แลกเปลี่ยนกับชีวิตของเหยียน ซิว งั้นหรือ? ในที่สุดหญิงสาวในชุดสีแดงก็เปิดปาก แม้น้ำเสียงของนาง
ใช่ใช้ชีวิตหนึ่งแลกกับความตาย มันเป็นเงื่อนไขของศาลาหยินหยาง คังเยว่พยักหน้า
หญิงสาวในชุดสีแดงไม่ได้พูดอะไรอีกนางเพียงยืนกำมือแน่นเท่านั้น
เจ้าฉลาดอยู่แล้วน่าจะรู้เหตุผลที่ข้ามาวันนี้ เปลี่ยนชุดของเจ้าและตามข้าไปที่หอคอยหลิงหยุน ตอนนี้การรอคอยของเจ้านั้นไร้ความหมายอีกต่อไป! น้ำเสียงของคังเยว่เต็มไปด้วยความเยือกเย็น
ท่านรู้ไหมว่ามิตรภาพคืออะไร? หญิงสาวในชุดสีแดงนำมือไปไว้ที่หน้าอกและถามขึ้นมา
เจ้าหมายความว่าอะไร? คังเยว่ขมวดคิ้ว
ท่านคงไม่เข้าใจเพราะท่านไม่มีเพื่อนท่านไม่เข้าใจว่ามิตรภาพนั้นเป็นเช่นใด
ดูเหมือนว่าเจ้าจะยังไม่ยอมแพ้แต่วันหนึ่งท่านคงเข้าใจว่าบางอย่างก็มีความหมายมากกว่าชีวิต!
เจ้ามันน่าสมเพช
?!
เจ้าดูเหมือนจะเข้าใจอะไรหลายๆอย่างแต่เจ้าไม่ได้เข้าใจโลกใบนี้เลย
หุบปากท่านไม่มีวันเข้าใจหรอก ต่อให้ข้าอธิบาย…. หญิงสาวในชุดสีแดงหันไปมองขอบฟ้าอีกครั้ง
ท่านยังไม่ไปอีกหรือ? นางถามหลังจากผ่านไปสักพัก
เจ้าจะรอที่นี่ต่อไปจนตายงั้นหรือ? คังเยว่ถามอีกครั้ง
ข้าจะรอต่อไป
ถ้าผ่านไปหกเดือนแล้วล่ะ?
ข้าจะรอต่อไป! แล้วถ้าเข้าไม่มาล่ะเจ้าก็ยังจะรอต่อไปงั้นหรือ?
ใช่แล้ว!
ไร้สาระนี่คือสิ่งที่เจ้าบอกว่ามันคือมิครภาพงั้นรึ?! เสียงของคังเยว่เย็นชามาก ก่อนที่นางจะกระโจนหายไปในทันที
หญิงสาวในชุดสีแดงยังคงยืนเงียบนางไม่ได้สนใจการจากไปของคังเย่ว แม้แต่น้อย สายตาของนางยังคงจับจ้องไปที่ท้องฟ้า ก่อนที่นางจะกระโจนลงไปในทะเลสาบอีกครั้ง…
…
ในสุสานตระกูลหนานกงพายุกำลังก่อตัว
เด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังเดินฝ่าพายุไปอย่างรวดเร็ว
หนานกงมู่
คนที่หายตัวไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แต่ตอนนี้เขาปรากฎตัวขึ้นอีกครั้งในสุสานตระกูลหนานกง
เจ้ากลับมาแล้ว ร่างหนึ่งเดินออกมาต้อนรับเขา เสียงของเขาราวกับคนแปลกหน้า
เขาคือหนานกง เทียน ผู้นำตระกูลหนานกงคนปัจจุบัน
หนานกงมู่ ไม่ได้เอ่ยปากอะไร เขาแค่พยักหน้าเบาๆ จากนั้นเขาก็หันไปมองต้นไม้โบราณที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางสุสาน
มันเป็นต้นไม้ขนาดยักษ์ที่เต็มไปด้วยดอกไม้สีขาวนับไม่ถ้วนพวกมันส่องแสงออกมาจางๆแม้จะอยู่ท่ามกลางหิมะ
หนานกงมู่ มองดูสักพัก ก่อนจะถอนสายตาออกมา
ในเมื่อเจ้ากลับมาแล้วและยังมีชีวิตยู่ เจ้าก็น่าจะรู้ว่าควรทำอะไรต่อไป หนานกงเทียน พูดขึ้นมาอีกครั้ง
ท่านพี่ตายแล้วงั้นหรือ? ในที่สุด หนานกง มู่ ก็เปิดปาก
ไม่มีอะไรบนโลกที่แน่นอนข้าไม่สามารถตอบคำถามของเจ้าได้ แต่เขาได้ทำหน้าที่เพื่อตระกูลหหนานกงอย่างสุดความสามารถแล้ว ครั้งนี้เป็นตาของเจ้า!
ทำไมต้องเป็นแบบนี้?ชีวิตของพวกเรายังดีไม่พออีกงั้นหรือ?
ดี?ดียังไง?
ความสงบสุข…อย่างน้อยพวกเราก็ได้รับความเคารพเป็นอย่างดี…
หุบปาก! ท่าทีของหนานกงเทียนเปลี่ยนไปทันที สงบสุข? แล้วพวกเขาล่ะ?
หลังจากพูดจบหนานกงเทียน ก็ชี้ไปที่แผ่นหินจำนวนนับไม่ถ้วนที่ตั้งอยู่ในสุสาน
ร่างกายของหนานกงมู่ สั่นเล็กน้อยเมื่อมองไปที่มัน
ข้าจะถามเจ้าอีกครั้งเจ้ารู้ภารกิจของตัวเองหรือไม่? หากเจ้าไม่รู้ ก็คุกเข่าอยู่ที่นี่จนกว่าจะรู้! หนานกง เทียน พูดออกมาด้วยความเย็นชา
ท่านพ่อ…ถ้าข้ายอมรับภารกิจพี่ชายข้าหนานกง เฮา จะกลับมาไหม? การแสดงออกของหนานกง มู่ เต็มไปด้วยความเจ็บปวด นั่นเป็นชีวิตของเขาไม่ได้เกี่ยวกับอะไรกับเจ้า เจ้าต้องทำในสิ่งที่ตัวเองต้องทำ หนานกง เทียน พูดเหมือนเดิมอีกครั้ง
ท่านพ่อไม่คิดจะโกหกข้าแม้สักครั้งเดียวงั้นหรือ?
ตระกูลหนานกงไม่คิดจะทำเช่นนั้นถ้าเจ้าเข้มแข็งไม่พอ งั้นเจ้าก็ไปอยู่ที่แดนศักดิ์สิทธิ์ซะ ไม่ต้องกลับมาอีก? หนานกง เทียน ตอบ
ข้า…
เจ้าต้องตัดสินใจด้วยตัวเองข้าจะไม่แนะนำเจ้าอีก
หนานกงมู่ ยืนอยู่ที่เดิม ชุดของเขาพัดไปตามสายลม เขาไม่ได้ตอบทันที แต่เขามองไปที่ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์
…
ณเก้าขุนเขา
ในป่องภูเขาไฟที่ครุกกรุ่นลูกหนึ่งมีหม้อขนาดใหญ่เก้าหม้อตั้งอยู่ตรงกลาง พื้นผิวของมันถูกแกะสลักเป็นลวดลายอันสลับซับซ้อน
ใต้หม้อนั้นเป็นพื้นราบเรียบห่างออกไปบ้านหินจำนวนมากตั้งเรียงรายอยู่
วันนี้เก้าขุนเขาต่างไปจากเดิม
ศิษย์กว่าพันคนมายืนรอรอบๆหม้อหลอมด้วยท่าทีอันจริงจัง
ผู้อาวุโสคนหนึ่งที่บนหัวของเขาวงแหวนหินยืนอยู่ด้านหน้าหม้อทั้งเก้า
เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของเก้าขุนเขา’หยิงยู่’ เขาออกคำสั่งทันที คุกเข่าลง!
ศิษย์ทุกคนคุกเข่าลงตามคำสั่งของเขาทันที
จะมากพืธีกันไปทำไม? ทันใดนั้นเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากที่ไกลๆ
เหล่าศิษย์ล้วนงุนงงแต่พวกเขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
ใช่แล้ว… พวกเขาไม่สามารถมีปากเสียงกับเครื่องสังเวยได้
เครื่องสังเวยที่ไม่ใช่ใครอื่นฟาง เจิ้งจือ
เขาถูกล่ามโซ่ไว้ที่เสาหน้าหม้อทั้งเก้าเสื้อสีน้ำเงินของเขาตอนนี้เปรอะเปรื้อนจนกลายเป็นสีดำ
ทำให้เขาดูน่าสมเพชเล็กน้อย
อย่างไรก็ตามสีหน้าของเขาไม่ได้ดูแย่เท่าไรนัก
คุกเข่าเพื่อแสดงความเคารพอีกครั้ง หยิงยู่ไม่สนใจคำพูดของ ฟาง เจิ้งจือ เขาคุกเข่าลงไปบนพื้นอีกครั้ง
เหล่าศิษย์และผู้อาวุโสที่อยู่รอบๆก็คุกเข่าเช่นกัน
เพื่อเป็นการระลึกถึง เทียนซิง
พวกเขาจึงต้องคุกเข่าแสดงความเคารพแม้เสียงบ่นของ ฟาง เจิ้งจือ จะทำให้พวกเขาเหมือนกำลังทำความเคารพ ฟาง เจิ้งจือ มากกว่า คุกเข่าครั้งที่สาม! หยิงยู่เปิดปากอีกคร้ง
หลังจากทำการคุกเข่าครบสามครั้งก็เป็นอันเสร็จพิธีต่อไปก็เป็นเรื่องการหลอมยา
สำหรับยา…
แน่นอนว่ามันต้องมาจากฟาง เจิ้งจือ
ผู้อาวุโสหก หยิงยู่ ลุกขึ้นและมองไปทางผู้อาวุโสอีกคนที่ยืนอยู่ไม่ไกล
เขาไมใช่ใครอื่นนอกจากผู้อาวุโสหกแห่งศาลาหยินหยางที่มาช่วยเรื่องการหลอมยา
ผู้อาวุโสหกก้าวไปข้างหน้าและทำความเคารพหยิงยู่
ท่านตั้งการใช้หม้อหลอมใบไหนงั้นหรือ? ผู้อาวุโสมองไปทั้งหม้อทั้งเก้าและพูดขึ้น
ใช้’หม้อหลอมสายธาร’แล้วกัน อย่างน้อยเจ้าเด็กนี่ก็ถือว่าโชคดีถึงมีบุญได้ใช้หม้อนี้ หยิงยู่ พูดออกมา
เขาโชคดีจริงๆนี่เป็นครั้งแรกที่พวกเราจะได้ใช้หม้อหลอมสายธาร ข้าได้ยินมาว่าหม้อหลอมนี้สามารถผลิตยาชั้นยอดได้! ผู้อาวุโสหกพูดขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น
ใช้หม้อหลอมสายธารเคยผลิตยาชั้นยอดให้ผู้ฝึกตนในระดับเซียได้ถึงเจ็ดครั้ง หยิงยู่พยักหน้า
ฮ่าฮ่าก่อนที่พวกเราจะหลอม ฟาง เจิ้งจือ ข้าขอถามคำถามกับท่านก่อน ผู้อาวุโสหกยิ้ม
เชิญท่านถามได้เลย
ผู้นำศาลาของพวกเราอยากรู้ว่าใครจะเป็นผู้นำของเก้าขุนเขาคนต่อไป?
ไม่ต้องกังวลพวกเราวางแผนไว้หมดแล้ว ตอนแรกพวกเราวางแผนไว้ว่าใครที่จับตัว ฟาง เจิ้งจือ ได้จะมีสิทธิ์เป็นผู้นำเก้าขุนเขา แต่ตอนนี้…
พวกเราเข้าใจจากคำแนะนำของผู้นำศาลาของพวกเรา เขาบอกว่าท่านผู้อาวุโสสูงสุดหยิงยู่ นั้นมีสถานะและพลังอันสูงส่ง ถ้าท่านกลายเป็นผู้นำ เก้าขุนเขาต้องกลับมายิ่งใหญ๋อีกครั้งแน่นอน!
อืมเราค่อยมาคุยปัญหานี้ที่หลัง หยิ่งยู่หัวเราะออกมาพร้อมกับพยักหน้า
เมื่อผู้อาวุโสรอบๆได้ยินสิ่งที่ผู้อาวุโสหกพูดบ้างก็มีความสุข บ้างก็ยินดี บ้างก็ไม่พอใจ …
จริงๆแล้วข้ามีความคิดดีๆอยู่นะ! ทันใดนั้นเสียง ฟาง เจิ้งจือ ก็ดังขึ้น
หือ? ร่างของผู้อาวุโสหกสั่นสะท้านเล็กน้อย
ไม่เพียงแต่ผู้อาวุโสหกเท่านั้นผู้อาวุโสคนอื่นที่ยืนอยู่รอบๆก็แปลกใจ
ในเมื่อท่านบอกว่าตอนแรกใครที่จับข้าได้จะมีสิทธิ์ขึ้นเป็นผู้นำเก้าขุนเขาแล้วทำไมไม่ให้คนจากของศาลาหยินหยางที่จับข้าได้เป็นผู้นำเก้าขุนเขาเล่า? ฟาง เจิ้งจือ พูดตรงๆ
ไร้สาระ! ท่าทีของหยิงยู่เปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน ผู้อาวุโสคนอื่นๆสามารถบอกได้ว่าฟาง เจิ้งจือ ตั้งใจยั่วยุพวกเขา
อย่างไรก็ตามเป็นอย่างที่ฟาง เจิ้งจือ พูด ตอนนี้การเลือกผู้นำเก้าขุนเขาขึ้นอยู่กับศาลาหยินหยาง
ฟางเจิ้งจือ พูดได้ตรงจุดมาก
ความสนใจทุกคนหันไปหาผู้อาวุโสหกแห่งศาลาหยินหยางทันที
……………………………………..