูกธนู
“ข้าจะสั่งการคุ้มกันเมืองเอง!” เสียงดังขึ้นจากที่ไกลๆ หญิงสาวในชุดกระโปรงปรากฏตัวด้านหน้าฝูงชน
“องค์หญิง!”
“นั่น องค์หญิง!”
“องค์หญิงอยู่ที่นี่!”
“องค์รัชทายาทเองก็เช่นกัน”
“ฝ่าบาท!”
เหล่าทหารและผู้นําของดินแดนภูเขาทางให้รู้สึกวางใจเมื่อเห็นทั้งสองปรากฏตัว ราวกับแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์
อย่างไรก็ตาม แม่ทัพมู่ยังคงบาดเจ็บ
เขารู้ว่าสถานการณ์แบบไหนที่พวกเขาต้องเผชิญ ตอนนี้การได้เห็นองค์หญิง ฉาน ยู่ และองค์รัชทายาทไม่ใช่เรื่องที่ดี
“ใครสักคนพาแม่ทัพมู่ไปรักษาที่!” องค์หญิง ฉาน ยู่ เมินเฉยต่อเสียงต้อนรับโดยรอบและเดินไปทางแม่ทัพมู่
“องค์หญิง ข้ายังสามารถรักษาการณ์ได้!”
“เจ้าพูดบ้าอะไรไปซะ!”
“ รับทราบ ขอบคุณ ฝ่าบาท!”
หยุน ชิงวู จ้องเขม็งไปที่บนยอดกําแพงของถิ่นฐาน นางเห็นถึงความโกรธในสายตาเหล่านั้นอย่างไรก็ตาม
นางไม่ได้สนใจกับความโกรธแค้นนี้ นางไม่ได้รู้สึกผิดกับสิ่งที่ทํา
องค์หญิง ฉาน ยู่ มองดู หยุน ชิงวู
อย่างไรก็ตาม ดวงตาของนางจ้องไปที่แสงสีฟ้าเหนือหัวนั่น
“การจุติแต่แห่งสวรรค์?!” องค์หญิง ฉาน ยู่ ตกใจเป็นอย่างมาก องค์หญิง ฉาน ยู่ อยากจะถามแม่ทัพมู่ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อนางเห็นการจุติเต๋าแห่งสวรรค์และ หยุน ชิงวู ที่สงบเยือกเย็น นางก็เข้าใจว่าแม่ทัพมู่กําลังเผชิญกับศัตรูแบบใด
“องค์รัชทายาท องค์หญิง ตอนนี้พวกเราจะทําไยังไงดี? “ชายวัยกลางคนเดินไปกระซิบที่ด้านข้างพวกเขาทั้งสอง
“ครึ่งเซียน เหอะ?”ฉาน หลิง กํามือของเขาแน่น แววตาของเขาเปล่งประกายเยือกเย็น “ข้าอยากจะเห็นว่าเขาทําอะไรได้!”
“ข้าขอแนะนําว่าอย่า…” ทันทีที่ ฉาน หลิง กําลังรู้สึกถึงความท้าทาย ร่างสีขาวก็ปรากฏขึ้นที่ด้านข้าง
ชุดนักปราชญ์ของ หนานกง เฮา พลิ้วไหวราวกับสายลม ดาบด้านหลังของเขาเปล่งประกาย
“เจ้าจะบอกว่า…” ฉาน หลิง อยากโต้แย้งอะไรบางอย่างแต่เขาก็กลืนมันกลับเข้าไป
เป็นเพราะว่า…
เขารู้สึกถึงความมั่นใจ
นี่คือความมั่นใจที่อธิบายไม่ได้ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้เขาไม่ควรมีความมั่นใจเช่นนั้น แต่ หนานกง เฮา กลับทําได้
ในขณะนั้นเอง ซิง หยวนกัว ในชุดคลุมสีม่วงก็เดินไปที่กําแพงเช่นกัน และมี ซิง ฉิงซุย อยู่ด้านข้าง
“การจุติเต๋าแห่งสวรรค์?”ซิง หยวนกัว จ้องไปที่แสงสีฟ้าเหนือ หยุน ชิงวู ด้วยแววตาที่เปิดค้าง
” ท่าน กําลังคิดอะไร?” หนานกง เฮา ออกตัวถามเมื่อเห็น ซิง หยวนกัว เดินผ่าน
“ฮ่าฮ่า…ข้าคิดว่าเราก็คิดเหมือนกัน” ซิง หยวนกัว ยิ้มเมื่อเขาเห็นแววตาที่ หนานกง เฮา มองมา
เขาก็มั่นใจเช่นกัน
ราวกับว่าเขารู้สึกเหมือนปีศาจข้างหน้าเขาเป็นแค่สิ่งมีชีวิตอันอ่อนแอ ราวกับว่าไม่มีครึ่งเซียนอยู่ตรงหน้าพวกเขา
มันเป็นกลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากตัวของพวกเขา
อย่างไรก็ตาม หัวหน้าถิ่นฐาน ฉาน หลิง และองค์หญิง ฉาน ยู่ ไม่สามารถเข้าใจได้
หนานกง เฮา และ ซิง หยวนกัว เอาความมั่นใจมาจากไหนกัน?
พวกเขามีทหารนับแสนคนและครึ่งเซียน พวกเขาไปเอาความมั่นใจนั้นมาจากไหนกัน?
ฉาน หลิง คิดไม่ออก
หัวหน้าถิ่นฐานและองค์หญิง ฉาน ยู่ เองก็คิดไม่ออก เหล่าทหารต่างต่อสู้เพื่อชีวิตของพวกเขาอย่างสับสน
“ถ้าเป็นเช่นนั้น ข้าขอตัวก่อน” หนานกง เฮา ไม่สนสายตาที่จ้องมองของทหารดินแดนภูเขาทางใต้ และโค้งคํานับ ซิง หยวนกัว
จากนั้นเขากระโดดออกจากกําแพง…
…
หากมีสิ่งไหนที่จะทําให้ ฉาน หลิง ตกตะลึงก็คงเป็นการกระทําของ หนานกง เฮา
เขานึกถึงความเป็นไปได้หลายอย่างเมื่อเขาเห็น ซิง หยวนกัว และ หนานกง เฮา ขึ้นมาบนกำแพง เขาคิดว่า ซิง หยวนกัว จะมาเจรจาข้อตกลงที่ดีกว่า…
หรือออกคําสั่งให้ป้องกัน
ฉาน หลิง บอกกับตัวเองว่าเขาจะยอมรับเงื่อนไขทั้งหมดที่ ซิง หยวนกัว เสนอมา แต่เขาไม่คิดเลยว่า ซิง หยวนกัว จะขึ้นมาแล้วคุยกับ หนานกง เฮา
ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากพูดคุยกันจบ หนานกง เฮา ก็กระโดดลงไป
กระโดดลงสู่สนามรบ?
ฉาน หลิง ไม่รู้เลยว่า หนานกง เฮา คิดจะทําอะไร เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่า หนานกง เฮา ทําอะไรอยู่
กระโดดออกจากกําแพงถิ่นฐาน? เกิดอะไรขึ้นกันเขาไม่เห็นกองทัพที่เหมือนกับทะเลสีดําที่อยู่ด้านล่างนั่นงั้นหรือไงกัน?