เพียงประโยคที่หนานกงมู่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความคิดของหนานกงเทียนได้
หนานกงมู่เลิกสนใจเรื่องนั้นเขาหันไปมองผลไม้แทน
เขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วแม้จะอยู่ในหิมะแต่เขาก็ใช้เวลาสักพักกว่าจะไปถึงยอด
ผ่านไป10 นาที …
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป…
หนานกงมู่มองไม่เห็นคนที่ยืนอยู่ด้านล่างอีกต่อไป
ในทางกลับกันผลไม้ที่คมชัดกำลังเข้าใกล้ในทางกลับกันเขามองเห็นผลไม้ลูกนั้นชัดเจนมากขึ้น
หนานกงมู่หยุดยืนหลังห่างจากผลไม้ลูกนั้น10เมตรเพราะมีสัตว์ตัวหนึ่งอยู่ใกล้ๆผลไม้ ดวงตาสีเขียวของมันจ้องมองหนานกงมู่อย่างดุร้าย สภาพอากาศแบบนี้เป็นเรื่องยากมากที่นกแร้งสีทองจะปรากฎตัวขึ้น
อย่างไรก็ตามหนานกงมู่ไม่ได้แปลกใจนัก
เขารู้ดีว่าสัตว์บางทีมีประสาทสัมผัสที่คมชัดกว่ามนุษย์
ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันเขากำลังเสียเปรียบ
นกแร้งสามารถโจมตีเขาได้อย่างอิสระแต่เขาไม่สามารถออกห่างจากต้นไม้ไปได้มาก
อย่างไรก็ตามหนานกงมู่ไม่กลัวเขาค่อยๆดึงดาบคู่ของเขาออกมาและชี้ไปที่นกแร้งตัวนั้น
หลีกไปหรือตาย!
แกว้ก!
การสนทนาของทั้งสองจบลงในทันทีและการต่อสู้ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
เสียงดาบเหล็กปะทะเข้ากับกรงเล็บของนกแร้งตัวนะเน
หนานกงเทียนจ้องมองยอดต้นไม้จากด้านล่าง
เขามีท่าทางอันเฉยเมยปล่อยให้หิมะร่วงหล่นบนตัวของเขาโดยไม่ปัดออก
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
หนานกงเทียนไม่ได้คำนวณว่าเวลาผ่านไปเท่าไรแล้ว
แต่ตอนนี้หิมะหยุดตกลงมาจากต้นไม้
ทันใดนั้นร่างขนาดใหญ่ร่วงลงมาจากท้องฟ้าปะทะเข้ากับพื้นหิมะ กลายเป็นหลุมขนาดใหญ่
จากนั้นก้มีอีกคนร่วงลงมา
เป็นหนานกงมู่
ทั้งร่างปกคลุมไปด้วยเลือดรอยขีดข่วนเต็มไปทั่วร่างกายของเขา
อย่างไรก็ตามหนานกงมู่ไม่พูดอะไรสักคำเขาเพียงแค่จ้องมองผลไม้ในมือเงียบๆ รักษาแผลของเจ้าซะผลไม้จะมีประสิทธิภาพมากสุดเมื่อถูกเด็ดจากต้นใหม่ แต่ตอนนี้เจ้าบาดเจ็บมากเกินไป ประสิทธิภาพของมันไม่ลดลงมากในช่วงสามวันต่อจากนี้ เจ้าควรไปพักผ่อนก่อน… หนานกงเทียนขมวดคิั้วมองอาการบาดเจ็บของหนานกงมู่ จากนั้นเขาก็ต้องแปลกใจ เพราะเขายังพูดไม่ทันจบ
หนานกงมู่ได้กลืนผลไม้ลงไปแล้ว
มู่เอ๋อร์!!
อ้ากก!!! เขาคำรามออกมาด้วยความเจ็บปวดเป็นอย่างมาก
หนานกงเทียนรู้สึกขัดแย้งเมื่อเห็นภาพตรงหน้าเขาไม่เข้าใจทำไมหนานกงมู่ถึงทำแบบนี้
แต่ทุกอย่างก็เกิดขึ้นแล้ว
เขากลืนผลไม้เข้าไปและกำลังดิ้นทุรนทุกรายอยู่บนพื้น
อ้าก!! ตอนนี้ทั้งตัวของเขาถูกปกคลุมด้วยน้ำค้างแข็งโดยสมบูรณ์
หนานกงมู่หยุดเคลื่อนไหวหลังจากผ่านไปสักพักชั้นน้ำแข็งบนร่างกายของเขาหนาขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้มีสภาพคล้ายกับโรงศพน้ำแข็ง
มู่เอ๋อร์… หนานกงเทียนจ้องมองโลงศพน้ำแข็งเงียบๆ
ไม่มีใครรรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่แต่อยู่ดีๆน้ำตาของเขาก็ไหลออกมา
ผู้นำตระกูลหนานกงคนปัจจุบันผู้ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความไร้หัวใจ กลับมีน้ำคาไหลออกมาเมื่อมองร่างของหนานกงมู่
หนานกงเทียนไม่ได้เคลื่อนไหวหรือทำลายโลงศพน้ำแข็ง เพราะเขารู้ดีว่าเมื่อหนานกงมู่ทานผลไม้เข้าไปแล้ว น้ำแข็งจะเข้าปกคลุมทุกส่วนของร่างกาย ไม่เว้นแต่อวัยวะภายใน หนานกงมู่จะไม่กลับมามีชีวิตต่อให้เขาช่วยก็ตาม
เขาไม่ได้ช่วยหนานกงมู่แต่เขาก็ไม่ได้จากไป
เขาเพียงยืนเงียบๆจมอยู่ในความคิด
ในที่สุดท้องฟ้าก็เริ่มมืดแต่ร่างที่อยู่ใต้ต้นไม้ยังสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
เห้อ… ในที่สุดหนานกงเทียนก็ถอนหายใจ จากนั้นเขาก็หันหลังและเดินไปทางแผ่นหินที่ตั้งอยู่
รอยเท้าลากยาวไปตามพื้น
แม้แต่รอยเท้าของเขาก็ไม่สามารถปกปิดความเศร้าที่มีเอาไว้ได้
ดั่งคำพูดในอดีต เจ้าจะรู้ความสำคัญของมัน เมื่อสูญเสียมันไปแล้วจริงๆ
อย่างไรก็ตามทันใดนั้นหนานกงเทียนได้ยินเสียงแตกเล็กน้อย
มันเบามากจนแทบไม่ได้ยิน
หนานกงเทียนหยุดยืนนิ่งริมฝีปากของเขากระตุกอย่างควบคุมไม่ได้ ดวงตาแดงก่ำ
อารมณ์ของเขาพุ่งทะยานราวกับภูเขาไฟระเบิดแม้แต่อากาศหนาวก็ไม่สามารถหยุดมันได้
หนานกงเทียนหันหน้าไปมองโลงศพน้ำแข็งที่ถูกหิมะปกคลุมช้าๆตอนนี้มันมีรอยแตกปรากฎขึ้นเล็กน้อย
มู่เอ๋อร์เจ้า…เจ้าทำมันได้แล้ว! หนานกงเทียนกำมือแน่นและอุทานออกมา
มีรอยแตกเพิ่มขึ้นบนโลงน้ำแข็งเรื่อยๆจนสุดท้ายโลงน้ำแข็งก็แตกออก
ตูม!
เศษน้ำแข็งลอยกระจายไปทั่ว
ไม่มีอะไรเหลืออยู่บนพื้นยกเว้นชั้นน้ำแข็งบางๆ
ไม่นานร่างของชายคนหนึ่งก็ปรากฎขึ้นอาการบาดเจ็บทั้งหมดของเขาได้หายไป ร่างกายของเขาดูแข็งแกร่งขึ้นกว่าแต่ก่อน
ท่านพ่อข้าพร้อมแล้ว ชายหนุมพูดออกมาเรียบๆ ดวงตาของเขาเปล่งประกาย
เยี่ยม…เยี่ยมมาก! หนานกงเทียนอดไม่ได้ที่จะพูดออกมาจากนั้นเขาก็ตะโกนขึ้นไปบนท้องฟ้า เหล่าบรรพบุรุษของตระกูลหนานกง เวลาที่พวกเรารอมาเป็นหมื่นปีได้มาถึงแล้ว!
…
ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ศาลาเต๋าสวรรค์
ทั่วทั้งบริเวณตกอยู่ในความเงียบ
หนานกงเฮาสวมชุดสีขาวยืนอยู่ต่อหน้าผู้อาวุโสหกและศิษย์คนอื่นๆอย่างไรก็ตามทุกคนดูเหมือนจะอยู่ในความงุนงง ดวงตาไร้ชีวิต
รูม่านตาของพวกเขาหดลงพวกเขาไม่สามารถเห็นอะไรได้เลยนอกจากความเงียบ
เลือดไหลออกมาจากปากพวกเขาไหลมารวมกันที่พื้น
นี่เแต่มีบางอย่างที่แย่กว่านั้น…
สายเลือดขนาดใหญ่ไหลออกมาจากร่างของผู้อาวุโสหกและศิษย์ทุกคนก่อนจะเข้าไปรวมกันที่ร่างของหนานกงเฮา
สัญลักษณ์สีแดงบนใบหน้าของเขาเปล่งประกายขึ้นเรื่อยๆ
สัญลักษณ์วิชาสังเวยเลือดปรากฎขึ้นที่ตาขวาของหนานกงเฮาราวกับมันกำลังดูดกลืนเลือดอยู่
ในที่สุดกลิ่นเลือดที่แผ่กระจายก็หายไป
สัญลักษณ์สีแดงบนใบหน้าของหนานกงเฮา รวมถึงสัญลักษณ์วิชาสังเวยเลือดก็หายไป ทุกอย่างกลับสู่ความสงบ
อย่างไรก็ตามมันเป็นความสงบที่อยู่ท่ามกลางความตาย
นั่นเป็นเพราะร่างไร้ชีวิตของผู้อาวุโสหกและศิษย์คนอื่นๆล้มลงบนพื้นอย่างรุนแรง
หนานกงเฮายืนมองเงียบๆราวกับเขาไร้หัวใจไปแล้วอย่างไรก็ตามด้วยเหตุผลบางอย่าง บนใบหน้าหน้าของเขาปรากฎร่องรอยของความเศร้าอยู่เล็กน้อย
ท้องฟ้าค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีดำ
หนานกงเฮาไม่ได้กล่าวอะไรเขาค่อยๆเดินไปที่หน้าผา เขารู้ว่ามีศิษย์มากมายที่นี่พวกเขาคอยปกป้องศาลาเต๋าสวรรค์อยู่
หนานกงเฮาหยุดอยู่ตรงนั้น!
เจ้ากล้าฆ่าอาจารย์ได้ยังไง?!เจ้ารู้ถึงความผิดที่เจ้าได้ทำไปไหม?
เจ้าไม่กลัว…
ศิษย์ทั้งสามคนพูดไม่จบเพราะพวกเขาไม่สามารถพูดได้อีกแล้ว จิตสังหารที่หนานกงเฮาปล่อยออกมา ทำให้พวกเขาขยับตัวไม่ได้
ปีศาจ…เขาเป็นปีศาจฆ่าเขาซะ!
ตายซะ!
การต่อสู้เกิดขึ้นชั่วพริบตาก่อนที่ทุกอย่างจะเงียบลงอีกครั้ง
ร่างไร้ชีวิตจำนวนมากนอนอยู่บนพื้นทุกคนล้วนเบิกตากว้างด้วยความหวาดกลัวทุกสายตาของพวกเขาเปิดกว้างที่เต็มไปด้วยความเสียใจ, ความน่ากลัวและความสิ้นหวังและสิ้นหวัง
… ภูเขาสวรรค์
มันตั้งอยู่ชายแดนของศาลาเต๋าสวรรค์และหุบเขาฟู่ซี่ด้านบนยอดเขานั้นเป็นพื้นที่ราบเรียบถูกเรียกว่า’ยอดสวรรค์’
มีลานสีขาวอยู่บน’ยอดสวรรค์’ และมีรูปปั้นหินรูปมนุษย์สูงตระหง่านห้ารูปอยู่รอบๆลาน พวกมันใส่ชุดปละอุปกรณ์ที่แตกต่างกันห้าชุด
รอบๆเป็นที่นั่งล้อมรอบลานคล้ายสนามประลองแบบโบราณ
’การประชุมพันธมิตรสวรรค์’จะถูกจัดขึ้นที่นี่
แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะมาถึงที่นี่ในตอนนี้เพราะภูเขาลูกนี้สูงกว่าเดิมเกือบสามเท่า เพราะเหตุกาณ์แปลกๆที่เกิดขึ้นทั่วโลก
สัตว์ร้ายจำวนมากหากินอยู่บริเวณภูเขาแห่งนี้พร้อมกับป่าอันหนาทึบและสายลมอันรุนแรงตลอดปี
……………………………………..