Gate of God ตอนที่ 475 ชีวิตบัดซบ
ค่ำคืนกลับสู่ความเงียบสงบอีกครั้งเสียงกรีดร้องของการสังหารได้หายหมดไป
มีเพียงแสงสีทองบนท้องฟ้าเท่านั้นแสงของเขาปิดกั้นแสงของดวงดาวและดาวจันทร์จนหมดสิ้น
ในขณะนั้นเองทุกคนต่างมองดูเสาแสงสีทองผู้คนเกิดความรู้สึกตกใจ ยินดี หวาดกลัว และเศ้ราโศก
และแน่นอนอีกหนึ่งอารมณ์
นั่นก็คือ…
”ชีวิตข้ามันบัดซบ!”่
นี่เป็นโชคร้ายอย่างมากแต่ ฟาง เจิ้งจือ ไม่มีคำพูดไหนจะอธิบายอารมณ์ของเขาออกมาได้
สิ่งที่เขาเห็นคืออะไร?
เชี่ยนั่นมันคืออะไร?
นี่เป็นโลกที่แปลกประหลาดและเขารู้ตั้งแต่ตอนที่เขาเคยเข้ามาแล้วมันเต็มไปด้วยสิ่งไม่คาดฝัน
อย่างไรก็ตามนี่มันต่างไปอย่างสิ้นเชิง!
ชายชราที่ใกล้ตายกลับมาเป็นวัยหนุ่มอีกครั้ง?นี่มันเรื่องเชี่ยอะไรกัน?
นกฟินิกซ์ที่เกิดใหม่จากเถ้าถ่านงั้นหรือ?หรือผีเสื้อที่แง้มปีกออกจากรังไหม?
ที่สำคัญยิ่งกว่า…
แสงสีทองตรงนั่นมันเชี่ยอะไรกัน?
มันเปลี่ยนแปลงทุกอย่างภายในพริบตา
ฟางเจิ้งจือ ไม่อยากจะเชื่อว่า คังหยาง สามารถเปลี่ยนแปลงกฎของโลกที่เขาควบคุมอยู่ได้
เขารู้สึก…
อัปยศเป็นอย่างมาก!
ฟางเจิ้งจือ โกรธแค้นเช่นกัน
หาได้ยากที่เขาจะไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้เขายังจำได้ถึงตอนที่เขาถือดาบไร้ร่องรอยในโลกแห่งเซียน
เขารู้สึกผ่อนคลาย
ราวกับว่าเขายืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลกที่สามารถควบคุมชีวิตของทุกคนได้เขาล้ม หยิง ชาน ที่อยู่ในระดับอภินิหารลงได้ภายในการโจมตีเพียงครั้งเดียว
ในตอนนี้เขาได้รู้สึกแบบนั้นเช่นกัน…
เขารู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้ครอบครองกลืนกินโลกเขาคิดว่าเขาควบคุม …
แต่…
ความตื่นเต้นนั้นอยู่ได้ไม่นานนัก
ฟางเจิ้งจือ ตั้งใจจะสั่งสอนพวกปีศาจก่อนที่จะคุยเรื่องข้อตกลงกับ ฉาน หลิง
เขาต้องการยืนยันวันเวลาในการส่งมอบอัญมณีเหล่านั้น
…
เขารู้สึกว่าเขาได้เปรียบมาก
อนาคตของเขาสดใสมาก
อย่างไรก็ตามก่อนที่เขาจะได้ยืนยันเรื่องข้อตกลงคังหยางกลับทำลายมันจนหมดสิ้น
ยิ่งไปกว่านั้นเขารู้สึกเหมือนมองเห็นทุกอย่าง
ใช่แล้ว…
ตอนที่คังหยางพุ่งขึ้นไปบนสวรรค์ราวกับเขามองเห็นทุกอย่าง
เรื่องนี้ไม่สมเหตุสมผล
ตามปกติแล้วตำแหน่งของฟาง เจิ้งจือ ไม่ควรถูกเปิดเผยเพราะเขาเป็นผู้ควบคุมกลืนกินโลก
”ลงไป!”่
…
”ลงไปซะ!”่
เสียงของฟาง เจิ้งจือ ดังขึ้นบนท้องฟ้า แสงสีม่วงพุ่งลงมาใส่คังหยางที่กำลังทะยานร่างขึ้นไปด้านบน
”ตูม!”กระแสไฟฟ้าสีม่วงล้อมรอบแสงสีทองเอาไว้อย่างสมบูรณ์
อย่างไรก็ตามเสาแสงยังคงนิ่งเฉยมันแข็งแกร่งมาก
ตั้งตรงขึ้นไปสู่สวรรค์…
ทุกคนต่างมองดูด้วยความหวาดกลัว
เซียน!
นั่นคือระดับพลังที่ถูกเคารพจากทั้งมนุษย์และเหล่าปีศาจ
การเข้าถึงระดับเซียนหมายถึงความสามารถและพลังที่ไร้ขีดจำกัดนี่คือระดับพลังขั้นสูงสุดและแสดงให้เห็นถึงความสามารถของการฝึกฝนทุกอย่าง
สิ่งนี่ต่างเป็นความใฝ่ฝันของทั้งมนุษย์และปีศาจ
สำหรับประโยชน์ของการเป็นเซียนนั้น…
เซียนนั้นอยู่ในระดับเดียวกับจักรพรรดิแม้แต่องค์จักรพรรดิที่มีทหารนับล้าน หรือเจ้าปีศาจก็ยังต้องเคารพเซียน
1ศาลา4เซียน 13กองตรวจการศักดิ์สิทธิ์
นั่นเป็นคำพูดที่ได้ยินทัวไปในอาณาจักรเซี่ย
ศาลามาจากศาลาเต๋าสวรรค์ที่ควบคุมการสรรค์สร้างและทำตามประสงค์ของสวรรค์ 4 เซียน คือผู้ที่มีพลังอำนาจมากที่สุดในโลก
พวกเขาอยู่ในระดับเดียวกันกับจักรพรรดิผู้นำของ 13 กองตรวจการ
นี่เป็นสิ่งพิสูจน์จุดยืนของเขา
ตอนนี้แสงสีทองที่พุ่งขึ้นมามันมีชื่อว่า
แสงแห่งเซียน!
ไม่มีใครรู้ว่าทำไมคังหยางพัฒนาไปได้อย่างกระทันหัน
แต่สิ่งหนึ่งที่แน่นอน
เมื่อหน้าผากของเขาส่องแสงขึ้นมาเขาได้กลายเป็นเซียนไปแล้ว
”ท่านพ่อฟาง เจิ้งจือ… ” ซิง ฉิงซุย กำมือแน่นด้วยความกังวลขณะที่มองดูคังหยางท่ามกลางแสงแห่งเซียน
”เห้อมันคงเป็นความประสงค์ของสวรรค์ …” ซิง หยวนกัว ถอนหายใจออกมาเมื่อเขามองดู
คังหยาง
สู้กับเซียน?
ไม่อย่างแน่นอน
เขาทำได้เพียงแต่รอและกัดฟันรอต่อไป!
”ประสงค์ของสวรรค์…” ฉาน หลิง พึมพำกับตัวเองเขาไม่สามารถยอมรับความจริงนี้ได้
…
ฟางเจิ้งจือ รู้สึกไม่ค่อยดีเมื่อเห็นคังหยางพุ่งขึ้นมา เขาไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น …
เขารู้อยู่เรื่องหนึ่ง…
ความสามารถของคังหยางเพิ่มขึ้น
”ไม่มีทาง!เขาเลือกที่จะจบชีวิตตัวเองอย่างนั้นหรือ?”ฟาง เจิ้งจือ ถอนหายใจ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาได้เห็น
หยิงชาน ก็เลือกที่จะจบชีวิตตัวเองเพื่อพลังที่เพิ่มขึ้น
ความสามารถของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต
ที่ทางเข้าถิ่นฐานวานรน้ำแข็งเขาพบกับปีศาจตนหนึ่งที่ใช้พลังดวงตาปีศาจ
แต่เขาไม่คิดเลยว่าคังหยางจะใช้วิธีนี้
อย่างที่พูด
เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ…
ฟางเจิ้งจือ มองไปที่คังหยางและสัญลักษณ์ที่ซับซ้อนบนหน้าผาก…
คังหยางไม่ได้ดูเหมือนกำลังจะตายเลยแม้แต่น้อย!
ฟางเจิ้งจือ ไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับการดึงพลังจากดวงตาปีศาจออกมาเท่าไรนัก ระดับพลังปัจจุบันของคังหยาง ไม่เหมือนกับการทำลายตัวเองที่เขาเคยเจอมาก่อนเลย
พลังของปีศาจถูกรวมอยู่ในดวงตาปีศาจของพวกเขานั่นคือแหล่งที่พวกเขาจะดึงพลังออกมา
ตอนที่พวกเขาเข้าสู่การทำลายตัวเอง…
พวกเขาจะดึงพลังออกมาจากดวงปีศาจ
จะไม่มีพลังงานเหลือในดวงตาปีศาจมันจะเปลี่ยนเป็นสีเทา …
แต่…
สิ่งที่เกิดขึ้นกับคังหยางดูแตกต่างออกไป
คังหยางแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อพลังของเขาถูกรวมเอาไว้ในสัญลักษณ์บนหน้าผากฟาง เจิ้งจือ รู้สึกถึงพลังที่แผ่กระจายออกมาจากสัญลักษณ์
”เขาไม่ได้ทำลายตัวเองงั้นหรือ?”ฟางเจิ้งจือ สับสนเล็กน้อย
ถ้าคังหยางเลือกที่จะจบชีวิตตัวเองก็พอจะเข้าใจได้อยู่แต่ถ้าเขาไม่ได้ทำ แล้วคังหยางกลายเป็นผู้ที่ทรงพลังแบบนั้นได้ยังไงกัน?
กลืนกินโลกเป็นเหมือนมิติที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง
มันเป็นสถานที่ที่มีกฎในตัวเอง
ฟางเจิ้งจือ รู้สึกว่า …
ตอนที่คังหยางถูกดูดกลืนเข้ามาในกลืนกินโลกฟาง เจิ้งจือ รู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตามหลังจากที่สัญลักษณ์บนหน้าผากเขาเปลี่ยนไป …
ฟางเจิ้งจือ รู้สึกเหมือนกับว่าคังหยางไม่อยู่ในกฎของกลืนกินโลกอีกต่อไป
ไม่ใชเรื่องที่ดีเลย
หมายความว่าคังหยางสามารถลบตัวเองออกจากกลืนกินโลกได้ทุกเมื่อ
ถ้าเขาไม่ได้ทำลายตัวเอง…
และแข็งแกร่งขึ้น…
นั่นอาจหมายถึง…
การเข้าถึง!
”โอ้… มันเป็นการเข้าถึงพลัง … ” ฟาง เจิ้งจือ ถอนหายใจอย่างโล่งอก และตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติ
เดี๋ยวก่อน
คังหยางเป็นครึ่งเซียน…
ครึ่งเซียนจะเข้าถึงพลัง…
อะไรกัน?
”เขากลายเป็นเซียนงั้นเหรอ?”สีหน้าของฟาง เจิ้งจือ เปลี่ยนไปทันที
สิงที่เขาอยากจะตะโกนออกมาในตอนนี้คือ…
ชีวิตข้าช่างบัดซบเหลือเกิน!
…
คังหยางยังพุ่งขึ้นมาด้านบนเรื่อยๆ
ในขณะเดียวกันพื้นดินก็เริ่มสั่นคลอนมีรอยแตกขยายออกไปทั่วทุกทิศทาง
เมื่อพื้นแตกออกหินยักษ์ก็พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า
พวกมันลอยขึ้นไปด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ
หินเริ่มรวมตัวกันณ จุดเดียวราวกับว่ามีภูเขาขนาดใหญ่ขวางกั้นคังหยาง
”ตูม!่
ราวกับดาบได้ตัดผ่านคังหยางพุ่งผ่านหินเหล่านั้นไปเรื่อยๆ
แสงสีทองเปล่งประกายไปทั่ว
หินไม่ได้แตกเป็นเสี่ยงๆพวกมันสลายไปราวกับร่างเงาสีดำก่อนหน้านี้มันมันสลายหายไป
ทุกคนบนพื้นกำลังเฝ้าดูเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น
พวกเขาตกใจแต่พวกเขาคิดไว้อยู่แล้ว นี่เป็นพลังของเซียน ไม่มีอะไรมาขวางทางเซียนได้
ภูเขาหายไปและค่ำคืนยังคงเงียบสงบ
ในที่สุดคังหยางก็หยุดกลางอากาศเขามองไปรอบๆ หน้าผากของเขายังคงส่องสว่าง
”แตกสลาย!”เขาพูดเบาๆ
ทันทีที่เขาพูดรอยแตกขนาดใหญ่ก่อตัวขึ้นข้างหน้าเขา
มันเป็นรอยแตกสีดำ…
ราวกับว่าพื้นที่นั้นกำลังแตกสลาย
รอยแตกที่ไม่คาดคิดเมื่อใดก็ตามที่มีบางสิ่งที่รวดเร็วมากหรือทรงพลังมากๆ รอยแตกนี้จะก่อตัวขึ้น
อย่างไรก็ตาม…
ผู้ทึ่จะทำได้ต้องมีพลังเป็นอย่างมากด้วย
ความสามารถที่จะสร้างรอยแตกได้ด้วยคำพูดนั้นหาได้ยากมากยิ่งไปกว่านั้นหลังจากที่รอยแตกปรากฎขึ้น มันไม่มีทีท่าจะหายไปแม้แต่น้อย
แต่มันกลับแผ่ขยายไปอย่างต่อเนื่อง
หากท้องฟ้าเปรียบดั่งแผ่นแก้ว…
แผ่นแก้วนี้เพิ่งถูกหินทุบอย่างจัง
ท้องฟ้ามืดครึ้ม…
รอยแตกร้าวแผ่ขยายออกไปเรื่อยๆกลืนกินดวงดาวบนท้องฟ้า
จากนั้นมันก็เริ่มกลายเป็นหลุมขนาดใหญ่ที่สามารถกลืนกินท้องฟ้าได้
…
ฟางเจิ้งจือ อยากจะโยนกลืนกินโลกในมือให้ ปิง หยาง แล้วพูดว่า “ข้าให้เจ้า ขอตัวล่ะ!”
พูดตรงๆ
เมื่อกลืนกินโลกถูกเปิดใช้งาน!
เขาสงสัยว่าคังหยางมีความลับอื่นอีกหรือไม่…
เขาคิดว่าคังหยางอาจมีสมบัติที่ทรงพลังหรือคังหยางอาจดึงพลังจากดวงตาปีศาจ
แต่เขาไม่คิดเลยว่าคังหยางจะเข้าถึงพลังใหม่
เขาต้องมีพลังอีกมากขนาดไหน?
ครึ่งเซียนก็ทรงพลังมากพอแล้ว!
แต่นี่กลับเป็นเซียน!
เซียน!
ฟางเจิ้งจือ กำลังจะจบสิ้น
เขาไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไรอีกแล้วถ้าเป็นไปได้เขาอยากจะมอบกลืนกินโลกให้กับคนอื่น
แต่มันก็สายเกินไป
เขารู้ว่ามันสายเกินไปก็ตอนที่รอยแตกปรากฏขึ้น
ท้องฟ้าแตกสลาย
โลกก็แตกเป็นเสี่ยงๆ ผงฝุ่นและก้อนหินมากมายกระจายทั่วท้องฟ้า
นี่คือความพินาศ…
ทุกสิ่งถูกทำลาย
ฟางเจิ้งจือ รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีก นอกจากนี้เขายังรู้อีกด้วยว่าถ้ากลืนกินโลกถูกทำลาย เขาต้องตายแน่
เขาควรทำอะไรดี?
เขาทำอะไรได้บ้าง?
เขาปล่อยให้กลืนกินโลกพังไม่ได้
โอ้ใช่…
กลืนกินโลกสามารถกลืนกินได้…
ใช่แล้ว… เขาสามารถเชื่อมโยงมิติพิเศาของเขาเข้ากับมันได้!
”เชื่อมมิติพิเศษของเขา!”
”มิติพิเศษ…”
ฟางเจิ้งจือ พูดซ้ำๆกับตัวเอง จากนั้นแววตาของเขาก็เริ่มเปล่งประกาย
”เชื่อมมิติพิเศษเข้ากับกลืนกินโลก!”
เสียงดังก้องทั่วท้องฟ้าทุกๆคนต่างได้ยินอย่างชัดเจน
พื้นดินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง…
…
ต้นไม้ใหญ่ปรากฏขึ้นมันเป็นต้นไม้ที่หนาและสูงมาก และเต็มไปด้วยใบไม้และดอกผลนับไม่ถ้วน