Gate of God ตอนที่ 483 อยู่หรือตาย
ท้องฟ้านั้นมืดมิด
ไม่มีแสงสว่างบนท้องฟ้าแม้แต่น้อยสิ่งที่เหลืออยู่มีเพียงฝุ่นและทรายกระจายไปทั่วทุกทิศทาง
หยุนชิงวู ไม่ได้เคลื่อนไหว ปล่อยให้ทรายเข้ามาปกคลุมนางเอาไว้
ฉือกูเหยียน และ ปิง หยาง เองก็ไม่เคลื่อนไหวเช่นกัน
ซิงหยวนกัว เองก็ล้มลงอยู่ที่พื้น ซิง ฉิงซุย อยู่ไม่ห่างจากเขามากนัก
”ท่านพ่อ!”ซิง ฉิงซุย พยายามพยุง ซิง หยวนกัวขึ้น
อีกด้านที่มุมปากของ หนานกง เฮา มีเลือดไหลออกมา ขณะที่ข้างๆเขามีดาบปักอยู่ อย่างไรก็ตามร่างกายที่สั่นสะท้านของเขาทำให้เห็นได้ชัดเจน…
เขาได้รับบาดเจ็บ…
บาดเจ็บสาหัส!
ฉานหลิง ยืนอยู่เงียบๆขณะที่พายุทรายพัดเข้ามาหาเขา เหล่าทหารและหัวหน้าถิ่นฐานได้หายไปจากสายตาเขาแล้ว
หลังจากผ่านไปนาน…
รอยแตกบนพื้นได้หายไปแทนที่ด้วยต้นไม้ที่ค่อยๆเติบโต ดวงอาทิตย์ส่องแสงท่ามกลางหมู่เมฆ
ร่างจำนวนมากเริ่มปรากฎให้เห็น
ปีศาจและมนุษย์…
กำแพงสีดำของเนินเขาเหล็กเองก็เห็นได้อย่างชัดเจนมันมีร่องรอยพังทลายมากกว่าเดิมพอสมควร
มนุษย์รวมทั้งสิ่งที่อยู่รอบๆยังคงเหมือนเดิม
อย่างไรก็ตามมนุษย์และปีศาจมีท่าทีที่แตกต่างกันมากมาย
”นายน้อยกลับมาแล้ว!”
”กลืนกินโลกพังทลายไปแล้ว!”
ทหารปีศาจต่างตะโกนร้องด้วยความดีใจ
อย่างไรก็ตามหยุน ชิงวู ไม่ได้แสดงความยินดีออกมาแม้แต่น้อย ทหารและ หยุน ชิงวู ที่ไปติดในกลืนกินโลกมาต่างมองไปที่กลางทุ่งหญ้า
ตรงนั้น…
มีสองร่างอยู่…
สายลมพัดชายเสื้อสีฟ้าและผมสีเงินโบกสะบัดไปเบาๆใบหน้าของเขาซีดขาว
”หรือว่า…”
เหล่าปีศาจต่างมองไปด้วยความไม่เชื่อสิ่งที่คังหยาง เป็นอยู่ในตอนนี้สามารถอธิบายได้ทั้งหมด
ที่สำคัญที่สุดคือ…
มีใครบางคนอยู่ด้านหน้าคังหยาง
เป็นชายคนหนึ่งที่ปกคลุมด้วยเลือดตั้งแต่หัวจรดเท้าร่างกายของเขาเปลือยเปล่าพร้อมกับผมอันยุ่งเหยิง ไม่มีคำพูดไหนอธิบายได้ว่าเขาโศกเศร้าเพียงใด
ที่สำคัญที่สุดฝ่ามือของเขาอยู่บนหน้าผากของคังหยาง
…
มันอยู่บนสัญลักษณ์สีทอง!
”เป็นไปได้ยังไง?!”
”เขาทำมันได้…อย่างไร”
ปีศาจที่รอดชีวิตมาจากกลืนกินโลกต่างเต็มไปด้วยความสงสัยพวกเขาไม่สามารถจินตนาการได้ว่าเกิดอะไรขึ้นในกลืนกินโลก
ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นแต่ก็ไม่มีผู้ใดตอบคำถามของพวกเขาได้
ทุกคนที่ออกมาจากกลืนกินโลกได้ต่างยืนเงียบ…
พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าตอนจบจะเป็นแบบนี้
คังหยางตายแล้วเหรอ? หรือ ฟาง เจิ้งจือ ที่ตาย?
กลืนกินโลกได้พังทลายลงแล้ว!
นั่นหมายความว่าฟาง เจิ้งจือ ตายแล้ว อย่างไรก็ตามฉากที่อยู่ด้านหน้าของพวกเขา ทำให้พวกเขาไม่สามารถสรุปได้
ทั้งคังหยาง และ ฟาง เจิ้งจือ ไม่มีใครแสดงท่าทีอะไรออกมา
แสงสีทองแห่งเซียนได้หายไป…
พร้อมกับแสงสีม่วงแปลกๆจากฟาง เจิ้งจือ …
”ชีวิตหรือความตาย?ใครอยู่? ใครตาย?”
โดยปกติแล้วคงเป็นเรื่องง่ายถ้าฟังจากเสียงหัวใจแต่ฉากข้างหน้ามันทำให้พวกเขายากที่จะเดา
ใบหน้าของซิง หยวนกัว นั้นซีดขาว แต่เขายังจ้องไปที่ ฟาง เจิ้งจือ และคังหยาง อย่างใจจดใจจ่อ
หนานกงเฮา เก็บดาบแล้วเช่นกัน แต่สายตาของเขาไม่เคลื่อนไหวไปไหน
ฉานหลิง รู้สึกกังวลน้อยลงมาก เขาพิงกำแพงเมือง ยืนรออย่างอดทน
ชุดสีขาวของหยุน ชิงวู พัดไปตามสายลม
”ท่านอาจารย์… ” หยุน ชิงวู พึมพัม ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความเศร้าและสิ้นหวัง
มีร่างสองคนยืนอยู่ข้างๆนาง
ชุดสีชมพูของฉือ กูเหยียน ยังคงสะอาดเหมือนเคย แต่ท่าทีของนางดูไม่ดีเท่าไรนัก
นางรู้ว่าการพังทลายของกลืนกินโลกนั้นหมายความว่ายังไง
”เจ้าไร้ยางอายคุณ… เจ้าตายไม่ได้ … ” ฉือ กูเหยียน พึมพำกับตัวเอง
”อ๊าก!ปล่อยข้าไป! เจ้าไร้ยางอาย… “เสียงของ ปิง หยาง ดังขึ้นทำลายความเงียบลง
อย่างไรก็ตามนางหยุดตะโกนเกือบจะทันที…
เป็นเพราะว่า…
นางรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ…
เมื่อนางดิ้นนางก็พบว่านางสามารถเคลื่อนไหวได้!สิ่งที่พันธนาการร่างนางไว้ได้หายไปแล้ว!
นางไม่ได้ถูกควบคุมโดยเต๋าสวรรค์แล้วงั้นหรือ?
คังหยางตายแล้ว?
นี่คือสิ่งที่ผุดขึ้นมาในหัวนางนางตื่นเต้นมาก ปกตินางคงจะจัดงานฉลองไปแล้ว
อย่างไรก็ตามด้วยเหตุผลที่อธิบายไม่ได้บางอย่างนางไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะเฉลิมฉลอง
”นี่เจ้าไร้ยางอาย! นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของเจ้า! มาปกป้องข้าซะ ข้าเป็นองค์หญิง! ได้ยินไหม? ฟาง เจิ้งจือ!!!” เสียงของ ปิง หยาง ดังขึ้น
อย่างไรก็ตาม…
ไม่มีคำตอบ
เงียบ
มีแต่ความเงียบ…
มีเพียงเสียงที่เกิดจากสายลมอ่อนๆที่ปะทะร่างทุกคนเท่านั้นตอนนี้เป็นเวลาสายๆ ดวงอาทิตย์ยังไม่แสบตามากนัก
หลังจากเงียบไปนาน…
ความเงียบถูกทำลายอีกครั้ง…
มันเป็นอาการไอเบาๆ เสียงที่อ่อนแอและแหบพร่า ดูเหมือนคนส่งเสียงจะอ่อนแอมาก
”แค่กๆ…”
เมื่อได้ยินเสียงไอ…
ท่าทีของปีศาจต่างเปลี่ยนไปพวกเขาไม่เชื่อ แต่พวกเขาก็ยินดีเป็นอย่างมาก!
น้ำตาคลอในดวงตาของหยุนชิงวุ
ก่อนที่น้ำตาจะไหลออกมาอาบแก้มของนาง…
”แค่กๆ…”
”อะแฮ่ม!”เสียงดังขึ้นอีกครั้ง
ร่างหนึ่งเริ่มขยับชายเสื้อสีฟ้าเริ่มเคลื่อนไหวเบาๆ
”ไม่ดีแล้วเขายังไม่ตาย!”ปิง หยาง ร้องอย่างตกใจ
อย่างไรก็ตาม…
นอกจากความตกใจมันยังเต็มไปด้วยอารมณ์อันซับซ้อนอื่นๆ
อารมณ์ของนางนั้นไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้อย่างไรก็ตาม เมื่อนางเห็น คัง หยาง เคลื่อนไหว…
นางพุ่งออกไปทันที!
ไม่มีใครรู้ว่าปิง หยาง กำลังคิดอะไรอยู่ …
แม้แต่ตัวนางก็ไม่รู้ว่าตัวเองคิดอะไรอยู่นางไม่ได้เร็วมาก แต่หอกฉีหลินในมือของนางเริ่มสำแดงพลังออกมาแล้ว
เสาเพลิงพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า
มีแสงสีทองเป็นประกายอยู่ที่ปลายหอก
”ไม่!”
”ปิงหยาง!”
ขณะที่ปิง หยาง พุ่งออกไปก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น มันเป็นเสียงของ หยุน ชิงวู และ ฟาง เจิ้งจือ
หยุนชิงวู ไม่เร็ว …
นางไม่สามารถหยุดปิง หยาง ได้
ฉือกูเหยียน เร็วกว่า นางจึงสามารถขวาง ปิง หยาง เอาไว้ได้ อย่างไรก็ตามเมื่อนางเห็น หยุน ชิงวู พุ่งออกมา นางจึงชะลอความเร็วลง
”ปิงหยาง อย่าไป!” ฉือ กูเหยียน ไปขวางหน้า หยุน ชิงวู แทนแต่สายตาของนางยังคงจับจ้องที่ ปิง หยาง
หยุนชิงวู หยุด
นางมองไปที่ฉือ กูเหยียน ขณะที่ทั่วหน้าของนางอาบไปด้วยน้ำตา
สำหรับปิง หยาง…
นางไม่คิดจะหยุด
นางฟังฉือ กูเหยียน เสมอ ไม่ว่า ฉือ กูเหยียน จะพูดอะไร นางจะฟังโดยไม่มีเงื่อนไขเสมอ
นั่นเพราะ
นางคิดว่าฉือ กูเหยียน ถูก…
แต่ตอนนี้นางไม่หยุด
ปิงหยาง ไม่รู้ทำไม อาจจะเป็นเพราะนางถูกพันธนาการร่างไว้นานเกินไป
หรือบางที่นางอาจจะต้องการระบายความผิดหวังใส่คังหยาง
เพราะในฐานะองค์หญิงของอาณาจักรเซี่ยการถูกควบคุมนั้นเป็นเรื่องที่นางไม่สามารถรับได้
แน่นอนว่า…
นางคิดว่าสิ่งที่นางทำเป็นเรื่องที่ถูกต้อง
ปิงหยาง ไม่หยุด
นางดันหอกไปด้านหน้าแสงสีทองเล็งไปที่คังหยาง
เพลิงยังคงพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าเรื่อยๆ
จากนั้น…
พวกมันก็หายไป…
แม้แต่แสงสีทองที่ปลายหอกก็หายไป
การโจมตีของปิง หยาง นั้นแร็วและทรงพลังมาก แต่มันกลับถูกหยุดอย่างรวดเร็ว
นางหยุดนิ่งสายตาจ้องไปที่ปลายหอก
มีมือจับอยู่ที่ปลายหอกของนาง
มือที่หยุดหอกฉีหลินหนึ่งในสิบสมบัติอันยิ่งใหญ่ของอาณาจักรเซี่ยเอาไว้ได้