Gate of God – ตอนที่ 640 อำนาจเหนือกองตรวจการทั้งห้า

ฟางเจิ้งจือ รู้ดีว่า หลิน หยุน หมายถึงอะไร
อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้ตอบในทันทีเขามองขึ้นไปบนท้องฟ้าก่อนจะเอ่ยถามว่า “องค์รัชทายาทและราชาต้วนเป็นยังไงบ้าง?”
”ตอนนี้พี่สามและพี่หกอยู่ที่คุกสวรรค์กำลังรอคำตัดสินโทษอย่างไรก็ตาม ท่านพ่อไม่สบอารมณ์เท่าไร …”หลิน หยุน หยุดพูดไปกลางคัน
ตัวเขาเองก็เข้าใจว่าทำไมฟาง เจิ้งจือ ไม่ตอบเขาโดยตรง อย่างไรก็ตามเขาก็ยังอดเศร้าไม่ได้ที่พูดถึงราชาต้วน
ราชวงศ์ต่อสู้เพื่อชิงบัลลังก์กันมาตั้งแต่โบราณความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องจึงต่างไปจากครอบครัวทั่วๆไป
อย่างไรก็ตามพวกเขายังคงเป็นพี่น้องกัน
การที่พี่ชายร่วมสายเลือดถึงสองคนถูกจับเข้าคุกพร้อมกับภึงสองคนมันทำให้ หลิน หยุน รู้สึกเศร้าเล็กน้อยเช่นกัน
ฟางเจิ้งจือ พยักหน้าเบาๆและไม่ถามอะไรอีก ไม่ใช่แค่ปัญหาเรื่องชิงบัลลังก์เท่านั้น แม้แต่ ปิง หยาง ก็ถูกพาตัวไปเช่นกัน
มันเป็นปัญหาที่หนักหนาเป็นอย่างมากทั้ง หลิน มู่ไป่ และ หลิน หยุน ต่างไม่มีใครรู้สึกดี
”ในเมื่อองค์ชายเซี่ยนถามออกมาเช่นนี้ข้าคิดว่าท่านคงมีสารจากองคืจักรพรรดิอยู่กับตัวอีกฉบับใช่ไหม?” ฟาง เจิ้งจือ ถามหลังจากเงียบไปสักพัก
”ใช่!”เสียงของ หลิน หยุน แฝนไปด้วยความแปลกใจเล็กน้อย “ท่านพ่อบอกว่าการทดสอบของศาลาเต๋าสวรรค์จะเริ่มขึ้นในหนึ่งเดือนครึ่ง เขาให้ข้ามอบเหรียญตรานี้ให้ท่าน นอกจากนี้ท่านพ่อยังบอกว่าถ้าองค์ชายคังไม่คิดจะเข้าร่วมการคัดเลือกสภาก็ไม่คิดจะยุ่งกับการจัดการของท่านในแดนเหนือรวมถึงทั้งห้ากองตรวจการศักดิ์สิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเงิน บริหาร หรือคนก็ตาม”
”ฮ่าฮ่าองค์จักรพรรดิคิดจะให้เกิดการทุจริตขึ้นงั้นรึ?” ฟาง เจิ้งจือ หัวเราะออกมาเพื่อได้ยิน
”ข้าพูดตรงๆเพราะองค์ชายคังได้ช่วยเหลืออาณาจักรเซี่ยไว้เป็นอย่างมาก ท่านพ่อต้องการตอบแทนท่านให้ได้มากที่สุด แต่เป้าหมายจริงๆคือท่านพ่อคิดจะให้องค์ชายคังช่วยพัฒนาอาณาจักร” หลิน หยุน ไม่คิดจะแก้ตัวอะไร เขาเพียงพูดความจริงออกมา
ฟางเจิ้งจือ เงียบลง
เขาเข้าใจคำพูดของหลิน หยุน
แต่มันไม่ง่ายเลย
เพราะพวกคนเถื่อนได้ส่งทัพกว่าห้าหมื่นคนพวกเขาเดินทางผ่านแดนเหนือ แม้มันจะเป็นเพราะการทรยศของ ซู ฉิง
คือกองตรวจการศักดิ์สิทธิ์
ที่สำคัญที่สุดคือ…
ตอนที่เกิดความวุ่นวายฉือ เฮา เองก็อยู่ในเมืองหลวง
เขาได้อ้างว่าพาฟาง เจิ้งจือ เข้าไปในเมืองหลวงเพื่อช่วยเหลือราชาต้วน
แม้ดูเหมือนว่าเขาจะไม่เกี่ยวข้องกับการทรยศของราชาต้วนแต่ความจริงแล้วเป็นยังไง ใครจะรู้? เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการให้ ฟาง เจิ้งจือ ปรับเปลี่ยนพัฒนาระบบต่างๆ
อาณาจักรเซี่ยนั้นร่ำรวยแค่เรื่องเงินที่ฟาง เจิ้งจือ จะเอาไปใช้ไม่ได้เป็นปัญหาแม้แต่น้อย
หลินมู่ไป่ เลือกใช้องค์หญิงที่สิบสาม
ให้ฟาง เจิ้งจือ มีความสุขกับความร่ำรวยในแดนเหนือ ในเวลาเดียวกันเขาก็แผ่อำนาจเข้ามาเรื่อยๆ
ถ้าเป็นไปตามแผน….ไอรีนโนเวล.
ฟางเจิ้งจือ จะตายในครึ่งปี หลังจากนั้นคนที่ ฟาง เจิ้งจือ ให้ก็จะตกอยู่ในมือขององค์หญิงสิบสาม ลูกๆของเขาก็จะกลายเป็นเชื่อพระวงศ์ชั้นสูง อย่างน้อยก็องค์ชาย องค์หญิงระดับหนึ่ง
นอกจากนี้ตอนนี้ เหยียน ซิว ได้ปกครองดินแดนเหลียงตะวันตกแล้ว
แดนเหนือและเหลียงตะวันตกจะถูกปกครองโดยคนที่เขาไว้วางใจ
มันเป็นสิ่งที่หลิน มู่ไป่ ต้องการ
มันจึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมถึงยอมให้ฟาง เจิ้งจือ หมั้นกับองค์หญิงสิบสาม ถ้าเป็นลูกสาวของตระกูลขุนนางอื่นๆ ฟาง เจิ้งจือ อาจจะไม่แม้แต่พิจารณา
ซึ่งถ้าเป็นไปตามที่ฟาง เจิ้งจือ คิด องค์หญิงที่สิมสามน่าจะรู้เรื่องนี้ด้วยเช่นกัน
สุดท้ายทุกคนก็รู้ว่าฟาง เจิ้งจือ คงไม่ได้ทำประโยชน์อะไรให้แดนเหนือมากนัก อำนาจที่แท้จริงก็คงจะยังอยู่กับองค์หญิงสิบสาม
แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับฟาง เจิ้งจือ
เพราะฟาง เจิ้งจือ เหลือชีวิตอยู่อีกไม่ถึงครึ่งปี มุมมองของเขาคิดแค่เรื่องการแต่งงานกับหญิงสาวอันงดงามและเสพสุขกับชีวิตที่เหลือยู่ แน่นอนเขาต้องมีชื่อเสียงที่ดีเพื่อให้คนรุ่นหลังมองเขาในแง่ดี
นี่คือสิ่งที่ฟาง เจิ้งจือคิด
แล้วทำไมเขาต้องปฎิเสธข้อเสนอนี้ด้วยล่ะ?
”ข้าขอผ่านเรื่องวุ่นวายแบบนั้นข้าชอบใช้ชีวิตอย่างอิสระมากกว่า” ฟาง เจิ้งจือ ส่ายหัวและพูดออกมาตรงๆ
”ท่านจะยังมีอิสระอยู่ต่อให้ปกครองแดนเหนือก็ตามสภาจะไม่รบกวนการจัดการของท่าน ความจริงถ้าท่านไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ ท่านสามารถ…” หลิน หยุน หยุดพูด ก่อนจะถอนหายใจ ก่อนจะพูดต่อ “เห้อ ในเมื่อท่านตัดสินใจแล้ว ข้าจะไม่พูดอะไรอีก โปรดรับเหรีญตรานี้ไป!”
หลินหยุน หยิบเหรียญตราที่แกะสลักจากไม้ออกมา ตัวอักษรสองตัวสลักอยู่บนนั้น เต๋า และ สวรรค์
อีกด้านหนึ่งเป็นลวดลายเมฆที่สลับซับซ้อน
”ข้าขอผ่าน”ฟาง เจิ้งจือ รับเหรียญมาลูบมันครู่หนึ่งก่อนจะส่งคืน หลิน หยุน ไป
”คุณจะผ่านหลิน หยุน อุทานออกมาด้วยความตกใจ
ตอนแรกเขาคิดว่าฟาง เจิ้งจือ จะเข้าร่วมการคัดเลือกจึงไม่รับข้อเสนอของท่านพ่อ
อย่างไรก็ตาม…
ฟางเจิ้งจือ บอกว่าเขาไม่ต้องการเหรียญตรา!
แล้วทำไมเขาถึงไม่ต้องการสิทธิ์ในการปกครองกองตรวจการทั้งห้า?
”ใช่ข้าไม่ต้องการ” ฟาง เจิ้งจือ พูดก่อนพยักหน้า
”ถ้าองค์ชายคังไม่คิดจะเข้าร่วมการคัดเลือกแล้วทำไมท่านถึงไม่รับสารล่ะ หรือเพราะ…” หลิน หยุน ชำเลืองตามอง วู่ จวี้เอ๋อที่นั่งอยู่ใกล้ๆ
”ไม่ได้เกี่ยวกับนางเลย”ฟาง เจิ้งจือ ส่ายหัวหลังจากเห็นสายตาของ หลิน หยุน
วู่จวี้เอ๋อ มีท่าทางไม่พอใจเล็กน้อย แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
มันทำให้หลิน หยุน สับสนมากยิ่งขึ้น
แต่ฟาง เจิ้งจือ บอกว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับ วู่ จวี้เอ๋อ…
ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น?
”ถ้าเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับนิกายเงาข้าก็ไม่รู้แล้ว” หลิน หยุน ไม่รู้จริงๆ
”สำหรับความคิดท่านถ้าข้าเข้าร่วมการคัดเลือกจะมีโอกาสเท่าไรกัน?” ฟาง เจิ้งจือ ถามออกมาอย่างปกติๆ
”เรื่องนี้…ข้าไม่รู้เกี่ยวกับการทดสอบของศาลาเต๋าสวรรค์เท่าไรนักเป็นเพราะข้าไม่เคยได้รับอนุญาติให้เข้าชม มีเพียงท่านพ่อ พี่สามและพี่หกเท่านั้นที่เคยดู แต่จากมุมมองของข้าแม้ท่านจะอยู่ในระดับอภินิหารก็มีโอกาสถึงเจ็ดสิบเปอร์เซนต์ที่จะผ่าน!” หลิน หยุน กล่าวออกมาอย่างจริงจัง
”ข้าไม่รู้สึกอย่างนั้น”ฟาง เจิ้งจือ ตอบ
”องค์ชายคังไม่มั่นใจงั้นหรือ?ท่านไม่ได้…”
”การคัดเลือกของศาลาเต๋าสวรรค์นั้นต่างออกไปพวกเขาให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับคุณธรรมทั้งหกและศิลป์ทั้งหก นอกจากนี้คำถามเองก็เปลี่ยนไปทุกๆปี พูกง่ายๆคือมันอาศัยโชคและความสามารถเป็นอย่างมาก”
”ข้าคิดว่าด้วยความสามารถของท่าน…”
”นั่นก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของปัญหาข้าไม่ได้กังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม ศาลาเต๋าสวรรค์คงได้ข่าวเรื่องเวลาที่เหลือของข้าแล้ว องค์ชายเซี่ยนจะยอมรับคนที่มีชีวิตได้ถึงครึ่งปีจริงๆหรือ?”ฟาง เจิ้งจือ ขัดจังหวะ หลิน หยุน กลางคัน
”นั่นมัน…”
”นอกจากนี้แม้ข้าจะเข้าร่วมจริง เจ้าคิดหรือว่าศาลาเต๋าสวรรค์จะสนับสนุนข้า?หรือก็คือ ศาลาเต๋าสวรรค์เชื่อว่าเวลาแค่ครึ่งปี …ไม่สิ เพียงสี่เดือน ข้ามีเวลาเพียงแค่สี่เดือนเพื่อที่จะผ่านการทดสอบ เจ้าคิดหรือว่าศาลาเต๋าสวรรค์จะคิดว่าข้าสามารถเข้าถึงระดับเซียนได้ด้วยเวลาแค่นั้น?”
”นั่นมัน… ” หลิน หยุน เงียบลง
เขาสามารถเข้าใจในสิ่งที่ฟาง เจิ้งจือ พูด แม้ศาลาเต๋าสวรรค์จะขึ้นชื่อเรื่องความยุติธรรม ปฏิบัติกับทุกคนอย่างเท่าเทียม ไม่ว่าจะมีภูมิหลังอย่างไร …
แต่มันจะมีความยุติธรรมในโลกจริงหรือ?
ศาลาเต๋าสวรรค์คงจะไม่เสียเวลากับคนที่จะมีชีวิตได้อีกไม่นานนอกจากนี้ก็เป็นอย่างที่ ฟาง เจิ้งจือ พูด แม้เขาจะทำคะแนนได้ดี อยู่ในระดับสูง
แต่หลังจากนั้นล่ะ?
อย่างดีที่สุดก็ได้รับการปฏิบัติที่เท่าเทียมกับคนอื่นจนกระทั่งตายไป
ฟางเจิ้งจือ ไม่ต้องการเช่นนั้น
”แล้ว…องค์ชายคังจะทำยังไงต่อไป?จะไม่เข้าร่วมการทดสอบหรือ?”หลิน หยุน ถามหลังจากเงียบไปสักครู่
”ไม่ข้าจะเข้าร่วม”
”ทำไมท่านถึงยังคิดจะเข้าร่วม?”
”ข้าสัญญาไว้แล้ว!”
”สัญญา?แต่ท่านจะเข้าร่วมได้ยังไงโดยที่ไม่มีเหรียญตรา? นอกจากนี้องค์ชายคังก็พูดเองว่ามีโอกาสน้อยมาก”
”ตามสถาณการณ์ปกติคงเป็นแบบนั้น
”ข้าไม่เข้าใจ… องค์ชายคังจะเข้าร่วมได้อย่างไร?”
”ข้าเองก็ยังไม่รู้”ฟาง เจิ้งจือ พูดอย่างช่วยไม่ได้ หลังจากนั้นเขาก็จ้องไปที่ขอบฟ้าแล้วพูดขึ้น ” ข้าต้องรอเวลาและก้าวเดินไปข้างหน้าถึงจะรู้! ทางที่ข้าเดินไปจะเป็นตัวตัดสิน!”
“ทางที่เลือกเดินจะเป็นตัวตัดสิน…”หลิน หยุน พูดพึมพำประโยคนี้ซ้ำ ๆ จนกระทั่ง “ข้าเข้าใจแล้ว! ข้าคิดว่ามีบางอย่างที่องค์ชายคังควรรู้เอาไว้”
”บอกข้ามาองค์ชายเซี่ยน”
”องค์ชายคังรู้จักตระกูลหนานกงหรือไม่?”
”ท่านหมายถึงหนานกง เฮา?”
”ใช่มีบางสิ่งที่องค์ชายคังยังไม่รู้ แม้ตระกูลหนานกงจะอยู่ในเขตของอาณาจักรเซี่ย แต่พวกเขาไม่ได้อยู่ใต้กฎเกณฑ์ของอาณาจักร!”
”ไม่อยู่ใต้กฎเกณฑ์?”ฟางเจิ้งจือ กระพริบตา เขานึกถึงความเป็นไปได้ต่างๆ เขาไม่เคยคิดมาก่อน
”ใช่ตระกูลหนานกงมีประวัติยาวนานยิ่งกว่าอาณาจักรเซี่ยนอกจากนี้ มีข่าวลือว่า หนานกง เฮา ได้บรรลุแล้วเมื่อเดือนก่อน ถ้าองค์ชายคังจะเข้าศาลาเต๋าสวรรค์จริงๆ การได้เป็นมิตรกับตระกูลหนานกงอาจดีกว่าเป็นศัตรู”
”มิตร?หนานกง เฮา กับข้า ดูไม่เหมือนจะเป็นแบบนั้นได้เลย”
”นั่นแค่เรื่องเล็กมีคำพูดหนึ่งในอาณาจักรเซี่ยที่โด่งดังมาก และท่านต้องเคยได้ยิน ผู้ชนะบนทำเนียบมังกรคู่จะนำพาโลกไปสู่ความสงบสุข!”
”แน่นอน”
”องคชายคังรู้ถึงความหมายของคำพยากรณ์นี้ไหม?”
”ความหมาย?”
”รู้!”
ฟางเจิ้งจือ ไม่ได้ตอบทันทีเขาเคาะมือบนโต็ะเบาๆ หลังจากนั้นไม่นานเขาก็พูดขึ้น “จากที่ข้ารู้ คำพยากรณ์นั้นพูดถึง ฉือ กูเหยียน แต่เจ้าอย่าบอกนะว่ามันก็เกี่ยวข้องกับ หนานกง เฮา เช่นกัน?”
”ใช่!”หลินหยุน พยักหน้าด้วยสีหน้าที่จริงจัง