Gate of God ตอนที่ 468 อัจฉริยะที่ไม่เคยมีมาก่อน
ฟาง เจิ้งจือ ตกตะลึงอย่างแท้จริง
เขารู้อยู่เสมอว่าเต่าแห่งการสรรค์สร้างสามารถยืมพลังมาจากสิ่งรอบๆได้ เช่นคนที่สามารถเข้าถึงเต๋าแห่งภูเขาได้ก็สามารถใช้มันกดดันฝ่ายตรงข้ามได้
บางคนอาจจะสามารถควบคุมแสงอาทิตย์หรือเปลวเพลงได้ อย่างไรก็ตามพลังพวกนี้ก็ยังขึ้นอยู่ระดับพลังของตัวเอง
มันเป็นเรื่องยากมากที่ใครจะสร้างภูเขาขึ้นมาจริงๆ! ยิ่งไปกว่านั้น คังหยาง สามารถสร้างภูเขาขึ้นมาได้โดยไม่ต้องใช้อะไรเลย
ฟาง เจิ้งจือ รู้สึกว่าตัวเองควรจะวิ่ง อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเตรียมจะวิ่ง ร่างกายของเขากลับขยับไม่ได้
เป็นเพราะว่า
พื้นดินใต้เท้าของเขากลับเป็นหนองบึงและมีเถาวัลย์ที่พันรอบขาเขาอยู่
มันค่อยปืนปายไปที่ขาเขาอย่างช้าๆ มันค่อยๆดึงเขาลงไปในบึง
เขาไม่คิดว่าครึ่งเซียนจะมีพลังร้ายกาจขนาดนี้ เขาไม่คิดว่าเขาจะแพ้ตั้งแต่รอบแรก
เขามีภูเขาอยู่บนหัว ขณะที่ตัวเขาขยับไปไหนไม่ได้
ฟาง เจิ้งจือ ต้องการจะหนี
แต่เขาจะหนียังไง?
คังหยางแสดงให้เห็นถึงความร้ายกาจของเขาอย่างแท้จริง มันเหมือนเขากําลังเล่นกับเด็กทารกอยู่
บนกําแพงของถิ่นฐานเนินเขาเหล็ก
หน่วยเกราะมังกรและหองทัพทลายภูผา ต่างตกตะลึง
“แข็งแกร่งอะไรขนาดนี้!
“ครึ่งเซียน”
“ไม่ คังหยางเป็นครึ่งเซียนมากกว่าสิบปีแล้ว ตอนนี้เขาคงใกล้จะเป็นเซียนแล้ว”
จากนั้นพวกเขาก็หันไปมอง ฟาง เจิ้งจือ ด้วยความรู้สึกผิด
ณ จุดนี้
พวกเขารู้แล้วว่าทําไม ฟาง เจิ้งจือ จึงวิ่งหนี
ไร้ยางอาย?
ไม่ มันไม่ใช่ความขี้ขลาดหรือไร้ยางอาย แต่เกิดจากความฉลาดของเขา ฟาง เจิ้งจือ คิดทุกอย่างไว้แล้ว
น่าเศร้าที่ไม่มีอะไรจะช่วยชีวิตเขาไว้ได้
ฉาน หลิง กําหมัดแน่น เขาชื่นชมความสามารถของ ฟาง เจิ้งจือ จริงๆ
เขาชื่นชม ฟาง เจิ้งจือ…
ทําให้ดวงตาของเขาเริ่มสว่างขึ้นและสว่างขึ้น
เขารู้สึกเหมือนกําลังเห็นการสูญสิ้นของอัจฉริยะ
องค์หญิง ฉาน ยู่ เองก็กังวลเช่นกันเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น
ความรู้สึกโกรธของนางก่อนหน้านี้
ทุกอย่างหายไปเมื่อ คังหยางมาปรากฏตัวหน้า ฟาง เจิ้งจือ
ภูเขาปิดกั้นแสงดาวทั้งหมดไว้
ตอนนี้แทบไม่มีแสงสว่างแล้ว ทุกคนต่างมองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ
พวกเขารู้ว่าแม้แต่อัจฉริยะอย่าง ฟาง เจิ้งจือ ก็ไม่สามารถป้องกันการโจมตีอันทรงพลังเช่นนี้ได้
พวกเขาคิดว่า ฟาง เจิ้งจือ คงสิ้นหวังแล้ว
แต่ความจริงแล้วไม่ใช่
แม้ว่า ฟาง เจิ้งจือ จะแปลกใจ แต่เขาก็ไม่ได้สินหวัง
“เป็นไปได้ไหมว่าเขายังมีเคล็ดลับบางอย่างอยู่?”
คําถามนี้ลอยอยู่ในใจของทุกคน แต่ไม่มีใครคิดออกว่า ฟาง เจิ้งจือ มีแผนอะไร
ขณะที่พวกเขาคิดนั้นเอง
แสงสีม่วงก็พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าจากกําแพงเมือง
เมื่อดาบแสงเล่มนั้นปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า ทั่วทั้งบริเวณที่ปกคลุมไปด้วยจิตสังหารอันน่ากลัว
เป็นจิตสังหารที่น่าหวาดหวั่น
“ตูม!”
ดาบแสงสีมวงพุ่งชนภูเขาลูกนั้นทําให้เกิดแรงระเบิดขนาดใหญ่
“แกรก!” เสียงของภูเขาที่แตกออกดังขึ้นทั่วบริเวณ
จากนั้น
ภูเขาก็แตกออกกลายเป็นเสี่ยงๆ
จากนั้นลําแสงสีขาวก็พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า แน่นอนว่ามันอ่อนแอกว่าลําแสงสีม่วงเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม ..
ไม่มีใครถามถึงพลังของดาบแสงสีขาวนี้
มันทั้งเยือกเย็นและเบาบางแต่ก็ทําให้ทุกคนหวาดกลัวได้
“ตูม!”
ลําแสงสีขาวพุ่งชนพื้น
เถาวัลย์ขาดสะบั้น หนองบึงเริ่มแช่แข็ง
การปรากฏขึ้นอย่างฉับพลันของลําแสงทั้งสองทําให้ทหารบนกําแพงตกใจมาก
พวกเขามองร่างที่ยืนบนกําแพงเมือง
ไม่มีใครสงสัยพลังหรืออํานาจของเขา
เขาเป็นเสาหลักของสิบสามกองตรวจการ
คนที่ยืนอยู่ข้างๆ ซิง หยวนกัว คือ นักปราชญ์สวมชุดขาว
ดาบของเขาปลดปล่อยความเยือกเย็นออกมา
หนานกง เฮา
หน่วยเกราะมังกรและกองทัพทลายภูผามองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ หลังจากได้สัมผัสการโจมตีอันรุนแรงทั้งสอง
ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจว่าทําไม ฟาง เจิ้งจือ ถึงไม่ตกใจ
อาจจะเพราะว่า..
เขาคํานวณทั้งหมดเอาไว้แล้ว?
แต่ละคนต่างมองหน้ากันด้วยความหวาดกลัวเมื่อคิดถึงตรงนี้
บังคับให้คังหยางทิ้ง ปิง หยาง เอาไว้
ทําให้ ฉือ กูเหยียน มีโอกาสช่วย ปิง หยาง
จากนั้นเขาก็คํานวณเวลาที่คังหยาง จะปรากฏตัวออกมาหน้าเขาให้พอดีกับระยะโจมตีของ ซิง หยวนกัวและ หนานกง เฮา
อัจฉริยะ?
มันอาจจะน้อยไปด้วยซ้ำ
ฟาง เจิ้งจือ พึ่งประมือกับครึ่งเซียนมา
ตามปกติคนธรรมดาคงไม่มีใครสามารถคิดแผนอะไรได้
แต่สําหรับ ฟาง เจิ้งจือ…
เขาสามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของครึ่งเซียนเอาไว้ได้ทั้งหมด เขาสามารถทําให้สงครามมาถึงจุดที่เขาได้เปรียบได้
เขาเป็นอัจฉริยะที่ไม่เคยมีมาก่อน!
เป็นคําพูดเดียวที่สามารถอธิบาย ฟาง เจิ้งจือ ได้
จากนั้นพวกเขาก็นึกถึงคําพยากรณ์สวรรค์
คนที่น่าจะทําตามคําทํานายนั้นได้ควรจะเป็น
ฉือ กูเหยียน!
“เราต้องช่วยเขา!” องค์หญิง ฉาน ยู่ มองไปที่ ซิง หยวนกัว และ หนานกง เฮา
เมื่อเหล่าหัวหน้าถิ่นฐานที่ยืนอยู่ด้านหน้าได้ยินเสียงตะโกนขององค์หญิง ฉาน ยู่ พวกเขาทั้งหมก็เริ่มเคลื่อนไหว
หาก ซิง หยวนกัว และ หนานกง เฮา สามารถทําได้ พวกเขาก็สามารถทําได้เช่นกัน
นั่นหมายความว่า ฉาน หลิงเองก็สามารถทําได้เช่นกัน ยิ่งพวกเขาถ่วงเวลา คังหยาง ได้มากเท่าไรพวกเขายิ่งได้เปรียบ อย่างไรก็ตามตอนที่พวกเขาจะพุ่งออกไปนั้นเอง
พวกเขาลังเล
นั่นเพราะ เมื่อพวกเขามองไปที่ ฉาน หลิง ดวงตาของ ฉาน หลิง บอกว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ถูกต้องนัก
เหตุผลล่ะ?
ฉาน หลิง ไม่ได้บอกอะไร
อย่างไรก็ตามในฐานะหัวหน้าถิ่นฐาน พวกเขาต้องทําตามองค์รัชทายาท
” เกิดอะไรขึ้น? เร็วเข้า! ถ้าพวกเราร่วมมือกันต่อสู้กับคังหยาง พวกเราจะมีโอกาสชนะสงครามนี้!” องค์หญิง ฉาน ยู่ เร่งรีบ
หากนางสามารถโจมตีได้ นางจะโจมตีโดยไม่ลังเล อย่างไรก็ตาม นางอ่อนแอเกินไป
เพื่อที่จะโจมตี คังหยาง จากกําแพงเมือง
อย่างแรกคือต้องอยู่ในระดับจุติ
ตอนนี้นางอยู่ในระดับสะท้อนสวรรค์เท่านั้น
องค์หญิง ฉาน ยู่มั่นใจในความสามารถของตัวเองมาก แต่ตอนนี้นางอยากจะมีพลังมากกว่านี้เหลือเกิน
“ฉาน ยู่ เจ้าพอได้แล้ว! พวกเราสามารถโจมตี คังหยาง ได้ แต่นั่นก็หมายความว่า คังหยาง สามารถโจมตีพวกเรากลับได้เช่นกัน ตอนนี้พวกเราต้องรักษากําลังพลของเราไว้ให้มากที่สุด!” ฉาน หลิง ตอบ
“รักษากําลังพลเอาไว้? นั่นหมายความว่าท่านพี่จะเพิกเฉยต่อชะตากรรมของ ฟาง เจิ้งจือ และดินแดนภูเขาทางใต้งั้นหรือ?!” ทาที่ขององค์หญิง ฉาน ยู่เปลี่ยนไปทันที
” หุบปากเจ้าซะ ตอนนี้พวกเราสูญเสียกับสงครามไปมากแล้ว เจ้าอยากให้พวกเราตายมากกว่านี้หรือไง?” สายตาของ ฉาน หลิง เต็มไปด้วยความเยือกเย็น
” ท่านพี่! พวกเราเป็นนักรบนะ ไม่ควรจะแสดงพลังที่แท้จริงของพวกเราในตอนนี้หรือไง?!”
” พอแล้ว ข้าได้ตัดสินใจแล้ว พวกเราจะโจมตีในเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น ถ้าเจ้าจะพูดอะไรอีก เจ้าก็ออกไปได้เลย” ฉาน หลิง ตอบด้วยความโกรธ
องค์หญิง ฉาน ยู่ กําหมัดของนางแน่น
ดวงตาของนางเริ่มลุกโชนด้วยเปลวไฟ ลายเมฆบนตัวนางค่อยๆปรากฏขึ้นมา
ฉาน หลิง ตกใจเป็นอย่างมาก
“ฉาน หลิง เจ้าคิดอะไรอยู่”
“ห์ ในเมื่อท่านพี่บอกว่าจะทําการป้องกันอยู่ในถิ่นฐาน ข้าก็ไม่มีอะไรจะพูดอีก แต่ตอนนี้ ข้าคงไม่ทําตามคําสั่งของท่าน! ถ้าท่านไม่ไปช่วยเขา ข้าจะช่วยเอง! ท่านไม่สามารถบงการทุกอย่าง
“เจ้า..”สีหน้าของ ฉาน หลิง เปลี่ยนไป
เขารู้จักน้องตัวเองดี เมื่อนางต้องการทําอะไรไม่มีใครหยุดนางได้
มันทําให้นางได้รับความเคารพจากทหารเป็นอย่างมาก
องค์หญิง ฉาน ยู่ พูดถูกต้อง
ฉาน หลิง ไม่สามารถควบคุมทุกอย่างได้
ในดินแดนใต้นี้คําพูดของน้องสาวเขาก็ทรงพลังพอๆกับตัว ฉาน หลิง
“ส่งทหารหมาป่าเขาเงิน ”
” ฝ่าบาท โปรดเชื่อในตัวองค์รัชทายาท
“ใช่แล้ว! เขาจะต้องมีเหตุผลแน่นอน นี่ไม่ใช่เวลามามีปัญหากันเอง”
“องค์รัชทายาทข้าคิดว่าองค์หญิง ฉาน ยู่ ก็มีเหตุผล ท่านคงเป็นห่วงความปลอดภัยของพวกเรา พวกเราสามารถช่วยสนับสนุนจากด้านข้างได้ การช่วยอาณาจักรเซี่ยก็เหมือนช่วยดินแดนใต้ไปในตัว
หัวหน้าถิ่นฐานพยายามเป็นตัวกลางให้ทั้งสองคน
“งัน พวกเจ้าคอยให้ความช่วยเหลือจากด้านข้าง แต่ระวังอย่าเข้าใกล้เกินไป!” ฉาน หลิง กัดฟันตอบ
“รับทราบ ฝ่าบาท!” หน้าหน้าถิ่นฐานตอบพร้อมเพรียง
“ท่านพี่ ข้าขอโทษ แต่…” องค์หญิง ฉาน ยู่ พูดขึ้นมา
“ไม่จําเป็น มันเป็นความผิดพลาดของข้าเอง ข้าเครียดเกินไป ข้าควรแสดงจุดยืนของข้าให้ชัดเจน” ฉาน หลิง พยักหน้า
อย่างไรก็ตาม เขามองดู ฟาง เจิ้งจือ พร้อมกํามือแน่น
“ท่านพี่ต้องได้เป็นราชาในอนาคตแน่นอน ข้าต้องทําตามคําสั่งของท่าน!” องค์หญิง ฉาน ยู่ มองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ ด้วยความกังวล
“ถ้าพวกเราร่วมมือกันไม่ว่าปีศาจหรืออาณาจักรเซี่ย ก็ไม่สามารถทําอะไรพวกเราได้!” ฉาน หลิง พูดขึ้นมา
“ท่านช่างชาญฉลาดยิ่งนัก!”
” ตาย
” ตาย
หลังจากได้รับคําสั่งหัวหน้าถิ่นฐานต่างพุ่งไปหา คังหยาง ราวกับสายฟ้าทันที
ทันใดนั้น คังหยาง ก็เริ่มมีปฏิกริยา ชุดสีฟ้าของเขาพัดไปตามสายลมก่อนที่เขาจะพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าและหายไปทันที
ฟาง เจิ้งจือ พึ่งได้รับอิสระ เขากําลังจะท้าทาย คังหยาง แต่
เขาเห็นแสงสีฟ้าตรงหน้าเขา
“โอ้? ไม่มีการใช้กลยุทธ์อะไรอีกต่อไปแล้ว? ใช้แค่พลังเท่านั้น?” ฟาง เจิ้งจือ ยิ้ม
เยาะ เขาเคยต่อสู้กับสัตว์ร้ายตั้งแต่เขาอายุยังน้อย
แม้เขาจะไม่ถนัดต่อสู้ระยะประชิด แต่เขาก็ไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น
นอกจากนี้ฝ่ายตรงข้ามของเขาตาบอด การต่อสู้ระยะระชิดนั้นได้เปรียบกับ ฟาง เจิ้งจือ
ฟาง เจิ้งจือ มั่นใจอย่างยิ่ง
เขาต้องการที่จะหลบการโจมตีครั้งแรก, แล้วไปที่ด้านหลังคังหยาง ทุ่มเขาให้ลงไปนอนกับพื้น
จากนั้น เขารู้สึกมีบางอย่างกดทับที่น้าอก
เขามองลงไป
ดวงตาของเขาเบิกกว้าง
มันเป็นมือที่เปราะบาง
ฟาง เจิ้งจือ คิดว่าเขาจะเป็นคนเดียวที่ใช้วิชานี้ได้ เขาไม่คิดเลยว่า คังหยาง จะใช้วิธีนี้กับเขาแทน
นอกจากนี้
เขาไม่มีโอกาสโต้ตอบแม้แต่น้อย
“เชี่ย จะเร็วอะไรขนาดนี้?!” ฟาง เจิ้งจือ ร้องออกมาด้วยความกลัวจากหัวใจ เขารู้สึกถึงคลื่นพลังที่มาจากมือนั่น
หาได้ยากที่ ฟาง เจิ้งจือ จะหวาดกลัว
แต่คราวนี้เขา
เขาเหงื่อชุ่มไปทั้งตัว
พลังนั้นเข้าปะทะกับร่างเขาอย่างจัง
“ตูม!” เสียงระเบิดดังขึ้น ฟาง เจิ้งจือ ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า เขาดูเหมือนดาวตกที่กําลังลอยไปหา ฉือ กูเหยียน และ ปิง หยาง
พร้อมกํามีลําแสงสีฟ้าพุ่งตามเขามาติดๆ