Gate of God ตอนที่ 466 สิ่งที่ผู้ชายควรทํา
ปิศาจถอนกําลังออกไปและ ฟาง เจิ้งจือ มี หยุน ชิงวู เป็นเชลย ถ้า ฟาง เจิ้งจือ ใจแคบและไม่สนใจ ปิง หยาง
เขาอาจจะรอดชีวิต
อย่างไรก็ตาม ฟาง เจิ้งจือ จะไม่มีวันทําอะไรที่น่ารังเกียจเช่นนั้น เขาอาจเป็นคนไร้ยางอายแต่หัวใจของเขาไม่ได้ด้านชา
เขาไม่เคยคิดที่จะทิ้ง ปิง หยาง
เชลยศึกต้องถูกแลกเปลี่ยน และเขาต้องช่วย ปิง หยาง ให้ได้
สําหรับ หยุน ชิงวู
แม้ว่าหยุน ชิงวู จะเป็นคู่ต่อสู้ของเขา แต่เขาไม่ได้มีความบาดหมางส่วนตัวกับนาง
การแลกเปลี่ยนเชลยนั้นเป็นเรื่องง่าย และเขาต้องส่งตัว หยุน ชิงวู อย่างปลอดภัย
นั่นเป็นสิ่งที่คังหยางเชื่อ
ฟาง เจิ้งจือ ไม่คิดว่า คังหยาง จะทําร้าย ปิง หยาง เหมือนกับที่ คังหยาง คิดว่ายังไง ฟาง เจิ้งจือ จะช่วย ปิง หยาง ให้ได้
สิ่งสําคัญไม่ได้อยู่ที่การแลกเปลี่ยนตัวเชลย
แต่คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนั้น
ฟาง เจิ้งจือ ขมวดคิ้วตําแหน่งในปัจจุบันของเขานั่นหมายความว่าเขาอยู่ใกล้กับพวกปีศาจเล็กน้อย ถ้าเขาพยายามหนี
ก็ไม่น่าจะไปได้ไกลนัก
แม้เขาจะโจมตีคังหยางได้ ก็ใช่ว่าเขาจะมั่นใจว่าเร็วกว่าคังหยาง
ดังนั้นเขาจะทําอย่างไรถ้าเขาไม่สามารถเอาชนะความเร็วของ คัง หยาง ได้?
ปาทรายเข้าตา คังหยาง? หรือใช้อาวุธลับ?
ของพวกนี้เป็นการโจมตีพื้นฐานของ ฟาง เจิ้งจือ ที่ส่วนใหญ่ใช้กับคู่ต่อสู้และจากนั้นก็ระเบิดแสงของเขา
มันน่าเสียดายที่ ….
สิ่งเหล่านี้ไม่มีผลกับคังหยาง
คังหยางตาบอด ถ้าใช้ขี้เถ้าหรือระเบิดอสงไปก็ไร้ประโยชน์
ลอบโจมตี
ดูเหมือนจะไม่มีประโยชน์นักสําหรับที่นี่
เหงื่อเริ่มไหลออกมาจากหน้าผากของ ฟาง เจิ้งจือ ลอบโจมตี เป็นของถนัดเขา แต่ก็ไม่มีประโยชน์ต่อหน้าคนตาบอด
หากเขาไม่สามารถลอบการโจมตี
เขาจะหาโอกาสหนี้ได้อย่างไร
เร็วกว่าคังหยาง?
นั่นคงเป็นไปไม่ได้!
ฟาง เจิ้งจือ ไม่แม้แต่ต้องคิดเรื่องนี้ คังหยาง เป็นครึ่งเซียน ที่สามารถจุติเต๋าแห่งสวรรค์ได้
เขาไม่สามารถลอบโจมตีจากด้านบน และไม่สามารถเผชิญหน้าตรงๆกับคังหยางได้
ฟาง เจิ้งจือ จนปัญญา เขาต้องใช้ ปิง หยาง เป็นโล่กําบัง แต่ ฉือ กูเหยียน ตัดสินใจอยู่ด้านหลัง
ปิง หยาง ไม่สามารถป้องกันเขาทั้งคู่ได้
ที่สําคัญ คือ กูเหยียน จะไม่ยอมให้เขาใช้ ปิง หยาง เป็นเกราะกําบังแน่
ตอนนี้เขาจะทํายังไงดี?
ฟาง เจิ้งจือ มองไปที่ ฉือ กูเหยียน และประเมิณตําแหน่งของเขาเขาสรุปได้ว่าเขาคงต้องตายหลังจากแลกตัวเชลย
”เจ้าพร้อมหรือยัง? ความอดทนของข้ามีจํากัด” คังหยางพูดขัดขึ้นมาระหว่างที่ ฟาง เจิ้งจือ กําลังคิด
“ทําไมเจ้าถึงรีบร้อนนัก? ข้ามีเรื่องที่อยากทําก่อนตาย” ฟาง เจิ้งจือ ตอบ
“ย่อมได้” คังหยางพยักหน้า
“ข้าอยากสั่งเสีย ช่วยเข้ามาใกล้ๆหน่อยได้ไหม ข้าไม่อยากให้ใครได้ยิน” ฟาง เจิ้งจือ กระซิบที่ ฉือ กูเหยียน
“ไม่มีประโยชน์ ความสามารถของคังหยาง เขาสามารถได้ยินเจ้าทั้งหมดไม่ว่าจะพูดเบาแค่ไหน” ฉือ กูเหยียน ตอบกลับ
“โอ้ … “ฟาง เจิ้งจือ ตอบกลับ
เขาเคยได้ยินว่าคนตาบอดจะมีการได้ยินที่ดีขึ้น แต่เขาไม่คิดว่าคังหยางจะเป็นเช่นนั้น
แต่ก็อย่างที่พูด ฉือ กูเหยียนคงไม่โกหกเขา
ฟาง เจิ้งจือ ไม่เคยสนใจอะไรแบบนั้น
ความจริงแล้วเขาต้องการปรึกษาแผนกับ ฉือ กูเหยียน เขาคงทําไม่ได้ถ้ายังคังหยางก็จะได้ยิน
นั่นคงจะเป็นการฆ่าตัวตาย
ในขณะที่เขากําลังคิดเกี่ยวกับมัน แขนสีขาวนวลก็ปรากฏขึ้นด้านหน้าเขามันดูราวกับเป็นผลงานศิลปะที่งดงามที่สุดในโลก
“เจ้าพูดไม่ได้ แต่เจ้าเขียนได้” ฉือ กูเหยียน ไม่ได้มองที่ ฟาง เจิ้งจือ ท่าทีของนางสงบเยือกเย็นขณะที่ยืมมือมา
“อะแฮ่ม” ฟาง เจิ้งจือ กระแอม
เขาไม่ได้คิดถึงวิธีการนี้ แต่เนื่อจาก ฉือ กูเหยียน เป็นคนเสนอวิธีนี้เขาจะไม่ทําให้นางผิดหวัง
เขาเป็นผู้ชาย
เขาจะต้องมีความเด็ดขาด ในบางครั้ง เขาต้องทํามันแม้ว่ามันจะทําให้เขารู้สึกไม่สบายใจก็ตาม
นอกจากนี้
ในการเผชิญหน้ากับศัตรูบางครั้งจําเป็นต้องมีการเสียสละ
ฟาง เจิ้งจือ จับมือ ฉือ กูเหยียน และสัมผัสมัน เขารู้สึกถึงความอบอุ่นและนุ่มนวล
ร่างของ ฉือ กูเหยียน สั่นไหวเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม นางไม่ได้คิดจะดึงมือกลับมาแม้แต่น้อยนางดูสงบมาก
นางได้รับการเลี้ยงดูจากครอบครัวทหารและเติบโตขึ้นมาในหมู่พวกเขา แม้นางจะเป็นหญิงสาวเพียงหนึ่งเดียว แต่ก็เป็นดั่งทหาร
บนกําแพงของถิ่นฐานเนินเขาเหล็ก
ดวงตานับไม่ถ้วนจ้องมาที่พวกเขาตรงประตู พวกเขาทุกคนกําลังจ้องมอง ฟาง เจิ้งจือ และ ฉือ กูเหยียน
ดวงตาของหน่วยเกราะมังกรแข็งค้าง
กองทัพทลายภูผาต่างอ้าปากค้างแข็ง
ฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้พูดเสียงดัง เพราะงั้นพวกเขาจึงไม่ได้ยิน จึงเป็นปกติที่จะไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น
นางเป็นความภูมิใจของอาณาจักร ฉือ กูเหยียน!
นางงดงามราวกับดวงดาวที่เปล่งประกายที่สุดบนท้องฟ้าดังนั้นทําไม …
ทําไม ฉือ กูเหยียน ถึงปล่อยให้ ฟาง เจิ้งจือ จับมือ
หน่วยเกราะมังกรและกองทัพทลายภูผารู้ดีว่ามีความสัมพันธ์พิเศษรหว่าง ฟาง เจิ้งจือ และ ฉือ กูเหยียน อย่างไรก็ตามทหารดินแดนภูเขาทางใต้นั้นไม่รู้
พวกเขารู้แค่ว่า ฉือ กูเหยียน เป็นหญิงสาวในคําพยากรณ์ของสวรรค์นางเป็นคนที่ทุกคนคิด …
นางอาจเป็นเชื้อสายราชวงศ์ในอนาคต
“ข้าตาฝาดไปหรือเปล่า?”
“ข้า… ไม่คิดอย่างนั้น! ข้าก็เห็นเช่นกัน”
แม้ว่า ฟาง เจิ้งจือ จะมีความสามารถ แต่ ฉือ กูเหยียน นั้นพิเศษ! ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังไม่ได้แต่งงานกัน”
ทหารดินแดนภูเขาทางใต้ต่างไม่เชื่อ
องค์หญิง ฉาน ยู่ กำมือแน่นและกัดริมฝีปากนางดูเหมือนจะตกใจเล็กน้อย แต่ยังมีอารมณ์อื่นร่วมอยู่ด้วย
หนานกง เฮา เองก็มองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ และ ฉือ กูเหยียน เช่นกัน
เขามองดูมือของ ฉือ กูเหยียน ซึ่ง ฟาง เจิ้งจือ กําลังจับเอาไว้อยู่ ท่าทีของเขาซับซ้อน แต่ดูเหมือนจะไม่แปลกใจมากนัก
ท้องฟ้ายามค่ำคืนยังคงมืดมิด
เวลาผ่านไปไม่นานตั้งแต่การต่อสู้หยุดลง และเหล่าปีศาจหยุดลงอย่างไรก็ตาม ดวงอาทิตย์ยังไม่ขึ้น
ฉือ กูเหยียน มองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ และสับสนเล็กน้อย
” ทําไมเจ้าไม่เขียนอะไรเลย”
“เขียน? โอ้ … ใช่ข้าควรเขียน แต่ ข้าควรเขียนอะไรดี?”ฟาง เจิ้งจือ ถามเมื่อเขาเริ่มคิด
“ไร้ยางอาย!”ฉือ กูเหยียน รู้ถึงนิสัยของ ฟาง เจิ้งจือ แต่นางไม่สามารถทําอะไรได้
คังหยางได้ยินการแลกเปลี่ยนเล็กน้อย
“อย่าเสียเวลาอีกเลย เริ่มได้แล้ว” แม้คังหยางจะไม่สามารถมองเห็นสิ่งที่กําลังเกิดขึ้น เขาก็สามารถบอกได้จากสิ่งที่ได้ยิน
“ข้ายังไม่ได้เขียนสิ่งที่จะทําเลย! มนุษย์ไม่ควรทําผิดสัญญา!”ฟาง เจิ้งจือ ส่ายหัวแสดงความไม่พอใจของเขา
“ฮ่าฮ่า ข้าเป็นปีศาจ ไม่ใช่มนุษย์” คังหยางยิ้มเขารู้ว่า ฟาง เจิ้งจือ พยายามถ่วงเวลา
ยิ่งถูกยืดเวลาไปนานเท่าไร ยิ่งแย่สําหรับปีศาจเท่านั้น
“ข้าขอเวลาสองชั่วโมง” ฟาง เจิ้งจือ พูดขึ้น
“ข้าจะนับถึงสิบ ถ้าเราไม่แลกเปลี่ยนตัวเชลยในตอนนี้ ข้าจะฆ่านางซะ”คังหยาง ไม่คิดจะเจรจาใดๆ
“เอาล่ะ เอาล่ะ ก็บ้าแล้ว เจ้าจะรีบไปไหน? “ฟาง เจิ้งจือตอบอย่างโกรธเคืองขณะที่เริ่ม “เขียน”
“สิบ”
” เก้า…”
“…”
“หนึ่ง”
“ข้าขอเวลาเดี๋ยวเดียว ข้ายังไม่เสร็จเลยทําไมไม่นับใหม่ล่ะ” ฟาง เจิ้งจือ รีบตอบ
“หึ!”คังหยาง พูดอย่างเย็นชา และแน่นอน ฟาง เจิ้งจือ พยายามดึงความสนใจ
เขา…
ขยับนิ้วของเขาเล็กน้อย
“อ๊าก!” ปิง หยาง กรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ดูเหมือนว่านางจะหายใจไม่ออก ” ข้ากําลังจะตาย … ข้าจะตามหลอกหลอน …. ตามหลอกหลอนเจ้า… ตลอดไป!”
“รอเดี๋ยวก่อน! ถ้าเจ้าอยากแลกเปลี่ยนเชลย เราควรหาวิธีที่ปลอดภัยกว่านี้!” ฟาง เจิ้งจือ ตอบทันทีเมื่อได้ยินเสียงร้อง
ในความเป็นจริง
เขาได้ตัดสินใจไปแล้ว
เนื่องจากคังหยางเริ่มโจมตี ทางเดียวของเขาคือต้องหยุด
ถ้าเขาสามารถถ่วงเวลาจนกว่ากําลังเสริมจะมาถึง เขาก็มีโอกาสรอดชีวิต ถ้าเขาถ่วงเวลาได้ต่อไปโอกาสของเขาก็เพิ่มมากขึ้น อย่างที่ว่าไป โอกาสของเขาเหลือน้อยเต็มที
เขาตัดสินใจแล้ว
เขาจะปฏิเสธข้อเสนอของคังหยาง ไม่ว่ามันจะเป็นอะไรก็ตาม
จากนั้นเขาจะเสนอบางอย่างที่ไม่สมเหตุผล อย่างเช่นให้คังหยางปล่อย ปิง หยาง ก่อน
ใครจะเห็นด้วยกับมัน?
นั่นคือสิ่งที่ ฟาง เจิ้งจือ คิด
อย่างไรก็ตาม คังหยาง อ่านแผนของเขาออกหมดแล้ว เขาไม่สนใจ ฟาง เจิ้งจือ ในขณะที่เริ่มขยับนิ้วอีกครั้ง
“อ้า ข้า ข้า” สีหน้าของ ปิง หยาง เปลี่ยนเป็นสีแดง ริมฝีปากกลายเป็นสีม่วง นางกําลังถูกรัดคอ
“เอาล่ะ เราจะสลับตัวกันตอนนี้เลย!” ฟาง เจิ้งจือ เริ่มกังวลอย่างแท้จริง
“อืม” คังหยาง พยักหน้าและหยุดลง
“แฮ่ก แฮก … ฟาง เจิ้งจือ เจ้ามันไร้ยางอาย ข้าจะให้เจ้าได้รู้สึกแบบเดียวกันนี้เมื่อข้ากลับไปได้” ปิง หยาง โกรธมาก
ฟาง เจิ้งจือ รู้สึกขมขื่น
เขายินดีที่จะทํา แต่ปัญหาคือหลังจากการแลกเปลี่ยนตัวเชลย เขาจะถูกฆ่า
ตอนนี้เขาควรทําอะไรดี?
เขาไม่สามารถถ่วงเวลาได้อีกต่อไป
เขาต้องเดินต่อไป
การแลกเปลี่ยนตัวเชลยต้องเกิดขึ้น แต่ต้องเกิดขึ้นหลังจากกําลังเสริมมาถึงตอนนี้ไม่สามารถมอบ หยุน ชิงวู ให้คังหยางได้ นางเป็นไพ่ตายของเขา
“ดู หยุน ชิงวู เอาไว้เ” ฟาง เจิ้งจือ กัดฟันขณะที่มองไปที่ ฉือ กูเหยียน เขาปล่อยมือนางและเดินไปหาคังหยาง
สีหน้าของ ฉือ กูเหยียน เปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อรู้สึกว่า ฟาง เจิ้งจือ ปล่อยมือไป
“เจ้าไร้ยางอาย กลับมา เป้าหมายของคังหยางคือตัวเจ้า ข้าจะเป็นคนแลกเปลี่ยนกับ หยุน ชิงวู เอง!” ฉือ กูเหยียน รู้ว่า ฟาง เจิ้งจือ กําลังจะทําอะไร
อย่างไรก็ตาม ฟาง เจิ้งจือ เร็วเกินไป
นางต้องการหยุดเขา แต่ ฟาง เจิ้งจือ เดินไปแล้ว นางไม่สมารถรั้งได้
เป็นเพราะว่า
นางไม่สามารถทิ้ง หยุน ชิงวู ไว้ลําพังได้
“เจ้า! ฮ่าฮ่า เจ้ารู้จักเตสวรรค์ไม่ใช่หรือ?” ฟาง เจิ้งจือ ลังเลขณะที่เขาหันกลับมาเยาะเย้ย
เขารู้ว่าคังหยางกําลังเล็งที่เขา
อย่างไรก็ตาม เขาไม่สามารถปล่อยห้ ฉือ กูเหยียน ไปเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยเขาได้
ยิ่งไปกว่านั้น ปิง หยาง ถูกจับไปก็เพราะพยายามจะช่วยเขาด้วย