ดังคำกล่าวที่ว่าความจริงมักจะโหดร้าย
แผนของฟางเจิ้งจือที่จะหลีกเลี่ยงการต่อสู้นั้นไม่ได้ผลดูเหมือนว่าเฉียนยี่จะไม่ต้องการให้เขาได้พัก
ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือก…
ฟางเจิ้งจือตัดสินใจที่จะเคลื่อนไหวเล็กน้อยขณะที่ลำแสงทั้งเก้าพุ่งลงมาเขาอุ้มปิงหยางและขยับไปด้านข้าง
อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้พาหลินมู่ไปมาด้วย
…
หลินมู่ไป่ตกตะลึงเขาเป็นถึงจักรพรรดิของอาณาจักรเซี่ยผู้มอบตำแหน่งเจ้าชายให้ฟางเจิ้งจือ แต่ฟางเจิ้งจือกลับหนีโดยทิ้งเขาไว้…
เขาวิ่งหนี?
เรื่องตลกอะไรกัน? เขาไม่สามารถเข้าใจได้ว่าเกิดอะไรขึ้นเพราะเขาไม่คิดว่าการโจมตีของเฉียนยี่จะทำอะไรฟางเจิ้งจือได้
ขณะที่เขากำลังหมกมุ่นอยู่กับความคิดของตัวเองเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
ฝ่าบาทขยับไปทางซ้ายสองก้าวหลบการโจมตี!
ซ้าย?! หลินมู่ไป่รู้ว่ามันเป็นเสียงของฟางเจิ้งจือเขาขยับไปด้านซ้ายทันที
อย่างไรก็ตามเขาพบว่ามีปัญหาเกิดขึ้น
เพราะฟางเจิ้งจือยืนอยู่ด้านซ้ายของเขานั่นหมายความว่าเขาจะโดนการโจมตีไปด้วย
เขาให้ข้าเดินเข้าไปหาการโจมตี?!
เขาทรยศข้างั้นรึ?!
หลินมู่ไป่ไม่สามารถอธิบายความรู้สึกตัวเองในขณะนี้ได้สิ่งที่เขาต้องการจะทำในตอนนี้มากที่สุดคือจับฟางเจิ้งจือมาฉีกเป็นชิ้นๆ
อย่างไรก็ตามเขาจะทำอะไรได้ในตอนนี้? ฟางเจิ้งจือข้าไม่มีวันให้อภัยเจ้าต่อให้ข้าจะตายไปแล้วก็ตาม! หลินมู่ไป่ตะโกนด้วยความไม่เต็มใจกับโชคชะตาที่ตัวเองได้รับ
อย่างไรก็ตามก่อนที่เขาจะพูดจบร่างสีขาวได้ปรากฎขึ้นเหนือหัวเขาผมสีดำของนางปลิวไปตามสายลม
เป็นเฉียนยู่
วูบ!
แสงสีเงินเปล่งประกายราวกับดวงจันทร์ลอยอยู่ในอากาศอากาศเยือกแข็งถูกปล่อยออกมาจากร่างของนาง เกล็ดน้ำแข็งลอยอยู่ทั่วอากาศ
ฉากที่น่าทึ่งรวมเข้ากับความงดงามของเฉียนยู่ทำให้เขารู้สึกราวกับกำลังดูระบำใต้แสงจันทร์อยู่
หลินมู่ไปกำลังถูกความงดงามนี้ดึงดูดอยู่
ขณะนั้นเองที่ลำแสงทั้งเก้าได้พุ่งลงมา
ยู่เอ๋อร์…
ตูม! พื้นดินแตกกระจายเศษฝุ่นลอยคลุ้งไปทั่วอากาศ แสงสีทองและสีเงินปะทะกันอย่างรุนแรง ราวกับดวงอาทิตย์กำลังสู้กับดวงจันทร์อยู่
หลินมู่ไป่ถูกกดลงบนพื้นเขากัดฟันแน่นพยายามต้านทานแรงกดดัน
ฝ่าบาทท่านตื่นเต้นไหม? หัวใจท่านเต้นแรงหรือเปล่า? ท่านคงรู้สึกขอบคุณข้าล่ะสิที่ช่วยหาคำตอบว่ายู่เอ๋อร์ยังรักท่านอยู่หรือเปล่า? ด้วยความยินดีเลย! ถ้าท่านอยากจะให้รางวัลข้า ข้าขอแค่ที่ดินเพิ่มสักเล็กน้อย!
…
หลินมู่ไป่ถูกดึงกลับมาสู่โลกความเป็นจริงเพราะเสียงของฟางเจิ้งจือ
เขาพูดไม่ออกจริงๆ
ขอบคุณ?
เขาควรจะขอบคุณฟางเจิ้งจืองั้นหรือที่ทิ้งให้เขาตายอยู่คนเดียว?
คนเราจะไร้ยางอายขนาดนี้ได้อย่างไร?! หลินมู่ไปรู้สึกอยากจะคว้าคอฟาเจิ้งจือและตะโกนใส่หูของเขา ทำไมเจ้าไม่ลองมาสลับที่กับข้าดูล่ะ จะได้รู้ว่ามันมีความสุขไหม?!
อย่างไรก็ตามเขาต้องยอมรับว่าใจลึกๆเขาก็รู้สึกดีที่ฟางเจิ้งจือทิ้งเขาเอาไว้
ฟางเจิ้งจือโอบเอวปิงหยางเอาไว้ขณะมองดูการต่อสู้ของเฉียนยู่และเฉียนยี่
…
ด้านเฉียนยี่นางไม่สามารถทำตามความต้องการของตัวเองคือการไล่ตามฟางเจิ้งจือได้
เนื่องจากเฉียนยู่ขวางทางนางอยู่
ในที่สุดฟางเจิ้งจือก็ได้เพลิดเพลินกับความสงบที่เขาต้องการ
ไร้ยางอายที่สุดเจ้าเอาชีวิตพ่อข้าไปเสี่ยงเพื่อที่เจ้าจะได้หนีจากการต่อสู้ได้เนี่ยนะ?! แม้ว่าปิงหยางจะไรเดียงสา แต่นางก็บอกได้ว่าฟางเจิ้งจือกำลังทำอะไรอยู่
ข้ากำลังทำเพื่อครอบครัวของเจ้าต่างหาก!แม้แม่ของเจ้าจะดีใจที่ได้เจอเจ้า แต่ใครจะรู้ว่านางคิดยังไงกับฝ่าบาท? ฟางเจิ้งจือพูดราวกับทุกอย่างเป็นเรื่องถูกต้อง
งั้นข้าก็ควรขอบคุณเจ้าด้วยงั้นรึ?! ปิง หยาง ถามออกมาอย่างหงุดหงิด
ใช่ไม่อย่างนั้นเจ้าคงต้องทำอาหารเองตลอดหนึ่งปี! ฟาง เจิ้งจือ พยักหน้า
อาหาร?อาหารอะไร? ปิงหยางอยากด่าฟางเจิ้งจือว่าไร้ยางอายแต่อารมณ์ของนางดีขึ้นเมื่อฟางเจิ้งจือพูดถึงเรื่องอาหาร
อาหารชนิดนี้เรียกว่า…หมาล่า!
หมาล่าหรอ?มันคืออะไร?
มันเป็นอาหารที่อร่อยมาก
อืม…มันยากที่จะทำหรือไม่?
มันก็ไม่ได้ยากอะไรจุดสำคัญคือความพยายามในการเลือกส่วนผสม เจ้าอยากเรียนทำอาหารงั้นรึ? ฟางเจิ้งจือโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ
ใช่ข้าอยากเรียน! ปิงหยางพยักหน้าแม้นางจะดูลังเลอยู่บ้าง
ในฐานะหญิงสาวเจ้าไม่ควรแสดงความยับยั้งชั่งใจออกมามากกว่านี้หน่อยงั้นรึ? ฟางเจิ้งจือมองนางด้วยท่าทีแปลกๆ
เจ้ากล้าหลอกข้า!…ข้าจะฟ้องพี่กูเหยียนให้จัดการเจ้า! ปิงหยางสับสนไปครู่หนึ่ง ก่อนจะโต้กลับอย่างรวดเร็ว
ฉือกูเหยียน? หัวใจของฟางเจิ้งจือกระตุกทันทีที่ได้ยินชื่อนาง เขาจำครั้งสุดท้ายที่เจอนางได้ดี
แม้ว่าคำพูดที่นางทิ้งไว้จะไม่มีอะไรพิเศษแต่เขาจำได้ดี
สามเดือนผ่านไป…
ข้ากลายเป็นเซียนแล้วแต่ตอนนี้นางพัฒนาไปถึงไหนแล้วนะ?
นางเป็นสายเลือดของเจ้าแม่หนี่วา!
ถ้านางเป็นเซียนข้าจะยังเอาชนะนางได้อีกไหม? ถ้าเขาเอาชนะนางไม่ได้ คงต้องถูกนางรังแกอย่างที่ปิงหยางพูดแน่นอน ไม่!
…
ขณะที่ฟางเจิ้งจือกำลังหมกมุ่นอยู่กับความคิดอันไร้สาระการต่อสู้ระหว่างเฉียนยี่และเฉียนยู่นั้นกลับรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
แสงสีทองร่วงหล่นจากท้องฟ้าขณะที่แสงจันทร์สีเงินพุ่งขึ้นด้านบน
พลังทั้งสองปะทะกันความร้อนและความเย็นในอากาศนั้นแตกต่างกันชัดเจน
แสงจันทร์นั้นมาจากดวงอาทิตย์น้องข้า แสงจันทร์จะสว่างกว่าแสงอาทิตย์ได้เยี่ยงไร? เสียงของเฉียนยี่ดังขึ้นเหนือฟากฟ้า ขณะที่แสงสีทองสว่างขึ้นเรื่อยๆ
พระอาทิตย์ย่อมมีเวลาที่ตกดินและเกิดสุริยุปราคาพี่ใหญ่อย่ามัวแต่ลุ่มหลงในการเปรียบเทียบแสงอาทิตย์และแสงจันทร์เลย ต่อให้แสงของท่านสว่างกว่าข้าแล้วยังไงล่ะ? เฉียนยู่ตอบกลับ
เห็นได้ชัดว่าเฉียนยู่กำลังตกที่นั่งลำบาก สวะ!คนที่แข็งแกร่งที่สุดถึงจะได้ครอบครองโลกใบนี้ ข้ามีพลังมากกว่าเจ้า เจ้าควรยอมแพ้ไปซะ! เสียงของเฉียนยี่เต็มไปด้วยความดูถูก
คนที่แข็งแกร่งที่สุด?นั่นอาจเป็นจริงในระยะสั้น แต่ควรเจ้ารู้แม้แต่แสงที่สว่างที่สุดก็มีวันดับสิ้น เราต้องรวมกันเป็นหนึ่งเดียวสร้างความก้าวหน้า เพื่อให้หอคอยหลิงหยุนคงอยู่ตลอดไป!
รวมเป็นหนึ่งเดียว?ฮ่าฮ่า เจ้าคิดว่าตอนนี้หอคอยหลิงหยุนยังไม่เป็นหนึ่งเดียวกันอีกหรือ?
นี่ไม่ใช่การร่วมมือที่แท้จริงพี่ใหญ่ถ้าท่านปกครองด้วยความโหดร้าย สักว่านท่านต้องถูกต่อต้าน!
หุบปาก!ตอนที่เจ้าอยู่ในอาณาจักรเซี่ย เจ้าก็ใช้กำลังเพื่อจัดการอาณาจักรอื่นๆ มันเป็นการใช้อำนาจในทางที่ผิดเช่นกัน นอกจากนี้หลังจากเจ้าเห็นศิลาเซียน เจ้าก็ลืมภารกิจที่อาจารย์มอบหมายให้ เจ้าลืมคำสั่งที่จะต้องนำศิลาเซียนกลับมาที่หอคอยหลิงหยุนทันที ?
… เฉียนยู่ไม่ได้โต้ตอบอะไร
อย่างไรก็ตามหลินมู่ไป่ตัวสั่นเมื่อได้ยินเขามองเฉียนยู่ด้วยใบหน้าอันสับสน
ภารกิจ?!
ฮ่าฮ่าฮ่าหลินมู่ไป่ นางยังคงปิดบังท่านมาจนถึงตอนนี้งั้นรึ? เจ้ารู้ไหมว่าทำไมน้องสาวข้าถึงตกลงที่จะเป็นราชีนีอาณาจักรเซี่ยและอยู่กับเจ้าถึงสามปี? เฉียนยี่หัวเราะอย่างเยือกเย็น
ท่านกำลังบอกว่า…ทุกอย่าง…
ใช่แล้วทุกอย่างเป็นส่วนหนึ่งของแผนการที่อาจารย์สั่ง รวมถึงการที่นางอยู่กับเจ้าสามปี ทั้งหมดเป็นการเพื่อชิงศิลาเซียน เจ้ารู้หรือยังว่าเจ้ามันโง่แค่ไหน? น้องสาวของข้าไม่เคยรักเจ้า จริงๆแล้วคนที่เจ้าพบครั้งแรกเป็นข้า ไม่ใช่น้องข้าด้วยซ้ำ!
เป็นท่าน?! หลินมู่ไปไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ได้ยิน
มันไม่ง่ายเลยที่จะเจอองค์จักรพรรดิเพื่อที่จะเร่งสิ่งต่างๆให้ไวขึ้น อาจารย์ของเราสั่งให้พวกเรารอเจ้าในสองที่ที่ต่างกัน ทำให้การพบเจ้าราวกับเป็นเรื่องบังเอิญ น่าเสียดาย คนที่เจ้าพบเป็นข้า แต่คนที่ได้แต่งงานนั้นเป็นเฉียนยู่ ตลกไหมล่ะ? ฮ่าฮ่า… เฉียนยี่หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
ทำไม…พวกท่านทำอย่างนั้นจริงๆหรือ?
ในฐานะเซียนข้าจะแต่งงานกับคนแบบเจ้าได้ยังไง?มีเพียงยู่เอ๋อร์เท่านั้นที่ทำตามคำสั่งอย่างเชื่อฟัง ที่จริงยังมีเรื่องน่าสนใจกว่านี้อีก!
…?
ทำเจ้าไม่ลองเดาดูล่ะ?ทำไมทุกคนในโลกนี้ถึงรู้เรื่องเกี่ยวกับศิลาเซียนที่เจ้าเอาออกมา?
มัน…มันเป็นเพราะท่าน!
มันแน่นอนเป็นยู่เอ๋อร์ที่บอกเรื่องนี้กับข้าและนางยังเคย0tแอบพาข้าเข้าไปในวังเพื่อศึกษาศิลาเซียนด้วยกัน เธอไม่ใจกว้างเหรอ? นางใจกว้างใช่ไหมล่ะ? ่น่าเสียดายที่ข้าไม่ต้องการความเอื้ออาทรของนาง หากข้าต้องการศิลาเซียน ข้าสามารถเอามันมาด้วยตัวเองได้ ใช่ไหมน้องข้า?
พี่ใหญ่ท่านไร้เดียงสายิ่งนักคิดว่าเรื่องพวกนี้จะทำให้ข้าหวั่นไหวได้งั้นรึ?
หวั่นไหว?ใช่แล้ว ยู่เอ๋อร์รักข้าจริงๆ เรื่องพวกนี้ไม่มีทางเป็นจริง…เฉียนยี่คิดว่าข้าจะเชื่อท่านงั้นรึ?! หลินมู่ไป่สามารถกลับมานิ่งสงบได้อีกครั้ง
ไม่พี่ของข้าพูดถูกข้าตกลงที่จะแต่งงานกับเจ้าเพราะคำสั่งของอาจารย์ อย่างไรก็ตามข้าไม่คาดคิดว่าทุกอย่างจะกลายเป็นแบบนี้
ทันใดนั้นเงาสีทองก็ปรากฎขึ้นด้านหลังนางร่างนั้นแทบจะผสานเข้ากับสีทองของท้องฟ้า
มันปะทะเข้ากับหลังของเฉียนยู่ในทันที ตูม!
สีหน้าของนางเปลี่ยนไปพร้อมกับร่างที่กระเด็นไปด้านหน้า
ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วไม่มีใครตั้งตัวได้ทัน
ยู่เอ๋อร์! หลินมู่ไปดวงตาแดงก่ำ แสงสีทองเปล่งออกมาเช่นกัน เขาเปิดใช้งานดวงตามังกรมรกตแล้วพุ่งเข้าไปด้านหลังของเฉียนยู่ทันที
……………………………………..