ชิวจิ้งเฟิงเบิกตากว้างเขาเข้าร่วมกับศาลาเต๋าสวรรค์มานานมากแล้ว ทั้งยังเป็นศิษย์พี่ของศิษย์ส่วนมาก
อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้เป็นที่สนใจมากนัก จนเมื่อไม่นานมานี้จู่ๆมู่ฉิงเฟิงก็เรียกเหล่าศิษย์ที่มีอายุน้อยกว่า 30 มารวมกัน
ตอนนั้นเองที่ชิวจิ้งเฟิงรู้ว่าโอกาสที่เขารอคอยได้มาถึงแล้ว
ได้เวลาที่เขาจะส่องประกาย
ไม่ใช่ทุกคนที่จะทำได้แม้พวกเขาจะได้รับโอกาสนั้นก็ตาม มันต้องใช้เวลาในทุกๆวันฝึกอย่างหนัก จนชิวจิ้งเฟิงทำได้ในที่สุด
แม้เขาจะไม่เป็นที่รู้จักมาก่อนแต่เขาก็ไม่คิดยอมแพ้เพื่อที่จะเข้าสู่ระดับเซียน
ในวันที่การฝึกฝนอย่างเอาเป็นเอาตายจบลงมู่ฉิงเฟิงได้เลือกเขา
เขาได้รับเลือกจากศิษย์นับร้อยและจะไม่ทำให้มู่ฉิงเฟิงต้องผิดหวัง ในที่สุดเขาก็เข้าสู่ระดับเซียนได้
อย่างน้อยเขาก็ภูมิใจในตัวเองอย่างมากที่กลายเป็นเซียนได้
อย่างไรก็ตามตอนนี้…
เมื่อเขาจ้องมองดาบยาวที่อยู่ตรงหน้าเขาไม่ได้ยินอะไรอีกเลย แม้แต่เสียงลมหรือหิมะที่ตกลงมา แม้แต่มู่ฉิงเฟิงที่ตะโกนเรียกเขา
เขาได้ยินเพียงเสียงเต้นของหัวใจเท่านั้น
ตึกตึก…ตึกตึก
มันเป็นเสียงของหัวใจที่เต้นรัวและหวาดกลัวเล็กน้อย ความกลัว ความสิ้นหวัง และไม่เต็มใจที่จะยอมรับชะตากรรมของตนเองได้ปะทุขึ้น
อ้าก!! ชิวจิ้งเฟิงใช้ดาบสั้นแทงไปที่หนานกงมู่ด้วยมือซ้าย
นี่ใช่ไม่การเคลื่อนไหวของชายที่เยือกเย็นแต่เป็นวิธีปลดปล่อยอารมณ์ความรู้สึกที่อัดแน่นออกมา
ฟุ่บ!เลือดพุ่งออกมาในขณะที่ดาบของหนานกงมู่แทงมาที่หน้าอกของเขา
เวลาดูเหมือนจะหยุดลงชั่วขณะ
ชิวจิ้งเฟิงยืนอยู่เงียบๆดาบปักอยู่บนหน้าอกของเขา และส่องแสงสีขาวออกมา
มันให้ความรู้สึกที่หนาวเย็น
มันเย็นมากจนมือของเขาแข็งตัว
แคล้ง!ดาบในมือของเขาตกลงสู่พื้น
ดาบสั้นหยุดอยู่กลางอากาศไม่พุ่งต่อไปด้านหน้า มันถูกหยุดไว้โดยดอกไม้น้ำแข็ง
เจ้าแพ้แล้ว! เสียงของหนานกงมู่ดังขึ้นมา จากนั้นชิวจิ้งเฟิงก็รู้สึกว่าดาบค่อยๆถูกดึงออกจากหน้าอกอย่างรวดเร็ว พร้อมกับความเจ็บปวดที่แสนสาหัส
ใช่ข้าแพ้แล้ว… ชิวจิ้งเฟิง ตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา และล้มลงบนพื้น
ดาบของข้าแทงอยู่เหนือหัวใจของเจ้าไปครึ่งนิ้วมิติพิเศษของเจ้าจะถูกผนึกไว้เป็นเวลา 7 วัน! หนานกงมู่พูดอีกครั้ง น้ำเสียงของเขายังคงไร้อารมณ์เหมือนเมื่อก่อน
ครึ่งนิ้ว?7 …7 วัน … ชิวจิ้งเฟิงตกใจก่อนที่เขาจะรู้สึกประหลาดใจ อย่างไรก็ตามมันถูกแทนที่ด้วยความไม่เชื่อ
ถูกต้องแล้วเขาไม่อยากจะเชื่อแม้แต่น้อย
ไม่ใช่เพราะว่าเขาไม่ไว้ใจหนานกงมู่
เขาไม่คิดว่าหนานกงมู่จะสามารถควบคุมตำแหน่งของดาบได้อย่างแม่นยำทั้งๆที่อยู่ในการต่อสู้ที่ดุเดือด
เว้นแต่ว่าหนานกงมู่จะแข็งแกร่งกว่าเขามากจนเขาไม่สามารถเอาชนะได้
ทำไม? ชิวจิ้งเฟิงไม่เข้าใจว่าทำไมหนานกงมู่ถึงไว้ชีวิตเขา เพราะเขาไม่คิดว่าตัวเองนั้นมีค่าพอขนาดนั้น
ข้าคิดว่าเจ้าคงรู้จักกับคนๆหนึ่ง หนานกงมู่เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ใครกัน? ชิวจิ้งเฟิงถามโดยไม่คิด
ฟางเจิ้งจือ
ฟางเจิ้งจือ?!ใช่ …ข้ารู้จักเขา แต่พวกเราไม่ได้สนิทกัน และข้าไม่เคยพูดคุยกับเขามาก่อน …
เขาเป็นเพื่อนของข้า หนานกงมู่ไม่ได้รอจนชิวจิ้งเฟิงพูดจบ
เพื่อน?!
ใช่เขาพูดเสมอว่าเขาไม่ใช่นักฆ่า โดยเฉพาะถ้านั้นเป็นในการแข่งขันแล้วด้วย เพราะเขาเชื่อว่าการแข่งขันไม่ใช่แค่การแข่งขัน ทุกคนต่างสู้เพื่อตัวเอง เจ้าแค่ต้องเอาชนะคู่ต่อสู้ ไม่จำเป็นต้องเอาชีวิต ไม่ได้คิดอย่างนั้นหรอกหรือ?
… ชิวจิ้งเฟิงงุนงงก่อนจะเผยยิ้มอย่างขมขื่น
ถ้ามีคนพูดกับเขาแบบนี้ตั้งแต่เมื่อ15 นาทีก่อน เขาจะเย้ยหยันในความไร้เดียงสาเช่นนั้น ในโลกที่ซึ่งความแข็งแกร่งจะได้รับความเคารพคนแข็งแกร่งสามารถควบคุมได้ทุกอย่าง
ในทางกลับกันผู้ที่อ่อนแอ…
ชะตากรรมของพวกเขาตกอยู่ในมือของผู้มีอำนาจ
อย่างไรก็ตามเขาเป็นแค่ชายที่ไร้เดียงสาเมื่ออยู่ต่อหน้าหนานกงมู่
ข้าเป็นหนี้ชีวิตเขา… ชิวจิ้งเฟิงกำมือแน่นและด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้ดวงตาของเขาส่องสว่าง มันซับซ้อนเกินกว่าจะอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้
ใช่จริงๆแล้วข้าก็เป็นหนี้ชีวิตเขาเหมือนกัน เขาทำให้ข้ารู้จักบางอย่างที่ข้ารู้สึกว่ามีค่ามากกว่าชีวิต หนานกงมู่พยักหน้าและก้าวถอยไปห้าก้าวก่อนที่จะเงียบลงอีกครั้งแล้วยืนรอนิ่ง
ในที่สุดศิษย์ศาลาเต๋าสวรรค์ก็ตอบสนองต่อสิ่งที่เกิดขึ้นและช่วยชิวจิ้งเฟิงอย่างระมัดระวัง
ศิษย์พี่จิ้งเฟิงเขา…
ข้าไม่เป็นไรข้าแค่สูญเสียพลังเพียงเจ็ดวันเท่านั้น…
เจ็ดวัน? ศิษย์คนนั้นงงงวยเล็กน้อย แต่เขาก็ได้สติอย่างรวดเร็ว เขามองหนานกงมู่ด้วยท่าทีอันซับซ้อน ก่อนที่เขาจะห้มหัวให้หนานกงมู่อย่างรวดเร็ว ขอบคุณ
หนานกงมู่ไม่ได้ตอบอะไร เขาเพียงยืนเงียบเท่านั้น
ชัยชนะรอบแรกเป็นของตระกูลหนานกง…หนานกงมู่! ผลลัพธ์ถูกประกาศอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตามผู้คนจากสำนักอื่นๆต่างตกตะลึง
’ทำไมถึงเร็วขนาดนี้?’
’ทำไมหนานกงมู่เด็กหนุ่มที่ไม่มีใครรู้จักถึงแข็งแกร่งขนาดนี้?’
’เขาอยู่ในระดับไหนกันแน่?พลังอะไรกัน?’
คำถามเหล่านี้เกิดขึ้นในใจของพวกเขาแม้แต่โม่ฉานฉือ มู่ฉิงเฟิงเองก็ตกอยู่ในความเงียบเช่นกัน
ทันใดนั้นมีร่างหนึ่งเดินออกมาจากฝั่งศาลาเต๋าสวรรค์นางสวมชุดสีชมพูราวกับดอกไม้ขับรูปร่างของนาง นางค่อยๆเดินเข้าไปในลานประลองและหยุดต่อหน้า
หนานกงมู่ก่อนจะค่อยๆรวบผมขึ้น
มันเป็นการเคลื่อนไหวที่ธรรมดา…
อย่างไรก็ตามมันทำให้ศิษย์ศาลาเต๋าสวรรค์ตกตะลึงเพราะมีแค่เวลาฉือกูเหยียนจริงจังเท่านั้นที่นางจะมัดผม
ฉือกูเหยียนนั่นฉือกูเหยียน!
ในที่สุดศาลาเต๋าสวรรค์ก็ส่งฉือกูเหยียนออกมาแล้ว?
ข้าไม่คิดแบบนั้น…ข้าคิดเพราะว่าพวกเขาไม่มีทางเลือกหนานกงมู่นั้นแข็งแกร่งเกินไป ศาลาเต๋าสวรรค์คงไม่มีเซียนที่อายุต่ำกว่าสามสิบปี
แต่ที่ข้ารู้ฉือกูเหยียนอายุเพียง17ปีและยังไม่ได้เข้าสู๋ระดับเซียนนางจะสู้ได้งั้นหรือ?
ผู้คนจากสำนักอื่นๆต่างถกเถียงกัน
มูฉิงเฟิงกัดฟันแน่น
อย่างที่คนอื่นบอกเขาไม่อยากส่งฉือกูเหยียนออกไปในรอบแรก แต่ตอนนี้เขาไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว
ตอนที่ฉือกูเหยียนเดินออกไปนางไม่ได้ถามความเห็นของเขา นั่นเพราะฉือกูเหยียนรู้คำตอบดีอยู่แล้ว
กูเหยียนระวังตัวด้วย.. มู่ฉิงเฟิงเตือนนางเบาๆ
บรรยากาศรอบๆตกอยู่ในความเงียบทันทีอย่างไรก็ตาม ไม่นานความเงียบก็ถูกทำลายลงในทันที เสียงใสๆดังขึ้น
สู้เขาพี่เหยียน!จัดการเจ้าโง่นั่นเลย หนานกงมู่ถ้าเจ้ากล้าทำอะไรพี่เหยียน..ข้าจะ…ข้าจะ..เอ่อใช่ หนานกงมู่เมื่อไรเจ้าจะคืนเงินที่ยืมข้าไป?
…
…
ทุกคนรู้สึกราวกับถูกปลุกให้ตื่นขึ้นในโลกที่แปลกไป
’คืนเงิน?’
’มันเป็นเวลาที่ต้องสนใจเรื่องพวกนั้นหรือไง?’
แน่นอน่วาพวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้จากคิดเพราะคนที่พูดนั้นคือปิงหยาง องค์หญิงของอาณาจักรเซี่ย
หนานกงมู่ตอนที่เจ้าอยู่เมืองหลวงข้าจ่ายข้าอาหารค่าที่พักให้เจ้า เมื่อไรเจ้าจะคืนหนึ่งแสนเหรียญเงินให้ข้าสักทีหา? ปิงหยางไม่สนใจว่าคนอื่นจะพูดยังไง นางยังคงพูดต่อไป
… ทุกคนรู้สึกพูดไม่ออกอีกครั้ง
หนานกงมู่เองก็ยืนนิ่งราวกับไม่ได้ยินปิงหยาง หนานกงมู่ถ้าเจ้ากล้ายืมเงินข้าเจ้าก็ควรเป็นลูกผู้ชายแล้วคืนมาให้ข้าด้วย…
ปิงหยางหยุดเถอะ เสียงของฉือกูเหยียนขัดขึ้น นางเงยหน้ามองท้องฟ้า แสงดวงดาวปรากฎขึ้นบนตาของนาง
พี่เหยียน… ดูเหมือนปิงหยางจะผิดหวังเล็กน้ยแต่นางไม่พูดอะไรออกมา นางเพียงมองหนานกงมู่อย่างโกรธเคือง แม้จะเป็นตัวนางและฟางเจิ้งจือเองก็ตามที่ชวนหนานกงมู่มาพัก มันจริงที่หนานกงมู่ไม่จำเป็นต้องเสียค่าอาหารและที่พักให้นางในฐานะเจ้าบ้าน แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องยากที่นางจะต้องเลือกระหว่างฉือกูเหยียน และหนานกงมู่
เริ่มกันเถอะ ฉือกูเหยียนกล่าวขึ้นมาเรียบๆ
เดี๋ยวก่อนก่อนที่จะเริ่มขึ้ามีคำถามเล็กน้อย หนานกงมู่ส่ายหัว
ได้ ฉือกูเหยียนพยักหน้า แต่ดูนางแปลกใจเล็กน้อย เพราะท่าทีอันผิดปกติของหนานกงมู่ การที่เขาจะถามอะไรออกมาถือว่าเป็นเรื่องยากมาก
ทำไม่หยุดฟางเจิ้งจือไม่ให้ไปที่ศาลาหยินหยาง? ขณะที่พูดหนานกงมู่จับดาบในมือแน่น
ถ้าเป็นเจ้าเจ้าจะหยุดเขาไหมล่ะ? ฉือกูเหยียนถามกลับด้วยคำถามเช่นกัน หลังจากนางเงียบไปชั่วครู่
ข้า…คงไม่ หนานกงมู่ส่ายหัว แต่เขาก็พูดออกมาอีกครั้ง แต่ข้าจะหยุดเก้าขุนเขาจากการเอาตัวเขาไป!
เจ้าคิดว่าเขาตายแล้วหรือยัง? ฉือกูเหยียนเงียบไปชั่วครู่ก่อนถามออกมา
ไม่มีใครรอดได้แม้แต่ฟางเจิ้งจือก็ตาม…
ถ้าเขาเป็นคนที่ถูกเลือกล่ะ?
คนที่ถูกเลือก?
ใช่แล้วผู้ที่ถูกเลือก!
ผู้ที่ถูกเลือก…ฮ่าฮ่าผู้ที่ถูกเลือก…ผู้ที่ชนะบนทำเนียบมังกรทั้งสองจะทำให้โลกต้องตกตะลึงและนำพาความสงบมาสู่โลก เหอะ? ฉือกูเหยียนเจ้ารู้ไหมว่าความจริงแล้วมันหมายถึงพวกเรา ตระกูลหนานกง.. หนานกงมู่พูดอะไรบางอย่างออกมา แต่ยังพูดไม่ทันจบก็มีเสียงดังขึ้น
มู่เอ๋อร์! เสียงของใครบางคนขัดขึ้นมา พร้อมกับร่างของเขาที่ปล่อยพลังอันน่าสะพรึงกลัวออกมาในชั่วพริบตา
เป็นหนานกงเทียน
หนานกงเทียนแข็งแกร่งขนาดนี้เลยงั้นหรือ?
ปิดบังพลังของตัวเองงั้นรึ?…ตระกูลหนานกงหลังจากปิดบังตัวเองมาตลอดตอนนี้กำลังจะทำอะไรกันแน่?
ทุกคนต่างคาดเดาไปต่างๆนาๆ
……………………………………..