หยกเขียวและเหล่าศิษย์ต่างมีใบหน้าที่ซีดขาวฟาง เจิ้งจือ ทำให้พวกนางพบกับความอัปยศ ทำให้พวกนางไม่สามารถเคลื่อนไหวได้และไม่คิดคิดจะแยแสแม้แต่น้อย พวกนางรู้สึกว่าตายเสียยังดีกว่า และยิ่งไปกว่านั้น ดอกไม้ทั้งห้าก็ยังถูกเขาเก็บไปอีก
มันเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา!
แน่นอนว่านอกจากความอัปยศที่ได้รับ พวกนางต่างรู้สึกหวาดกลัว พวกนางรู้ดีว่าดอกไม้ทั้งห้ามีความหมายต่อหอคอยหลิงหยุนแค่ไหน
นอกจากนี้สิ่งที่ ฟาง เจิ้งจือ ทำยังไม่หมดแค่นั้น…
ขณะที่หัวใจของพวกนางเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองและหวาดกลัวฟาง เจิ้งจือ ได้เหยียบย่ำเข้าไปในหอคอยหลิงหยุนชั้นแรก เพื่อใช้เป็นแท่นกระโดดขึ้นไปบนอากาศ แสงอาทิตย์ถูกบดบังด้วยร่างของเขา
เขาพยายามจะทำอะไร?!
หรือว่าเขาจะ …ไม่ ไม่มีทาง!
หยุดก่อน!
หยกเขียวและเหล่าศิษย์ตะโกนใส่ฟาง เจิ้งจือ เพื่อหยุดยั้ง แต่ก็ไร้ประโยชน์ พวกนางไม่สามารถเคลื่อนไหวได้
พวกนางส่งเสียงร้องออกมาจนสุดปอดและหวังให้ปาฏิหาริย์เกิดขึ้น
ร่างสีดำขนาดใหญ่ปล่อยหมัดพุ่งตรงมา
นั่นเป็นเพียงหมัดธรรมดา
หมัดที่ส่องแสงสีแดงเลือดและเปลวไฟสีดำ
เขาชกลงไปตรงช่องระหว่างชั้นที่เจ็ดกับชั้นที่แปดของหอคอยหลิงหยุนราวกับอุกาบาตยักษ์ตกกลางภูเขา
ตูม! เสียงระเบิดดังก้องไปทั่วแรงระเบิดส่งผลต่อผู้คนที่อยู่โดยรอบ มันเป็นภาพที่น่าตกใจมาก
หยกเขียวและเหล่าศิษย์ตัวแข็งค้าง
เขากล้าและทำทำมันลงไปจริงๆ ด้วยพลังของเขาคนเดียวกลับกล้าท้าทายหอคอยหลิงหยุน เขาไม่กลัวตายหรือไงกัน?! หยกเขียวไม่คิดเลยว่าจะมีคนบ้าขนาดนี้อยู่บนโลก
หรืออาจจะเกินกว่าคำว่าบ้าไปแล้วรนหาที่ตายชัดๆ!
ฟางเจิ้งจือ ลงมือไปแล้ว! หลิน มู่ไป่ เบิกตากว้างในฐานะจักรพรรดิของอาณาจักรเซี่ย เขามักจสงบนิ่งอยู่เสมอ แต่ในครั้งนี้ มันทำให้เขาตื่นเต้นอย่างมาก
หลินมู่ไป่ เคยจิตนาการความสำเร็จนี้นับครั้งไม่ถ้วน
เขาไม่สามารถทำมันได้…
ด้วยสถานะและพลังของเขาทำให้เขาได้เพียงจินตานาการเท่านั้น
ตอนนี้เหตุการณ์ที่อัศจรรย์เกิดขึ้นต่อหน้าของเขา เขาแทบไม่อยากเชื่อว่ามันเกิดขึ้นแล้ว
ทำลายหอคอยในหมัดเดียว?เจ้าไร้ยางอายยังคงเป็นคนที่บ้าบิ่นเหมือนเดิม แต่ …ทำไมหอคอยถึงไม่ล้มลง? ปิง หยาง หายใจหอบเล็กน้อย นางยังคงจ้องมองด้วยความสับสน
แน่นอนว่าฟาง เจิ้งจือ เองก็คิดเช่นกัน
อะไรกัน?
มันไม่เป็นไปตามที่คิด!
ฟางเจิ้งจือ ใช้พลังอย่างมากในการปล่อยหมัดนั้นออกไป และไม่ต้องสงสัยเลยว่าหอคอยจะกลายเป็นฝุ่นผง
แต่มันกลับไม่ขยับแม้แต่น้อย!
ที่น่าทึ่งที่สุดคือมันไม่มีรอยขีดข่วนแม้แต่น้อย
เป็นครั้งแรกที่ฟาง เจิ้งจือ สงสัยว่าตัวเองทำพลาดหรือ
มันจะเป็นไปได้ยังไง? แม้แต่หินก้อนใหญ่ที่อาบด้วยลาวาของเก้าขุนเขายังถูกทำลายเป็นผุยผง หอคอยหลิงหยุนสร้างขึ้นจากทองคำหรือหินหยกงั้นหรือ?
ฟางเจิ้งจือ กระพริบตาและพยายามมองหารอยแตกบนหอคอย หรืออะไรก็ตามที่จะทำให้เขามั่นใจ
อย่างไรก็ตามความจริงนั้นช่างเจ็บปวด
สิ่งเดียวที่เกิดขึ้นเป็นเพียงฝุ่นควันที่ถูกลมพัดหายไป
เชี่ยอะไรกัน? ฟางเจิ้งจือ รู้สึกว่าแก้มของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดง เขาคิดจะทำลายหอคอยหลิงหยุนด้วยหมัดเดียว
อย่างไรก็ตามสิ่งที่เกิดขึ้นคือหอคอยหลิงหยุนไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย
ถ้าเขารู้ว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้
เขาคงไม่มองข้ามหยกเขียวและเหล่าศิษย์ตั้งแต่แรกสิ่งที่เขาควรทำคือเอาชนะพวกนางทั้งหมดก่อน ในกรณีนั้นเขาจะได้ไม่ต้องกลายเป็นตัวตลกแบบนี้
ไม่มีทาง!
เขาต้องลองอีกครั้ง!
ฟางเจิ้งจือ ไม่สามารถทนรับความล้มเหลวนี้ได้ และกำหมัดแน่น เขาปล่อยหมัดใส่หอคอยอีกครั้ง
พุ่งตรงไปที่ชั้นแปด!
ตูม! เสียงระเบิดดังก้องอีกครั้งหอคอยหลิงหยุนยังคงไม่สะทกสะท้าน
หมัดพุ่งตรงไปที่ชั้นหก!
ฟางเจิ้งจือ ไม่คิดว่าหอคอยจะทนต่อหมัดที่บ้าคลั่งของเขาได้
ตูม! พื้นดินสั่นสะเทือนหมัดของ ฟาง เจิ้งจือ น่าสะพรึงกลัวอย่างเห็นได้ชัด แต่ทำไมหอคอยหลิงหยุนยังคงยืนอยู่ได้?
ไม่มีแม้แต่อิฐหรือกระเบื้องสักแผ่นที่ล่วงลงมา!
สีหน้าของฟาง เจิ้งจือ กลายเป็นสีแดงก่ำมันเต็มไปด้วยความโกรธ
หยกเขียวและเหล่าศิษย์มองดูเขาพร้อมกับอ้าปากค้าง จะต้องเป็นคนที่บ้าระห่ำแค่ไหนถึงจะทำเช่นนั้นได้?
พวกนางโกรธแค้นเช่นกัน
ปิงหยาง ก็พยายามให้กำลังใจ ฟาง เจิ้งจือ เช่นกัน
จัดการซะพังมันลงมา องค์หญิงผู้นี้จะคอยสนับสนุนเจ้า! เจ้าต้องทำลายหอคอยหลิงหยุน ถ้าหมัดเดียวยังไม่พอ ก็แค่เพิ่มเป็นสิบเป็นร้อยรอบซะ! ปิง หยาง ตะโดนใส่ ฟาง เจิ้งจือ
สิบ…ร้อย …งั้นหรือ? คิดว่าการปล่อยหมัดออกไปเป็นเรื่องง่ายหรือไง! ฟาง เจิ้งจือ ยิ้มอย่างขมขื่น
หรือว่าหอคอยหลิงหยุนจะเก็บซ่อนความลับบางอย่าง?
ฟางเจิ้งจือ ไม่คิดอะไรมากนัก เขาไม่มีข้อมูลไหนที่จะช่วยสรุปเรื่องนี้ได้ สิ่งสำคัญที่สุดคือเปลี่ยนวิธี
เขาจะใช้วิธีอื่น!
ฟางเจิ้งจือ หรี่ตาเล็กน้อย ตามหลักฟิสิกส์ ยิ่งผิวสัมผัสมากเท่าไหร่ แรงปะทะก็จะกระจายออกไปมากเท่านั้น เพื่อสร้างแรงปะทะที่รุนแรง เขาต้องรวมพลังไว้ที่จุดเดียวเพื่อปลดปล่อยออกไป
ฟางเจิ้งจือ ย่อขนาดร่างกลับเป็นปกติของเขา แสงสีทองและแสงสีแดงส่องสว่างและดูทรงพลังมากขึ้น
ความสูงกว่าสามสิบเมตรนั้นเป็นเรื่องที่น่าทึ่ง
อย่างไรก็ตามเมื่ออยู่ในร่างปกติ เขาจะสามารถปล่อยพลังได้อย่างเต็มที่
ฟางเจิ้งจือ รู้เรื่องนี้ดี แต่เขาคิดว่าร่างยักษ์นั้นดูเท่ดี
แน่นอนว่าในสถานการณ์ตอนนี้ มันดูไม่เท่เอาซะเลย เขาต้องการพลัง ฟาง เจิ้งจือ กำหมัดแน่น และค่อยๆรวมพลังไว้ ณ จุดจุดเียว เปลวไฟสีดำลุกโชนขึ้นไปในอากาศราวกับว่ามันจะแผดเผาท้องฟ้าจะแผ่นผืนแสงสีแดงเลือดส่องสว่างรอบๆชุดเกราะสีดำ
ตายซะ! ฟาง เจิ้งจือ ตะโกน ในขณะเดียวกัน แสงสีม่วงที่ทรงพลังก็ปรากฎขึ้นในมือของเขา มันคือดาบไร้ร่องรอย
ฟางเจิ้งจือ ไม่มีทางเลือก เพื่อทำลายหอคอยหลิงหยุน ไม่เพียงแต่เขาต้องหาจุดอ่อนให้เจอ แต่เขาต้องพึ่งพลังของดาบไร้ร่องรอยด้วย
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาใช้ดาบไร้ร่องรอยหลังจากได้ออกจากหม้อหลอมสายธาร
ฟางเจิ้งจือ สัมผัสได้ถึงความตื่นเต้นจากตัวดาบ ราวกับว่าเด็กน้อยที่กำลังหิวโหย
จิตวิญญาณของดาบ?
ฟางเจิ้งจือ รู้สึกว่าหัวใจของเขาเต้นรัว เขารู้เสมอว่าดาบไร้ร่องรอยนั้นมีความรู้กสึก และได้พยายามคาดเดาความต้องการของมันอยู่หลายต่อหลายครั้ง ยกเว้นเวลานี้…
เขาไม่ต้องเดาอีกต่อไปเขาสามารถสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของดาบไร้ร่องรอย
เป็นความกระหายเลือดและการฟาดฟัน
ฟางเจิ้งจือ เพิ่มพลังให้กับดาบไร้ร่องรอย
เขาไม่อยากคิดเรื่องนี้มากนักแม้จะเป็นดาบกระหายเลือด แต่มันก็วางใจได้
ดาบไร้ร่องรอยสั่นไหว
แสงของปีศาจพุ่งสู่ท้องฟ้า
อักขระสีแดงไหลวนไปถึงปลายดาบ
ฟางเจิ้งจือ หอคอยหลิงหยุนจะเป็นหลุมฝังศพของเจ้า!
การพยายามทำลายหอคอยหลิงหยุนเป็นบาปที่ไม่สามารถชดใช้ได้!
หยุด!หยุดเดี๋ยวนี้!
หยกเขียวและเหล่าศิษย์เริ่มตะโกนใส่ฟาง เจิ้งจือ อีกครั้ง ดาบไร้ร่องรอยในมือของเขาทำให้พวกนางหวั่นใจอย่างมาก ดาบไร้ร่องรอยปล่อยกลิ่นอายที่น่ากลัวออกมามันเป็นความรู้สึกของปีศาจ
แม้พวกนางจะไม่สัมผัสดาบโดยตรงแต่ก็รับรู้ถึงกลิ่นอายที่น่ากลัวในบรรยากาศได้
ดวงตาของฟาง เจิ้งจือ ส่องแสงสีม่วงเช่นเดียวกับตัวดาบ
นี่เป็นครั้งแรกที่ฟาง เจิ้งจือ ยังมีสติตอนใช้ดาบไร้ร่องรอย เขาไม่มันใจว่ามีพลังในระดับไหน
ตอนนั้นเองแสงสีขาวเงินก็ส่องสว่างขึ้นจากหอคอยหลิงหยุน ราวกับดาวที่ส่องสว่าง
เจ้ากล้าดียังไง! เสียงที่เย็นชาดังออกมาร่างสีม่วงเดินออกมาจากหอคอยหลิงหยุน
นางคือหญิงสาวนชุดคลุมสีม่วงที่ปล่อยผมยาวถึงเอว ความเย็นชาและไร้อารมณ์เปล่งออกมาจากร่างของนาง
คังเยว่!
หญิงสาวที่ปรากฎตัวในเมืองหลวงของอาณาจักรเซี่ยนางเป็นคนพา ปิง หยาง มาที่หอคอยหลิงหยุน และออกมาจากหอคอยในตอนนี้
นางรีบมองหาหยกเขียวและเหล่าศิษย์ด้วยสว่างอ่อนๆบนปลายนิ้ว
คังเยว่! หลินมู่ไป่ ผงะทันทีเมื่อเห็นคังเยว่ปรากฎตัว อย่างไรก็ตามมันเป็นสิ่งที่คาดเดาได้ หลังจากการกระทำทั้งหมดของ ฟาง เจิ้งจือ
ถูกต้อง!
ฟางเจิ้งจือ พยายามยั่วโมโหคังเยว่และดูเหมือนเขาจะทำสำเร็จเสียด้วย
ทุกอย่งเป็นไปตามแผน!
ครืน! ดวงดาวถูกปล่อยออกมาจากร่างของคังเยว่และล้อมรอบหอคอยหลิงหยุนเอาไว้ทั้งหมด
หยกเขียวและคนอื่นๆก็มีแสงปรากฎออกมาเช่นกันดวงคาของพวกเขากลายเป็นสีเงิน
แกรกแกรก แกรก…
เสียงแตกดังขึ้นแสงสีเงินสว่างขึ้นเรื่อยๆจนในที่สุดพวกนางก็สามารถเคลื่อนไหวได้
ท่านหญิงคังเยว่! หยกเขียวและหญิงนางอื่นๆคุกเข่าลงทันทีที่เห็นคังเยว่ ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความเคารพและความหวาดกลัว
พวกขยะ! คังเยว่กล่าวก่อนจะหันไปมองร่างของฟาง เจิ้งจือ ที่อยู่ตรงหน้า
ฟางเจิ้งจือ? ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะยังมีชีวิตอยู่ ดูเหมือนว่าพอขาดเทียนซิงแล้วเก้าขุนเขาจะไร้น้ำยาเหลือเกิน!
คังเยว่ยู่เอ๋อร์อยู่ที่ไหน? บอกข้ามาเดี๋ยวนี้! นางยังอยู่ในหอคอยหลิงหยุนหรือเปล่า? นางไม่มีทางไม่อยากพบลูกสาวของนางแน่นอน… หลิน มู่ไป่ กล่าวออกมาด้วยท่าทีอันร้อนรนอีกครั้ง
……………………………………..