ขณะเดียวกันหนานกงมู่กำหมัดแน่นดูเหมือนเขากำลังสับสนและดิ้นรนกับบางอย่างอยู่
บางสิ่งก็ต้องทำแม้มันจะผิดใช่ไหม? ฉือกูเหยียนมองหนากงมู่พร้อมพูดออกมา
ข้าเห็นด้วยกันเจ้าแต่ข้ายึดมั่นในจุดยืนนี้! หนานกงมู่พยักหน้าและไม่พูดอะไรอีก เขายกดาบสีฟ้าและเขียวขึ้น
ฉือกูเหยียนเองก็ไม่พูดอะไรอีกเช่นกันนางดึงดาบยาวที่มีรูปร่างธรรมดาและไม่มีแสงเปล่งประกายแต่อย่างใดออกมา แต่เมื่อนางดึงดาบทุกคนต่างรู้สึกหวาดกลัวในหัวใจ
ศิษย์ที่อยู่รอบๆต่างลืมหายใจ
แม้หนานกงมู่หรือฉือกูเหยียนจะไม่ได้บอกให้อีกฝั่งเริ่มการต่อสู้แต่ทุกคนนั้นรู้ดีว่าการต่อสู้ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
ในที่สุดหนานกงมู่ก็เคลื่อนไหวเขาปรากฎตัวต่อหน้าฉือกูเหยียนในพริบตา ใบดาบค่อยๆเคลื่อนไหวเข้าหานาง บนใบดาบไม่ได้ส่องแสงเป็นประกายแต่กลับมีเกล็ดน้ำแข็งบางๆเกาะอยู่
ในเวลาเดียวกันดาบของฉือกูเหยียนก็เคลื่อนไหวใบดาบของนางนิ่งสงบแต่ก็ไปถึงคอของหนานกงมู่อย่างรวดเร็วก่อนที่ดาบของหนานกงมู่จะถึงตัวนาง
นางใช้การโจมตีเป็นการป้องกันหรือพูดง่ายๆนางไม่คิดจะป้องกันการโจมตีของหนานกงมู่แต่เลือกที่จะโจมตีสวนกลับ
ทำไมศิษย์พี่ถึงได้…
พี่หญิงระวัง!
ศิษย์ศาลาเต๋าสวรรค์เป็นกังวลเพราะมันเหมือนกับตอนที่ชิวจิ้งเฟิงโจมตีสวนกลับและทำให้ตัวเองแพ้ไปในที่สุด
ผู้คนที่อยู่รอบๆต่างกลั้นหายใจทำไมนางเลือกที่จะเสี่ยงทำแบบนี้ไม่มีใครรู้
สุดท้ายสิ่งที่เกิดกับชิวจิ้งเฟิงก็เกิดขึ้นอีกครั้งเกล็ดน้ำแข็งบนดาบเขียวฟ้าปะทะเข้ากับดาบของฉือกูเหยียนมันหยุดดาบของนางได้
อย่างไรก็ตามดาบของหนานกงมู่ไม่หยุด
มันทะลุผ่านดาบของฉือกูเหยียนและอยู่ห่างจากคอนางเพียงไม่กี่นิ้ว
จบแล้ว?!
ฉือกูเหยียนก็แพ้หนานกงมู่งั้นหรือ?
การต่อสู้กำลังจะจบลงแล้ว?
ทุกคนต่างมีความคิดเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตามในช่วงเวลาสำคัญฉือกูเหยียนกลับกระโจนเข้าหาดาบเขียวฟ้าของหนานกงมู่
ฉือกูเหยียนทำอะไร?!
มันเป็นความคิดแรกในใจของทุกคนทุกคนรู้สึกตกตะลึง
นั่นเพราะฉือกูเหยียนไม่ได้ถูกโจมตีโดยดาบเขียวฟ้าร่างของนางกลายเป็นแสงสีชมพูและลอดผ่านช่องว่างระหว่างดาบและตัวของหนานกงมู่ออกไป ก่อนที่จะปรากฎตัวขึ้นด้านหลังของเขา
ฉือกูเหยียนฟาดไปที่หลังของหนานกงมู่ส่งเขากระเด็นลงไปบนพื้นในทันที
มันเป็นฉากที่แปลกมากทุกคนไม่เข้าใจจนเห็นดอกไม้สีขาวปรากฎขึ้นกลางอากาศ
นางใช้พลังจากดอกไม้!
ถูกต้องนางใช้ปลายดาบกดเข้ากับดอกไม้ นางจึงสามารถใช้มันเป็นเดือยเพื่อควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกายในอากาศและหลบดาบของหนานกงมู่ได้อย่างแม่นยำ!
น่ากลัวมาก…ความสามารถของนาง!
ถ้าศิษย์จากสำนักอื่นๆรู็ว่านางคือ’ผู้ที่ถูกเลือก’ มาก่อน พวกเขาคงรู้ว่าฉือกูเหยียนน่ากลัวขนาดไหน
ไม่ใช่เพราะความแข็งแกร่งของนาง..
แต่เป็นเพราะความสามาถในการคำนวณและคาดเดาของนางบวกกับความมั่นใจ
การตัดสินใจอันชาญฉลาดของนางทำให้นางเป็นคนที่น่ากลัวมากในแดนศักดิ์สิทธิ์
นางมาจากอาณาจักรเซี่ยใช่ไหม? เฉียนยู่ไม่สามารถรักษาความสงบได้อีกต่อไป
ใช่แล้วพี่เหยียนเป็นองค์หญิงของกองตรวจการศักดิ์สิทธิ์นางยังเป็นผู้ชนะบนทำเนียบทั้งสองอีกด้วย! ปิงหยางพยักหน้า มีความไม่พอใจเล็กน้อยท่ามกลางความตื่นเต้นของนาง
หืมอายุแค่17…น่าทึ่งมาก ความสามารถและจิตใจของนางช่างสมบูรณ์แบบ เฉียนยู่พยักหน้าหลังจากได้ยินคำพูดของปิงหยาง
ใช่พี่หญิงเก่งมาก! ฉือกูเหยียนพูดขึ้นด้วยความภาคภูมิใจ
โอ้แล้วถ้าเปรียบเทียบกับฟางเจิ้งจือล่ะ?
เฉียนยู่ถามโดยไม่ได้สนใจมากนัก
มันไม่เหมือนกัน! ปิงหยางตะโกน
ฮ่าฮ่าใช้แล้ว คนหนึ่งสมบูรณ์แบบ ส่วนอีกคนนั้นไร้ยางอาย เอ…ดูเหมือนว่าเจ้าเด็กจากตระกูลหนานกงจะรู้จักฟางเจิ้งจือด้วยเหมือนกันใช่ไหม?
ใช่แล้วยิ่งกว่านั้นเขายังเป็นเพื่อนอันน้อยนิดของหนานกงมู่อีกด้วย หนานกงมู่บอกว่าเขาเป็นหนี้ชีวิตของฟางเจิ้งจือ อย่างไรก็ตามเจ้าไร้ยางอายนั่นทำตัวน่ารังเกียจตลอดเวลา เขาจะทำอะไรให้กับหนานกงมู่ได้?
ฮ่าฮ่าบางอย่างนั้นสำคัญกว่าเรื่องเงิน
… ปิงหยางไม่ได้พูดอะไรอีก
ด้านหนานกงมู่เขาลุกขึ้นยืนอีกครั้ง เขาจ้องมองฉือกูเหยียนพร้อมกับจับดาบในมือแน่น
มู่เอ๋อร์อย่าสู้กับฉือกูเหยียนด้วยวิชาใช้พลังทั้งหมด! หนานกงเทียนดูเหมือนจะกังวลเล็กน้อยเช่นกัน
พลังทั้งหมด?
เขากำลังจะบอกว่าหนานกงมู่ไม่ได้ใช้พลังทั้งหมดงั้นหรือ? ผู้คนที่อยู่รอบๆต่างรู้สึกแปลกใจเพราะตอนนี้หนานกงมู่ก็ถือว่าแข็งแกร่งมากๆแล้ว
’เขาไม่ได้ใช้พลังทั้งหมด?’
’ไม่มีใครเชื่อเรื่องนั้น!’
แต่ความคิดของพิสูจน์ในทันทีว่าผิดเพราะหนานกงมู่เริ่มร้องคำรามออกมาเมื่อหนานกงเทียนพูด
อ้าก!! ดูเหมือนเขาจะเจ็บปวดมาก ราวกับบางอย่างกำลังจะออกมาจากร่างกายของเขา
ตูม!!
เสื้อของหนานกงมู่ฉีกขาดเผยให้เห็นร่างกายส่วนบนของเขาที่เต็มไปด้วยรอยบาดแผลสัญลักษณ์สีขาวปรากฎขึ้นบนร่างของเขาในทันที
นั่นมัน… มู่ฉิงเฟิงลุกขึ้นยืนในทันทีเขาไม่สามารถปกปิดความตกใจบนใบหน้าไว้ได้
แม้แต่โม่ฉานฉือที่นั่งอยู่ก็เบิกตากว้างเขากำหมัดแน่น นั่นมันพลังสายเลือด!
หนานกงมู่ก็มีขีดจำกัดทางสายเลือดงั้นหรือ?
เกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านี้เขายังไม่มีมันเลย!
ทุกคนที่อยู่รอบๆต่างแปลกใจ
แม้แต่หยานฉิงที่ยืนอยู่กับวู่จวี้เอ๋อร์ก็ไม่สามารถปกปิดความตกใจเอาไว้ได้
พวกเรามีข้อมูลเกี่ยวกับพลังสายเลือดของหนานกงมู่หรือไม่? วู่จวี้เอ๋อร์หันไปถามกลุ่มคนด้านหลังของนาง
ไม่เรื่องนี้ไม่เคยมีใครรู้มาก่อน!
แปลกมากเกิดอะไรขึ้นกับหนานกงมู่ในช่วงไม่กี่เดือนมานี้กันแน่?
วู่จวี้เอ๋อร์เชื่อในสายข่าวของนิกายเงามาก
ไม่นะดูเหมือนหนานกงมู่จะทะลวงพลังได้แล้ว! ทะลวงพลัง?!ระหว่างการต่อสู้เนี่ยนะ?
เป็นไปได้ยังไง?
ขณะที่วู่จวี้เอ๋อร์กำลังสับสนทุกคนที่อยู่รอบๆต้องตกตะลึงอีกครั้ง สัญลักษณ์ที่ปรากฎขึ้นบนร่างของหนานกงมู่รวมกันและไปปรากฎบนหน้าผากของหนานกงมู่
เขาเข้าสู่ระดับเซียนแล้ว!
เป็น…เป็นไปได้ยังไงกัน?ระดับเซียน…มันเข้าถึงกันได้ง่ายๆขนาดนี้เลยงั้นหรือ?! มันไม่สมเหตุสมผลมาก!
ไม่เคยมีใครเข้าถึงระดับเซียนระหว่างการต่อสู้มาก่อน!ยกเว้นเขาจะกดพลังเอาไว้
กดพลังเอาไว้?เพื่ออะไรกัน?
ถ้าข้าเดาไม่ผิดอาจจะเกี่ยวของกับพลังสายเลือดของเขา บางที่เขายังอาจจะควบคุมพลังไว้ไม่ได้… ผู้คนต่างคาดเดาไปต่างๆนาๆ แต่ไม่มีใครรู้เหตุผลที่แท้จริง
ข้า…ข้าแพ้ไม่ได้… หนานกงมู่กลายเป็นสีขาวรวกับหิมะทั่วร่างกายของเขาส่งความเย็นอันผิดปกตออกมา
มีเกล็ดหิมะจำนวนมากปกคลุมบนร่างกายของเขาจากนั้นมันก็รวมกันกลายเป็นชุดเกราะสีขาว
เกล็ดหิมะหล่นลงมาจากท้องฟ้าไม่หยุดหย่อนทั้งๆที่ตอนนี้ไม่ใช่ฤดูร้อน
มู่ฉิงเฟิงมองหน้าขึ้นไปบนท้องฟ้าเช่นกันริมฝีปากเขาสั่นเล็กน้อยเมื่อเห็นเงาขนาดใหญ่บนท้องฟ้า
ความจริง..
เขาเคยเห็นเงานั้นครั้งหนึง
ตอนที่หนานกงมู่แทงชิวจิ้งเฟิงเงานี้ก็ปรากฎขึ้นบนท้องฟ้าชั่วครู่ แต่ครั้งนี้มันชัดเจนเป็นพิเศษ ราวกับเงาขนาดใหญ่กำลังมองพวกเขาอย่างดูถูกลงมาจากท้องฟ้า
มันเป็นต้นไม้ต้นไม้ขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยดอกไม้ แต่ละดอกใสราวกับแก้ว
มู่เอ๋อร์ฉือกูเหยียนเอาชนะหนานกงเฮาได้ด้วยความแตกต่างของการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียว ถ้าเจ้าสามารถเอาชนะฉือกูเหยียนได้ นั่นหมายความว่าจ้าสามารถเอาชนะเฮาเอ๋อร์ได้! หนานกงเทียนเองก็กำลังมองไปที่เงาขนาดใหญ่บนท้องฟ้า ร่างกายของเขาสั่นอย่างไม่สามารถควบคุมได้
ถ้าข้าเอาชนะฉือกูเหยียนได้นั่นหมายความว่าข้าสามารถเอาชนะพี่ใหญ่ได้? พี่ใหญ่…ข้าจะชนะ ข้าต้องชนะ เพราะข้าคือหนานกงมู่ ข้าชื่อหนานกงมู่! ร่างของหนานกงมู่สั่นสะท้าน
เกล็ดหิมะบนร่างของเขาหายไปสัญลักษณ์มากมายปรากฎขึ้นบนชุดเกราะในเวลาเดียวกัน
ฉือกูเหยียนยกดาบขึ้นช้าๆแสงดวงดาวปรากฎขึ้นในดวงตาของนาง
นางไม่พูดหรือเคลื่อนไหวอะไรนางเพียงยืนเงียบๆท่ามกลางพายุราวกับภูเขาลูกใหญ่ที่ไม่หวั่นเกรงต่อลมหนาว!
……………………………………..