พี่เหยียน! ปิงหยางร้องออกมาเสียงดัง ถ้าเฉียนยู่ไม่หยุดนาง นางคงพุ่งเข้าไปในลานประลองแล้ว
ความจริงแล้วแม้แต่มู่ฉิงเฟิงต่างรู้สึกวิตกเช่นกันเมื่อเห็นคลื่นน้ำแข็งพุ่งไปหาฉือกูเหยียน
พวกมันค่อยๆกลืนกินร่างในชุดสีชมพูของฉือกูเหยยียน
ภายใต้ต้นไม้ขนาดใหญ่กลางลานประลองเต็มไปด้วยหิมะและน้ำแข็งกองสูง ดอกไม้สีขาวบานเต็มที่ส่งผลให้บรรยากาศรอบราวกับถูกแช่แข็ง
ตรงกลางมีฉือกูเหยียนที่ล้มอยู่
นางไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อีกต่อไป
นางถูกแช่แข็งไปแล้วงั้นหรือ?! ผู้คนที่อยู่รอบๆต่างตกตะลึง
ในที่สุด..ข้า…ข้าก็ชนะแล้วงั้นหรือ? หนานกงมู่ตัวสั่นจนไม่สามารถยืนได้อย่างมั่นคง เขาไม่สามารถควบคุมพลังน้ำแข็งได้อีกต่อไป
มู่เอ๋อร์ระวังด้านหลัง! ทันใดนั้นหนานกงเทียนได้ตะโกนขึ้นมา
ด้านหลัง…อะไร?! หนานกงมู่ตกตะลึงก่อนจะพุ่งไปด้านหน้าทันที แต่มันช้าเกินไปพลังอันรุนแรงได้ปะทะเข้าที่ด้านหลังของเขาแล้ว
มันเป็นหางงูที่ปกคลุมด้วยเกล็ดห้าสีมันปรากฎขึ้นจากพื้นลานประลองอย่างฉับพลัน
ตูม!
หนานกงมู่ถูกส่งกระเด็นปะทะก้อนน้ำแข็งด้านหน้าก่อนที่เขาจะกระอักเลือดออกมา
และทันใดนั้นเองร่างสีชมพูก็ทลายน้ำแข็งรอบตัวของนางออกมานางเร็วมาก ดาบในมือของนางราวกับดาวตกที่พุ่งผ่านท้องฟ้า
หน้าของฉือกูเหยียนซีดขาวเล็กน้อยที่มุมปากมีรอยเลือดจางๆ อย่างไรก็ตามมือของนางยังจับดาบอย่างมั่นคง
เป็นไปไม่ได้! หนานกงมู่ตะโกนด้วยความไม่พอใจ ราวกับเขากำลังจะบ้าคลั่ง
แสงสีขาวระเบิดออกมาจากร่างเขาในทันทีดอกไม้สีขาวนับพันบานขึ้นกลางอากาศ ดาบเขียวฟ้าปะทะกับดาบของฉือกูเหยียน ก่อนจะผละออกมา แสงที่สองออกมาจากดาบคู่นั้นให้ความรู้สึกเหมือนหัวของสัตว์อสูรบางอย่าง
เขี้ยวของมันใสกระจ่างดวงตาเป็นสีขาวหิมะ
มันเป็นวิชาลับเขียวฟ้า
วิชาที่หนานกงมู่ใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อทุ่มเทฝึกมัน
แต่ฉือกูเหยียนยังคงดูไม่กังวลแม้แต่น้อยราวกับนางไม่เห็นความรุนแรงในการโจมตีของหนานกงมู่
แคร้ง!เสียงดาบปะทะกันดังขึ้นอีกครั้ง
แต่ดาบของฉือกูเหยียนไม่หยุดมันแทงไปที่ไหล่ของหนานกงมู่
ในเวลาเดียวกันเขี้ยวใสกลืนดาบทั้งหมดของฉือกูเหยียนก่อนจะฉีกกระชากแขนเสื้อของฉือกูเหยียน
ฉึก!ในที่สุดเขี้ยวได้แทงเข้าไปที่แขนของนาง เลือดไหลเปรอะเปื้อนชุดสีชมพูดของนาง
ดาบถูกหยุดลง!
บรรยากาศรอบๆถูกแช่แข็ง!
ทั่วทั้งลานพลันเงียบสงบทุกคนแม้แต่ห้าสำนักต่างเบิกตากว้าง
กูเหยียน!
มู่เอ๋อร์!
เสียงของหนานกงเทียนและมู่ฉิงเฟิงดังขึ้นแทบจะพร้อมๆกัน
ใครจะคิดว่าเจ้าจะแสดงความเมตตาออกมา? หนานกงมู่มองดาบที่แทงไหล่ของเขาอยู่ ไม่นานเลือดก็ไหลออกมาจากมุมปากของเขาเล็กน้อย เจ้าไม่ได้แสดงความเมตตาต่อชิวจิ้งเฟิงด้วยงั้นรึ? ฉือกูเหยียนถามกลับเรียบๆ นางไม่แม้แต่สนใจอาการบาดเจ็บของนาง
ข้าทำเพราะข้ามั่นใจว่าเอาชนะเขาได้เจ้ามั่นใจหรือ…ว่าจะเอาชนะข้าได้? หนานกงมู่กัดริมฝีปากเบาๆ
ข้าจะรู้ได้ยังไงถ้าไม่ได้ลอง? ฉือกูเหยียนตอบกลับเช่นกัน
อืมมันฟังดูคุ้นมาก
ใช่แล้วมันเป็นสิ่งที่เขามักจะพูดบ่อยๆ
ข้าคงหยุดสู้ถ้าข้ามีทางเลือก… ท่าทีของหนานกงมู่ดูอึมครึมเล็กน้อย
ดูเหมือนว่าเจ้าจะมาที่ภูเขาสวรรค์ไม่ใช่เพราะเพื่อเข้าร่วมการประชุมพันธมิตรสวรรค์อย่างเดียวสินะ ดวงตาของฉือกูเหยียนเป็นประกายเล็กน้อย
ฮ่าฮ่า…ฉือกูเหยียนแม้พวกเราจะไม่ได้เป็นเพื่อนกัน ข้าก็ไม่อยากเป็นศัตรูกับเจ้า แต่ในเมื่อการต่อสู้ครั้งนี้มันถูกกำหนดไว้แล้ว ข้าถอยกลับไม่ได้ เพราะมันเป็นหน้าที่ของข้า!
หน้าที่?
ทุกคนล้วนมีหน้าที่เป็นของตัวเองบางคนมีหน้าที่ต้องสนับสนุนตระกูล บางคนมีหน้าที่สร้างชื่อเสียงและความมั่งคั่ง หรือทำเพื่อความปรารถนาของตัวเอง…
แล้วเจ้าล่ะเป็นแบบไหน?
หน้าที่ของข้าคือทำให้มั่นใจว่าเมล็ดจะผลิบาน
เมล็ดผลิบาน? ดวงตาของฉือกูเหยียนเป็นประกายมากกว่าเดิม งั้น เมล็ดได้ถูกปลูกแล้วใช่ไหม?
ฮ่าฮ่า หนานกงมู่ยิ้มอย่างลึกลับ
เป็นพลังสายเลือดของเจ้า… ฉือกูเหยียนต้องการถามอีกคำถาม แต่นางยังพูดไม่ทันจบ
เพราะหนานกงมู่เคลื่อนไหวแล้ว
เขาถอยหลังเพื่อเอาดาบออกจากไหล่อย่างรวดเร็วก่อนที่เขาจะฟันดาบเขียวฟ้าลงไปพร้อมกัน
ตูม!สัญลักษณ์ปรากฎพื้นบนพื้น หิมะและน้ำแข็งถุกผ่าออก
ฉือกูเหยียนถอยหลังไปเช่นกันดาบของนางทิ่มลงไปบนพื้น เลือดไหลลงไปบนหิมะ
ทำลาย! นางกล่าวเบาๆ
จากนั้นหัวสัตว์ที่กัดแขนของนางก็เป็นอิสระจากการควบคุมของหนานกงมู่มันกลายเป็นเศษน้ำแข็งร่วงหล่นลงบนพื้น
แต่รูโหว่สี่รูบนแขนของนางสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนเลือดยังคงไหลไม่หยุด
ไม่ว่าเจ้าจะแข็งแกร่งแค่ไหนเจ้าก็อยู่แค่ระดับจุติ แม้เจ้าจะหยุดเลือดที่ไหลได้ แขนขวาของเจ้าก็ไม่หายสมบูรณ์ภายในหนึ่งชั่วโมง หนานกงมู่พูดพร้อมมองรอยแผลบนแขนของฉือกูเหยียน
เจ้าพูดถูก ฉือกูเหยียนพยัดหน้า จากนั้นนางก็ถือดาบด้วยมือซ้ายและชี้ไปที่หนานกงมู่อีกครั้ง มือซ้าย? ท่าทีของหนานกงมู่เปลี่ยนไปเล็กน้อย เขากัดริมฝีปากเบาๆ เขาไม่พูดอะไรออกมาเพียงทิ่มดาบลงไปบนพื้นพร้อมตะโกนออกมา ต้นไม้เทพเจ้า!
ตูม!
พื้นเริ่มสั่นสะเทือนแท่งน้ำแข็งค่อยๆปรากฎขึ้นบนพื้น
มันเป็นกิ่งต้นไม้ที่มีใบไม้น้ำแข็งติดอยู่
ตูม!
ฉือกูเหยียนรีบฟันมันทิ้งทันที
แต่เมื่อนางฟันกิ่งแรกกิ่งที่สอง สาม สี่ก็งอกตามขึ้นมาทันที ไม่นานกิ่งจำนวนมากก็ล้อมฉือกูเหยียนเอาไว้ แต่ละกิ่งต่างเปล่งแสงอันเยือกเย็นออกมา
ตูมตูม ตูม…ฉือกูเหยียนเคลื่อนไหวไปมาบนอากาศ ดาบของนางพยายามปัดป้องกิ่งไม้ที่เข้ามาหาเรื่อยๆ
อย่างไรก็ตามจำนวนกิ่งกลับไม่ลดลงแม้แต่น้อยก่อนที่กิ่งขนาดใหญ่จะปรากฎขึ้นและพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า
ต้นไม้!
ต้นไม้จากน้ำแข็ง!
มันดูเหมือนกับเงาต้นไม้บนท้องฟ้ามาก!
ทุกคนต่างอ้าปากค้างด้วยความตกใจ
ท่าทีของฉือกูเหยียนเปลี่ยนไปเล็กน้อย
้ต้นไม้เทพเจ้า? นางได้ยินสิ่งที่หนานกงมู่พูด อย่างไรก็ตามนางไม่มีเวลาคิดมากนัก
กูเหยียนพลังสายเลือดของหนานกงมู่คือต้นไม้เทพเจ้า! ต้นไม้ที่เติบโตในดินแดนน้ำแข็ง! มู่ฉิงเฟิงเตือนฉือกูเหยียนขณะที่นางกำลังหลบกิ่งไม้อยู่
แน่นอนว่านางย่อมรู้ถึงตำนานเกี่ยวกับยุคเหยียนหวง
อย่างไรก็ตามตำนานนี้เก่าแก่เกินไปกว่าที่ใครจะจำได้
’ต้นไม้เทพเจ้า?’ ’หนานกงมู่มีพลังสายเลือดได้ยังไง?’
’เมล็ด…’
’หนานกงมู่พูดถึงหน้าที่…’
คำถามพวกนี้ผุดขึ้นในใจของฉือกูเหยียน
หรือว่า… ความคิดหนึ่งผุดขึ้นในของนางทันที
ขณะที่นางจะพูดบางอย่างออกไปนางรู้สึกถึงพลังที่พุ่งเข้ามาจากด้านหลังดันนางไปด้านหน้า การโจมตีนั้นโดนเข้าที่แขนนางอีกครั้ง
พี่เหยียนระวัง! เป็นเสียงของปิงหยางที่ดังขึ้นอีกครั้ง
ฉือกูเหยียนกัดฟันแน่นนางรู้ว่าตัวเองเสียสมาธิมากไปทำให้โดนกิ่งไม้โจมตีใส่
ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้นางใช้ดาบด้วยมือข้างที่ไม่ถนัก
ตูม!นางทำลายกิ่งไม้อีกกิ่งทิ้ง ฉือกูเหยียนใกล้ถึงขีดจำกัดแล้ว!
ใช่แล้วที่เป็นแบบนี้เพราะนางไว้ชีวิตหนานกงมู่ด้วยเหตุผลบางอย่าง!
ข้าคิดว่าเพราะหนานกงมู่ไว้ชีวิตชิวจิ้งเฟิงแต่มันก็เป็นการสูญเสียโอกาสสำคัญที่จะได้ชัยชนะของนางเช่นกัน
อืมการไร้หัวใจบางทีก็เป็นเรื่องดีเช่นกัน!
เสียงผู้คนต่างวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆนานา
ครืน!
กิ่งไม้เติบโตขึ้นเรื่อยๆ
หนานกงมู่กำลังจะทำอะไรกันแน่? มูฉิงเฟิงเหลือบมองต้นไม้ขนาดใหญ่ เขารู้สึกถึงลางไม่ดีบางอย่าง
เขารู้สึกว่าต้นไม้นี่ไม่ใช่ต้นไม้ธรรมดา
ด้านหนานกงมู่เขาล้มคุกเข่าอยู่บนพื้นเลือดไหลออกมาจากไหล่ไม่หยุดจนท่วมชุดเกราะสีขาว เห็นได้ชัดว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกันที่จะสร้างต้นไม้นี้ขึ้นมา
อย่างไรก็ตามสายตาของเขาเต็มไปด้วยความหนักแน่นมองฉือกูเหยียนที่กำลังพัวพันอยู่กับกิ่งไม้
ต้นไม้เทพเจ้า…ผลิบาน..! หนานกงมู่ตัวสั่น พูดออกมาอย่างจริงจัง
……………………………………..