ฟางเจิ้งจือ รู้ดีว่า ฉือ กูเหยียน และหญิงสาวในชุดขาวพยายามจะบอกอะไรเขา ต่อมา มันเป็นธรรมดาที่เขาจะคิดเกี่ยวกับมันเพื่อที่จะสามารถใช้ในสถานการณ์จริงดูเงียบ ๆ …
มันหมายถึงการทำจิตใจสงบและเข้าถึงระดับจิตวิญญานที่สูงส่ง
มันง่ายมากที่จะเข้าใจเรื่องนั้นและนั่นหมายความว่าเขาต้องทำให้ใจของเขาสงบลง
อย่างไรก็ตามการเข้าใจนั้นเป็นเรื่องที่ง่ายแต่การจะทำได้นั้นเป็นเรื่องที่ยาก
ว่างเปล่า!
เขาจะทำให้ทุกอย่างว่างเปล่าได้ยังไง?
ฟางเจิ้งจือ รู้สึกว่าเขาไม่สามารถสงบใจลงได้ในทันที เขากำลังปวดชาไปทั้งตัว มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสงบใจลงได้
ยากมันยากเกินไป!
ถ้าเขาสามารถทำจิตใจให้ตั้งมั่นกับอะไรบางสิ่งได้เขาก็จะสามารถเข้าใจเปลวไฟรอบๆตัว และไม่ต้องทนเจ็บปวดอีกต่อไป
เดี๋ยวก่อน!
น่านน้ำที่อุดมสมบูรณ์ภูเขาเขียวชะอุ่ม!
เขาไม่สามารถจินตานาการถึงภาพเหล่านั้นแต่ดูเหมือนจะมองเห็นพวกมันได้
ศิลาเซียนเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมจริงๆมีทุกสิ่งอย่างอยู่ภายใน ตั้งแต่แม่น้ำไปจนถึงภูเขา
นอกจากนั้นที่สำคัญยิ่งกว่าคือ ฟาง เจิ้งจือ มีศิลาเซียนมากมาย
ใช่แล้วศิลาเซียนมีเต๋าที่แตกต่างกันไป เขาตระหนักได้จากสิ่งที่เกิดขึ้นในสวรรค์ชั้นเก้า
ในตอนนั้นฟาง เจิ้งจือ คิดจะหยิบศิลาเซียนออกมาทั้งหมดเพื่อตรวจสอบอย่างละเอียด
อย่างไรก็ตามเขาต้องรีบหนีออกจากศาลาเต๋าสวรรค์รวมทั้งปัญหามากมายที่เกิดขึ้นและนั่นทำให้เขาไม่ได้ตรวจสอบศิลาเซียน แต่ตอนนี้…
เนื่องจากเขาไม่สามารถออกไปได้เขาจะพยายามตรวจสอบพวกมัน นอกจากนี้ เมื่อเขามองไปที่ศิลาเซียน มันทำให้จิตใจของเขาสงบ
ตาของฟาง เจิ้งจือ เปล่งประกาย มองดูอย่างเงียบๆและพยายามเข้าถึงเต๋า
ไม่มีอะไรขัดขวางเขาได้ถ้ามันเป็นทางเดียวที่จะทำให้เขารอด…
กล่องดำที่เต็มไปศิลาเซียนลอยออกมาจากกลืนกินโลกและมาอยู่ในมือของ ฟาง เจิ้งจือ
แม้แขนขาจะถูกตรึงเอาไว้มันก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะเปิดกล่องนัก แค่พลิกมือเล็กน้อย ปากกล่องก็เปิดออก
ทันใดนั้นเองฟาง เจิ้งจือ รู้สึกว่ารอบตัวเขาเปลี่ยนไป มีแม่น้ำที่ไหลนิ่งปรากฎขึ้นตรงหน้า ท้องฟ้าเงียบสงบและสดใส ให้ความรู้สึกราวกับว่าได้กระโดดออกมาจากหม้อหลอมได้เป็นอิสระ
ตรวจสอบตรวจสอบ… ..
ตอนนี้เขาต้องสงบใจลงเพื่อตรวจสอบศิลาเซียน!
ฟางเจิ้งจือ พยายามเต็มที่ เขาจ้องมองไปยังแม่น้ำ ภูเขา และท้องฟ้าที่สดใส
สงบ!
ใจของฟาง เจิ้งจือ พูดซ้ำอยู่อย่างนั้น แต่ผ่านไปสักพัก ก็ตระหนักว่าเขาทำไม่ได้
แม้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ผ่อนคลายเขาก็ไม่สามารถสงบใจลงได้เลย ไฟสองชนิดตรงกลางหม้อยังคงลุกโชน ความเจ็บปวดที่สาหัสมันดูดพลังงานจากร่างกายของเขาอยู่ตลอดเวลา ทำให้เขาไม่สามารถสงบใจลงได้เลย
ไม่มีทาง!
เขาทนอยู่แบบนี้ต่อไปไม่ได้!
เขาต้องคิดหนทางอื่นที่จะทำให้ใจของเขาสงบลงได้ ใช่แล้ว!
เนื่องจากเปลวไฟทั้งสองมีเพื่อหลอมเม็ดยาเขาน่าจะลองใช้ประโยชน์จากมันดู ไม่ควรปล่อยให้ความพิเศษของมันต้องศูนย์เปล่าไป
อย่างไรก็ตามฟาง เจิ้งจือ ไม่ค่อยรู้เรื่องการหลอมยาและการแปรธาตุเท่าไหร่นัก
แม้ได้เป็นผู้ช่วยของเซียนสวรรค์พักพิงถึงหนึ่งปีเขาก็ยังเข้าใจเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
เขามีความรู้ด้านยาสมุนไพร น้อยมาก
พูดถึงสมุนไพร
ฟางเจิ้งจือ มีสมุนไพรมากเป็นสิบไร่
จงเผาไหม้! ฟางเจิ้งจือ เรียกสมุนไพรออกมาจากกลืนกินโลกและปล่อยให้มันลอยไปยังเปลวไฟทั้งสอง
ฟู่! เปลวไฟทั้งสองมีสิ่งใหม่ให้หล่อหลอมมันค่อยๆเผาสมุนไพรทีละน้อย จนเปลวไฟอ่อนลง
แน่นอนว่าฟาง เจิ้งจือ รู้ดีว่าวิธีนี้ช่วยดับไฟได้ชั่วคราวเท่านั้น เหมือนกับกระดาษที่ถูกโยนเข้ากองไฟมันช่วยดับไฟได้ชั่วขณะ แต่หลังจากที่เผากระดาษจนหมด เปลวไฟก็จะลุกไหม้อีกครั้ง
อย่างไรก็ตามฟาง เจิ้งจือ ไม่สนใจนัก เขาต้องการเพียงแค่เวลาสั้นๆ เพื่อสงบใจลง
เนื่องจากเปลวไฟดับมอดความเจ็บปวดของเขาก็ลดลงอย่างเห็นได้ชัด เขาผ่อนคลายลงมากในขณะนี้ และเขามองไปรอบๆอย่างต่อเนื่อง แม่น้ำ ภูเขา….
มันรู้สึกต่างไปอย่างสิ้นเชิง!
ดวงตาของฟาง เจิ้งจือ ส่องประกาย เขามองไปยังศิลาเซียนทั้งยี่สิบสามก้อน เขาเห็นอักขระสีทองส่องสว่างบนอากาศ
ใช่แล้วอักขระสีทอง นั่นคือเต๋า!
ฟางเจิ้งจือ เริ่มแก้ปริศนา อักขระเริ่มปรากฎขึ้นในตาของเขา ก่อนจะค่อยๆผสานกับร่างกายของเขา
มันเป็นความรู้สึกที่ผ่อนคลายมากๆ และรู้สึกราวกับว่าร่างกายของเขาถูกชำระล้างด้วยน้ำอุ่น
ฟู่ว! เปลวไฟรอบข้างเริ่มลุกไหม้อีกครั้งและดูเหมือนจะลุกโชนกว่าเดิม ราวกับเปลวไฟพยายามกลืนกินหม้อหลอม
อย่างไรก็ตามฟาง เจิ้งจือ ไม่รู้สึกถึงความร้อนเลย ในขณะที่อักขระสีทองไหลเวียนอยู่บนร่างกาย มันช่วยต้านความร้อนจากเปลวไฟให้เขา
ดูเหมือนใช้คำว่ากลืนกิน จะเหมาะกว่า
เพราะเปลวไฟดูเหมือนกำลังปฏิสัมพันธ์กำลังอักขระสีทองในอักขระแต่ตัวละตัวทำปฏิกิริยากับเปลวไฟหนึ่งดวง
มันสบายมากจน ฟาง เจิ้งจือ เกือบจะลืมไปว่าเขาอยู่ท่ามกลางเปลวไฟที่ลุกไหม้ทั้งสอง
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ….
ฟางเจิ้งจือ รู้สึกว่าไฟทั้งสองลูกอ่อนแอลง ดูเหมือนจวนจะดับมอดไป
เมื่อฟาง เจิ้งจือ คิดเรื่องนี้ ผู้อาวุโสหกที่ยืนอยู่นอกหม้อหลอม ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความไม่เชื่อ เขามองไปที่หม้อหลอมด้วยความสับสน
ตอนนี้เป็นเวลากลางคืนและพวกเขาจะเริ่มสกัดสมุนไพรในตอนเช้า อย่างไรก็ตามนั้นไม่ได้หมายความว่าการแปรธาตุจะเสร็จสิ้น
จากประสบการณ์ที่ผ่านมาไฟจะเริ่มอ่อนลงหลังจากผ่านไปแล้วเจ็ดวัน อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้มันยังไม่ถึงหนึ่งวัน แต่ไฟที่หม้อหลอมกลับอ่อนลงจนเกือบจะดับมอดไป
เกิดอะไรขึ้น?เป็นเพราะหม้อหลอมสายธารงั้นหรือ? หรือเพราะเพลิงพันปีในตัว ฟาง เจิ้งจือ มีพลังที่รุนแรงเกินไป? ผู้อาวุโสหกขมวดคิ้วในขณะที่ไม่เข้าใจสถานการณ์แม้แต่น้อย อย่างไรก็ตามความสับสนของเขาหายไปอย่างรวดเร็ว
ไฟที่อ่อนลงไม่ใช่ปัญหาใหญ่นักนอกจากนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ใช้หม้อสายธารในการสกัดยาจากคนตัวเป็นๆ ดังนั้นมันแก้ไขได้ง่ายมาก
เมื่อไฟอ่อนลงก็แค่เพิ่มไฟเข้าไปเท่านั้น
ไปตามผู้อาวุโสหยิงมาเร็วเข้า!
รับทราบ! ศิษย์คนหนึ่งตอบรับในทันทีและวิ่งออกจากบ้านหินไป
ครู่ต่อมาผู้อาวุโสหยิงยู่สวมชุดคลุมสีดำยาว เดินเข้ามา ท่าทีของเขาแสดงให้เห็นถึงความสับสนเช่นกัน
ผู้อาวุโสหกเรียกข้ามาในตอนนี้… เกิดอะไรขึ้นรึ? ผู้อาวุโสหยิงยู่เอ่ยถาม
ฮึ่มดูเหมือนไฟในหม้อกำลังจะดับมอดไป ข้าเดาว่าเป็นเพราะพลังของเพลิงพันปีในร่างกายของ ฟาง เจิ้งจือ ข้าจึงเรียกท่านมาเพิ่มไฟเสียหน่อย! ผู้อาวุโสหกชี้ไปทางหม้อหลอมสายธาร และพูดความคิดของเขาออกมา
เข้าใจแล้ว ผู้อาวุโสพยักหน้า เขารู้สึกสงสัย แต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมา
นอกจากนี้ผู้อาวุโสหกเป็นคนพูดเองว่ามันเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้ตั้งแต่เลือกใช้หม้อหลอมสายธาร
เขาไม่ได้คิดอะไรมากนักเพราะมันเป็นแค่การเพิ่มไฟ
เขาโบกมือเล็กน้อยเปลวไฟก็ลุกโชนอีกครั้ง ต่อมาเขาเดินเข้าไปที่หม้อหลอมสายธาร และในตอนนั้นเอง ผู้อาวุโสหกก็ยกมือขึ้นเช่นกัน เปลวไฟสีม่วงลุกโชนขึ้นอีกครั้ง
เปลวไฟที่ดับมอดไปในตอนแรกกลับมาลุกไหม้อีกครั้งในทันที
ขอบคุณผู้อาวุโสหยิงยู่!
ผู้อาวุโสที่หกทำได้ดีมาก!
หลังจากเพิ่มไฟพวกเขาก็รออยู่สักพักหนึ่ง เมื่อเห็นว่าเปลวไฟลุกไหม้อย่างปกติแล้ว ผู้อาวุโสหยิงยู่จึงออกไป
ทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นปกติอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามมันเป็นเช่นนั้นต่อไปได้ไม่นาน ในตอนบ่าย เปลวไฟที่หม้อหลอมสายธารเริ่มดับมอดไปอีกครั้ง มันก็ยังไม่ใช่ปัญใหญ่นักผู้อาวุโสหยิงยู่ถูกเรียกตัวมาอีกครั้ง
…
เวลาเจ็ดวันผ่านพ้นไปในช่วงเวลานั้นผู้อาวุโสหยิงยู่กลับมาเติมไฟอยู่บ่อยครั้ง ในแต่ละครั้งไม่มีท่าทีสงสัยอะไรแม้แต่น้อย
ผู้อาวุโสหกจากประสบการณ์ของท่าน นี่ถือเป็นเรื่องปกติใช่ไหม? ผู้อาวุโสหยิงยู่ ไม่ได้แคลงใจในวิชาแปรธาตุของผู้อาวุโสหก นั่นเพราะการแปรธาตุของศาลาหยินหยางนั้นถือเป็นที่สุดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ อย่างไรก็ตาม มันยากที่จะยอมรับว่าจะไม่สงสัยในเรื่องนี้
มันดูผิดปกติจริงๆ! ผู้อาวุโสหกพยักหน้าในขณะที่มองไปยังหม้อหลอมสายธาร แต่ถ้าข้าเปิดหม้อตอนนี้ ข้ากลัวว่าความพยายามที่ผ่านมาจะล้มเหลว …
ก็จริงของท่าน ผู้อาวุโสหยิงยู่พยักหน้าเมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูดเขามองไปที่หม้อหลอม ในสองสามวันมานี้ ผู้อาวุโสหกได้ยินอะไรเคลื่อนไหวภายในหม้อหรือไม่?
ไม่ทุกอย่างเป็นปกติ ไม่มีเสียงอะไรเลย ผู้อาวุโสหกส่ายหัว เพราะมันเป็นความจริง
ถ้าทุกอย่างปกติดีก็ไม่จำเป็นต้องเปิดหม้อ พวกเราจะคอยเพิ่มไฟต่อไป คงเป็นอย่างที่ผู้อาวุโสหกคิด พลังของเพลิงพันปีแข็งแกร่งเกินไป นี่คงเป็นเรื่องปกติ! ผู้อาวุโสหยิงยู่ตอบกลับ
ใช่เพราะว่าเพลิงพันปีเองก็ถูกสร้างขึ้นจากธาตุไฟเช่นกัน เป็นธรรมดาที่จะดูดซับเปลวไฟ ผู้อาวุโสหยิงยู่พูดได้สมเหตุสมผล! ดวงตาของผู้อาวุโสหกเบิกกว้างและพยักหน้าเห็นด้วย
งั้นข้าต้องขอบคุณที่ผู้อาวุโสหกคอยสังเกตุการดูดซับของมัน!
ขอบคุณผู้อาวุโสหยิงยู่เช่นกัน!
ข้อขอตัวก่อน!
หลังจากจบการสนทนาของพวกเขาพวกเขาไม่ได้พูดคุยเรื่องอื่นเลยนอกจากการเพิ่มไฟ
แน่นอนว่าผู้อาวุโสหยิงยู่มีเรื่องที่สำคัญกว่าต้องคิด
เมื่อคืนก่อนในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ที่พรมแดนระหว่างศาลาเต๋าสวรรค์และศาลาหยินหยาง มีภูเขาลูกหนึ่งยกตัวสูงขึ้นกว่าเดิมถึงสามเท่าในชั่วข้ามคืน
นั่นเป็นปรากฏการณ์ที่ลึกลับอย่างยิ่งและยิ่งไปกว่านั้นคือที่ยอดเขามีแสงสีแดงส่องสว่างออกมาราวกับเป็นแสงจากดวงอาทิตย์
ขอบฟ้าครึ่งหนึ่งถูกย้อมด้วยแสงสีแดง
เหตุการณ์เป็นที่พูดถึงไปทั่วทั้งห้าสำนักทุกคนต่างคาดเดาว่านั่นอาจเป็นสมบัติทรงพลังที่ปรากฎขึ้น
ตอนนี้มันเป็นยังไงบ้าง? ผู้อาวุโสหยิงยู่เอ่ยถามศิษย์หลังจากออกมาจากห้องหลอม
ศาลาหยินหยางตอบรับแล้วพวกเขาเชิญเก้าขุนเขาเข้าร่วมกับพวกเขา ศิษย์ตอบกลับ
เอาล่ะข้าไปที่นั่นไม่ได้ชั่วคราว ช่วยข้าส่งข้อความไปให้ผู้อาวุโสสามและผู้อาวุโสสี่ ให้พวกเขาพาศิษย์หนึ่งร้อยคนไปด้วย และออกเดินทางทันที! ผู้อาวุโสหยิงยู่พยักหน้า
รับทราบ! ศิษย์รับคำสั่งก่อนจะวิ่งไปไกล
ผู้อาวุโสหยิงยู่มองไปที่ขอบฟ้าดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่าง ไม่นานเขาก็ละสายตาก่อนจะถอนหายใจ แสงสีแดงในท้องฟ้า มันจะเป็นเรื่องโชคดีหรือเปล่าน่ะ?
เขาได้แต่พึมพำกับตัวเองไม่มีใครสามารถตอบเขาได้เพราะไม่มีใครยืนอยู่กับเขา
แน่นอนผู้อาวุโสหยิงยู่ไม่ได้ต้องการคำตอบ
เพราะว่าเขาอาจจะได้เป็นผู้นำคนต่อไปของเก้าขุนเขา
……………………………………..