เขาจะไม่ปล่อยให้เฉียนยี่ทำลายลูกบอลในมือเป็นครั้งที่สอง
อย่างที่พูดไป ดวงแสงของท่านก็เป็นของข้าเช่นกัน…
ฟางเจิ้งจือมีทางออกเขายกขาขึ้นและเตะไปที่เอวของเฉียนยู่อย่างไม่ลังเล
ตูม!เฉียนยู่ที่อยู่เหนือหัวฟางเจิ้งจือ ถูกเตะลอยขึ้นไปด้วยความเร็วสูงนางพุ่งขึ้นไปบนทองฟ้าราวกับดาวตกที่พวยพุ่ง
…
เหล่าศิษย์หอคอยหลิงหยุนตกใจกับสิ่งที่เห็นพวกเขาไม่สามารถเข้าใจในสิ่งที่ฟางเจิ้งจือทำได้
หรือฟางเจิ้งจือไม่คิดจะร่วมมือกับเฉียนยู่
แน่นอนว่ามันไม่ใช่สิ่งที่ฟางเจิ้งจือคิดจริงๆ
เขาไม่ได้เตะเฉียนยู่โดยไม่ได้ตั้งใจ เขาต้องการพลังที่รุนแรงพอที่จะหยุดเฉียนยี่จากการทำลายดวงแสงในมือ
เขาเลยต้องเลือกระหว่างเฉียนยู่กับปิงหยางแน่นอนว่าเขาต้องเลือกเฉียนยู่
…
เขาไม่ได้ตรวจสอบว่าเฉียนยู่จะรอดจากแสงสีทองบนท้องฟ้าหรือไม่เพราะเขาอาศัยแรงส่งจากการเตะเฉียนยู่พุ่งด้วยความเร็วสูงไปหาเฉียนยี่
ความเร็วของเขาตอนนี้มากกว่าปกติหลายเท่า
ท่าทีของเฉียนยี่เปลี่ยนไปทันทีเมื่ออยู่ดีๆฟางเจิ้งจือก็ปรากฎขึ้นด้านหน้านาง
อย่างไรก็ตามมันไม่ได้ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของเฉียนยี่
ทันทีที่ฟางเจิ้งจือปรากฎนางก็บีบดวงแสงสีทองในมือ
อย่างไรก็ตาม…นางรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ นางไม่ได้ยินเสียงระเบิดและโลกหิมะก็ไม่ได้ปรากฎตัวต่อหน้านาง
นางรู้สึกสับสนก่อนจะก้มมองลงไปที่มือของนางเองเพื่อหาคำตอบอย่างไรก็กามดวงแสงทีอยู่ในมือนางได้หายไป!
มันถูกแทนที่ด้วยบางสิ่งที่มีรูปร่างเหมือนหิน
หืม?!
เฉียนยี่เต็มไปด้วยความรู้สึกอันซับซ้อนนางไม่รู้ว่าควรรู้สึกอย่างไรกับหินสีดำน่าเกลียดในมือดี
ทันใดนั้นเอง…หินก้อนนั้นก็ระเบิดออก
แสงสีขาวสว่างวาบมันสว่างแทบจะเท่าแสงจากดวงอาทิตย์
เฉียนยี่รู้สึกเจ็บปวดในดวงตาทันทีมันรุนแรงมาก
ตาข้า… เฉียนยี่กรีดร้อง ก่อนที่จะรู้สึกว่าหน้าของนางถูกถีบอย่างรุนแรง
นางรู้สึกเจ็บปวดที่จมูกอย่างรุนแรงพร้อมกับร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า
ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนทุกคนแทบไม่ทันจะได้หายใจ
เฉียนยี่เองก็มึนงง
นางไม่ได้ตกใจที่นางพ่ายแพ้ฟางเจิ้งจือแต่นางตกใจที่ตัวเองเป็นถึงผู้คุมหอคอยหลิงหยุน แต่กลับถูกฟางเจิ้งจือถีบหน้าท่ามกลางคนมากมาย
ความอัปยศแบบนี้นางไม่เคยได้รับมาก่อน
นางไม่รู้ว่าจะอธิบายความรู้สึกแบบนี้ออกมาเช่นไรนางรู้เพียงว่านางโกรธมาก โกรธจนอยากจะฉีกฟางเจิ้งจืออกเป็นชิ้นๆ
กรี้ด!!! เฉียนยี่กรีดร้องปลดปล่อยบรรยากาศอันน่าสะพรึงกลัวออกมา นางรู้ตัวว่าได้หลงกลลวงของฟางเจิ้งจือแล้ว
มันคือเต๋าสวรรค์
วิชาสลับที่ด้วยความรวดเร็ว
ดวงแสงสีทองในมือของนางถูกแทนที่ด้วยหินสีดำน่าเกลียดนั่น
เป็นยังไงล่ะ?ระเบิดแสงของข้า! ฟางเจิ้งจือสามารถเดาได้ว่าเฉียนยี่กำลังคิดอะไรอยู่ เขายิ้มเยาะออกมา
ท่านยังอยากจะทำลายดวงแสงนั่นอยู่อีกหรือไม่?ท่านคิดว่ามันจะเป็นไปอย่างง่ายดายงั้นหรือ? ฟาง เจิ้งจือ คิดกับตัวเอง
ฟางเจิ้งจือรู้สึกดีมากในขณะนี้
อย่างไรก็ตามใช่ว่าคนอื่นๆจะรู้สึกแบบเขา ทุกคนต่างอ้าปากค้างและพูดไม่ออก
แม้แต่เฉียนยู่ก็ไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่ดีนัก
ในความเป็นจริงนางอยู่ในอาการบาดเจ็บก่อนที่ฟางเจิ้งจือจะเตะไปที่หน้าของเฉียนยี่แล้ว
นางไม่คิดว่าฟางเจิ้งจือที่น่าจะอยู่ฝั่งเดียวกับนางกลับถีบเข้ามาที่เอวของนางอย่างฉับพลัน
ฟางเจิ้งจือไม่ได้เตะแรงมากนักแต่มันก็ทำให้นางไม่สามารถป้องกันแสงสีทองที่อยู่บนท้องฟ้าได้
สภาพของนางตอนนี้เลยดูไม่ดีเท่าไรนัก
นางร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้าสภาพไม่ได้ต่างจากเฉียนยี่เท่าไรนัก
เฉียนยี่กับเฉียนยู่หล่นกระแทกพื้นแทบจะในเวลาเดียวกันต่างกันแค่หนึ่งในนั้นถูกเตะที่หน้า อีกคนถูกเตะที่เอว
ความเงียบเข้าปกคลุมหอคอยหลิงหยุน
หลังจากเงียบไปชั่วครู่ทุกคนได้ยินเสียง
หืม?พวกท่านทั้งสองคนได้รับบาดเจ็บในเวลาเดียวกันสินะ? เยี่ยมมาก! ในที่สุดพวกท่านก็จะได้สู้กันอย่างยุติธรรมเสียที! ฟางเจิ้งจือขยิบตาให้เฉียนยู่และเฉียนยี่ด้วยความจริงใจ
จากนั้นเขาก็อุ้มปิงหยงให้ลุกขึ้นยืนท่ามกลางสายตาอันตกตะลึงของทุกคน
…
… เหล่าศิษย์หอคอยหลิงหยุนจ้องมองกันก่อนที่จะหันมองฟางเจิ้งจือที่หนีออกไปด้านข้าง พวกเขาพูดไม่ออกกับสิ่งที่เห็น
’การต่อสู้อย่างยุติธรรม?’
อย่างไรก็ตามเฉียนยี่และเฉียนยู่กลับเป็นคนที่บาดเจ็บ?
ตรรกะแบบไหนกัน?
เจ้าไร้ยางอายนั่นกล้าเรียกเรื่องแบบนี้ว่ายุติธรรมได้ยังไง?
เหล่าศิษย์ไม่รู้จริงๆว่าจะหาคำไหนมาพูด
ในความเป็นจริงแม้แต่เฉียนยี่และเฉียนยู่เองต่างก็จ้องมองที่ฟางเจิ้งจือ
เฉียนยี่อยากจะลดความโกรธของนางลงนางอยากจะฆ่าฟางเจิ้งจือ นางอยากฆ่าเขามากกว่าเฉียนยู่เสียอีก
อย่างไรก็ตามฟางเจิ้งจือวิ่งออกไปพร้อมกับปิงหยางและทำเหมือนว่ากำลังทำสิ่งที่ถูก
เฉียนยี่มีจิตใจที่แข็งแกร่งพอจะควบคุมความโกรธเอาไว้ เขาไม่มีความละอายเลยหรือยังไง?
นี่คือความคิดของเฉียนยี่แม้แต่เฉียนยู่เองก็รู้สึกแบบเดียวกัน ในฐานะที่ตกเป็นเหยื่อ นางอยากตบฟางเจิ้งจือให้ตายเช่นกัน
เขามีความกล้าพอที่จะวิ่งหนีไปได้ยังไง?
นอกจากนี้จากสิ่งที่เขาพูด นางควรขอบคุณที่เขาเตะนางเพื่อการต่อสู้ที่ยุติธรรมงั้นรึ?
นางไม่เห็นด้วยกับเรื่องนั้นแม้แต่น้อย
นั่นทำให้นางโกรธมาก!
เอาเลยทำไมพวกท่านถึงยังไม่สู้กันล่ะ? ความโกรธแค้นที่มีต่อกันหายไปไหนแล้ว? ถ้าข้าถูกผนึกไว้นานหลายสิบปี ข้าจะใช้วิธีเจ๋งๆเพื่อโค่นเฉียนยี่ลงแน่นอน! ฟางเจิ้งจือยังคงพูดใส่ไฟอย่างต่อเนื่อง โดยที่ไม่สนสายตาของเฉียนยี่และเฉียนยู่แม้แต่น้อย
ฟางเจิ้งจือเชื่อว่าเขาควรต่อสู้ถ้าเขาทำได้ อย่างไรก็ตามนั่นไม่เป็นความจริงเสมอไป ถ้าเขาอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถต่อสู้ได้ เขาก็ไม่ควรจะสู้
สถานการณ์ในตอนนี้เป็นแบบหลัง!
ข้อแรกเขาไม่ได้ร่วมมือกับเฉียนยู่ และไม่รู้พลังของนางแม้แต่น้อย
เขาจะรู้ได้ยังไงว่าเฉียนยี่สามารถรับการโจมตีแบบไหนได้บ้าง?ทุกอย่างมีความไม่แน่นอนมากเกินไป
ข้อสองฟางเจิ้งจือไม่รู้เกี่ยวกับความแข็งแกร่งของเฉียนยี่แม้แต่น้อย
ในความเป็นจริงแล้วหลังจากที่ติดกับดักของนางอยู่ในภูเขาและแม่น้ำ สิ่งเดียวที่เขาทำได้คือหยิบยืมและควบคุมพลังจากเต๋าธรรมชาติ
และจบลงด้วยการหลอกเฉียนยี่
หรือก็คือฟางเจิ้งจือยืมพลังของโลกแห่งภูเขาและแม่น้ำ สร้างภาพลวงเพื่อหลอกให้เฉียนยี่คิดว่าพวกเขาตายไปแล้ว
ด้วยเหตุนั้นจะทำให้นางหยุดใช้พลังที่ควบคุมโลกแห่งภูเขาและแม่น้ำ ดังนั้นมันเป็นโชคที่ทำให้ฟางเจิ้งจือและปิงหยางสามารถหนีออกมาได้
นั่นนำไปสู่ปัญหาอื่น
เฉียนยี่ซ่อนไพ่ใบอื่นไว้อีกหรือไม่?อย่างเช่น สมบัติที่ทรงพลังของหคอยหลิงหยุน ดินแดนหลิงหยุน
อย่างที่ฟางเจิ้งจือเคยพูดถ้ามันไม่ใช่เรื่องของตัวเองเขาก็ไม่อยากยุ่งเท่าไรัก
นอกจากนี้เขาถอยออกมาไกลมา…การปกป้องปิงหยางและหลินมู่ไป่ให้พ้นจากอันตรายเป็นงานที่ยากเช่นกัน
นั่นคือความคิดที่ซื่อตรงของฟางเจิ้งจือ
อย่างไรก็ตามสิ่งที่เขาพูดออกมาทำให้คนที่ฟังอยู่อยากจับเขามาตีให้ตาย
ฟางเจิ้งจือเจ้าจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น! เฉียนยี่ตะโกนออกมาด้วยความโกรธ
ขณะที่นางพูดนางก็เอาผ้าเช็ดรอยรองเท้าออกจากหน้าของนางก่อนที่นางจะหายตัวไปทันที ดาวสีทองเก้าดวงก็หายไปเช่นกัน
จากนั้นลำแสงสีทองเก้าเส้นก็ร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า
อะไรกัน?ท่านจะมาโจมตีข้าทำไม ทำไมไม่ไปสู้กับคนที่ท่านมีปัญหาด้วยเมื่อสิบกว่าปีที่แล้วล่ะ?!!! ฟางเจิ้งจืออดไม่ได้ที่จะบ่นออกมา
เขาอยากจะยืนดูการต่อสู้เฉยๆด้วยซ้ำ
……………………………………..