Gate of God – ตอนที่ 578 เปิดประตู

ในเมืองหลวง
ร่างในชุดสีขาวกำลังยืนอยู่ในสวนดอกไม้ดวงจันทร์ยังคงส่องสว่างเชนเคย
”นายน้อย!”ร่างหนึ่งเดินเข้ามาและคุกเข่าลง
”ได้เตรียมทุกอย่างไว้เรียบร้อนแล้วหรือยัง?”ร่างในชุดขาวหันไปถาม
”นายน้อยทุกอย่างเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตามเกิดไฟไหม้ขึ้นที่วังขององค์รัชทายาท หัวหน้าดินแดน ฉิง เฟิง เกรงว่ามันอาจจะกระทบแผนการของพวกเรา ดังนั้นข้าจึงมาถามความคิดเห็นของนายน้อย” ร่างที่คุกเข่าอยู่พูดขึ้นมา
”อืม…มันเป็นเรื่องปกติที่หัวหน้าดินแดนหยิง เฟิง จะกังวล เจ้าตรวจสอบปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมดไว้เรียบร้อยแล้วหรือยัง?” ร่างในชุดขาวพยักหน้าก่อนจะถามขึ้นมา
”การป้องกันความปลอดในวังขององค์รัชทายาทเพิ่มขึ้นสูงมากหลังจากมีไฟไหม้ขึ้นแต่พวกเราก็ได้มีการส่งสายลับเข้าไปในที่พักขององค์รัชทายาทก่อนหน้านี้แล้ว พวกเขาพบบางอย่าง หนึ่งคือมีสองจุดที่ถูกไฟไหม้โดยเฉพาะที่ห้องหนังสือ อย่างที่สองคือห้องลับถูกเปิดเผยขึ้นมาหลังจากที่ ฟาง เจิ้งจือ เปิดเผยบางอย่าง สุดท้ายไม่มีใครรู้ถึงเนื้อหาในจดหมาย แต่หลังจากที่องค์จักรพรรดิได้อ่านเขาโฏรธมาก”
”จดหมาย?”
”ใช่จากสิ่งที่ข้ารู้จดหมายน่าจะเกี่ยวข้องกับห้องลับใต้ห้องหนังสือฟาง เจิ้งจือ บอกว่าเขาบังเอิญเจอจดหมาย อย่างไรก็ตามข้าคิดว่า ฟาง เจิ้งจือ ได้เตรียมจดหมายไว้ล่วงหน้าและหาโอกาสแสดงมันให้องค์จักรพรรดิเห็น แม้ว่า…”
”แม้ว่า?”
”แม้องค์จักรพรรดิจะพบห้องลับตามเนื้อหาของจดหมายเขาไม่ได้เข้าไปในห้องลับและทำการสอบสวน ดูเหมือนเขาไม่คิดจะลงโทษองค์รัชทายาท เขาปล่อยองค์รัชทายาทไป ข้าคิดว่าแผนของ ฟาง เจิ้งจือ น่าจะล้มเหลว!”
”ล้มเหลว?!”ร่างในชุดขาวค่อยๆคิดถึงสิ่งที่ได้ยิน หลังจากนั้นนางก็ส่ายหัวและพูดว่า” บางทียังมีบางอย่างที่เราไม่รู้ เจ้าบอกว่า ฟาง เจิ้งจือ มีจดหมายมากกว่าหนึ่งฉบับใช่ไหม?”
”ใช่แล้ว”
”จดหมายจำนวนหนึ่ง…ข้าเข้าใจแล้ว!เจ้าสามารถหยุดตรวจสอบคดีนี้ได้ แล้วสถาณการณ์ที่ทะเลสาบสิบลี้เป็นเยี่ยงไร? เหยียน เฉียนหลี่ ยังอยู่ที่นั่นหรือไม่?” ร่างนั้นพยักหน้าและถามเพิ่มเติม
”จากกการตรวจสอบเขาน่าจะกลับมาที่เมืองหลวงหลังจากอยู่ที่ทะเลสาบเป็นเวลาสามวันแต่ไม่มีใครรู้ว่าทำไมเขาถึงยังไม่กลับมาที่ีเมืองหลวง”
”ดูเหมือนสิ่งที่เกิดขึ้นอาจจะกระทบแผนของเรา”ร่างในชุดขาวหลับตาลง
”งั้น..เราควรทำตามแผนเดิมไหม?”
”อืม ทำทุกอย่างตามปกติ ไม่มีแผนไหนที่สมบูรณ์แบบ อาจจะมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นได้ ข้าไม่ใส่ใจหรอกถ้ามันเล็กน้อย” ร่างในชุดขาวส่ายหัว
”รับทราบ!ข้าจะรายงานให้หัวหน้าดินแดนทราบ!” ร่างในชุดดำพยักหน้าก่อนจะจากไป
ร่างในชุดขาวเงยหน้าขึ้นมองดวงจันทร์บนท้องฟ้า
…
จากวังขององค์รัชทายาทเข้าไปในวังหลวงไม่ไกลมากนักแต่ ฟาง เจิ้งจือ เดินมากว่าสามสิบนาทีก็ยังไม่ใกล้ถึง
เหตุผลก็ง่ายๆ
องค์จักรพรรดิเดินช้ามาก
แล้วฟาง เจิ้งจือ จะเดินเร็วกว่าเขาได้ยังไง?
แน่นอนว่าเขาไม่ได้เดินจริงๆเขานั่งสบายๆอยู่บนรถม้าขนาดใหญ่ เหยียน ซิว, ฟาง เจิ้งจือ และ ปิง หยาง ก็เช่นกัน
รถม้านั้นตกต่งอย่างหรูหราและกว้างมากแม้จะมีมากกว่าหกคนก็นั่งได้
”ท่านพ่อมีอะไรจะพูดงั้นหรือ?ทำไมต้องชวนทุกคนด้วย?”ปิง หยาง ถามขึ้นมา
”แน่นอน!”องค์จักรพรรดิลืมตาและมองไปที่ ปิง หยาง จากนั้นเขาก็ลูบหัวนางเบาๆ ก่อนจะหันไปพูดกับ ฟาง เจิ้งจือ “บอกมา ฟาง เจิ้งจือ ว่าเจ้าต้องการอะไรจากข้า?”
”คฤหาสน์หนึ่งร้อยตารางกิโลเมตร!”ฟาง เจิ้งจือ พูดโดยไม่ลังเล
”เจ้าจะสร้างวังหรือไงกัน?”องค์จักรพรรดิมอง ฟาง เจิ้งจือ ด้วยความตกใจ ก่อนจะกัดฟันพูด “ได้ ข้าอนุญาติแต่เมืองหลวงคงไม่มีที่ขนาดนั้น เจ้าคงต้องหาที่เอาเอง ข้าจะส่งคนไปสร้างให้!”
”ข้าอยากได้คนใช้ด้วย”ฟาง เจิ้งจือ พูดเพิ่ม..ไอลีนโนเวล
”มั่นใจได้ข้าจะให้ทั้งพ่อครัวและคนรับใช้กับเจ้า!”องค์จักรพรรดิรู้สึกว่าความร่ำรวยของเขาค่อยๆหายไป
”ข้าต้องการยกเลิกภาษีของหมู่บ้านภูเขาทางเหนือรวมถึงหมู่บ้านรอบๆในรัศมีสิบกิโลเมตร!”
”ข้าเข้าใจที่เจ้าจะให้ยกเลิกภาษีหมู่บ้านภูเขาทางเหนือแต่แปดหมู่บ้านที่เหลือล่ะ?” องค์จักรพรรดิสงสัยเล็กน้อย
”เพราะข้าอยาก!”ฟาง เจิ้งจือ ตอบอย่างนิ่งสงบ
องค์จักรพรรดิตกตะลึงก่อนที่เขาจะกัดฟันพูด “ได้ ตามที่เจ้าต้องการ ข้าสัญญา เจ้ามีอะไรอีกไหม?”
”ไม่มีแล้ว”ฟางเจิ้งจือ ส่ายหัว
”ไม่มีแล้วเหรอ?เจ้ามั่นใจใช่ไหม? เจ้ามีความลับที่ยิ่งใหญ่อยู่ในมือ? ฟาง เจิ้งจือ ที่มีชื่อเสียงด้านความโลภขอแค่นี้จากขาเนี่ยนะ? ข้าเตรียมจะแบ่งเงินครึ่งหนึ่งที่ข้ามีทั้งหมดให้เจ้าเสียแล้ว เจ้ามั่นใจนะ?” องค์จักรพรรดิพูดด้วยความไม่เชื่อ
”ไม่มีอะไรที่ข้าต้องการแล้วจริงๆ”ฟาง เจิ้งจือ ส่ายหัวอีกครั้ง
”เอาละข้าจะทำตามที่เจ้าต้องการโดยข้ามีเพียงเงื่อนไขเดียว!”องค์จักรพรรดิยิ้มออกมา
”อืมถ้ามันไม่ลำบากเกินไปข้าก็จะทำให้!”ฟาง เจิ้งจือ ไม่แปลกใจกับคำขอขององค์จักรพรรดิ
“มันจะไม่เป็นปัญหาสำหรับเจ้าเลย” องค์จักรพรรดิยิ้มออกมาอย่างลึกลับ
”งั้นได้โปรดพูด”
”ตอนนี้เจ้ารู้ไปเท่านี้ก่อนข้าเหนื่อยและอยากกลับวังแล้ว ข้าจะส่งคนไปที่บ้านของ ปิง หยาง ที่หลัง พวกเจ้าก็กลับไปได้แล้วเช่นกัน” องค์จักรพรรดิจ้อง ฟาง เจิ้งจือ และ ปิง หยาง เขม็ง
”ท่านพ่อแล้วพี่สาม…”ปิง หยาง พูดออกมาด้วยความกังวล
”ใครๆก็สามารถให้อภัยเขาได้แต่ไม่รู้ว่าตัวเขาเองจะให้อภัยตัวเองได้หรือไม่ ข้าแค่หวังว่าเขาจะเรียนรู้และไม่ทำผิดอีก” องค์จักรพรรดิพูดออกมาด้วยความกังวล
”งั้น… ” ปิง หยาง ลังเลเล็กน้อย
”นี่ก็ดึกมากแล้วพวกเจ้ากลับไปพักได้แล้ว” องค์จักรพรรดิขัด
”งั้นพวกเราขอตัว”ปิง หยาง พยักหน้าและไม่ได้ถามอะไรอีก
เหยียนซิว และ หนานกง มู่ ก็ไม่พูดอะไรเช่นกัน
เหวินเต๋าเปา เองก็เงียบตลอดเวลา ใบหน้าของเขานั้นว่างเปล่าราวกับยังไม่ได้สติ
ไม่ใช่ว่าองค์จักรพรรดิบอกให้พวกเขาไปเดินเล่นด้วยงั้นหรือ?
แต่ตอนนี้กลับให้กลับ?
นอกจากนี้ทำไมองค์จักรพรรดิถึงให้รางวัลฟาง เจิ้งจือ? นอกจากนี้ยังบอกว่าที่ให้มันน้อยไปด้วยซ้ำ?
เกิดอะไรขึ้น?อาจเป็นเพราะเนื้อหาในจดหมายนั่น ?
มันเขียนไว้ว่าอะไรกันแน่?
นอกจากนี้องค์จักรพรรดิหมายถึงอะไรให้อภัยตัวเอง?
ในหัวของเหวิน เต๋าเปา เต็มไปด้วยความสับสน
สองวันต่อมา
การทดสอบระดับจักรพรรดิได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
สองวันนี้สามารถเรียกได้ว่าเป็นวันที่คึกคักที่สุดในเมืองหลวงมีเหตุการณ์มากมายเกิดขึ้น ทั้งงานน้ำชา การรวมตัวกันที่ภัตตาคาร
แต่วันนี้วันเริ่มการทดสอบ
ยามเช้าตรู่
เมืองหลวงก็เต็มไปด้วยความคึกคักนักเรียนนักปราชญ์จำนวนมากต่างยืนรอหน้าโรงเรียนหลวงเพื่อรอเข้าร่วมการทดสอบ
หนานกงมู่ ที่แต่งกายไม่เด่นนักยืนอยู่หลังผู้เข้าสอบเหล่านั้น
เขาไม่ได้สนใจอะไรแต่คนมากมายกลับสนใจเขา
”ครั้งที่แล้วหนานกง มู่ ได้ที่สามในการทดสอบด้านปัญญา อย่างไรก็ตามโชคร้ายที่เขาพบ ฟาง เจิ้งจือ ในการทดสอบด้านการต่อสู้!”
”ข้าอยากรู้ว่าหนานกง เฮา จะพัฒนาขึ้นขนาดไหนจากสองปีที่แล้ว?”
”สองปีที่แล้วหนานกง มู่ อยู่ในระดับสะท้อนสวรรค์ขั้นสูงสุดแล้ว ตอนนี้เขาจะอยู่ระดับอภินิหารแล้วหรือยัง?”
”ข้าไม่รู้แต่มันก็เป็นเรื่องยากมากที่จะทะลวงเข้าสู่ระดับอภินิหาร อย่างไรก็ตามเขาเป็นถึงน้องชายของอัจฉริยะ หนานกง เฮา!”
”ถูกต้อง!ยังไงเขาก็เป็นน้องชายเชียวนะ!”
ผู้เข้าสอบต่างพูดคุยกันเบาๆไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ หนานกง มู่
ทันใดนั้นเองอีกสามคนก็ปรากฎจากที่ไกลๆ
เป็นฟาง เจิ้งจือ, เหยียน ซิว และ ปิง หยาง
พวกเขายังคงดูเหมือนเดิมอย่างไรก็ตามการทดสอบครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อน เมื่อ ฟาง เจิ้งจือ ปรากฎตัวมาทุกคนต่างหลีกทางให้ทันที
”ฟางเจิ้งจือ!”
”ทำไมเขาถึงยังอยู่ที่นี่?เขาไม่ได้ผ่านการทดสอบระดับจักรพรรดิไปแล้วงั้นหรือ?”
”เขาน่าจะมาดูหนานกง มู่”
ผู้เข้าสอบต่างมองทั้งสามคนด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ฟางเจิ้งจือ ไม่สนใจเสียงรอบข้าง
จากนั้นเขาก็เดินไปหาหนานกง มู่ ก่อนจะมองไปยังประตูโรงเรียนหลวงที่ปิดอยู่ด้วยความไม่พอใจ
”เปิดประตู!”ฟาง เจิ้งจือ ตะโกนใส่ทหารยามทั้งสองที่ยืนอยู่ข้างประตู
”เปิดประตู?”
”เขากำลังบอกเจ้าหน้าที่ของโรงเรียนหลวงให้เปดประตูงั้นหรือ?”
”เขาคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน?”
ทุกคนรู้สึกตะลึงเมื่อได้ยินคำพูดของฟาง เจิ้งจือ ก่อนจะมอง ฟาง เจิ้งจือ ด้วยความดูถูก
อย่างไรก็ตามเมื่อทหารทั้งสองได้ยินพวกเขารีบมองหน้ากันก่อนจะเปิดประตูทันที
”ท่านฟางเชิญด้านใน!” ทหารทั้งสองต่างก้มหัวให้ด้วยความเคาระ
ผู้เข้าสอบทุกคนเห็นอย่างชัดเจนพวกเขาเบิกตากว้าง
กลับกันฟาง เจิ้งจือ กลับเดินเข้าไปในโรงเรียนหลวงทันที
ทุกคนต่างตกตะลึง
”เขาเข้าไปข้างในเหรอ?”
”ทำไมเขาถึงเข้าไปได้?ข้าคิดว่าการทดสอบระดับจักรพรรดิยังไม่เริ่มนะ!”
”เกิดอะไรขึ้น?”
ผู้เข้าสอบต่างมองหน้ากันด้วยความงงงวย
แต่ความจริงก็คือ…
ฟางเจิ้งจือ ได้เข้าไปแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นเขาเข้าไปอย่างถูกต้องพร้อมปิง หยาง และ เหยียน ซิว
หลังจากนั้นสักครู่ก็มีเสียงระฆังดังมาจากด้านใน
ผู้เข้าสอบทุกคนเหมือนถูกปลุกให้ตื่นจากความคิดพวกเขาเลิกคิดเกี่ยวกับเรื่องของ ฟาง เจิ้งจือ และหันมาสนใจเรื่องตัวเองแทน
ทันใดนั้นประตูของโรงเรียนหลวงก็ถูกเปิดจากด้านใน
ทหารยามสองแถวเดินออกมาจากด้านในอย่างรวดเร็วก่อนจะมีเจ้าหน้าที่ของโรงเรียนหลวงในชุดสีดำเดินตามออกมา
หลังจากนั้น…
ทุกคนก็ตกตะลึงอีกครั้ง
นอกจากเหล่าเจ้าหน้าที่แล้วนั้นยังมีอีกคนหนึ่งที่ยืนอยู่ตรงกลาง เขาสวมชุดสีดำชุดใหม่
เขาถือม้วนกระดาษทองคำอยู่ในมือด้วย
”ฟางเจิ้งจือ!”
”เขา… เขาอาจจะเป็น … ”
”จะเป็นไปได้ยังไง?!”
”ฟางเจิ้งจือ เป็นหัวหน้าผู้คุมการทดสอบระดับจักรพรรดิงั้นหรือ?”
ผู้เข้าสอบเบิกตากว้างมองฟาง เจิ้งจือ พวกเขาไม่เคยคิดว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้น