เจ้าแม่หนี่วา! มู่ฉิงเฟิงมองไปรอบๆก่อนจะพูดออกมา
เจ้าแม่หนี่วา?!
เอ๊ะ? อะไรกัน…
จะมีบันทึกเกี่ยวกับเจ้าแม่หนี่วาได้ยังไงกัน?
แม้ว่าพวกเขาจะเตรียมใจไว้แล้วตอนที่มู่ฉิงเฟิงพูดว่าเขาได้พบโบราณสถานแต่ทุกคนก็ยังสับสนเมื่อมู่ฉิงเฟิงพูดคำว่าเจ้าแม่หนี่วาออกมา
นั่นเพราะโบราณสถานไม่น่าจะมีอะไรเกี่ยวข้องกับเจ้าแม่หนี่วาแม้แต่น้อย
ทุกคนรู้จักชื่อของเจ้าแม่หนี่วาดี
อย่างไรก็ตามมันต่างจากการที่ชื่อนางปรากฎอยู่ในบันทึกตัวตนของนางนั้นเคยปรากฎขึ้นมาเกือบหมื่นปีก่อน
หรือโบราณสถานนั่นมีอายุเป็นหมื่นปี?! ไม่มีทางเป็นไปได้
แม้พวกเขาจะไม่เชื่อแต่พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นเพราะมู่ฉิงเฟิงเป็นคนประกาศข่าว
ข้ารู้ว่าพวกท่านอาจจะไม่เชื่อข้าแต่ข้าพูดความจริง ชื่อของเจ้าแม่หนี่วาถูกกล่าวถึงหลายครั้งในบันทึก ข้าจึงเรียกสถานที่แห่งนั้นว่าโบราณสถาน มู่ฉิงเฟิงกล่าวอย่างมั่นใจ
ท่านช่วยบอกเนื้อหาของบันทึกนั่นให้พวกเรารู้ได้ไหม?’
เนื่องจากมันเป็นคัมภีร์โบราณข้าจึงไม่สามารถเข้าใจเนื้อหาของมันได้ทั้งหมด ดังนั้นข้าจึงทำได้แค่สรุปเนื้อหาบางส่วน ยิ่งกว่านั้นคัมภีร์นั้นถูกบันทึกไว้บนก้อนหิน ข้าจึงไม่สามารถเอามันออกมาได้ ข้าพอจะทำความเข้าใจเนื้อหาคร่าวๆได้เท่านั้น
ข้าเกรงว่าคงไม่มีใครชำนาญด้านภาษาโบราณมากไปกว่าท่านแล้วท่านอย่าถ่อมตัวไปเลย งั้นในเมื่อทุกคนเชื่อใจข้า ข้าจะกล่าวถึงเนื้อหาของมันและตัดสินใจร่วมกัน
เชิญท่านกล่าวมาได้เลย
รายละเอียดมีอยู่สามส่วนส่วนแรกพูดถึงเวลาที่สวรรค์และโลกเพิ่งถูกสร้างขึ้น ความวุ่นวายส่งผลให้เกิดความไม่มั่นคงของสวรรค์และโลกและนำไปสู่หายนะครั้งใหญ่!
หายนะครั้งใหญ่?
ใช่แล้วมันกินเวลานานมาก เปลวไฟร่วงหล่นจากท้องฟ้า พร้อมกับสายฟ้าที่ผ่าลงมาบนโลกอย่างไม่หยุดยั้ง บางครั้งแม้แต่อุกาบาตก็ตกลงมาบนโลก มู่ฉิงเฟิงหยุดพูดพร้อมหันไปมองผู้ฟังรอบๆ
ทุกคนกำลังเงียบราวกับกำลังจินตนาการถึงเหตุการณ์ที่มู่ฉิงเฟิงกล่าวช่วงเวลาในตอนนั้นต้องโหดร้ายแค่ไหนกัน?
ส่วนที่สองนั้นยุ่งยากเล็กน้อยหรืออาจเป็นเพราะความรู้ที่จำกัดของข้า ทำให้ถอดข้อความได้ไม่ครบ มันพูดถึงการที่เจ้าแม่หนี่วานำมนุษย์ไปเจอต้นตอของหายนะ จากนั้นนางจึงเริ่มทำการแก้ไขสวรรค์ รวมถึงการลงโทษจากสวรรค์ด้วย…
แก้ไขสวรรค์เหรอ?
ใช่แล้วแก้ไขสวรรค์!
แล้วจากนั้นเกิดอะไรขึ้น?
ข้าไม่สามารถทำความเข้าใจเนื้อหาที่เหลือได้แต่ถ้าให้ข้าเดาเนื้อหาที่เหลือน่าจะพูดถึงวิธีที่เจ้าแม่หนี่วาใช้แก้ไขสวรรค์ มู่ฉิงเฟิงส่ายหน้าพร้อมพูดออกมา
อืมพวกเราก็เห็นด้วยในส่วนนี้! ทุกคนพยักเป็นการเห็นด้วยเบาๆ
ส่วนที่สามเองก็ยากที่จะเข้าใจด้วยความรู้ที่จำกัดของข้าร่วมกับฉือกูเหยียน ในหลายเดือนนี้ ข้าสามารถถอดความได้เพียงไม่กี่วลีเท่านั้น
วลี?ท่านโปรดบอกพวกเรา!
วลีแรกคือ ‘ปิด’ จากส่วนก่อนหน้านี้ข้าเชื่อว่ามีการอ้างถึงความจริงที่ว่าสวรรค์ได้รับการแก้ไขและเส้นทางสู่สวรรค์อาจจะถูกปิดไป …
ประตูงั้นรึ? พวกเขามองหน้ากันราวกับกำลังจะพูดบางอย่าง แต่พวกเขาไม่รู้ว่าควรจะเริ่มต้นยังไงดี
ข้าสามารถสรุปได้ในวลีที่สองคือ’ประตูแห่งพระเจ้า’…วลีนี้ปรากฎขึ้นหลายครั้งเช่นกัน!
ประตูแห่งพระเจ้า!
วลีที่สามคือเหตุผลที่ข้ารวบรวมพวกท่านทั้งหมดมาที่นี่เพราะมันคือ ‘ภูเขาสวรรค์’! มู่ฉิงเฟิงกล่าวออกมาหลังจากหายใจลึกๆ
ภูเขาสวรรค์?ปิด? ประตูแห่งพระเจ้า?
หรือมันหมายความว่าประตูแห่งพระเจ้าที่ภูเขาสวรรค์ได้ถูกปิดไปแล้ว?
มันจะง่ายขนาดนั้นเลยงั้นหรือ?
ทุกคนต่างคาดเดาแต่ไม่มีใครรู้ว่าสิ่งที่ถูกต้องเป็นเช่นไรกันแน่ ท่านมู่! ใครบางคนจากหุบเขาฟู่ซี่ลุกขึ้น เคราของเขาเป็นสีขาวและเขาสวมเสื้อคลุมยาวสีเทาปักด้วยคำโบราณสองคำ ‘ฟู่ ซี่’
เขาเป็นผู้อาวุโสของหุบเขาฟู่ซี่กู่หยวน
ผู้อาวุโสกู่เชิญกล่าวออกมาได้เลย มู่ฉิงเฟิงรู้ว่าผู้อาวุโสกู่มีบางอย่างจะพูด
ท่านคงไม่ได้รวบรวมพวกเรามาเพราะเรื่องรายละเอียดในบันทึกนั้นอย่างเดียวหรอกใช่ไหมถ้าแค่นั้นท่านคงไม่จำเป็นต้องชวนพวกเรามารวมตัวกันที่นี่? ริมฝีปากของกู่หยวนเหยียดยิ้มก่อนจะแสดงความเคารพมู่ฉิงเฟิง
ท่านพูดถูก!
ท่านมู่แล้วทำไมพวกเราถึงต้องจัดการประชุมขึ้นด้วล่ะ?
ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วยกับคำถามของกู่หยวน
ฮ่าฮ่าผู้อาวุโสกู่พูดถูกข้าเชิญทุกคนมาที่นี่ด้วยเหตุผลสองประการ เหตุผลแรกคือแจ้งข่าวเกี่ยวกับโบราณสถาน ส่วนที่สองคือข้าต้องการเชื่อมโยงสิ่งแปลกๆที่เกิดขึ้นบนโลกกับโบราณสถานนั่น!
ท่านกำลังพูดว่ามันเกี่ยวข้องกันงั้นหรือ?
ข้ามั่นใจว่าการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนั้นเริ่มที่โบราณสถานก่อนที่จะกระจายตัวออกไปโดยรอบ!
ท่านจะบอกว่ามันเกิดขึ้นเพราะการปรากฎตัวของโบราณสถานงั้นหรือ?
มันจะเป็นไปได้ยังไง?
ทุกคนเต็มไปด้วยความไม่เชื่ออย่างไรก็ตามเห็นได้ชัดว่ามู๋ฉิงเฟิงกำลังพูดความจริง
ความเงียบเกิดขึ้นเพราะในที่สุดทุกคนก็รู้ว่าทำไมมู่ฉิงเฟิงถึงจัดการประชุมนี้ขึ้น
มู๋ฉิงเฟิงยังคงพูดต่อไป ข้าคาดเดาไปในสองทาง ทางที่ดีคือเมื่อมีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้นนั่นหมายถึงโอกาสเช่นกัน โอกาสที่จะพบเจอสมบัติโบราณชั้นยอด! สมบัติโบราณ?!
ใช่แล้วในเมื่อคัมภีร์โบราณยังปรากฎขึ้นได้ ข้าเชื่อว่ามีโอกาสที่สมบัติเช่นนี้จะปรากฎขึ้นอีก
ใช่แล้วมันถือเป็นโอกาสที่ยอดเยี่ยมมาก!
ความประหลาดใจของทุกคนถูกแทนที่ด้วยความดีใจในทันทีเมื่อได้ยินเรื่องสมบัติพวกเขาสามารถสร้างตัวได้แม้จะเจอสมบัติแค่ชิ้นเดียวก็ตาม
ข้ารู้ว่าทุกคนอยากได้สมบัติอันล้ำค่าอย่างไรทุกอย่างย่อมมีสองด้าน การคาดเดาครั้งที่สองของข้าเกี่ยวข้องกับภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้น ข้าเชื่อว่าเหตุการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นอาจจะเกี่ยวข้องกับการลงโทษของสวรรค์ที่กล่าวไว้ในบันทึก!
การลงโทษของสวรรค์?!
มันจะเกิดขึ้นกับพวกเราอีกครั้งงั้นรึ?
มันคงไม่จริงหรอกใช่ไหม? ทุกคนหันมองหน้ากันด้วยความหวาดกลัวพวกเขาไม่ต้องการให้เรื่องร้ายเกิดขึ้น
่
เพราะไม่มีใครรู้คำตอบว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือไม่
ถึงแม้ข้าคิดว่ามันไม่เหมือนกันแต่ก็ใช่ว่าโอกาสที่เกิดขึ้นจะเป็นศูนย์ ดังนั้นพวกเราต้องเตรียมการไว้ก่อน!
ท่านมู่มีแผนยังไง?
ข้าว่าเราต้องตั้งกฎเกณฑ์ใหม่ขึ้นมาเพื่อลดกการสูญเสียและความวุ่นวายที่อาจจะเกิดขึ้น! มู่ฉิงเฟิงพูดด้วยความจริงจัง
ท่านมู่พูดถูก!
ใช่พวกเราต้องคิดกฎขึ้นมา ไม่อย่างนั้นสถานการณ์ต้องวุ่นวายแน่นอนเมื่อมีสมบัติปรากฎขึ้น!
จะเกิดอะไรขึ้นถ้ามันเป็นการลงโทษของสวรรค์?
ใช่ถ้าเป็นแบบนั้นการตั้งกฎขึ้นก็เป็นเรื่องที่สำคัญมาก!
ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วยกับคำแนะนำของมู่ฉิงเฟิงไม่มีอะไรสำเร็จได้ถ้าไร้กฎเกณฑ์ นี่คือ ความสำคัญสูงสุดของพวกเขาอย่างแน่นอนเนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงที่แปลกประหลาดเกิดขึ้นทั่วโลก
ท่านมู่ท่านคงคิดไว้ในใจคร่าวๆแล้วใช่หรือไม่? ผู้อาวุโสกู่พยักหน้าและถามเพิ่มเติม
ตอนแรกข้าคิดว่าทั้งห้าสำนักควรหารรือร่วมกันและจัดแจงเขตแดนให้ชัดเจน อย่างไรก็ตามข้าว่ามันจะนำไปสู่ปัญหาอื่นๆ เช่าถ้ามีสมบัติปรากฎขึ้นมันต้องนำมาซึ่งปัญหาความไม่สมดุลในแดนศักดิ์สิทธิ์แน่นอน ในทางกลับกันถ้าการลงโทษของสวรรค์เกิดขึ้น สำนักอื่นๆจะเข้าช่วยเหลือได้ยังไง? มู่ฉิงเฟิงอธิบายต่อไป
ทุกคนต่างก็เหลือบมองกันอย่างสังหรณ์ใจไม่มีใครพูดอะไรเพราะพวกเขารู้ว่ามู่ฉิงเฟิงพูดถูก
ความทะเยอทะยาน! อยู่คู่กับมนุษย์ไม่เคยเปลี่ยนแปลง
หากสำนักใดทรงพลังมากเกินไปพวกเขาย่อมต้องจัดการกับสำนักอื่นๆและทำลายสมดุลลงในที่สุด
ข้าเชื่อว่าทุกคนรู้ว่าข้าพูดอะไรอยู่ใช่ว่าสมบัติจะปรากฎขึ้นทุกที่ มันจะไม่มีประโยชน์ถ้ามีคนไม่สนกฎ ถ้าเป็นแบบนี้มีเพียงความวุ่นวายเท่านั้นที่รออยู่
ทุกคนยังคงนิ่งเงียบไม่มีใครไม่เห็นด้วยกับมู่ฉิงเฟิง สมบัติไม่สามารถแจกจ่ายทุกคนได้อย่างเท่าเทียม
ท่านกำลังจะบอกว่าพวกเราควรสร้างลำดับชั้นในแดนศักดิ์สิทธิ์งั้นหรือ? เสียงอีกเสียงดังขึ้นมาจากทางหุบเขาฟู่ซี่ แต่มันไม่ใช่เสียงของกู่หยวน
เป็นชายแก่ตัวผอมที่ใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอย ขนคิ้วของเขายาวจนเกือบถึงเอว
เขาไม่ได้โดดเด่นแต่นั่งอยู่หน้าสุดของหุบเขาฟู่ซี่ เขาคือโม่ฉานฉือผู้นำคนปัจจุบันของหุบเขาฟู่ซี่
ทุกคนรู้ว่าโม่ฉานฉือพูดอะไรออกมา
หากห้าสำนักของภูมิภาคศักดิ์สิทธิ์สร้างลำดับชั้นขึ้นมาก็สามารถป้องกันความขัดแย้งใดๆที่อาจเกิดขึ้นเนื่องจากการกระจายสมบัติที่ไม่สม่ำเสมอได้
อย่างไรก็ตามนั่นจะแก้ปัญหาเฉพาะในห้าสำนักเท่านั้น
ตามคำกล่าวที่ว่า’ทหารที่ไม่ต้องการเป็นแม่ทัพไม่ใช่ทหารที่ดี’
ไม่มีใครยอมเป็นทหารตลอดชีวิต
นอกจากนี้ท่ามกลางช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยโอกาสมากมายไม่มีใครเต็มใจทำตามคำสั่งของคนอื่นและยอมเป็นเด็กดีอยู่เฉยๆแน่นอน
ที่สำคัญที่สุดคือทุกคนรู้ว่าพวกเขาไม่มีความสำคัญอะไรเลยในสายตาทั้งห้าสำนักไม่มีใครสนความเป็นความตายหรอกพวกเขา ผู้นำโม่พูดถูก นั่นคือ ความตั้งใจ ของข้าอย่างไรก็ตามมีความแตกต่างบางอย่าง หากพวกเรายังคงรักษาแต่ผลประโยชน์ของทั้งห้าสำนัก คงจะมีแต่ความขัดแย้งที่เพิ่มขึ้น ดังนั้นจะต้องมีลำดับชั้นเพื่อให้สามารถสร้างกฎได้ อย่างไรก็ตามข้าตั้งใจจะรวมทั้งสี่อาณาจักรและสำนักอื่นๆด้วย! มู่ฉิงเฟิงพูดอย่างมั่นใจพร้อมมองไปรอบๆ
รวมทั้งสี่อาณาจักรและสำนักอื่นๆด้วย?!
มันจะเป็นไปได้ยังไง?
มีคนมากมายที่นี่ พวกเราคงไม่สามารถสร้างกฎเกนฑ์ผ่านการเจรจาได้ง่ายๆหรอกใช่ไหม? หรือมันจะเป็นการทดสอบระดับสติปัญญา ทดสอบพลัง?
ทุกคนมีความขัดแย้งมากขึ้นเมื่อพวกเขาได้ยินคำแนะนำของมู่ฉิงเฟิงเพราะพวกเขาไม่รู้ว่ามู่ฉิงเฟิงจะใช้วิธีใดในการจัดลำดับชั้นขึ้นมา
……………………………………..