หลินมู่ไป่ อยากพูดอะไรบางอย่าง แต่เขาไม่สามารถพูดออกมาได้
ศิษย์ของหอคอยหลิงหยุนเองก็ยืนเงียบพวกเขามั่นใจมากเพราะพวกเขาอยู่ที่หอคอยหลิงหยุนที่แข็งแกร่งที่สุดในห้าสำนัก ไม่ว่า ฟาง เจิ้งจือ จะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ต้องทำตามกฎ
เจ้าไร้ยางอาย..เจ้าควรไปจากที่นี่เดี๋ยวพวกเราจะรับมือตรงนี้ให้เอง… ร่างของ ปิง หยาง สั่นสะท้าน เห็นได้ชัดว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบาก
อย่างไรก็ตามขณะที่นางจะพูดต่อนางก็เห็นสายตาของ ฟาง เจิ้งจือ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
มันทำให้นางกลับมาอยู่ในความสงบได้อีกครั้ง
เพราะนางรู้สึกปลอดภัย ทันใดนั้นฟาง เจิ้งจือ ก็เดินเข้ามาหา ปิง หยาง
เจ้ากำลังจะทำอะไร… ปิง หยาง หายใจติดขัดเมื่อ ฟาง เจิ้งจือ ยืนอยู่ตรงหน้า
ทำอะไร? ฟาง เจิ้งจือ เห็นท่าทีแปลกๆของ ปิง หยาง มันทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะสำรวจร่างกายของนาง ก่อนที่จะมองไปยังหน้าอกของ ปิง หยาง เห็นได้ชัดว่ามันใหญ่ขึ้นมาก แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมเท่าไรนัก
ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม?….ใหญ่ขึ้น? ปิงหยาง ไม่เข้าใจที่ ฟาง เจิ้งจือ พูด แต่เมื่อนางเห็นว่า ฟาง เจิ้งจือ กำลังจ้องหน้าอกตนเองอยู่ นางรีบโต้กลับอย่างรวดเร็ว ไร้ยางอายที่สุด ข้าเป็นองค์หญิงนะ เจ้ากล้า…
นี่สิถึงเป็นปิง หยาง ที่ข้ารู้จัก เจ้าไปปกป้ององค์จักรพรรดิ ที่เหลือข้าจัดการเอง!
ฟางเจิ้งจือ ยิ้มก่อนจะหันไปมองเฉียนยี่ ตกลง ข้ายอมรับการทดสอบ! หา?
เขากล้าจริงๆงั้นหรือ?
เหล่าศิษย์ต่างมองหน้ากันเห็นได้ชัดว่าในความคิดของพวกนาง ฟาง เจิ้งจือ ไม่มีทางผ่านการทดสอบ
ปิงหยาง มองไปยัง ฟาง เจิ้งจือ ที่ยืนอยู่ด้านหน้าด้วยดวงตาอันอบอุ่น
ข้ารู้ว่าเขาพยายามปกป้องข้าจากคำพูดของเฉียนยี่แต่วิธีของเขา…ไม่ไร้ยางอายไปหน่อยหรือ? ปิง หยาง บ่นออกมา แต่นางไม่ได้รู้สึกเศร้าหรือผิดหวังอีกต่อไป
ชุดสีน้ำเงินของฟาง เจิ้งจือ ดูโดดเด่นท่ามกลางแสงสีทอง
ฮ่าฮ่างั้นมาเริ่มกันเลย เฉียนยี่ยิ้มบางๆ ดูเหมือนว่านางจะคาดเดาการตัดสินใจของ ฟาง เจิ้งจือ ได้
แน่นอนแต่ข้าอยากจะพูดให้ชัดเจนก่อน ฟาง เจิ้งจือ มองศิษย์คนอื่นๆ
เชิญ เฉียนยี่ตอบรับอย่างสงบ ข้าหวังว่าท่านจะให้เกียรติคำพูดของท่านบอกทุกสิ่งเกี่ยวกับยู่เอ๋อร์ ถ้าข้าสามารถผ่านการทดสอบได้แล้ว ถ้าท่านกล้าผิดสัญญา … ฟาง เจิ้งจือ หยุดพูดไปชั่วครู่
จะเกิดอะไรขึ้นงั้นรึ? เฉียนยี่อยากรู้อยากเห็น
ดูเหมือนท่านจะลืมบางสิ่งไปข้ายังไม่ได้เข้าร่วมสำนักใดหลังจากที่เขามาในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ นั่นหมายความว่าข้าเป็นอิสระ!
อิสระ?
ใช่หมายความว่าข้าไม่ติดอยู่ในกฎเกณฑ์ใดๆข้าสามารถทำอะไรก็ได้และไม่มีใครสามารถหยุดข้าได้!
แล้ว? เฉียนยี่ขมวดคิ้ว
หอคอยหลิงหยุนอาจจะเป็นปราการที่แข็งแกร่งแต่ศิษย์ของท่านไม่ได้เป็นแบบนั้นข้าจะเข้ามาที่นี่เพื่อฆ่าพวกนางเมื่อไรก็ได้…
เจ้าไม่กล้าทำแบบนั้นแน่นอน! ในที่สุดเฉียนยี่ก็สูญเสียความเยือกเย็น นางรู้ว่า ฟางเจิ้งจือ จะพูดอะไร
ข้ากล้าทำแน่นอนท่านก็รู้ ทั้งหมดที่ข้าจะพูดก็คือข้าสามารถกลับคำพูดได้ทุกเมื่อ แต่ท่าน…ไม่สามารถทำแบบนั้นได้! นั่นเป็นเพราะท่านเป็นผู้คุมหอคอยหลิงหยุน ถ้าท่านผิดคำพูดสำนักของท่านจะไม่ได้พบความสงบสุขอีกตลอดกาล!
ทันใดนันดาบไร้ร่องรอยได้เปล่งแสงสีม่วงออกมา ก่อนที่จะเข้าโจมตีศิษย์หอคอยหลิงหยุนในทันที
ไม่มีใครมองได้ทัน
เพราะการโจมตีของฟาง เจิ้งจือ มาจากทุกที่ เฉียนยี่และศิษย์คนอื่นๆไม่สามารถรับมือได้ทัน
ตูม!
ศิษย์จำนวนหนึ่งได้รีบบาดเจ็บและกระเด็นออกไปดวงตาของพวกเขาเต็มไปดวยความไม่เชื่อ
ไม่มีใครคิดว่าฟาง เจิ้งจือ จะโจมตีพวกเขาในตอนนี้
อั้ก! ศิษย์ที่โดนโจมตีล้มลงบนพื้นพร้อมกระอักเลือดออกมา
ทุกคนรู้สึกตกใจกับสิ่งที่เห็นไม่ว่าจะเป็น คังเยว่, ปิง หยาง หรือหลิน มู่ไป่ก็ตาม
เจ้ากล้า!
ฟางเจิ้งจือ เจ้ากำลังรนหาที่ตาย!
ทันใดนั้นดาบสองร้อยเล่มชี้ไปที่ฟาง เจิ้งจือ
แม้ศิษย์หอคอยหลิงหยุนจะตกใจแต่พวกเขาก็ตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว
รนหาที่ตาย?ตั้งตี่ที่ข้าเข้ามาในหอคอยหลิงหยุน ข้าไดย้นิคนพูดแบบนั้นไม่หยุด แต่ข้าก็ยังยืนอยู่ตรงนี้ ข้ายังมีชีวิตอยู่ ใช่ไหม? ฟาง เจิ้งจือ ตอบโต้ศิษย์ที่โกรธแค้น
…
เจ้า…
เหล่าศิษย์ต้องการโจมตีฟาง เจิ้งจือ แต่พวกนางรู้ว่า ฟาง เจิ้งจือ พูดถูก
แทนที่จะทะเลาะกับศิษย์ฟาง เจิ้งจือ หันไปหา เฉียนยี่ ท่าทีของเขาสงบมาก
เขาต้องเดิมพัน!
เขาเดิมพันว่าเฉียนยี่กังวลเกี่ยวกับตัวเขาเลยเลือกที่จะลงมือทันทีเพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อในแผนของนาง
ท่านไม่ได้พูดว่าข้าไม่กล้าทำงั้นหรือ?แล้วท่านทำอะไรกับข้าได้ไหม? ท่านแน่ใจหรือว่าดินแดนหลิงหยุนสามารถกักขังข้าได้? ถ้าข้าออกมาได้ท่านจะต่อต้านการล้างแค้นของข้าได้งั้นหรือ? ข้าไม่ได้ฆ่าใครครั้งนี้ แต่ครั้งหน้า… ฟาง เจิ้งจือ พูออกมาอย่างเย็นชา
เจ้ากำลังขู่ข้างั้นหรือ? ท่าทีของเฉียนยี่ก็กลายเป็นเย็นชาเช่นกัน
ข้าเปล่าอย่างน้อยถ้าท่านยังคงรักษาสัญญาของท่าน ฟาง เจิ้งจือ ยิ้ม
เฉียนยี่เงียบ พร้อมกับหลับตาราวกับคำนวณอะไรบางอย่างอยู่ ไม่มีใครรู้ว่านางกำลังคิดอะไร
บรรยากาศตึงเครียดขึ้น
ศิษย์หอคอยหลิงหยุนกำดาบแน่นในฐานะที่เป็นหนึ่งในห้าสำนักในแดนศักดิ์สิทธิ์พวกเขามีความหยิ่งยโสมาก อย่างไรก็ตามพวกเขากำลังถูกคุกคามจากคนเพียงคนเดียว
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไรในที่สุดเฉียนยี่ก็ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง
เมื่อเจ้าตกลงที่จะปฎิบัติตามกฎข้าจะรักษาสัญญาแน่นอน ถ้าเจ้าผ่านการทดสอบ ข้าจะบอกเกี่ยวกับยู่เอ๋อร์ แต่ถ้าเจ้าไม่ผ่าน…เจ้าต้องคืนดอกไม้ห้าสีให้พวกเรา ไม่อยากนั้นไม่เจ้าก็ข้าที่ต้องตายตกไปในวันนี้!
ทันทีที่นางพูดจบลำแสงสีทองนับร้อยก็พุ่ลงมาจากท้องฟ้า มันฉีกและตัดผืนดินออกราวกับตัดเนย
รอยร้าวมากมายปรากฎขึ้นบนอากาศ
ลมที่รุนแรงทำให้ชุดสีทองของเฉียนยี่โบกสะบัดพลังอันทรงพลังถูกปล่อยออกมาจากตัวนาง มันไม่ได้อ่อนแอไปกว่าเทียนซิงหรือมู่ฉิงเฟิงเลย
ท่านอยากตายงั้นหรือ? ฟาง เจิ้งจือ ก้าวเท้าไปข้างหน้า และชี้ดาบไปที่นาง แสงสี่แสงเปล่งออกมาจากร่างกายของเขา สีฟ้า สีเขียว สีแดงเลือดและสีดำ
ก่อนที่พวกมันจะปกคลุมไปทั่วอากาศเมื่อรวมกับแสงสีม่วงของดาบมันเป็นภาพที่น่าขนลุกเป็นอย่างมาก
ศิษย์หอคอยหลิงหยุนทั้งหมดต่างตกอยู่ในความหวาดกลัว
ทั้งพลังของเฉียนยี่และฟาง เจิ้งจือ นั้นรุนแรงเกินไป โดยเฉพาะจิตสังหารของ ฟาง เจิ้งจือ ที่เข้มข้นจนทำให้พวกนางหายใจได้ลำบาก
่น่าสนใจน่าสนใจมาก ฮ่าฮ่าฮ่า…ฟาง เจิ้งจือ มาเริ่มกันเถอะ! ลำแสงสีทองได้หายไปเมื่อเฉียนยี่ขยับนิ้ว ทุกอย่างกลับไปอยู่ในความสงบอีกครั้ง ตกลง! ฟาง เจิ้งจือ พยักหน้า พลังที่ปล่อยออกมาของเขาหายไปเช่นกัน ศิษย์ที่อยู่รอบๆต่างถอนหายใจด้วยความโล่งอก
อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ได้สังเกตว่าที่แผ่นหลังของพวกเขาตอนนี้เต็มไปด้วยเหงื่อ
ตอนนี้พวกเขาเข้าใจแล้วว่าทำไมเฉียนยี่ถึงยังไม่ต่อสู้กับ ฟาง เจิ้งจือ และทำไม ฟาง เจิ้งจือ ถึงยังมีชีวิตอยู่ทั้งที่เขาบุกเข้ามาในหอคอยหลิงหยุน
แม้ว่าดอกไม้ห้าสีนั้นจะล้ำค่าแต่ปัจจับสำคัญคือพลังของ ฟาง เจิ้งจือ
เขามีพลังมากพอที่จะทำให้เฉียนยี่ต้องระวังตัว!
ตอนแรกเขาถูกจับไปที่เก้าขุนเขาแต่รอดมาได้ไม่มีใครคาดคิดว่าเขาจะมุ่งมาที่หอคอยหลิงหยุนในทันที
เขาสามารถเอาชนะคังเยว่รวมถึงศิษย์ระดับสูงได้…
เกิดอะไรขึ้นที่เก้าขุนเขากันแน่?เขากลายเป็นเซียนได้ยังไง? ทำไมเขาถึงมาปรากฎตัวขึ้นที่หอคอยหลิงหยุน?
ปัจจุบันเขาแข็งแกร่งแค่ไหนเขามีอะไรซ่อนไว้อีกไหม? ไม่มีใครรู้คำตอบ….
……………………………………..