Gate of God – ตอนที่ 629 กลืนเข้าไป!

เหยียนซิว ไม่พูดอะไร บางอย่างก็ไม่จำเป็นต้องพูด เขาเชื่อว่า ฟาง เจิ้งจือ สามารถทำได้ แม้จะเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อก็ตามที
”ความเชื่อจอมปลอม.หญิงสาวคนนั้นพูดขึ้นต่อมานางก็จ้องไปที่พระราชวังแล้วพูดขึ้น “อีกครึ่งชั่วโมง ข้าต้องไปแล้ว”
”เดี๋ยวก่อน!”เสียงของฟาง เจิ้งจือ ดังขึ้นอีกครั้ง “ท่านยังไม่ได้ตอบข้าเลย ทำไมท่านไม่หยุด ปิง หยาง ทั้งๆที่รู้ว่านางต้องตาย!”
”ทำไมข้าต้องทำด้วย?”หญิงสาวคนนั้นพูดขึ้นและมองไปที่ปิง หยาง “นางไม่ควรมีชีวิตอยู่ นางไม่ควรเกิดมาตั้งแต่แรกแล้ว”
”ไม่ควรเกิดมา?”ฟางเจิ้งจือ ขมวดคิ้วในทันที
”ถูกต้องการที่นางเกิดขึ้นมาถือเป็นความผิดพลาด ข้าก็แค่แก้ไขความผิดพลาดที่เกิดขึ้นเมื่อสิบกว่าปีก่อน ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายสำหรับนาง ” หญิงสาวกล่าวเพิ่ม
”แก้ไขความผิดพลาด?ถ้าข้าเดาถูก ท่านเป็นแค่ผู้ส่งสารเท่านั้น ท่านไม่มีสิทธิ์มาตัดสินใจเรื่องนั้น!”ฟาง เจิ้งจือ จ้องเขม็งพร้อมกับตะโกนใส่นาง
”เจ้านี่ฉลาดไม่ใช่เล่นอย่างไรก็ตาม แม้ข้าจะเป็นผู้ส่งสาร ข้าก็มีทางเลือกเป็นของตัวเอง อย่างเช่นข้าจะมาที่นี่หลังจากที่ ปิง หยาง ตายไปแล้ว “หญิงสาวคนนั้นยิ้มออกมาในขณะที่พูด
”งั้นหรือ?แล้วถ้า ปิง หยาง ยังไม่ตายล่ะ?”ฟาง เจิ้งจือ ยิ้มเยาะในขณะที่ตอบกลับ
”ยังไม่ตาย?”ร่างของหญิงสาวสั่นเล็กน้อยในขณะที่จ้องมองฟาง เจิ้งจือ ในตอนนั้นเองนางก็มีความคิดบางอย่างผุดขึ้นในหัว นางตะโกนว่า “ฟาง เจิ้งจือ เจ้าไม่กล้า!”
แต่มันสายเกินไปที่จะหยุดการกระทำของเขา
นั่นเป็นเพราะฟาง เจิ้งจือ คว้าไข่มุกอสูรจาก วู่ จวี้เอ๋อ มาและยัดมันเข้าไปในปากของ ปิง หยาง อย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย
ตูม!ฟ้าฝนโหมกระหน่ำ
สายฟ้าส่องสว่างไปทั่วท้องฟ้าสีหน้าของหญิงสาวเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ทั้งกองทหารเมฆา กองทัพทลายภูผา และกองทัพคนเถื่อน ต่างตกตะลึงกับสิ่งที่เห็น
สายตานับไม่ถ้วนจับจ้องไปที่ฟาง เจิ้งจือ
”ฟางเจิ้งจือ มอบไข่มุกอสูรให้องค์หญิง ปิง หยาง?”
”คนอย่างเขาน่ะหรือมอบไข่มุกอสูรให้องค์หญิง?”
”เขาไม่ต้องการจะมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้วหรือ?ชีวิตของเขาเหลือแค่ครึ่งปี ถ้าไม่มีไข่มุกอสูรเขาจะกลายเป็นเซียนได้ยังไง?”
พวกเขาได้ยินคำพูดของหญิงสาวคนนั้นและเข้าใจถึงสถานการณ์ของฟาง เจิ้งจือ ไข่มุกอสูรคือความหวังเดียวของเขา
อย่างไรก็ตามมันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยในการที่จะกลายเป็นเซียนในสามปี
อย่างไรก็ตามฟาง เจิ้งจือ เป็นคนที่ทำอะไรเกินความคาดหมายอยู่แล้ว หลายปีที่ผ่านมา เขาทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้มากมาย
ดังนั้นเมื่อได้ยินวู่ จวี้เอ๋อ และ ฉาน ยู่ กล่าวว่าเชื่อในตัว ฟาง เจิ้งจือ ทุกคนเลยทำได้แค่ยืนเงียบๆ
อย่างไรก็ตามการมอบความหวังสุดท้ายของตัวเองให้กับองค์หญิงแบบนี้
ไม่มีใครอยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็น
”ฟาง เจิ้งจือ เจ้าทำอะไร? นั่นคือความหวังสุดท้ายของเจ้า!”วู่ จวี้เอ๋อ ชงักไปชั่วครู่แล้วยื่นมือไปเตรียมจะจับที่ลำคอของ ปิง หยาง
นางรู้อยู่แก่ใจว่าฟาง เจิ้งจือ กำลังทำอะไร.Aileen-novel.
ไข่มุกอสูรคือแหล่งพลังของราชาอสูรแม้จะพกติดตัวคนผู้นั้นก็สามารถรับพลังของสวรรค์และโลกที่เกินจะหยั่งถึง
แต่การให้กลืนเข้าไปเช่นนี้มันเกินจะจินตนาการได้
วิธีการใช้ไข่มุกที่ดีที่สุดคือการกินมันมันบรรจุความสามารถในการฟื้นฟูและรักษาของราชาอสูรในช่วงเวลาสั้นๆ
ถ้าเป็นสถานการณ์ปกติคงไม่มีใครทำมันเช่นนั้น
มันสิ้นเปลืองเกินไป!ราวกับใช้โสมอันล้ำค่าเพื่อรักษาหวัด? จะมีใครทำแบบนั้นบ้าง?
แต่ฟาง เจิ้งจือ ทำ
โดยไม่ลังเลใดๆ
วู่จวี้เอ๋อ เร็วมาก อย่างไรก็ตามยังมีคนที่เร็วกว่า เป็นหญิงสาวคนนั้น นางรีบพุ่งมาหา ฟาง เจิ้งจือ ทันที
จากนั้นก็เตรียมที่จะฟาดฝ่ามือไปหาฟาง เจิ้งจือ
ปิงหยาง ตกใจ อย่างไรก็ตามนางคิดได้ว่าเกิดอะไรขึ้น รอยยิ้มจางๆปรากฎบนใบหน้าของนาง ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความสุข
นางไม่เคยคาดคิดเลยว่าฟาง เจิ้งจือ จะทำแบบนี้
แต่เขาก็ทำเขาทำมันโดยไม่ลังเลและเสียใจ แค่นี้มันก็เพียงพอแล้วสำหรับนาง
ขอบคุณมากเจ้าไร้ยางอาย!
น้ำตาไหลอาบแก้มของปิง หยาง นางต้องการพบแม่ครั้งหนึ่งก่อนตาย แต่ถ้ามันแลกกับการที่ ฟาง เจิ้งจือ จะต้องตาย นางก็ไม่ต้องการมัน
นางอ้าปากและดันไข่มุกอสูรออกมา
แต่ทันใดนั้นนางก็สัมผัสได้ถึงความนุ่มนวลที่สัมผัสเข้ากับริมฝีปากของนางไข่มุกอสูรกลับเข้าไปในปากของนาง
ดวงตาของปิง หยาง เบิกกว้าง แก้มของนางกลายเป็นสีแดง ริมฝีปากของนางถูกสัมผัสอย่างรุนแรง ไข่มุกอสูรถูกดันกลับเข้าไป มันเป็นปากของ ฟาง เจิ้งจือ
ร่างกายของนางเกร็งอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่นางจะตอบสนองอย่างรวดเร็วจากนั้นนางก็เริ่มดิ้นรน
จากนั้นนางก็สัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดที่หน้าอกราวกับถูกดาบทิ่ม
จากนั้นฟาง เจิ้งจือ ก็เอาปากออก แต่เขายังคงหายใจรดใบหน้าของ ปิง หยาง อยู่
”เจ้าไร้ยางอายเจ้ากล้าดียังไง…”
การกระทำของฟาง เจิ้งจือ นั้นกระทันหันเกินไป ปิง หยาง เตรียมจะตีไปที่ ฟาง เจิ้งจือ ด้วยความอับอายทันที
แต่ทันใดนั้นร่างของฟาง เจิ้งจือ ก็ล้มลงไปบนพื้น
ตูม!จากนั้นก็มีเสียงดังข้างหูของนาง
และมีร่างสองร่างปรากฎในสายตาของนาง
วู่จวี้เอ๋อ เต็มไปด้วยความกังวล อย่างไรก็ตามนางหยุดมือของนางห่างประมาณหนึ่งนิ้วที่ด้านหน้าร่างของปิงยาง
เพราะมีมือของคนอื่นขวางเอาไว้
มันเป็นของหญิงสาวอีกคน
มืออันขาวบริสุทธิ์ของนางคว้าจับที่คอของปิง หยาง ตอนนี้ ปิง หยาง ไม่มีทางตอบโต้ใดๆทั้งสิ้น
”คายมันออกมา!คายออกมาเดี๋ยวนี้!” เสียงของนางดังก้องอยู่ในหูของ ปิง หยาง
มันเป็นครั้งแรกที่ปิง หยาง สัมผัสได้ถึงความเร่งรีบในน้ำเสียงของนาง คนที่หยิ่งยโสอย่างนางสามารถมีท่าทีเช่นนี้ได้เหมือนกัน…
นางควรจะถูกส่งไปพบแม่ของนางอย่างไรก็ตามทำไมหญิงสาวนางนี้ถึงอยากให้นางตาย? หรือว่า…
ใช่แล้ว
ถ้านางตายไข่มุกอสูรคงไม่เสียเปล่าและคงช่วยชีวิต ฟาง เจิ้งจือ ได้ เขาคงมีโอกาสเป็นเซียนได้
ปิงหยาง เงยหน้ามองสายฝนและสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่เริ่มกระจายออกมาจากหน้าอกของนางไปทั่วร่างกาย
นางรู้ว่ามันสายเกินไปแล้ว
นับตั้งแต่ที่นางกินไข่มุกอสูรเข้าไปทุกอย่างก็จบลงแล้ว
ถ้านางไม่ไปบังคับจูบเขาตอนที่นางอยู่ในวังขององค์รัชทายาทฟาง เจิ้งจือ คงไม่คิดจะเอาคืนตอนนี้…
เขาทำมันด้วยความรวดเร็วและรุนแรงเกินไป!
แม้เขาจะบังคับให้นางกินแต่ก็อาจจะใช้วิธีอื่นที่นุ่มนวลกว่านี้
เช่นบีบมือบีบข้อศอกนาง
ถ้าเขาทำอย่างนั้นปิง หยาง คงโวยวายและเผลอกลืนไข่มุกอสูรลงไป
แต่ฟาง เจิ้งจือ เลือกวิธีที่ไร้ยางอายกว่านั้น
ตูม!
ทันใดนั้นสายฟ้าสีม่วงก็ผ่าลงมาจากท้องฟ้าท้องฟ้าตอนนี้เต็มไปด้วยแสงจากสายฟ้า
เสียงคำรามของมังกรเองก็สามารถได้ยินเช่นกันมันทั้งยิ่งใหญ่และทรงอำนาจ
ฝนตกลงมาอย่างบ้าคลั่ง
กองทัพทลายภูผาและกองทหารเมฆาต่างเบิกตากว้างเพราะพวกเขาเห็นเงาดาบพาดไปมาบนท้องฟ้า
พวกเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
พวกเขาไม่ได้กลัวความรุนแรงของการโจมตีนี้พวกเขากลัวเพราะการโจมตีนี้มุ่งเป้าไปที่ผู้หญิงคนนั้น
ฟางเจิ้งจือ…
โจมตีหญิงสาวที่บีบคอของปิง หยาง อยู่!