ฟางเจิ้งจือ เจ้าเด็กเลว ข้าอุส่ารีบมา ข้ายังไม่ได้กินอะไรเลย บ้าจริง ทั้งสามสำนักมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? …ศาลาเต๋าสวรรค์ เก้าขึุนเขา และศาลาหยินหยาน ข้าจะรอดไปได้ยังไง?
เมื่อเซียนสวรรค์พักพิงปรากฎตัวขึ้นเขามองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ ในทันที เห็นได้ชัดว่าเขาไม่พอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ทำไมท่านถึงมาอยู่ที่นี่? ปากของฟาง เจิ้งจือ กระตุกอีกครั้ง
…ข้ามาเพื่อดูเรื่องสนุก นอกจากนี้ ถ้าข้าช่วยเจ้า เจ้าจะให้อะไรข้า? ข้าเดิมพันอนาคตของนิกายเงากับเรื่องนี้ เจ้าก็รู้ ถ้าข้าช่วยเจ้าตอนนี้เท่ากับข้าเป็นปฏิปักษ์ต่อศาลาเต๋าสวรรค์ รวมไปถึงเก้าขุนเขาและศาลาหยินหยานพูดถูกไหม? นิกายเงาเป็นสำนักเล็กๆ เทียบไม่ได้กับสำนักทั้งห้าของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เจ้าควรจะรู้ไว้ นอกจากนี้ ข้าต้องสู้กับพวกเขา! ใบหน้าของเซียนสวรรค์พักพิงเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
อาจารย์เจิ้งจือสัญญาจะแต่งงานกับข้าที่หมู่บ้านภูเขาทางเหนือ รีบช่วยเขาเร็วเข้า! เมื่อ วู่ จวี้เอ๋อ ได้ยินเช่นนั้น นางก็รีบพูดทันที ในขณะเดียวกันนางก็มองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ
เมื่อเซียนสวรรค์พักพิงได้ยินเขาเองก็ไม่อยากเชื่อ เขามองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ
หืม?จริงรึ?ทำไมข้าถึงไม่รู้?
บ้าหรือไงข้าไปสัญญาตอนไหนกัน? ตาเฒ่าสวรรค์พักพิง ถ้าอยากจะช่วยข้า ก็ไม่มีอะไรต้องคุยแล้ว ข้าสามารถหนีได้ด้วยตัวเอง ยังไงก็ตามถ้าถ่วงเวลาได้สักหนึ่งก้านธูปล่ะก็ ข้าจะเข้าร่วมนิกายเงา เลือกมา! ฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้โง่ ไม่สำคัญว่าทั้งสองฝ่ายจะตบตากันได้มากแค่ไหน เขาไม่มีทางหลงกลอย่างแน่นอน
ก้านธูป? เซียนสวรรค์พักพิงขมวดคิ้วแล้วมองไปที่ผู้อาวุโสสองและผู้อาวุโสสี่พร้อมกับศิษย์นับร้อยเขาสงสัยว่า เจ้าเด็กนั่น ข้าอุส่ารีบมา ข้าไม่ได้มีกำลังคนมากมายขนาดนั้น ครึ่งก้านธูป?
แค่ครึ่งก้านธูป?นั่นก็พอแล้ว! ฟาง เจิ้งจือ มองไปที่ หยวนหรงที่มีเลือดท่วมไหล่
ได้ข้าขอพนันด้วยชื่อของนิกายเงา เพื่อถ่วงเวลาให้เจ้าเพียงครึ่งก้านธูป! เมื่อเซียนสวรรค์พักพิงได้ยินเขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นแสงไฟก็ส่องสว่างในดวงตาของเขา จากนั้นเขาก็ยกพัดขึ้นมาและชี้ไปด้านหน้า
เซีนยสวรรค์พักพิงโบกพัดไปทางผู้อาวุโสสองและผู้อาวุโสสี่ปากของเขาออกเสียงชัดเจน
จู่โจม!
ตูมตูม ตูม! ด้วยเสียงที่เขาพูด ป่าทั้งผืนเริ่มส่งเสียง สามารรู้สึกได้ถึงแรงสะเทือนที่รุนแรง คลื่นบนผิวทะเลสาบสั่นไหว
ในเวลาเดียวกันมีเงามากมายกระโจนออกมาจากผืนป่าพวกเขาแต่ละคนสวมผ้าคลุมหน้าสีดำ
ทันใดนั้นท้องฟ้าก็มืดลง
เงาสีดำบดบังท้องฟ้าราวกับเมฆสีดำมันคือกลุ่มคนประมาณสองถึงสามพันคน
มันเป็นฉากที่น่าตกใจมากแม้ศาลาเต๋าสวรรค์จะเป็นหนึ่งในห้าสำนักในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แต่ยังมีศิษย์เพียงแค่พันกว่าคน
แต่ด้านหน้าของพวกเขามีประมาณสองถึงสามพันคน!
ตาเฒ่าท่านหลอกข้าอีกแล้ว ไหนท่านบอกรีบมา แล้วคนจำนวนมากขนาดนี้คืออะไรกัน? ฟาง เจิ้งจือ สบถออกมา เมื่อเห็นคนจำนวนมากเดินออกมา
หึก็ในเมื่อข้าบอกว่าจะถ่วงเวลาให้เจ้า เจ้าคิดจะให้ข้ามาตัวเปล่าๆหรือไง?
….
ขณะที่เซียนสวรรค์พักพิงกับฟาง เจิ้งจือ กำลังเถียงกันอยู่นั่นเอง คนจำนวนมากก็ได้จัดทัพเสร็จเรียบร้อยแล้ว
พวกเขาดึงดาบออกมา
ตาย!
ตาย!
…
เสียงของพวกเขาดังสะเทือนสวรรค์
เมื่อฉือฟ่าน,หยวนหรง และผู้อาวุโสสองจากกเกาะจันทราสีดำเห็นฉากที่เกิดขึ้น สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปทันที
ไม่ใช่แค่พวกเขาแม้แต่ผู้อาวุโสและศิษย์ของศาลาเต๋าสวรรค์ก็เช่นกัน
นิกายเงา…พวกเขามีคนจำนวนมากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน?! ผู้อาวุโสสี่มองกลุ่มคนจำนวนมากด้านหน้าด้วยความตกใจ
เป็นไปไม่ได้พวกเขาไม่มีทางที่จะมีจำนวนมากขนาดนี้! ผู้อาวุโสหกเองก็ไม่เชื่อเช่นกัน
มีคนจำนวนมากแล้วยังไง?ก็แค่กลุ่มคนที่อ่อนแอ คิดว่าจะทำอะไรพวกเราอะไรได้งั้นรึ? ผู้อาวุโสสองพูดออกมา
พี่สองพูดถูก! ผู้อาวุโสสี่เห็นด้วย
อืม! ผู้อาวุโสหกสงบใจลงเช่นกัน
ฟังขึ้นศิษย์ศาลาเต๋าสวรรค์!จัดทัพพร้อมสู้! วันนี้ ฟาง เจิ้งจือ, เหยียน เฉียนหลี่ กับคนของนิกายเงา จะไม่ได้ออกไปที่นี่แบบมีชีวิต! เสียงของผู้อาวุโสสองเต็มไปด้วยความเยือกเย็น
ในฐานะของผู้อาวุโสสองเขามีสิทธิ์ที่จะพูดจายังไงก็ได้ที่นี่เป็นดินแดนของพวกเขา นอกจากนี้พวกเขายังมันใจในความแข็งแกร่งของตัวเองเป็นอย่างมาก
พวกเขามีประสบการณ์ในการต่อสู้เป็นอย่างมากศิษย์ที่อ่อนแอที่สุดของพวกเขาอย่างน้อยอยู่ในระดับอภินิหาร พวกเขาไม่มีทางกลัวฝ่ายตรงข้ามแน่นอน
แม้พวกเขาจะมีเซียนสวรรค์พักพิงและเหยียน เฉียนหลี่ อยู่ก็ตาม ไม่มีอะไรต้องกลัว
ฆ่า!
ฆ่า!
ในที่สุดศิษย์ศาลาเต๋าสวรรค์ก็เริ่มเคลื่อนไหวพวกเขาเข้าปะทะกันทันที
มันกลายเป็นฉากนองเลือดทันที
ร่างกายของพวกเขาเปล่งแสงและจิตสังหารออกมาในหมู่พวกเขา มีอย่างน้อยร้อยคนที่อยู่ในระดับจุติ
หมาป่าจะรู้สึกอย่างไรเมื่อเข้าไปในฝูงแกะ?
มันจะฆ่าแกะทุกตัวที่มันเห็น?
นั่นคือสิ่งที่ศิษย์ศาลาเต๋าสวรรค์คิดอย่างไรก็ตามความคิดของพวกเขาเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วเพราะศัตรูจำนวนมากด้านหน้าของพวกเขาก็สามารถเปล่งแสงออกมาจากร่างได้เช่นกัน
ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขามีจำนวน… อย่างน้อยสองถึงสามร้อยคน!
ตาย!
สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ศิษย์ศาลาเต๋าสวรรค์ที่คิดว่าตัวเองเป็นผู้ล่าตกใจมากเพราะตอนนี้พวกเขาไม่รู้แล้วว่าใครคือหมาป่าใครคือลูกแกะ
ผู้ที่อยู่ในระดับจุติสองถึงสามร้อยคน?
มันไม่เห็นเหมือนที่ผู้อาวุโสสองพูดแม้แต่น้อย
เป็นไปได้ยังไง?
ทำไมพวกเขาถึงแข็งแกร่งขนาดนี้?!
เมื่อเทียบกับศิษย์ศาลาเต๋าสวรรค์แล้วพวกเขาไม่ได้อ่อนแอกว่าแม้แต่น้อย!
เมื่อทั้งสองฝ่ายเข้าปะทะกันในที่สุดศิษย์ศาลาเต๋าสวรรค์ก็ได้รู้ว่ากลุ่มคนด้านหน้าพวกเขาแข็งแกร่งขนาดไหน
เป็นไปไม่ได้! ผู้อาวุโสสองมองศิษย์เต๋าสวรรค์ที่ล้มลงบนพื้นจำนวนมากราวกับแมลงวันด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ฝั่งตรงข้ามมีนักรบชั้นสูงสองถึงสามร้อยคนเมื่อเทียบกับศาลาเต๋าสวรรค์แล้ว
ตอนนี้พวกเขามีประมาณร้อยคนเท่านั้น
พวกเขาจะชนะได้ยังไง?
ผู้อาวุโสสองไม่เชื่อผู้อาวุโสสี่และผู้อาวุโสหกก็เช่นกัน แม้แต่ฉือฟ่านและหยวนหรงก็มีสีหน้าไม่ดีเท่าไรนัก
อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่สามารถปฏิเสธความจริงได้
เฒ่าเหยียนทำไมท่านไมไปนำตัวหลานชายท่านกลับมาก่อนล่ะ? ท่านอยากหาเรื่องตายหรือไง? เซียนสวรรค์พักพิงมองไปที่การต่อสู้ด้านหน้า พร้อมกับโบกมืออย่างมีความสุขให้ เหยียน เฉียนหลี่
ท่านคิดว่าข้าเป็นคนที่กลัวตายหรือไง?อย่าเอาข้าไปเปรียบกับท่าน! ข้า เหยียน เฉียนหลี่ ไม่เคยหวาดกลัวความตาย ในเมื่อข้าอยู่ที่นี่แล้วก็ไม่มีอะไรต้องกังวลอีก! เหยียน เฉียนหลี่ สวนกลับเซียนสวรรค์พักพิงทันที
เหอะท่านจะบอกว่าข้าขี้ขลาดงั้นรึ? ข้าแค่จะพยายามรักษาพลังงานไว้เท่านั้น? หากไม่ใช่เพราะข้าทำงานหนักมาหลายปี พวกเราจะมีวันที่ยิ่งใหญ่แบบนี้ไหม? พวกเราคงถูกฆ่าตายจนหมดนานแล้ว!
ไปให้พ้นข้าจะสั่งการที่นี่เอง ไม่หลบอยู่ข้างสนามรบ! เหยียน เฉียนหลี่ ไม่คิดจะเปลืองคำพูดอีก เขาดึงธงสีทองออกมาจากเสื้อทันที จากนั้นก็มองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ ข้าให้เวลาหนึ่งก้านธูป ถ้าเจ้าไม่สามารถฆ่าพวกมันและลางแค้นให้หลานชายข้าได้ เจ้าก็ลืมเรื่องจะเข้าร่วมนิกายเงาของข้าไปได้เลย!
เอ๊ะ…ท่านหมายความว่ายังไง’นิกายเงาของข้า’?พวกเราไม่ได้ตกลงกันแล้วงั้นรึว่าผู้นำของนิกายเงาคือศิษย์ของข้า? เมื่อเซียนสวรรค์พักพิงได้ยิน เขาก็พูดขัดขึ้นมาทันที
ท่านอาจารย์ช่วยเลือกเถียงกับท่านปู่เหยียนได้ไหม?พวกท่านเถียงกันมาตลอดสิบปีนี้แล้วนะ… วู่ จวี้เอ๋อ พูดพร้อมกับส่ายหน้าอย่างเหนื่อยหน่าย
…
เหยียนเฉียนหลี่ เป็นเพราะเหยียน เฉียนหลี่! ในที่สุดผู้อาวุโสสองก็ได้สติ ใบหน้าของเขาพลันอัปลักษณ์ขึ้นมาทันที
เหยียนเฉียนหลี่ งั้นหรือ? พี่สองท่านหมายความว่าเซียนสวรรค์พักพิงกับเหยียน เฉียนหลี่… สีหน้าของผู้อาวุโสสี่ก็ไม่ดีเท่าไรนัก
ใช่แล้วพวกเราลืมเรื่องนั้นไปจริงๆ! ข้าน่าจะนึกเรื่องนี้ออกตั้งนานแล้ว ตั้งแต่ที่อาณาจักรเซี่ยนได้ถูกก่อตั้งขึ้นดินแดนเหลียงตะวันตกถือว่าเป็นเขตแดนพิเศษที่ไม่ได้ถูกควบคุมโดยอาณาจักรเซี่ย และอาณาจักรเซี่ยก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวการพัฒนาดินแดนเหลียงตะวันตกแต่อย่างใด ข้าสงสัยเรื่องนี้มานาน แต่ตอนนี้ข้าพอจะเข้าใจแล้ว ผู้อาวุโสสองอธิบาย
พวกเขาต้องการเวลา! ในที่สุดผู้อาวุโสหกก็เข้าใจ
ต้องการเวลา?ตระกูลเหยียนของพวกเราไม่เคยคิดจะก่อตั้งอาณาจักรเป็นของตัวเอง เพราะแม้พวกเราจะสามารถสร้างอาณาจักรได้ แต่ก็ต้องถูกควบคุมโดยสำนักทั้งห้าจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์อยู่ดี ตระกูลเหยียนมีความภูมิใจและเด็ดเดี่ยวเป็นอย่างมาก พวกเราปฏิเสธที่จะเข้าร่วมดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ถ้าพวกเราจะเข้าร่วมก็ต่อเมื่อพวกเราพร้อมเท่านั้น! เมื่อ เหยียน เฉียนหลี่ ได้ยินผู้อาวุโสสองพูด เขากขัดขึ้นมาทันที
หึอย่างไรก็ตาม มันคงเป็นไปไม่ได้ที่อยู่ดีๆตระกูลเหยียนจะสามารถสร้างนักรบชั้นยอดออกมาเป็นจำนวนมากขนาดนี้ใช่หรือไม่? น้ำเสียงของผู้อาวุโสสองเต็มไปด้วยความเย็นชา
ข้าถึงบอกไงว่าความดีความชอบครึ่งหนึ่งเป็นของข้า! เซีนสวรรค์พักพิงพูดขึ้นมาอีกครั้ง ด้วยความรูและศาสตร์ในการปรุงยา รวมถึงการล่าสมบัติ มันไม่ใชเรื่องแปลกใช่ไหมล่ะที่ตาเฒ่าเหยียนจะสามารถสร้างขุมกำลังชั้นยอดออกมาได้?
เป็นแบบนี้นี่เอง! ในที่สุดผู้อาวุโสสองก็เข้าใจ
ด้วยความช่วยเหลือจากยาและสมุนไพรต่างๆมันเป็นไปได้ที่ดินแดนเหลียงจะฝึกนักรบชั้นยอดออกมา
ดังนั้นแม้ดินแดนเหลียงจะอยู่ในเขตแดนของอาณาจักรเซี่ยแต่อาณาจักรเซี่ยนก็ไม่กล้าเข้าไปยุ่มย่ามอะไร แม้แต่สิบสามกองตรวจการก็ตาม เป็นเพราะพวกเขารู้ว่าในดินแดนเหลียงนั้นมีทหารชั้นยอดอยู่
……………………………………..