ทุกคนจากศาลาหยินหยางและเก้าขุนเขารีบมุ่งหน้าไปยังแสงสีแดงที่ยอดเขาตามปกติแล้ว ศาลาเต๋าสวรรค์จะเคลื่อนไหวเมื่อมีคำร้องเรียน แต่ภูเขาลูกนั้นตั้งอยู่ระหว่างเขตแดนของศาลาเต๋าสวรรค์และศาลาหยินหยาง
อย่างไรก็ตามความคิดของ มู่ ฉิงเฟิง รวบรัดกว่าเก้าขุนเขาและศาลาหยินหยาง เนื่องจากมีเหตุการณ์มากมายเกิดขึ้นที่ศาลาเต๋าสวรรค์
สัตว์ร้ายมากมายเริ่มปรากฎตัวออกมาอย่างต่อเนื่องรอบๆศาลาเต๋าสวรรค์ที่สำคัญกว่านั้นคืออาณาเขตของพวกสัตว์ค่อยๆขยายออกไปสู่ด้านนอก
เกิดอะไรขึ้นกันแน่? มู่ฉิงเฟิง ยืนอยู่ที่ยอดเขาและมองไปที่ไกลๆ
เหล่าศิษย์และผู้อาวุโสของศาลาเต๋าสวรรค์ยืนอยู่ด้านหลังของเขาพวกเขาต่างอยู่ในท่าทีที่สับสน
การพัฒนาล่าสุดในดินแดนไม่สามารถเข้าใจได้
การกลายพันธ์ุของเหล่าสัตว์ร้ายการเพิ่มจำนวน และความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้น พวกเขาไม่สามารถเข้าใจเหตุผลที่เรื่องไม่ชอบมาพากลต่างๆเกิดขึ้นมากจากศาลาเต๋าสวรรค์
ในตอนแรกพวกเขาตื่นเต้นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พวกเขาต่างคิดว่าได้ค้นพบ ‘สมบัติที่หลับไหล’
อย่างไรก็ตามความตื่นเต้นนั้นเปลี่ยนไปในเวลาไม่นาน
แม้เหล่าศิษย์จะเริ่มคุ้มกันบริเวณทะเลสาบแต่สัตว์ร้ายกลายพันธ์ก็ยังคงเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ต้นไม้ในป่าก็เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างน่าตกใจ
…
ผู้อาวุโสหก ในที่สุด มู่ ฉิงเฟิง ก็เปิดปากพูดหลังจากเงียบมาสักพัก ผู้นำศาลาโปรดออกคำสั่ง ผู้อาวุโสหกก้าวออกมาอย่างรวดเร็ว
นำคนสิบสองคนไปสำรวจตรงนั้นข้าเดาว่าศาลาหยินหยางต้องส่งคนมาแล้ว และพวกเขาอาจกลายเป็นพันธมิตรกับเก้าขุนเขา จำไว้ว่าพวกเราไม่สามารถมีปัญหากับพวกเขาได้อีก มู่ ฉิงเฟิง พูดขึ้น
รับทราบแต่สิบสองคนไม่น้อยไปหรือ? ถ้ามีสมบัติอื่นปรากฎขึ้นมาอีก พวกเราจะไม่…
ยอมแพ้ไป มู่ ชิงเฟิง โบกมือขัดจังหวะผู้อาวุโสหก
เรื่องนั่น…เข้าใจแล้ว ข้าจะจัดการทันที! ผู้อาวุโสหกตะลึงอยู่สักครู่ ก่อนจะพยักหน้ารับ เขาไม่ได้ถามอะไรเพิ่มอีก
ศิษย์ของศาลาเต๋าสวรรค์คนอื่นต่างมองหน้ากันพวกเขารู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรม
ภูเขาที่มีแสงสีแดงส่องออกมาตั้งอยู่ใกล้ศาลาเต๋าสวรรค์ที่สุดตามปกติแล้ว แม้สมบัติบางชิ้นต้องถูกตรวจสอบ แต่มันก็ควรจะอยู่ใต้การควบคุมของศาลาเต๋าสวรรค์
อย่างไรก็ตามในขณะที่เหล่าศิษย์ไม่พอใจ พวเขาก็ยังคงเงียบ พวกเขามีความรู้สึกว่าเรื่องในครั้งนี้มันไม่ง่ายอย่างที่คิด
และในตอนนั้นเองร่างสีชมพูก็โผล่มาจากที่ไกลๆ นางไม่ได้เดินเร็วนัก เหล่าศิษย์ต่างหันมองไปหานาง
อาจารย์ นางโค้งตัวให้ มู่ ฉิงเฟิง ก่อนจะทักทายเขา
ฉือกูเหยียน ข้ามีเรื่องจะให้เจ้าช่วย มู่ ฉิงเฟิง หันหน้าเล็กน้อย และมองไปที่นาง
อาจารย์โปรดออกคำสั่ง ฉือ กูเหยียน พยักหน้ารับ
จริงๆแล้วก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่นักปราสาทดำที่ตีนเขา ข้าเข้าไปมาสองสามครั้ง แต่ข้าไม่สามารถมองบางสิ่งได้อย่างชัดเจน ข้าอยากให้เจ้าช่วยข้ามองเสียหน่อย เสียงของ มู่ ฉิงเฟิง ผ่อนคลาย รับทราบ ฉือ กูเหยียน พยักหน้าอีกครั้ง แต่ในดวงตาของนางเต็มไปด้วยความสงสัย ในขณะที่ มู่ ฉิงเฟิง พูด นางรู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายนัก
ปราสาทดำ?
แววตาของฉือ กูเหยียน มองไปที่ตีนเขา ปราสาทดำเป็นโบราณสถานที่ร่วงหล่นลงมาระหว่างที่ ฟาง เจิ้งจือ กำลังสู้กับเหล่าเซียนอยู่
ประมาณเดือนก่อน
หลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นทั้งการปรากฎตัวของสัตว์ร้าย ทะเลสาบที่ส่งกลิ่นแปลกๆ และเรื่องที่นางไปศาลาหยินหยาง
อย่างไรก็ตามมู่ ฉิงเฟิง ไม่ได้สนใจนัก เขาสนใจแค่เรื่องของปราสาทดำ เขาไม่ได้ถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในศาลาหยินหยางเลยแม้แต่น้อย หลังจากที่นางกลับมา
แต่ตอนนี้…
มู่ฉิงเฟิง ต้องการให้ ฉือ กูเหยียน เข้าไปในปราสาท นั่นแสดงให้เห็นว่าปราสาทดำมีบางอย่างที่ มู่ ฉิงเฟิง ต้องตรวจสอบ
…
เจ็ดวันหลังจากนั้น
การถกเถียงกันเกิดขึ้นในศาลาเต๋าสวรรค์อย่างต่อเนื่องไม่คิดเลยว่าแสงสีแดงบนยอดเขาจะสร้างความวุ่นวายขึ้นเช่นนี้ ในขณะที่ศิษย์ของศาลาหยินหยางและเก้าขุนเขาไปตั้งค่ายบนยอดเขา ศิษย์ของศาลาเต๋าสวรรค์ได้แต่มองจุดแสงบนภูเขา
ค่ายทั้งสองไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กันมากนักและแสงสีแดงยังคงส่องสว่างบนท้องฟ้า
ผ่านไปแต่ละวันสมบัติยังไม่ปรากฎออกมา ต่างกับที่คาดการณ์เอาไว้ ในขณะที่ไม่มีความวุ่นวายเกิดขึ้นที่ค่าย และทุกอย่างดูสงบสุขมาก
อย่างไรก็ตามความสงบสุขที่ว่านั้นมีอยู่แค่บนยอดเขานี้เท่านั้น ปรากฎการณ์แปลกประหลาดมากมายเกิดขึ้นตามพื้นที่ต่างๆในดินแดนศักดิ์สิทธิ์
หุบเขาฟู่ซี่อยู่ใกล้กับศาลาเต๋าสวรรค์สัตว์ร้ายที่แข็งแกร่งมากมายปรากฎตัวขึ้น ทั้งหุบเขาและภูเขาดูเหมือนจะต่างไปจากเดิม แม้แต่น้ำตกสีทองที่ส่องสว่างก็เกิดขึ้น
นับเป็นเหตุการณ์น่าตกใจที่เกิดขึ้นในหุบเขาฟู่ซี่พื้นที่ต่างๆในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เริ่มเปลี่ยนไปอย่างต่อเนื่อง หลังจากข่าวลือแพร่สะพัดออกไป เหล่าศิษย์ของสำนักทั้งห้ากระจายตัวไปทั่วดินแดน
เช่นต้นไม้แก่ที่จู่ๆก็ออกผล และส่งกลิ่นที่ดึงดูดเหล่าสัตว์เข้าหา พวกมันแก่งแย่งกันเพื่อชิงผลไม้ จนเกิดเป็นกองศพมากมายที่ใต้ต้นไม้
อีกเรื่องหนึ่งเช่นหุบเขาธรรมดาที่เริ่มมีหมอกลงหนา มีเสียงหัวเราะดังออกมาจากด้านใน อย่างไรก็ตาม หลังจากเข้าไปในหุบเขา พวกเขาก็ตระหนักว่าภายในนั้นว่างเปล่า
วันเลาผ่านไปหลายสิ่งเปลี่ยนไปมากยิ่งขึ้น แม้แต่อาณาจักรทั้งสี่ก็เกิดเรื่องประหลาดขึ้น
ถ้าเหตุการณ์เกิดขึ้นเพียงแค่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ผู้คนคงจะไม่ตื่นตระหนกมากนัก อย่างไรก็ตาม มันเป็นไปไม่ได้เลย นั่นเพราะในอาณาจักรทั้งสี่ต่างก็เกิดเหตุการณ์เช่นดียวกัน
ประชาชนนับไม่ถ้วนวิ่งไปยังสถานที่เกิดเรื่องประหลาดก่อนที่จะเคารพบูชาพวกมัน ถ้าไม่ใช่เพราะกองทัพของอาณาจักรทั้งสี่ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะหยุดข่าวลือพวกนั้นไว้
อย่างไรก็ตามโลกเกือบทั้งใบกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลง ภูเขาสูงตระหง่าน จู่ๆก็ยุบตัวลง สันเขาที่ปรากฎออกมาจากพื้นที่ว่างเปล่า ทะเลสาบและแม่น้ำกลายเป็นใสสะอาด ผลไม้กลายพันธ์ที่ออกผลบนต้นไม้
…
…
ณเก้าขุนเขา ภายในหม้อหลอมสายธาร ตาของฟาง เจิ้งจือ กลายเป็นสีทองอย่างสมบูรณ์ ถ้าใครมองใกล้ๆก็จะเห็นอักขระสีทองนับไม่ถ้วนหมุนวนอยู่ภายในดวงตาของเขา
ในขณะเดียวกันบนร่างของเขาเองก็มีอักขระสีทองลอยอยู่รอบๆ
เปลวไฟสีเงินและสีม่วงยังคงลุกไหม้อย่างต่อเนื่องรอบตัวเขาพวกมันตอบโต้กับอักขระสีทอง
นอกจากนี้ท่ามกลางเปลวไฟทั้งสอง ภาพยี่สิบสามภาพได้ปรากฎซ้อนกันขึ้นมา จากภูเขากลายเป็นแม่น้ำ และกลายเป็นมาสมุทร…
มันเงียบสบมากถ้าไม่ใช่เพราะเปลวไฟทั้งสอง มันคงเหมือนกับว่าได้อยู่ที่ดินแดนอันอุดมสมบูรณ์ ไม่ใช่ในหม้อหลอมเก่าๆ
ฟางเจิ้งจือ ไม่รู้เลยว่าโลกภายนอกกำลังเปลี่ยนแปลงไป และเขาไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว เขารู้แค่ว่าเขากำลังอยู่ในจิตใจของตัวเอง และเขากำลังดูดซับเต๋าจากศิลาเซียน ก่อนที่จะผสานพวกมันเข้ากับร่างของเขา
ด้านนอกหม้อหลอมสายธารอาทิตย์ขึ้น อาทิตย์ตก ดวงดาวส่องแสง แสงจันทร์ที่สาดส่องบนท้องฟ้า
จนในที่สุดดวงอาทิตย์ก็ขึ้นอีกครั้งแสงสีทองส่องสว่างที่ขอบฟ้ามืด
ผู้อาวุโสหกที่นั่งอยู่ติดกับหม้อหลอมสายธาร ค่อยๆลืมตาตื่นและถอนหายใจเฮือกใหญ่
ใบหน้าที่เหนื่อยล้าของผู้อาวุโสหกนั้นชัดเจนความจริงแล้ว ถ้าคนอื่นได้เผชิญกับเรื่องนี้ พวกเขาคงจะยิ้มไม่ออกเช่นกัน
หม้อหลอมสายธารตรงหน้าดูเหมือนจะดูดซับเปลวไฟจนดับมอดอีกแล้วผู้อาวุโสหกยังคงต้องเติมไฟอย่างต่อเนื่อง
จากเดิมที่เติมไฟวันละครั้งจนกลายเป็นวันละสามครั้ง
ต้องมาทุกเช้าบ่าย ค่ำ แม้มันจะไม่ได้เหนื่อยล้าทางกายแม้แต่น้อย แต่ใครจะรู้สึกดีที่ต้องลุกจากเตียงมากกลางดึกในทุกค่ำคืน
อย่างไรก็ตามมีเรื่องที่น่ายินดีบางอย่าง… ..
ในที่สุดการทรมานนี้ก็สิ้นสุดลงนั่นเพราะว่านี่เป็นเวลาสี่สิบเก้าวันแล้วที่ ฟาง เจิ้งจือ ลงไปอยู่ในหม้อหลอมสายธาร
เรียกผู้อาวุโสหยิงยู่มาที!
รับทราบ! ศิษย์ที่อยู่ด้านข้างผู้อาวุโสหกรีบวิ่งออกไป
จากนั้นไม่นานผู้อาวุโสหยิงยู่ ก็เข้ามาเพื่อจะเติมไฟเพิ่ม
ผู้อาวุโสหยิงยู่โปรดรอก่อน! ผู้อาวุโสหกรู้ว่าเขาจะเข้าใจผิดกับจุดมุ่งหมายในครั้งนี้
หืม?ผู้อาวุโสหกมีอะไรรึ? ผู้อาวุโสหยิงยู่ยังคงสงบนิ่ง
เห็นได้ชัดเลยว่าท่าทีของผู้อาวุโสหยิงยู่ดูตึงเครียดหลังจากเหตุการณ์มากมายเกิดขึ้นในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ มันทำให้เขาเกิดความกังวลอย่างมาก
เขาต้องจัดการปัญหาต่างๆภายในสำนัก และยังต้องทำการทูตต่ออาณาจักรต่างๆอีก มีเวลาพักผ่อนน้อยมาก
แน่นอนว่าในฐานะนักรบที่อยู่ในระดับเซียนการไม่นอนสักสองสามคืนนั้นเป็นเรื่องที่ทำได้ง่าย อย่างไรก็ตาม เขาต้องสงบใจอย่างมากเช่นกัน
ผู้อาวุโสหยิงยู่ไม่มีเวลาได้ข่มตา น้อยมากที่จะได้ทำใจให้สงบ เขาเหนื่อยมามากจนเกือบลืมไปว่าวันนี้คือวันสกัดสมุนไพร
ผู้อาวุโสหยิงยู่วันนี้มาถึงแล้ว ไม่จำเป็นต้องเติมไฟอีกแล้ว ผู้อาวุโสหกเข้าใจสถานการณ์ของผู้อาวุโสหยิงยู่
เสร็จสิ้นแล้วหรือ? ผู้อาวุโสหยิงยู่ประหลาดใจเล็กน้อย แต่ไม่นานเขาก็ตั้งสติได้ เรียกศิษย์และผู้อาวุโสมาที่นี่!
รับทราบ! เหล่าศิษย์ตอบรับในทันที
ผู้อาวุโสหยิงยู่โค้งคำนับให้ผู้อาวุโสหกหลังจากศิษย์ออกไป มีอีกหลายเรื่องที่ต้องรับมือในเร็ววันนี้
ฮ่าฮ่าผู้อาวุโสหยิงยู่ ไม่ต้องสุภาพนักหรอก ผู้อาวุโสหกยิ้มเล็กน้อย ต่อมา เขาค่อยๆเดินเข้าไปหาผู้อาวุโสหยิงยู่ เขาพูดเบาๆ ความหมายของสิ่งที่ผู้นำศาลาหยินหยางบอก คือ พวกเราศาลาหยินหยางจะให้การช่วยเหลือทุกอย่างที่ท่านร้องขอ พวกเราจะสนับสนุนอย่างเต็มกำลัง!
ท่าทีของผู้อาวุโสหยิงยู่เปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ไม่ได้ตอบกลับในทันที อย่างไรก็ตาม เขายืนนิ่งอยู่กับที่ราวกับคิดบางอย่าง
หลังจากเห็นฉากตรงหน้ารอยยิ้มก็ปรากฎบนใบหน้าของผู้อาวุโสหก ดูเหมือนเขาจะเข้าใจความคิดของผู้อาวุโสหยิงยู่
……………………………………..