ฟางเจิ้งจือ ไม่แน่ใจว่า เหยียน เฉียนหลี่ กับ เฉียนยี่ มีความเกี่ยวข้องกันหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ภูเขาและน้ำตกที่ปรากฎมันคล้ายกับภาพบนพัดของ เหยียน ซิว อย่างมาก
ผมสีดำกลายเป็นขาวข้าก็รออย่างเงียบเชียบเพื่อให้เจ้ามาลงสี!
ประโยคที่อธิบายถึงเรื่องราวความรักที่สวยงามและน่าเศร้าที่เกิดขึ้นฟาง เจิ้งจือ ยังคงจำได้อย่างชัดเจน
ทำไมภาพบนพัดของตระกูลเหยียนถึงปรากฎขึ้นที่นี่?
ฟางเจิ้งจือ ไม่สามารถคาดเดาได้เลย อย่างไรก็ตาม ตอนนี้มันไม่สำคัญ เพราะสิ่งสำคัญที่สุดคือหาวิธีรับมือกับมันเสียก่อน
เฉียนยี่ข้าขอสั่งให้เจ้าปรากฎตัวออกมา! ปิง หยาง ไม่สามารถช่วยอะไรได้ นางไม่เห็นตัวเฉียนยี่
แม้นาจะตะโกนออกมาก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไป
ต้นไม้ใบไม้ ทุกสิ่งทุกอย่างยังเหมือนเดิม
ปิงหยาง โกรธและจ้องไปยังภูเขาพร้อมจับหอกแน่นโจามตีใส่พวกมัน
ครืน!!!
ภูเขาพังทลายและต้นไม้ล้มลง
เนื่องจากปิง หยาง หาตัวเฉียนยี่ไม่พบ นางจึงทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้า
ฟางเจิ้งจือ ไม่ได้หยุดนาง เพราะก้อนหินกลายเป็นผุยผงในทันที
ไม่ใช่ภาพลวงตาหรอกหรือ?ถ้าไม่ใช่ภาพลวงตา … นั่นหมายความว่าทั้งหมดนี้เป็นของจริง? แต่ตามหลักวิทยาศาสตร์นั่นเป็นไปไม่ได้! ฟาง เจิ้งจือ ส่ายหัวให้กับเหตุการณ์ประหลาดเช่นนี้ เขาต้องต่อสู้กับเฉียนยี่
แต่ทำไมถึงเป็นแบบนี้? เฉียนยี่กำลังทำอะไรอยู่?
จู่ๆฟาง เจิ้งจือ ก็นึกได้ว่าเฉียนยี่ทำลายลูกกลมๆสีทองในมือในขณะที่เขาพุ่งหานาง
ดวงแสงทรงกลมสีทอง?!
เป็นมัน!
ฟางเจิ้งจือ จำได้ว่าเห็นภาพในดวงแสงสีทอง แต่เขาไม่สามารถมองเห็นได้ชัดนัด เพราะมันเล็กมาก
อย่างไรก็ตามหลังจากคิดย้อนกลับไป …เขาเกือบจะแน่ใจว่าภาพในดวงแสงสีทองคือภาพภูเขาแหละแม่น้ำในตอนนี้
ฟางเจิ้งจือ และ ปิง หยาง เข้ามาอยู่ในภาพ หลังจากที่นางทำลายดวงแสงนั้นไปงั้นรึ?
ฟางเจิ้งจือ คิดว่านี่คือคำอธิบายที่สมเหตุสมผล
ถ้าเป็นแบบนั้นดวงแสงสีทองในมือของเฉียนยี่ต้องเป็นวิชาผนึกบางอย่าง
แล้วพวกเขาจะออกไปยังไง? ในขณะที่ฟาง เจิ้งจือ ครุ่นคิดก็มีเสียงดังก้องออกมาจากภูเขาลูกใหญ่ ซึ่ง ปิง หยาง ไม่มีพลังมากพอที่จะทำลายมันอย่างเห็นได้ชัด
ครืน!!!
ในขณะเดียวกันกับเสียงที่ดังเปลวเพลิงก็ลุกไหม้เช่นกัน
ฟางเจิ้งจือ มองไปที่เปลวเพลิงที่ลุกไหม้ และสังเกตุเห็นหินก้อนมหึมานับไม่ถ้วนกำลังตกจากภูเขา
แต่ละก้อนมีขนาดเท่ากับมนุษย์สามถึงสี่คนมารวมกันนอกจากนี้มันปรากฎขึ้นเป็นพันๆ
ยิ่งไปกว่านั้นเถาวัลย์ที่เต็มไปด้วยหนามแหลมก็ปรากฎขึ้นบนพื้นดิน พวกมันเลื้อยพันเท้าของ ปิง หยาง ราวกับว่ามีชีวิต
เดี๋ยวก่อน!
มีบางอย่างผิดปกติ…นี่ไม่ใช่แค่ผนึกทั่วๆไป!
ไม่ช้าฟาง เจิ้งจือ ก็ตระหนักได้ว่าเขาคิดผิด เพราะหินและเถาวัลย์มีความผิดปกติ
เมื่อปิง หยาง เริ่มทำลายหินที่ตกลงมา เศษหินมากมายก็พุ่งไปที่นาง ราวกับคมมีด
นี่คือการโจมตีของเซียน! ในที่สุดฟาง เจิ้งจือ ก็ตระหนักว่าภาพที่ปรากฎไม่ใช่ผนึกทั่วๆไป แต่มันเป็นการโจมตีของวิชามากมาย
ครืน!!!
ในขณะที่ฟาง เจิ้งจือ จะช่วย ปิง หยาง เขาก็รู้สึกว่ามีบางอย่างพันที่ขาของเขา เมื่อเขามองลงไปก็พบ มังกรน้ำ ที่พวยพุ่งออกมาจากทะเลสาบ
นอกจากนี้น้ำในทะเลสาบเริ่มหมุนวนอย่างรวดเร็วและกลายเป็นกระแสน้ำวนขนาดใหญ่มังกรน้ำดึงร่างของ ฟาง เจิ้งจือ เข้าไปยังกระแสน้ำวนด้วยแรงมหาศาล
…! ฟาง เจิ้งจือ ลงดาบไปยังมังกรน้ำ ผ่าพวกมันออกเป็นสองส่วน
เขาคิดว่าปิง หยาง คงประทับใจกับการเคลื่อนไหวของเขาในครั้งนี้มาก อย่างไรก็ตาม… นางไม่ทำเช่นนั้น
ปิงหยาง ไม่ใช่แค่ไม่ประทับใจ นางไม่ได้หันมอง ฟาง เจิ้งจือ ด้วยซ้ำ นางทำลายหินอย่างต่อเนื่อง และเผาไหม้เถาวัลย์ด้วยเปลวเพลิงจากชุดเกราะ ปิง หยาง โฉบไปมาราวกับผีเสื้อ
นาง…แข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนจริงๆ! ฟาง เจิ้งจือ มั่นใจว่าถ้าเป็นเมื่อก่อน นางจะต้องร้องขอความช่วยเหลืออย่างแน่นอน
แต่ตอนนี้นางไม่ได้ร้องให้ ฟาง เจิ้งจือ มาช่วยแม้แต่น้อย นางจัดการทุกอย่างราวกับว่ามันเป็นเพียงแค่เรื่องกล้วยๆ
นอกจากนี้การเคลื่อนไหวของนางช่างน่าประทับใจ
เจ้าไร้ยางอายรีบหาทางทำลายการโจมตีของเฉียนยี่ซะ ข้าดูแลตัวเองได้! ปิง หยาง พูด
ได้! ฟางเจิ้งจือ พยักหน้าและหันมอง เพราะเขารู้ว่า ปิง หยาง ไม่ได้เป็นภาระอีกต่อไปแล้ว
แม้นางจะไม่แข็งแกร่งเทียบเท่ากับเขาแต่อย่างน้อยก็สามารถปกป้องตัวเองได้แล้ว
เขาไม่ได้สนใจปิง หยาง อีกต่อไป
ฟางเจิ้งจือ เริ่มหันมองรอบทะเลสาบ ทั้งน้ำที่หมุนวนและใบไม้ที่ร่วงใส่ราวกับคมมีด
เปลวเพลิงสีดำคอยปกป้องเขาการโจมตีที่พุ่งเข้ามาแสงสีมากมายปรากฎขึ้นในดวงตาของเขา
ภูเขาและหินเคลื่อนไหวได้!
น้ำสามารถเคลื่อนไหว…
แม้แต่ต้นไม้ก็สามารถเคลื่อนไหวได้เช่นกัน!
เป็นการโจมตีแบบไหนกัน? นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นการโจมตีมากมายเขาไม่คิดว่ามันเป็นการโจมตีธรรมดาอีกต่อไป มันให้ความรู้สึกเหมือนภาพวาด หรือก็คือ มันต้องเป็นโลกที่มีอิสระ
ภาพวาด? โลกที่มีอิสระ?
ฟางเจิ้งจือ จับดาบไร้ร่องรอยแน่น เพราะจู่ๆเขาก็นึกถึงภาพบนท้องฟ้าของสวรรค์ชั้นเก้า
นอกจากภาพวาด… ยังเป็นศิลาเซียนอีกด้วย!
เฉียนยี่ใช้ศิลาเซียนกับเขางั้นหรือ?!
ไม่ใช่!
มีบางอย่างผิดปกติ!
ฟางเจิ้งจือ ส่ายหัว ศิลาเซียนทั้ง 23 ก้อนอยู่ที่เขา เขาสามารถรับรู้ถึงศิลาเซียนก้อนอื่นได้อย่างชัดเจน
แม้เขาจะทำไม่ได้กล่องดำที่อยู่กับเขาก็ต้องรับรู้ได้อย่างแน่นอน
นี่ไม่ใช่ศิลาเซียน
ศิลาเซียนนั้นซับซ้อนและมีพลังมหาศาลยิ่งไปกว่านั้น ศิลาเซียนแต่ละชิ้นยังมีความสามารถต่างกันออกไป ภาพภูเขาและแม่น้ำนี้ต่างออกไปมันมีขนาดเล็กกว่าศิลาเซียน
ที่สำคัญศิลาเซียนไม่ได้ดุร้ายตามธรรมชาติในทางกลับกันภาพภูเขาและแม่น้ำนี้เหมือนอยู่ใต้การควบคุมของบางสิ่ง
หรือจะเป็นการผสมผสาน?! ดวงตาของฟาง เจิ้งจือ สว่างขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังจากได้อ่านหนังสือทั้งหมดในศาลาเต๋าสวรรค์ เขามีความรู้พอที่จะวิเคราะห์เรื่องพวกนี้
ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าวิชาของเต๋าที่ต่างกันสามารถผสานเข้าด้วยกัน จนเกิดเป็นการโจมตีแบบใหม่ได้
อย่างเช่นการแยกน้ำโดยใช้วิชาจากเต๋า ‘สายลม’ และ ‘ความเย็น’
นอกจากนี้ยังมีการผสานอีกหนึ่งแบบที่ซับซ้อนยิ่งกว่านั้นคือ’ขีดจำกัดสายเลือด’
ขีดจำกัดสายเลือดนั้นเป็นผลจากการผสานพลังบางอย่างที่มีความเสถียร
อย่างไรก็ตามการโจมตีผสานของเฉียนยี่ …ดูไม่เหมือนขีดจำกัดสายเลือดเท่าไรนัก มันให้ความรู้สึกเหมือนการรวมพลังที่สมบูรณ์แบบมากกว่า
เป็นไปได้จริงเหรอ? ฟางเจิ้งจือ รู้สึกเหมือนได้เปิดประตูบานใหม่ของชีวิต เขาค้นพบเรื่องราวใหม่อีกครั้ง
แน่นอนว่าการใช้’อีกครั้ง’ อาจจะไม่เหมาะนัก เพราะเขายังไม่เคยพบเรื่องราวใหม่ในชีวิตเลย
อย่างไรก็ตามนั่นไม่สำคัญ
การหาวิธีทำลายการโจมตีของเฉียนยี่ต้องมาก่อน
ผสาน…ผสาน …
ข้าจะทำลายการผสานพลังนี้ได้ยังไง?ต้องเข้าใจมันงั้นหรือ?
ความคิดนี้เกิดขึ้นในใจเขาเขาสามารถเข้าใจวิชาเต๋าในภาพทั้งหมดและสร้างการโจมตีที่เหมือนกันได้
อย่างไรก็ตามนั่นไม่ได้ช่วยอะไร เขาจะออกไปจากภาพได้ยังไงหลังจากเข้าใจเต๋าทั้งหมดที่นี่?
หรือเขาจะสร้างภูเขาและแม่น้ำขึ้นอีกแห่งและทำให้มันระเบิดออกมา?ดูเหมือนมันแทบจะเป็นไปไม่ได้
ในสถานการณ์ปกติต้องระบุรูปแบบเฉพาะของการโจมตี เพื่อทำลายมัน
ภูเขาสายน้ำ ต้นไม้ ดอกไม้ …
ฟางเจิ้งจือ รู้ถึงสิ่งเหล่านี้ แต่นั่นยังไม่เพียงพอ เขาต้องรู้ว่าพวกมันผสานเข้ากับการโจมตีได้ยังไง
หอคอยหลิงหยุน…
ชำนาญเรื่องการเข้าใจในเต๋า
เข้าใจ… ฟาง เจิ้งจือ ขมวดคิ้ว ตอนแรกเขาไม่ได้เข้าใจนัก แต่เมื่อเห็นวิชาของหอคอยหลิงหยุน เขาก็เริ่มเข้าใจมันขึ้นมาแล้ว
ในตอนนี้การโจมตีของเฉียนยี่ เป็นเรื่องใหม่สำหรับเขา
เขาต้องยอมรับว่าหอคอยหลิงหยุนเข้าใจวิชาเต๋ามากกว่าสำนักอื่นๆนอกจากนี้ วิชาของพวกนางยังเข้าใจและคาดเดาได้ยาก
เดี๋ยวก่อน!
พูดถึงการผสาน…
ภาพบนพัดของเหยียน ซิว ก็มีการผสานพลังเช่นกัน แม้มันจะอ่อนแอกว่า แต่หลักการก็เหมือนกัน
เพียรพยายาม!แค่นั้นแหละ มันคือความเพียรพยายาม!
ฟางเจิ้งจือ เข้าใจเกี่ยวกับการผสานอย่างลึกซึ้ง เขาจำที่ เหยียน ซิว บอกว่าบรรพบุรุษของเขาวาดภาพขึ้นด้วยความเพียรพยายาม
ความเพียรพยายามที่บ่งชี้ถึงความเศร้าโศกของบรรพบุรุษ
ความปรารถนาอันแรงกล้าที่อยู่ในภาพซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมคนที่ติดอยู่ในภาพถึงมีความรู้สึกเศร้าโศกและหดหู่
ต้นกำเนิดพลังที่รุนแรงพอจะช่วยผสานเต๋าต่างๆเข้าด้วยกันได้
คำถามเดียวก็คือ… ต้นกำเนิดพลังคืออะไร?
ฟางเจิ้งจือ หลับตาและเริ่มสัมผัสถึงโลกใบนี้ ไม่มีความเศร้าไม่มีความสุขและไม่โกรธ ทุกอย่างคือความสงบ
อย่างไรก็ตามความสงบสุขนี้พร้อมจะระเบิดออกทุกเวลา
……………………………………..