ตูม! ในที่สุดดาบไร้ร่องรอยก็ผ่าลงสู่พื้นตัดทะเลไร้สิ้นสุดแยกเป็นสองฝั่ง
สีของเลือดย้อมทะเลเป็นสีแดงฉากนี้ทำให้ศาลาหยินหยางตกอยู่ในความเงียบ
สีหน้าของผู้อาวุโสห้าซีดขาวเขามองไปที่ทะเลไร้สิ้นสุดที่แยกออกเป็นสองฝั่ง จากนั้นก็มองโม่ยู่ที่มายืนอยู่ข้างเขา ปากของเขาไม่สามารถพูดอะไรได้
เขารู้ว่าถ้าโม่ยู่มาช่วยเขาไม่ทันร่างเขาคงถูกผ่าออกเป็นสองเหมือนกับทะเลไร้สิ้นสุดอย่างแน่นอน
ชายคนนี้…แข็งแกร่งจริงๆ! ผู้อาวุโสห้าไม่ได้พูดเสียงดังมาก แต่ทุกคนก็ได้ยินอย่างชัดเจน
เจ้าพูดถูก! โม่ยู่พยักหน้า
ผู้อาวุโสสูงสุดพวกเราไม่สามารถลังเลได้อีกแล้ว! อืม… ผู้อาวุโสสูงสุดพยักหน้าอีกครั้ง เขามองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ ด้วยสีหน้าที่หนักแน่นและพูดว่า ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เราไม่สามารถไว้ชีวิตเขาได้แล้ว
ได้โปรดฆ่าเขาผู้อาวุโสสูงสุด!
ใช่แล้วได้โปรด!
ฆ่าเขาและกอบกู้ชื่อเสียงขอศาลาหยินหยาง!
ผู้อาวุโสทั้งสามพูดพร้อมกัน
ฆ่าเขา!
อืม
ตายซะ!
เหล่าศิษย์ของศาลาหยินหยางที่นิ่งงันได้สติคืนกลับมา
งั้นนั่นก็เป็นวิธีเดียวที่จะกู้ชื่อเสียงของศาลาหยินหยางคืนมาได้! เสียงดังมาจากท้องฟ้าและมีแสงสีแดงเข้มส่องไปที่หน้าของ ฟาง เจิ้งจือ ก่อนที่จะพูดต่อว่า โม่ยู่ ผู้อาวุโสสูงสุดของศาลาหยินหยาง และเป็นอาจารย์มากว่าร้อยปี อยู่ในระดับเซียนขั้นสูงสุด ท่านยังต้องรวมพลังกับผู้อาวุโสถึงสามคนเพื่อสู้เด็กที่อยู่ในระดับจุติ ข้าไม่รู้เลยว่ามันจะช่วยกอบกู้ชื่อเสียงของศาลาหยินหยางมาได้ยังไง!
เจ้ากล้า…เจ้าคิดว่าเจ้าจะลักลอบเข้ามาในศาลาหยินหยางยังไงก็ได้งั้นรึ?! ผู้อาวุโสหกตะโกนใส่ผู้ที่ปรากฎตัวต่อหน้า ฟาง เจิ้งจือ ทันที
ลอบเข้ามา?ไม่เลย นั่นไม่ใช่สิ่งที่ข้าทำ ข้าประกาศการมาถึงของข้าแล้วนี่! คนๆนั้นหันไปมอง ฟาง เจิ้งจือ และพูดว่า เจ้ามาที่นี่เพื่อหลานชายข้า แล้วข้า เหยียน เฉียนหลี่ จะไม่มาได้ยังไง?
เหยียนเฉียนหลี่?
เขาคือองค์ชายเหยียนของอาณาจักรเซี่ย!
ใช่แล้วข้าได้ยินมาว่าเขาพึ่งเข้าสู่ระดับเซียน เขาร่วมต่อสู้ที่ศาลาเต๋าสวรรค์ด้วย เขาเกี่ยวข้องกับนิกายเงา! เหล่าศิษย์ตระหนักถึงตัวตนของเขาได้หลังจากที่ได้ยิน
เหยียนเฉียนหลี่? องค์ชายเหยียนคนก่อน ฮ่าฮ่า …องค์ชายเหยียน เจ้ามาที่นี่เพราะคิดว่าสามารถช่วย ฟาง เจิ้งจือ ได้เพียงลำพังงั้นหรือ? ผู้อาวุโสหกพูดขึ้น
จะรู้ได้ยังไงถ้ายังไม่ได้ลอง? เหยียน เฉียนหลี่ ตอกกลับ
โอ้?่เยี่ยมมาก แสดงพลังให้ข้าได้เห็นหน่อย! ผู้อาวุโสหกจ้องไปที่ผู้อาวุโสทั้งสองที่ได้รับบาดเจ็บ และก้าวออกมา
ถ้าคิดจะทดสอบพลังของตาเฒ่าเหยียนก็อย่าได้ลืมข้า! คนอีกคนโผล่มาจากท้องฟ้า เขามีเส้นผมสีขาวและสวมชุดยาวธรรมดา
เขาไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเซียนสวรรค์พักพิง
เซียนสวรรค์พักพิง? ผู้อาวุโสหกขมวดคิ้วและมองขึ้นไปบนท้องฟ้าเขาขมวดคิ้วอย่างหนักและส่งสายตาที่เยือกเย็นออกมาพร้อมพูดว่า ดูเหมือนว่า …ข่าวการต่อสู้ที่ศาลาเต๋าสวรรค์จะเป็นเรื่องจริง!
การต่อสู้ที่ศาลาเต๋าสวรรค์?
ข่าวลือ?
เป็นความจริงงั้นเหรอ?
เหล่าศิษย์สับสนในคำพูดของผู้อาวุโสหกแต่พวกเขามองไปบนท้องฟ้า
จากนั้นพวกเขาก็ตกตะลึงเป็นอย่างมากกับสิ่งที่ได้เห็น
ในตอนนั้นเองมีกลุ่มเมฆขนาดใหญ่เคลื่อนที่เข้ามาหาพวกเขา กลุ่มเมฆที่มีรูปร่างของสัตว์นับไม่ถ้วน แต่ละตัวมีคนอยู่บนหัว
เซียนสวรรค์พักพิงเจ้าคิดจะท้าทายศาลาหยินหยางหลังจากที่ศาลาเต๋าสวรรค์งั้นหรือ? เจ้าไม่กลัวว่านิกายเงาจะถูกทำลายงั้นหรือ? ผู้อาวุโสหกพูดขึ้นมาอีกครั้ง แต่เสียงของเขาสั่นอย่างเห็นได้ชัด
การต่อสู้ระหว่างศิษย์ของนิกายเงาสามพันกับศาลาเต๋าสวรรค์เป็นที่รู้กันทั่วในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เพราะแบบนั้น เขาไม่คิดว่านิกายเงาจะมาที่นี่เพื่อพ่ายแพ้
ข้ากลัว! เซียนสวรรค์พักพิงตอบกลับในทันที
กลัวเหรอ?งั้นทำไมถึงไม่ถอยกลับไป!
เฒ่าหก! โม่ยู่พูดขัดขึ้นมาเขามองไปที่เซียนสวรรค์พักพิงและ เหยียน เฉียนหลี่ และเอ่ยถาม เซียนสวรรค์พักพิง องค์ชายเหยียน การต่อสู้ระหว่างศาลาหยินหยางและนิกายเงา มันไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้จริงๆใช่ไหม?
ใช่! เหยียนเฉียนหลี่ พยักหน้ารับอย่างตรงไปตรงมา
‘งั้น… เซียนสวรรค์พักพิง อยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขาก็ส่ายหัวหลังจากได้ยิน เหยียน เฉียนหลี่พูด เห็นได้ชัดว่ามันเลี่ยงไม่ได้ตั้งแต่ข้ามาที่นี่ ข้าก็ไม่สามารถกลับไปมือเปล่าได้แล้ว ใช่ไหม? เจ้าจะปล่อย ฟาง เจิ้งจือ ไปหรือจะสู้กับพวกเรา!
เยี่ยม! โมยู่พยักหน้าเช่นกันเขารีบพุ่งไปหาเซียนสวรรค์พักพิงและ เหยียน เฉียนหลี่ โดยไม่มีคำพูดใดอีก
เซียนสวรรค์พักพิงกระพริบตาของเขาและประหลาดใจที่โม่ยู่ใกล้เข้ามาแล้ว
บ้าเอ้ย…จะสู้กับพวกเราตอนนี้เลยหรือ? คนของข้ายังไม่มา รอก่อนไม่ได้รึ!
เอาไว้ไร้สาระทีหลังไปกันเถอะ! แสงสีแดงเข้มปรากฎในมือในขณะที่ เหยียน เฉียนหลี่ พูด เขากวัดแกว่งหอกไปทางโม่ยู่
เซียนสวรรค์พักพิงกัดฟันแน่นและสบัดพัดไปทางโม่ยู่
ทันใดนั้นเองร่างของโม่ยู่ก็หายไป
ต่อมาทะเลไร้สิ้นสุดได้ซัดผ่านขึ้นมาผืนทะเลที่แยกเป็นสองฝังกลับมารวมกันอีกครั้ง น้ำวนปรากฎขึ้นบนผิวน้ำ
แสงสีฟ้านับไม่ถ้วนพุ่งขึ้นมาจากทะเลไร้สิ้นสุดมันคืองูทะเลที่เกิดจากเกลียวคลื่นที่หมุนวน เขี้ยวสีฟ้าดูอึมครึมภายใต้แสงอาทิตย์
ทะเลซากศพ! ด้วยคำสั่งของโม่ยู่งูทะเลนับไม่ถ้วนก็พุ่งเข้าหา เหยียน เฉียนหลี่ และเซียนสวรรค์พักพิง
ท่าทีของพวกเขาเปลี่ยนไป
พวกเขารู้ดีว่าโม่ยู่มีพลังเทียบเท่าผู้นำศาลาทั้งห้าในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เขาเป็นหนึ่งในผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์
อย่างไรก็ตามมันรู้สึกต่างออกไปเมื่อได้เผชิญหน้ากันตรงๆ
เขาแข็งแกร่งเกินไป!
ความแข็งแกร่งของเขาไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับคนอื่น!
เซียนสวรรค์พักพิงโบกพัดเพื่อป้องกันตัวเองแต่เขาไม่สามารถจัดการงูทะเลที่พุ่งเข้ามาได้เลย
ตูม! งูทะเลกัดแขนของเขาสีหน้าของเขากลายเป็นสีม่วง ร่างของเขาสั่นเทาอย่างช่วยไม่ได้ พิษของมัน …ไม่ นี่มันเป็นกาโจมตีทางจิตวิญญาณ!
ข้ารู้แล้ว! เหยียนเฉียนหลี่ ตอบกลับและมอง ฟาง เจิ้งจือ เร็วเข้า รีบหนี?! พวกเราต้านไว้นานกว่านี้ไม่ได้!
ฟางเจิ้งจือ ไม่ได้พูดอะไร แต่เขาจับดาบไร้ร่องรอยไว้แน่น เขารู้ดีว่าทำไมเซียนสวรรค์พักพิงและ เหยียน เฉียนหลี่ ถึงมาอยู่ที่นี่
ข้าควรจะทิ้งพวกเขาไว้แล้วหนีไปพร้อมเต๋าฮุนหรือไม่?
ตราบใดที่เขามีเต๋าอยู่ในมือเหยียน เฉียนหลี่ และเซียนสวรรค์พักพิงจะไม่ถูกฆ่า อย่างไรก็ตาม ฟาง เจิ้งจือ ทำแบบนั้นได้จริงหรือ?
เขาทำอย่างนั้นไม่ได้!
เขาจะทิ้งเซียนสวรรค์พักพิงไว้ด้านหลังได้ยังไง?
ถ้าเขาทิ้งเซียนสวรรค์พักพิงไว้ที่ศาลาหยินหยางไม่มีอะไรรับประกันว่าเต๋าฮุนจะไม่เล่นสกปรกในขณะที่ช่วย เหยียน ซิว
ในทำนองเดียวกันเขาไม่สามารถทิ้ง เหยียน เฉียนหลี่ ไว้ได้ นั่นเพราะมันเป็นไปไม่ได้เลยที่ฟาง เจิ้งจือ จะบอก เหยียน ซิว ว่าเขาทิ้งปู่ของ เหยียน ซิว ไว้ที่ศาลาหยินหยาง
ดังนั้นฟาง เจิ้งจือ จึงไม่สามารถหนีไปได้
ตายซะ! ในที่สุดศิษย์ของนิกายเงาก็ลงมาจากท้องฟ้าสายลมพัดหมวกคลุมหน้าของพวกเขา และแสงที่ส่องสว่างออกมาจากตัวดาบ
ตายซะ! เหล่าศิษย์ของศาลาหยินหยางเข้าร่วมการต่อสู้แสงสว่างส่องออกมาจากร่างกายพวกเขา
นี่ดูเหมือนจะเป็นสงครามที่วุ่นวาย
อย่างไรก็ตามมันเป็นการต่อสู้ฝ่ายเดียวผู้อาวุโสหกอยู่ที่นั่น รวมทั้งผู้อาวุโสห้าที่ได้รับบาดเจ็บและผู้อาวุโสทั้งสองจากเก้าขุนเขา
นอกจากนี้ยังมีศิษย์ศาลาหยินหยางนับสิบอยู่กับพวกเขาอักขระที่ซับซ้อนปรากฎขึ้นบนหน้าผากของพวกเขา
พวกเขาเป็นเซียน ในฐานะหนึ่งในห้าสำนักของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ศาลาหยินหยางสะสมขุมพลังเอาไว้หลายพันปี
กลิ่นคาวของเลือดลอยเต็มอากาศ
แม้ว่านิกายเงาจะมีจำนวนมากกว่าศาลาหยินหยางแต่ผลลัพธ์ได้ถูกกำหนดตั้งแต่เหล่าศิษย์ที่อยู่ในระดับเซียนเข้าร่วมการต่อสู้
ฟางเจิ้งจือ เจ้าเด็กเหลือขอ ข้าเสี่ยงทุกอย่างเพื่อเจ้า ถ้าเจ้าไม่หนีไปตอนนี้ เจ้าจะไม่มีโอกาสแล้ว! เซียนสวรรค์พักพิงรู้สึกโกรธที่ ฟาง จเิ้งจือ ไม่ขยับแม้แต่น้อย
ทำไมพวกท่านถึงมาที่นี่? ในที่สุดฟาง เจิ้งจือ ก็พูดบางอย่าง
ถ้าพวกเราไม่มาเจ้าจะรอดไปได้ยังไง? เซียนสวรรค์พักพิงตอบกลับด้วยคำถาม
แม้พวกท่านมาข้าก็ไม่สามารถหนีไปได้!
พวกเราต้องลองนั่นไม่ใช่สิ่งที่เจ้าพูดอยู่ตลอดงั้นหรือ? ร่างของเซียนสวรรค์พักพิงสั่นสะท้านในขณะที่เขาพูดออกมา เขาแทบจะยืนไม่ขึ้นแล้ว
อย่างไรก็ตามด้วยเหตุผลบางอย่างเขาไม่สามารถถอยกลับได้ และเขาไม่คิดจะอธิบายอะไรเพิ่ม เขากัดฟันและยืนหยัดต่อไป
พวกเราต้องลอง…นั่นเป็นสิ่งที่ข้าพูดอยู่ตลอด … ฟาง เจิ้งจือ กำมือแน่นอีกครั้ง เล็บของเขาเปลี่ยนเป็นสีขาวเพราะแรงกดดัน เลือดหลั่งไหลออกที่ปลายนิ้ว หยดลงสู่ทะเล
เซียนสวรรค์พักพิงพูดถูกเขาพูดอยู่ตลอดเขามักพูดคำพูดนั้นอยู่ตลอด ไม่ว่าจะเป็นที่การสอบทดสอบแห่งเต๋าของอาณาจักรเซี่ย ที่โถงบัลลังก์ หรือในสงครามแดนใต้ และที่เมืองหลวง
นับว่าเป็นคติของฟาง เจิ้งจือ ก็ว่าได้ เขาพยายามอย่างกล้าหาญ แม้ว่าสิ่งนั้นจะไม่มีความเป็นไปได้เลยก็ตาม
อย่างไรก็ตามด้วยเหตุผลบางอย่าง เขาสงสัยในตัวเอง ข้าพยายามทำทุกอย่างแล้วจริงหรือ?
ฟางเจิ้งจือ เงยหน้าขึ้น เขามองไปที่เหล่าศิษย์ของนิกายเงาที่ค่อยๆล้มลงคนแล้วคนเล่า เลือดของพวกเขาหลั่งไหลสู่พื้นดิน แต่ไม่มีใครถอยหนีแม้แต่น้อย
พวกเขายังคงเหวี่ยงดาบออกไป
อย่างไรก็ตามความพยายามของพวกเขาทั้งหมดไร้ประโยชน์เพราะต้องเผชิญหน้ากับเซียนนับสิบคน พวกเขาล้มลงอย่างต่อเนื่อง
จากนั้นศิษย์ของนิกายเงาคนหนึ่งกลายเป็นศพ
ข้าผิด?ผิดหรือเปล่าที่มาที่นี่? เป็นครั้งแรกที่ ฟาง เจิ้งจือ ไม่รู้ว่าเขาเลือกถูกหรือไม่
ในอาณาจักรเซี่ยเขาทำทุกอย่างที่ต้องการและรอดชีวิตมาได้ทุกครั้ง เขาทำให้หมู่บ้านเจริญได้ในที่สุด
นั่นทำให้เขามั่นใจมากขึ้น
เขาคิดว่ามันจะเหมือนกันในดินแดนศักดิ์สิทธิ์… เขาคิดว่าเขาสามารถทำตามความรู้สึกได้อย่างอิสระที่สำคัญไปกว่านั้น ตั้งแต่เขาเหลือเวลาชีวิตไม่มาก เขารู้สึกว่านี่เป็นวิธีเดียวที่จะมีชีวิตรอด
เขาทำสิ่งต่างๆ ในแบบของเขาเอง
ดังนั้นระหว่างการทดสอบของศาลาเต๋าสวรรค์ เขาจึงปลอมเป็นศิษย์ศาลาเต๋าสวรรค์เพราะคิดว่ามันจะช่วย เหยียน ซิว ได้
อย่างไรก็ตามสิ่งที่เกิดขึ้นคือ เหยียน ซิว เกือบจะถูกควบคุมโดยอาชูร่าคลั่งในการต่อสู้ ถ้า ฉือ กูเหยียน ไม่เข้ามาในตอนนั้น เขาอาจต้องกลายเป็นอาชูร่าคลั่งไปแล้ว
นั่นเป็นผลมาจากความดื้อรั้นของเขา
ถ้าไม่ใช่เพราะเขาแหล่งพลังของ เหยียน ซิว คงไม่ถูกผนึกไว้ และเขาคงไม่ถูกเซียนทั้งสามแห่งเกาะจันทราดำจับเป็นตัวประกัน
แต่ตอนนี้เพื่อช่วย เหยียน ซิว เขามาที่ศาลาหยินหยางเพียงลำพัง คิดว่าสามารถลักพาตัวเต๋าฮุนได้ด้วยตัวคนเดียว อย่างไรก็ตาม เขาลากนิกายเงาเข้ามาอีก
สายเลือดไหลนองจนเขามองเห็นได้จากที่ไกลๆ
ข้าจะต้องตายในสองเดือน… ฟาง เจิ้งจือ เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า แสงอาทิตย์สาดส่องงดงาม แต่กลิ่นคาวของเลือดลอยคลุ้งไปทั่ว เหยียน ซิว บอกข้าที เป็นผิดความข้าจริงๆใช่ไหม …ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่เหมือนกับในอาณาจักรเซี่ยเลย ข้าซื่อตรงเกินไป และความดื้อรั้นของข้าทำให้มันลงเอยแบบนี้ ข้าคิดว่าข้าแตกต่างจากคนอื่น ถ้าข้าอยากเปลี่ยนชะตากรรม อย่างไรก็ตาม ข้าไม่ได้คิดถึงความรู้สึกของเจ้า เจ้าไม่สามารถปล่อยให้ข้าทนทุกข์อยู่คนเดียว เหยียน ซิว ข้าขอโทษ ขอผิดไปแล้วจริงๆ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ข้าอยากช่วยเจ้าจริงๆ …จริงๆ …
……………………………………..