เจ้ากล้าดียังไงทาสหนีออกจากทะเลสาบโดยไม่ได้รับคำสั่งจากผู้อาวุโสหอคอยหลิงหยุน! ในที่สุด หนึ่งในศิษย์ก็เปิดปากพูดและชี้ดาบไปหานาง
ฮ่าฮ่า…ข้าชนะอีกแล้ว คนแรกที่พวกเขาจะต่อว่าคือเจ้า เมื่อ ฟาง เจิ้งจือ ได้ยินศิษย์ของหอคอยหลิงหยุน รอยยิ้มก็เบิกกว้างบนใบหน้าของเขา พร้อมกับหันมองไปที่ ปิง หยาง
ศิษย์ทั้งห้าคนถูกมองข้ามอย่างสิ้นเชิง
เหอะ! ปิงหยาง สบถเบาๆ ริมฝีปากของนางม้วนงอในขณะที่หันหน้าไปด้านข้าง นางกำลังไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด
เมื่อนางหันมามองก็เห็นชายคนหนึ่งอยู่ใกล้กับศิษย์ทั้งห้าคน
จากด้านหลังชุดคลุมสีเทาขาวของเขานั้นดูเรียบง่าย อย่างไรก็ตาม แม้ว่านางจะไม่เห็นหน้า ท่าทีของ ปิง หยาง ก็เปลี่ยนไปพร้อมกับร่างกายที่สันไหว
ฝ่าบาทท่านพ่อ! ปิง หยาง ตะโกนออกไป ในเวลาเดียวกัน นางก็รีบวิ่งไปหาชายคนนั้นด้วยความรวดเร็ว
ด้วยเสียงนั้นทำให้ในที่สุดชายคนนั้นก็หันกลับมา แววตาของเขาส่องประกาย ร่างกายของเขาสั่นสะท้าน
ปิงหยาง!
ท่านพ่อ!
ร่างของทั้งสองปะทะกันใบหน้าของชายคนนั้นแสดงอารมณ์อย่างมาก ในขณะมองไปที่ ปิง หยาง ที่ยืนอยู่ด้านหน้า สีหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความไม่เชื่อ
ปิงหยาง ก็มองไปที่ชายคนนั้นเช่นกัน น้ำตาเอ่อล้นออกมาจากดวงตาของนาง และนางจับมือของเขาไว้แน่น
หาา? ศิษย์ทั้งห้าของหอคอยหลิงหยุนตกใจกับท่าทีของชายคนนั้นและ ปิง หยาง พวกเขาไม่รู้ว่าสองคนนี้เป็นใคร
สิ่งที่พวกเขารู้คือชายคนนี้มาถึงตั้งแต่เจ็ดวันก่อนเขามาพร้อมกับสิ่งของถึงหอคอยหลิงหยุน
อย่างไรก็ตามหลังจากส่งมอบสิ่งของ เขาถูกปฏิเสธในการเยี่ยมชม ดังนั้น ชายคนนี้จึงยืนอยู่ที่นี่เป็นเวลาเจ็ดวันเจ็ดคืน
แน่นอนว่าผู้อาวุโสไม่ได้ออกคำสั่งให้ไล่ชายคนนี้ออกไปแต่อนุญาติให้เขาอยู่ที่นี่ได้
ฝ่าบาท?
จักรพรรดิ!
หนึ่งในสี่จักรพรรดิ!?
ปิงหยาง!
หรือว่า..
เขา!
ท่าทีของศิษย์ทั้งห้าเปลี่ยนไปจากการตะโกนหากันเมื่อครู่ มันทำให้พวกเขาสรุปได้ง่ายๆเกี่ยวกับทาสคนนี้ จากนั้นสีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไป ในที่สุด พวกเขาก็ตระหนักว่า นี่คือสิ่งที่ทุกคนในหอคอยหลิงหยุนต่างก็รู้ดี แต่ไม่มีใครกล้าพูดถึงมัน
ฝ่าบาท? เมื่อฟาง เจิ้งจือ เห็นหน้าของชายคนนั้น มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะไม่ประหลาดใจ
หลินมู่ไป่
จักรพรรดิของอาณาจักรเซี่ย
ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่หอคอยหลิงหยุน?
นอกจากนี้หลิน มู่ไป่ สวมชุดคลุมสีเทาขาวอย่างกับเสาของหอคอยหลิงหยุน ที่สำคัญไปกว่านั้น เมื่อมองไปที่ทั้งสอง เหมือนว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะมา
ท่านพ่อ… ทำไมมาอยู่ที่นี่?
ข้า…มาเพื่อพาเจ้ากลับไป!
พาข้ากลับ?
ใช่แล้ว!โลกภายนอกค่อนข้างต่างไปจากเดิม ข้ากังวล …นอกจากนี้ มันก็ผ่านมาครึ่งปีแล้วและข้าได้ยินว่าที่เก้าขุนเขา … ฟาง เจิ้งจือ …หา? ฟาง เจิ้งจือ! เจ้ายังมีชีวิตอยู่! เมื่อ หลิน มู่ไป่ กำลังจะพูดต่อ เขาก็สังเกตุเห็น ฟาง เจิ้งจือ
ใช่แล้วฝ่าบาท ข้ายังไม่ตาย ฟาง เจิ้งจือ พูดไม่ออกเล็กน้อย แต่เมื่อเขาเห็นความสงสัยบนใบหน้าของ หลิน มู่ไป่ เขาก็ตอบกลับอย่างจริงจังพร้อมกับพยักหน้า
… หลิน มู่ไป่ นิ่งไปชั่วขณะ ก่อนที่จะได้สติอีกครั้งอย่างรวดเร็ว เป็นเรื่องดีที่เจ้ายังมีชีวิตอยู่ ฮ่าฮ่า…ดีจริงๆที่เจ้ายังไม่ตาย!
หลินมู่ไป่ ดูเหมือนจะพอใจอย่างมาก
อย่างไรก็ตามเมื่อศิษย์ทั้งห้าได้ยินชื่อของ ฟาง เจิ้งจือ สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปเป็นความบิดเบี้ยว
ฟางเจิ้งจือ? เจ้าคือ ฟาง เจิ้งจือ! ท่าทีศิษย์ทั้งห้าของหอคอยหลิงหยุนเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ฟาง เจิ้งจือ น่าหวาดกลัวยิ่งกว่าจักรพรรดิเสียอีก เดี๋ยวก่อน! เมื่อศิษย์หอคอยหลิงหยุนพูดจบแสงสีเขียวก็ส่องสว่างบนร่างของนางและกลายเป็นแท่งสีเขียว ราวกับไม่ไผ่หยก
นี่เป็นพลังของบางคนในระดับจุติ
ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์คนที่อยู่ในระดับจุติขั้นสูงสุดไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก อย่างไรก็ตาม พวกเขาอาจจะเป็นศิษย์อันดับต้นๆภายในสำนัก นี่ไม่ใช่เรื่องแปลกที่พลังระดับนี้จะปรากฎขึ้นที่หอคอยหลิงหยุน
อย่างไรก็ตามเมื่อแสงสีเขียวปรากฎขึ้น ร่างของศิษย์อีกสี่คนต่างก็ส่องสว่างด้วยแสงสีเขียวเช่นกัน
ในช่วงเวลาไม่นานไม้ไผ่ที่ส่องแสงสีเขียวมากมายก็ปรากฎขึ้นจนสามารถมองเห็นได้ทุกทิศทาง แสงสีเขียวหยกส่องสว่างไปทั่ว
นี่คือค่ายกลไผ่หยก!ฟาง เจิ้งจือ พา ปิง หยาง ออกไป หอคอยหลิงหยุนไม่เหมือนกับสำนักอื่นๆ! เมื่อ หลิน มู่ไป่ เห็นไม้ไผ่หยก เขาก็ตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด ใช่แล้วห้าสำนักของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ศาลาเต๋าสวรรค์ฝึกฝนวิชาดาบ ศาลาหยินหยางเชี่ยวชาญการปรุงยา เก้าขุนเขาก่อสร้างอาวุธ หุบเขาฟู่ซี่คิดค้นค่ายกล และหอคอยหลิงหยุนศึกษาเรื่อง ‘เต๋า’ จริงๆแล้วมันต่างกันเล็กน้อย! ฟาง เจิ้งจือ หยุดก้าวเดินเมื่อมองไปที่ไม้ไผ่หยกด้านหน้า รอยยิ้มก็เผยขึ้นอีกครั้ง
ในขณะที่ฟาง เจิ้งจือ ไม่เกรงกลัวต่อศิษย์ของหอคอยหลิงหยุน แต่ก็ไม่คิดจะดูหมิ่นแต่อย่างใด
ในทางกลับกันเขาชื่นชม
ความเข้าใจในเต๋าเขารู้ว่ามันยากแค่ไหนที่จะเข้าใจการสรรค์สร้างมากมายในจักรวาล
หรือก็คือต่างคนต่างความคิด เหมือนกับการโจมตี ต่างคนต่างใช้พลังที่ต่างกัน
เห็นได้ชัดว่าศิษย์ทั้งห้าของหอคอยหลิงหยุนที่อยู่ตรงหน้าเขาไม่ได้ใช้หลักการนี้ ไม่เพียงแต่เป็นการผสานที่สมบูรณ์แบบ แต่พวกเขาใช้เต๋าเดียวกัน ใช่แล้วห้าสำนักของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ศาลาเต๋าสวรรค์ฝึกฝนวิชาดาบ ศาลาหยินหยางเชี่ยวชาญการปรุงยา เก้าขุนเขาก่อสร้างอาวุธ หุบเขาฟู่ซี่คิดค้นค่ายกล และหอคอยหลิงหยุนศึกษาเรื่อง ‘เต๋า’ จริงๆแล้วมันต่างกันเล็กน้อย! ฟาง เจิ้งจือ หยุดก้าวเดินเมื่อมองไปที่ไม้ไผ่หยกด้านหน้า รอยยิ้มก็เผยขึ้นอีกครั้ง
ในขณะที่ฟาง เจิ้งจือ ไม่เกรงกลัวต่อศิษย์ของหอคอยหลิงหยุน แต่ก็ไม่คิดจะดูหมิ่นแต่อย่างใด
ในทางกลับกันเขาชื่นชม
ความเข้าใจในเต๋าเขารู้ว่ามันยากแค่ไหนที่จะเข้าใจการสรรค์สร้างมากมายในจักรวาล
หรือก็คือต่างคนต่างความคิด เหมือนกับการโจมตี ต่างคนต่างใช้พลังที่ต่างกัน
เห็นได้ชัดว่าศิษย์ทั้งห้าของหอคอยหลิงหยุนที่อยู่ตรงหน้าเขาไม่ได้ใช้หลักการนี้ ไม่เพียงแต่เป็นการผสานที่สมบูรณ์แบบ แต่พวกเขาใช้เต๋าเดียวกัน มันเกิดอะไรขึ้น?
ฟางเจิ้งจือ ไม่เข้าใจ
อย่างไรก็ตามเขาไม่ลังเล
ปิงหยาง ไปกับ ฟาง เจิ้งจือ ข้าจะสกัดพวกเขาไว้! เมื่อ หลิน มู่ไป่ ได้ยินน้ำเสียงของ ฟาง เจิ้งจือ เขาก็เข้าใจผิดอย่างเห็นได้ชัด
ร่างของเขาไปอยู่ด้านหน้าปิง หยาง และศิษย์ทั้งห้า ในเวลาเดียวกัน แสงสีทองก็ส่องสว่างขึ้นบนร่างกายของเขา
ท่านพ่อพวกเราจะไม่ไปไหน! เสียงของ ปิง หยาง ดังขึ้น จากนั้นนางก็เดินค่อยๆเดินอ้อมมา หอกสีแดงค่อยๆปรากฎขึ้นในมือ ที่ปลายหอกส่องสว่างด้วยแสงสีทอง มันคือหนึ่งในสมบัติชั้นยอดของอาณาจักรเซี่ย หอกฉี่หลิน
ปิงหยาง นี่คือหอคอยหลิงหยุน พวกเราไม่สามารถ…
ตูม! แสงสีแดงพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้ามันขัดจังหวะคำพูดของ หลิน มู่ไป่ ในเวลาเดียวกันที่หน้าผากของ ปิง หยาง ก็มีดวงไฟปรากฎขึ้น จากนั้นมันค่อยๆหายไป แล้วกลายเป็นอักขระสีแดงที่ซับซ้อน
เซียน?
นางอยู่ในระดับเซียน!
ศิษย์ทั้งห้าต่างตกใจเมื่อเห็นอักขระสีแดงบนหน้าผากของปิง หยาง พวกเขาประเมิณความแข็งแกร่งของนาง
หลินมู่ไป่ ที่ยืนอยู่ด้านหน้าตัวแข็งค้าง ในฐานะจักรพรรดิของอาณาจักรเซี่ย เขาเป็นคนที่สงบนิ่งกว่าคนปกติ
อย่างไรก็ตามปิง หยาง กลายเป็นเซียน …
ในเวลาเพียงครึ่งปี!
ในระยะเวลาสั้นๆเพียงครึ่งปี!
หลินมู่ไป่ มองไปที่ ปิง หยาง ที่ยืนอยู่ด้านหน้า และมองไปยังเปลวไฟที่ลุกโชนบนหน้าผาก กลิ่นอายของนางเปลี่ยนไปและเขาไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น ท่านพ่อท่านได้ปกป้องข้ามา 15 ปีแล้ว ตอนนี้ถึงเวลาที่ข้าต้องปกป้องท่านแล้ว! ปิง หยาง หันไปมอง หลิน มู่ไป่ ดวงตาของเธอซึ่งเป็นที่ชัดเจนเป็นน้ำได้รับการพิจารณา
ปกป้องข้า…เจ้าต้องการปกป้องข้า… ฮ่าฮ่าฮ่า …ยู่เอ๋อร์ เจ้าได้ยินไหม? ลูกสาวของเราโตขึ้นแล้ว นางสามารถปกป้องข้าได้! ร่างกายของ หลิน มู่ไป่ สั่นสะท้านก่อนที่เขาจะหัวเราะออกมา
มันอาจจะเป็นเพราะเขาดีใจหรือเป็นเพราะเขามารออยู่ที่นี่นานเกินไปจนเลอะเลือน
กล้าดียังไง! เมื่อศิษย์หอคอยหลิงหยุนได้ยิน หลิน มู่ไป่ พูดชื่อ ‘ยู่เอ๋อร์’ ออกมา
พวกเขายื่นมือออกไปทันทีไม้ไผ่รอบๆตัวพวกเขาบิดเบี้ยวอย่างบ้าคลั่ง ใบไผ่เป็นราวกับดาบที่บินว่อนไปทั่วท้องฟ้า และพุ่งไปที่ ปิง หยาง ในทันที
เจ้าไร้ยางอายแสดงให้ข้าดูหน่อยสิว่าเจ้าแข็งแกร่งขึ้นแค่ไหน! ปิง หยาง มองใบไผ่ที่พุ่งเข้ามาด้วยสายตาอันนิ่งเฉย ดวงตาของนางเป็นประกายก่อนจะพุ่งไปข้างหน้า
ตูม,ตูม, ตูม…
ใบไผ่นับไม่ถ้วนร่วงลงพื้น
พวกมันไม่สามารถหยุดปิง หยาง ได้ ร่างกายของ ปิง หยาง กลายเป็นลำแสงสีแดงทะลุผ่านพายุใบไม้
หึ?ไม่เลว! เมื่อ ฟาง เจิ้งจือ เห็นการเคลื่อนไหวของ ปิง หยาง เขานิ่งอึ้งไปเล็กน้อย ในใจของเขาคิดว่า แม้ ปิง หยาง จะกลายเป็นเซียนแต่นางคงมีแค่พลังเพิ่มเท่านั้น แนวทางการต่อสู้ของนางคงไม่เปลี่ยนไปมากมาย
อย่างไรก็ตามฉากตรงหน้าทำให้เขาต้องตกตะลึง
หลังจากผ่านไปครึ่งปีไม่เพียงแต่นางเป็นเซียน แต่นางยังสามารถพัฒนาแนวทางการต่อสู้ของนางได้
หอกไฟถูกหยิบออกมาต่อหน้าของศิษย์หอคอยหลิงหยุน
ป้องกัน! พวเขาไม่ได้ตกใจ แต่เตรียมการป้องกันในทันที
ไผ่รอบตัวพวกนางเคลื่อนไหวราวกับมีชีวิตต้นไผ่แต่ละต้นเคลื่อนไหวมาบังหอกที่โจมตีเข้ามาของหอกฉีหลิน
ตูมตูม ตูม!
หอกฉีหลินถูกต้นไผ่กระแทกพลาดจากเป้าไปประมาณหนึ่งนิ้ว
ไม่เพียงแต่พวกเขาจะใช้เต๋าแบบเดียวกันแต่พวกเขายังประสารต่อสู้ได้อย่างยอดเยี่ยม? เมื่อ ฟาง เจิ้งจือ เห็นฉากตรงหน้า เขาก็เกิดความสงสัยขึ้นในใจ
ทำไมพวกเขาถึงมั่นใจขนาดนี้?
ศิษย์ห้าคนในระดับจุติ…
พวกเขาจะสามารถสู้กับเซียนหนึ่งคนได้จริงๆงั้นหรือ?
ความแตกต่างนั้นมากเกินไป! ตึง! กระแสของการต่อสู้เริ่มเปลี่ยนไป หอกที่พลาดเป้าทำให้ปิง หยาง เริ่มหงุดหงิด นางเปลี่ยนไปโจมตีที่ด้านข้างของไผ่ทั้งห้าและทำลายพวกมันทั้งหมดในทันที
อั้ก! ศิษย์คนหนึ่งกระอักเลือดออกมา
อย่างไรก็ตามปิง หยาง ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก
เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติถ้านางที่อยู่ในระดับเซียนเอาจริง ไม่มีทางที่ศิษย์ระดับจุติจะเอาชนะได้
เงาสีแดงของหอกฉีหลินกวัดแกว่งไปทั่ว
ตูม! พื้นดินรอบๆแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
หนึ่งในศิษย์หอคอยหลิงหยุนถูกฟาดกระเด็นออกไปใบหน้าของนางซีดขาว ดาบในมือของนางแตกออกเป็นเสี่ยงพร้อมกับกระอักเลือดออกมา
ข้า…แข็งแกร่งขนาดนี้เชียว? ปิง หยาง มองศิษย์ที่ถูกส่งกระเด็นออกไปด้วยความตกใจ ก่อนที่มันจะกลายเป็นความยินดี ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าแข็งแกร่งแล้ว เจ้าไร้ยางอาย ท่านพ่อ เห็นไหม? ข้าสามารถปกป้องท่านได้!
ใช่แล้วเจ้าแข็งแกร่งขึ้นมาก! หลิน มู่ไป่ พยักหน้าพร้อมกับมองไปที่ ปิง หยาง ด้วยความยินดี ดวงตาของเขามีน้ำตาไหลออกมาเล็กน้อย
……………………………………..