เสียงของ ฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้ดังมากนัก ราวกับว่าเขาพึมพํากับตัวเอง แต่ หยุน ชิงวู กลับได้ยินอย่างชัดเจน
“ข้าจะทําลายสวรรค์!”
ทําลายสวรรค์?!
ฟาง เจิ้งจือ พูดอย่างใจเย็นมาก บางคนอาจไม่คิดว่ามันเป็นเสียงของเขา
แต่…
เขาพยายามจะทําบางอย่างที่แทบเป็นไปไม่ได้!
หยุน ชิงวู มองดูที่ ฟาง เจิ้งจือ นางรู้สึกประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด นางพยายามดึงสติมากที่สุดเพื่อไม่ให้เผยความประหลาดใจ
แต่มันก็ไม่มีประโยชน์
“เขาต้องการทําลายสวรรค์? นั่นเป็นไปได้ด้วยหรือ?ไม่น่าจะเป็นไปได้เลย!” หยุน ชิงวู คิดกับตัวเอง
ฉือ กูเหยียน กําลังโจมตี หยุน ชิงวู และทั้งหยาง จากด้านบนและได้ยินคําพูดของ ฟาง เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม นางไม่ได้ตอบอะไร
นางยังคงโจมตีต่อไปราวกับว่านางไม่ได้ยินสิ่งที่ ฟาง เจิ้งจือ พูด
คังหยางเองก็ไม่มีการตอบสนองเช่นกัน เขาไม่คิดจะมอง” ที่ ฟาง เจิ้งจือเลยแม้แต่น้อย บนใบหน้าของเขายังประดับไปด้วยรอยยิ้มจางๆ
มันไม่ใช่รอยยิ้มดูถูก
มันราวกับเป็นรอยยิ้มที่ผู้ใหญ่มองเด็ก
ฟาง เจิ้งจือ เหมือนเป็นเด็กสามขวบ ที่อยากจะทําเรื่องอันยิ่งใหญ่ในฐานะผู้เฒ่า สิ่งที่เขา ทําได้คือยิ้มและให้กําลังใจแก่คนวัยหนุ่ม
ค้งหยาง ให้กําลังใจแก่ ฟาง เจิ้งจือ
เขารู้ว่า ฟาง เจิ้งจือ มีความสามารถ แต่ยังไม่มีความสามารถพอที่จะทําลายพันธนาการลงได้
สวรรค์…
ฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้เป็นเจ้าของสวรรค์!
เพียงแค่เพราะทั้งหยางยิ้ม ให้กําลังใจ ไม่ได้หมายความว่าปีศาจตนอื่นจะรู้สึกแบบเดียวกันความจริงแล้วเหล่าปีศาจที่อยู่ด้านหลัง หยุน ชิงวู ต่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง
“ทําลายสวรรค์? ฮ่า ฮ่าฮ่า…ข้าฟังไม่ผิดใช่ไหม?”
“ใช่ เจ้าฟังไม่ผิด!”
“ไม่ว่าจะเป็นคนบ้าบินหรือหยิ่งผยองแค่ไหน เขามีความคิดจะเขียตัวบ้างไหม? ทําไมเขาถึงหยิ่งยโสได้ขนาดนี้?!”
“เพราะเขาต้องการทําลายสวรรค์…”
เหล่าปีศาจต่างเยาะเย้ย ฟาง เจิ้งจือ อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้
เพราะคําพูดของ ฟาง เจิ้งจือ นั้นน่าขันเกินไปเกินกว่าที่ปีศาจตนไหนจะทนได้
เสียงหัวเราะนั้นปกคลุมไปทั่วสนามรบ
หน่วยเกราะมังกรและกองทัพทลายภูผาและทหารของดินแดนภูเขาทางใต้ต่างได้ยินเสียงหัวเราะ
ฟาง เจิ้งจือ เป็นมนุษย์ ดังนั้น การพูดของเขาจึงแสดงให้เห็นถึงสิ่งที่มนุษย์พยายามทํา
สมาชิกกองกําลังต่างต้องการพูดอะไรบางอย่าง แต่พวกเขาก็ไม่พูด
พวกเขาไม่สามารถร้องตะโกนเพื่อให้กําลังใจและบอก ฟาง เจิ้งจือ อย่างเต็มเสียงว่าเขาจะสามารถทํามันได้สําเร็จ!
นั่นมันไร้สาระ
หากพวกเขาทําเช่นนั้น เป็นพวกเขาเองที่จะต้องอับอาย
ก้มหัวไม่สนใจสิ่งที่ ฟาง เจิ้งจือ พูด
มันเป็นทางเลือกเดียวของพวกเขาตอนนี้ พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากอดทนต่อเสียงหัวเราะทั้งหลายหลายคนจ้องมองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ
เพราะ…
มันเป็นเพราะความไร้ยางอายของ ฟาง เจิ้งจือ ที่ทําให้พวกเขาถูกเยาะเย้ย
การเยาะเย้ยของปีศาจ…
การต่อสู้รอบๆ…ฟาง เจิ้งจือ เมินเฉยต่อมันทั้งหมด
หลังจากได้ยิน หยุน ชิงวู พูด เขาเริ่มคิดเกี่ยวกับมัน
สมาธิ!
มันเป็นพรสวรรค์อย่างหนึ่ง
นั่นเป็นความสามารถของ ฟาง เจิ้งจือ โดยเฉพาะในเวลาที่ต้องทําบางสิ่งให้สําเร็จแล้ว
เต๋าสวรรค์!
ฟาง เจิ้งจือ พยายามนึกถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาสามารถทําได้ เขาพยายามนึกไปถึงทุกสิ่งที่เคยเจอมา
ร่างของเขากําลังติดแหงกอยู่? ราวกับว่าเขาถูกแช่แข็งอยู่กับที่
เกิดอะไรขึ้น? เป็นเพราะพื้นที่รอบ ๆ เขาเปลี่ยนไปงั้นหรือ?
นอกจากนี้…
แสงสีฟ้าเหนือหัวของ หยุน ชิงวู ยังป้องกันการโจมตีของเขาได้อย่างสมบูรณ์
การโจมตีของเขาพุ่งผ่านแสงสีฟ้าอย่างชัดเจน แต่ทําไมการโจมตีของเขากลับเบนไปทางพื้นดิน
นอกจากนี้ถ้าหาก หยุน ชิงวู อยู่ในมิติอื่น ทําไมชุดของนางถึงได้รับผลจากสายลม
ฟาง เจิ้งจือ คอยคิดแต่คําถามเหล่านี้
เต๋าสวรรค์!
นี่คือพลังของการจุติเตาแห่งสวรรค์งั้นหรือ? ถ้ามันเป็นแค่การรวมเตเข้าด้วยกัน ทําไมมันทรงพลังขนานี้ล่ะ?
ฟาง เจิ้งจือ อยากเข้าใจมัน
อย่างไรก็ตามมันไม่ง่ายเลย เขาไม่รู้ว่าอะไรที่ทําให้มันแตกต่างจากสิ่งอื่น และเขาไม่รู้จะเริ่มยังไง
เขาจะทําลายมันได้อย่างไร?
“อ๊าก!” ฟาง เจิ้งจือ ส่งเสียงร้องออกมาขณะที่พยายามระเบิดพลังออกมาเรื่อยๆ
พลังระดับอภินิหารทําให้เขาเปลี่ยนแปลงการสร้างเซลล์ในร่างกายใหม่ได้
หลังจากเขาเข้าสู่ระดับอภินิหาร ฟาง เจิ้งจือ สามารถควบคุมร่างกายของเขาได้ก่อนหน้านี้ เขาเพียงแค่ควบคุมกล้ามเนื้อ แต่ตอนนี้เขาสามารถควบคุมกระดูกของเขาได้
“ทําลายโทําลายมันซะ!” ฟาง เจิ้งจือ ส่งเสียงร้อง และมีแสงพุ่งออกมาจากร่างกายเขา มันเป็นแสงที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงเซลล์ในร่างกายของเขา
ในเวลาเดียวกัน แรงระเบิดกระจายไปทั่ว
หากร่างกายของเขาติดอยู่ บางทีเขาอาจจะหนี้โดยการเปลี่ยนลักษณะของร่างกาย! นั่นคือสิ่งที่ ฟาง เจิ้งจือ
แต่
เขาถูกหยุดด้วยความเป็นจริง
ไม่ว่าเขาจะพยายามขนาดไหน ไม่ว่าเขาจะพยายามเปลี่ยนกล้ามเนื้อหรือกระดูกมาแค่ไหน ร่างกายของเขาก็ยังหยุดอยู่ที่เดิม แม้แต่นิ้วของเขาก็ขยับไม่ได้
“มันไม่ได้ผลงั้นหรือ?”ซิง หยวนกัว มองไปด้วยความผิดหวัง ขณะที่เขามองคลื่นพลังที่ระเบิดออกาจากตัว ฟาง เจิ้งจือ
“ไม่มีประโยชน์ เต๋าสวรรค์…. ยากเกินไป!” ซิง หยวนกัว ส่ายหัว
ส่วน หนานกง เฮา ยังคงสนใจแต่กับสายฝนสีเงินที่ตกลงมาจากท้องฟ้า ท่าทีของเขาเปลี่ยนไปหลายครั้งสําหรับปีศาจ..
พวกเขาไม่สามารถกลั้นหัวเราะเอาไว้ได้
“พยามต่อไป! พยายามต่อไปสิ ฮ่าฮ่า!”
“ช่างเป็นมนุษย์ที่ไม่รู้จักเจียมตัวจริงๆ ต่อให้รู้ว่าทําไม่ได้ก็ยังฝืนอยู่อีก! ทําลายสวรรค์? ข้าอยากลองดูเขาทําจริงๆ!”
” ทําลายมันให้ข้าดูหน่อยสิ ฮ่าฮ่า!… “
เสียงดังก้องกังวานไปทั่วสนามรบ
ความตกใจของ หยุน ชิงวู หายไปหมดแล้ว ตอนนี้นางส่ายหัวเล็กน้อย ราวกับนางต้องการพูดบางอย่างแต่ก็ตัดสินใจไม่พูด
อย่างไรก็ตาม ..
นางไม่ได้สนใจ ฟาง เจิ้งจือ อีกต่อไป นางมองไปที่ฝนสีเงิน
“บนโลกมีกฎหนึ่งที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ คนธรรมดาเงยหน้ามองท้องฟ้าแต่ไม่รู้ว่าทําไมดวงอาทิตย์ถึงตกและขึ้น หรือทําไมถึงมีสี่ฤดู การที่พวกเขาไม่เข้าใจก็ใช่ว่าพวกเขาจะไม่ได้อยู่ในกฎของธรรมชาติ นั่นคือเต๋าสวรรค์”
“เต๋าสวรรค์?!” ฟาง เจิ้งจือ มองแสงสีเงินอันเปล่งประกายขณะฟังเสียง
“เต๋าสวรรค์ไม่เหมือนกับเต๋อื่นๆ ในความเป็นจริงมันต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง” เสียงยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
มันเป็นเสียงของ ฉือ กูเหยียน
ฟาง เจิ้งจือ รู้เรื่องนี้
ทั้ง หยุน ชิงวู และ คังหยาง ไม่คิดจะหยุดนาง
เป็นเพราะว่า…
ฉือ กูเหยียน เพียงพูดถึงสิ่งที่มีอธิบายอยู่ในกฏแห่งเต๋า
ถ้าผู้คนสามารถเข้าใจเตสวรรค์จากการเพียงแค่อ่านมัน คงมีผู้คนจํานวนมากเข้าถึงเต๋าแห่งสวรรค์แล้ว
แต่ความจริงไม่ได้เป็นแบบนั้น…
แม้แต่ตัว ฉือ กูเหยียน ก็ไม่สามารถทําได้ นางจะสอน ฟาง เจิ้งจือ ได้อย่างไร ที่นางทําก็เหมือนเป็นการทําให้ตัวเองขายหน้าเท่านั้น
“อัจฉริยะ? ดูเหมือนนางก็ไม่ได้ฉลาดเท่าไรนัก”
“ดูเหมือนว่า พวกเราจะประเมิณนางสูงเกินไป ต่อให้นางเป็นร่างทรงเตสวรรค์ นางก็ยังคงไร้เดียงสาเกินไป!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า …. นางคิดว่า ฟาง เจิ้งจือ จะเข้าใจเสรรค์ได้จริงๆงั้นหรือ? ไร้เดียงสาเกินไป
แล้ว!”
ทหารปีศาจหัวเราะเยาะเย้ยกันออกมาทันที พวกเขาไม่คิดว่านางจะเชื่อ ฟาง เจิ้งจือ จริงๆ
“เจ้าไร้ยางอาย ปกติเจ้าแข็งแกร่งเสมอไม่ใช่หรือ? ทําไมครั้งนี้เจ้าจะทําอะไรไม่ได้ละ? เจ้าต้องทําลายมันให้ได้! มีการกล่าวกันว่าเตสวรรค์นั้นจะดึงพลังออกมาจากจุดแข็งและจุดอ่อนของตัวเอง!”
ท่ามกลางเสียงหัวเราะ ลําแสงสีแดงก็พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า มันแสดงให้เห็นถึงอารมณ์ของ ปิง หยาง อย่างชัดเจน
วิตกกังวล
แม้ว่านางจะไม่เข้าใจกฏแห่งเต๋า แต่นางก็สามารถพูดสิ่งที่นางรู้ออกมาได้
“ทุกคนที่ไม่เข้าใจเตสวรรค์จะถูกจัดการอย่างง่ายดาย”
“ด้วยเตาแห่งสวรรค์เจ้าจะสามารถชนะได้ในทุกสงคราม”
“เต๋าสวรรค์นั้นเหมือนกับการเพาะเมล็ดในฤดูใบไม้ผลิ พรวนดินในฤดูใบไม้ร่วง ก่อนจะดูมันร่วงโรยในฤดูหนาว นี่คือกฎแห่งธรรมชาติ”
“เต๋าสวรรค์จะพามันไปยังจุดสิ้นสุด”
“…”
เสียงยังคงดังทะลุผ่านสายฝนสีเงิน เมินเฉยต่อเสียงเยาะเย้ยของปีศาจ
ดวงตาของ ฟาง เจิ้งจือ เป็นประกาย
ทุกครั้งที่เสียงดังขึ้น ดวงตาของเขาก็เป็นประกายมากขึ้นเรื่อยๆ
ในความเป็นจริงเมื่อ ฟาง เจิ้งจือได้ยินเสียง เขาเกิดความรู้สึกแปลกๆขึ้น
เขารู้สึกสงบมาก…
ราวกับเสียงนี้มีความพิเศษอยู่
พวกมันคอยปลอบประโลมจิตใจที่หวาดกลัวและสั่นไหวของเขา
“เต๋าสวรรค์?”
“กฏ?”
“ธรรมชาติ…”
“การสรรค์สร้างทั้งหมด?!”
“….”
เสียงยังคงเข้าหูของ ฟาง เจิ้งจือ ก่อนที่ความคิดจะพุ่งเข้าสู่จิตใจของ ฟาง เจิ้งจือ เรื่อยๆ มันเหมือนกับเขากําเดินทางเข้าสู้โลกที่แสนสงบ
“เต๋าสวรรค์?” ”
”เต๋าสวรรค์?”
ฟาง เจิ้งจือ ทวนมันซ้ําๆ หัวใจของเขายังคงสั่นไหวเมื่อนึกถึงตอนที่เขาโจมตี หยุน ชิงวู รวมถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้
ในที่สุดเขาก็นึกถึงบางสิ่งบางอย่าง
เตสวรรค์คือกฎของธรรมชาติ มันเป็นกฏที่ทุกสิ่งต้องทําตาม
ในโลกก่อนหน้าของเขา…
มันคล้ายกับกฎการอนุรักษ์พลังงานที่เขาเคยเรียนในชั่วโมงวิทยาศาสตร์!
ในที่สุด ฟาง เจิ้งจือ ก็เข้าใจมัน อย่างไรก็ตามเพียงเพราะเขาเข้าใจ ไม่ได้หมายความว่าเขาจะทําได้ เหมือนกับทุกคนรู้ว่าการทําธุรกิจล้วนเพื่อผลกําไร
แต่มันง่ายงั้นหรือ?
ไม่อย่างแน่นอน
นักธุรกิจ ที่แตกต่างกันมีกําไรต่างกัน มันขึ้นอยู่กับประเภทและเจ้าของธุรกิจนั้นๆ
เต๋าสวรรค์…
ใช้ร่างกายเพื่อเข้าใจกฎของธรรมชาติ จากนั้นด้วยการจําลองกฎเหล่านี้เราสามารถเปลี่ยนองค์ประกอบของธรรมชาติ…
มันเป็นแนวคิดที่เรียบง่าย…
แต่มันแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะทําได้
เต๋าสวรรค์…
มันยากยิ่งกว่านั้น มันเหมือนกับคนคนหนึ่งต้องผสานและกลายเป็นส่วนหนึ่งของสายลมหรือพูดง่ายๆต้องกลายเป็นลม
เมื่อเข้าใจเตสวรรค์ก็จะสามารถกลายเป็นลมอย่างแท้จริง รวมถึงสามารถใช้ร่างกายของตัวเองเพื่อเปลี่ยนแปลงสิ่งรอบๆตัวได้
” หรือข้าจะต้องตายจริงๆ?!” ฟาง เจิ้งจือ รู้สึกว่าสถานการณ์ในตอนนี้เหมือนอยากบอกให้เขาทําในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ มันต้องยากขนาดนี้เลยงั้นรึ?