Gate of God – ตอนที่ 880 ราดน้ำมันลงบนกองไฟ

  มันหาได้ยากที่จะได้เห็นสีหน้าที่จริงจังของฟางเจิ้งจือเพราะปกติเขามีแต่ใบหน้าสบายๆหรือเยาะเย้ยคนอื่นตลอดเวลา

  เขามักทำตัวผ่อนคลายไม่สนใจเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับตัวเอง

  อย่างไรก็ตามฉือกูเหยียนไม่แปลกใจนักที่ได้เห็นสีหน้าของฟางเจิ้งจือ ในตอนนี้

   ตกลง ฉือกูเหยียนพยักหน้าและค่อยๆหลับตาลงแสงสีทั้งห้าส่องสว่างบนใบหน้าที่ซีดขาวของนาง

  นางรู้สึกดีขึ้นมากเมื่อเห็นฟางเจิ้งจืออยู่ตรงหน้า

  ในเวลาเดียวกันปิงหยางกระพริบตาให้ฟางเจิ้งจือเล็กน้อยนางไม่ได้พูดอะไรเมื่อเห็นฟางเจิ้งจือและฉือกูเหยียน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่านางไม่อยากรู้

   เจ้าไร้ยางอายเจ้าจะออกจากหอคอยหลิงหยุนงั้นหรือ? 

   อืม…จริงๆก็ไม่มีอะไรมาก ขยับหัวเข้ามาใกล้ๆสิ แล้วข้าจะบอกให้  ฟางเจิ้งจือยิ้มเล็กน้อย

   ได้! ปิงหยางยอมฟังและค่อยๆขยับเข้าไปใกล้

   … ริมฝีปากของฟางเจิ้งจือกระซิบบางอย่างให้ปิงหยางฟัง

   โอ้เจ้าจะทำจริงรึ? หรือว่าเจ้าพร้อมจะ…  ท่าทีของปิงหยางเต็มไปด้วยความไม่เชื่อหลังจากได้ยินสิ่งที่ฟางเจิ้งจือพูด

   ใช่แล้วข้ามีวิชาที่แข็งแกร่งที่สุดอยู่แล้ว ข้าไม่สนใจแม้หนานกงเฮาจะมีวิชาสังเวยเลือดก็ตาม  ฟางเจิ้งจือพยักหน้าอย่างมั่นใจ

   วิชาที่แข็งแกร่งที่สุด! ปิงหยางรู้สึกตื่นเต้นและดีใจอย่างเห็นได้ชัด

  เหล่าศิษย์โดยรอบมีท่าทีแปลกไปเมื่อได้ยินพวกเขาหันมองและต่างก็รู้ถึงความคิดของอีกฝ่าย   เขาพูดจริงหรือที่ว่ามีวิชาที่แข็งแกร่งที่สุดอยู่แล้ว 

   บนโลกนี้จะมีอะไรหนาไปกว่าผิวของเขาอีก 

   ข้าคิดว่าแม้แต่กำแพงเมืองที่แข็งที่สุดบนโลกก็ยังสู้เขาไม่ได้ 

  เหล่าศิษย์พูดคุยกันเล็กน้อยไม่มีใครกล้าที่จะส่งเสียงดังออกมา

  ตูม!ในขณะที่ความคิดมากมายแล่นผ่านหัวพวกเขา สายฟ้าก็ผ่าลงที่กลางหัวของศิษย์ จากนั้นศิษย์คนสุดท้ายที่พูดก็ล้มลงบนพื้น

   … ทุกคนต่างปิดปากเงียบในทันที

  ในขณะเดียวกันฟางเจิ้งจือจ้องเขม็งมองมาที่พวกเขาด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย ตามปกติเขาต้องคำนึงถึงกฎของอาณาจักรเซี่ย ฟางเจิ้งจือไม่สามารถสั่งสายฟ้าให้ผ่าลงหัวใครก็ได้ตามใจชอบ

  อย่างไรก็ตามในตอนนี้มันต่างกันออกไป…   ที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้มีกฎหมายเหมือนอาณาจักรเซี่ยเขาจึงสามารถทำอะไรก็ได้

  แน่นอนว่าฟางเจิ้งตือไม่คิดไปไกลขนาดจะฆ่าคน อย่างไรก็ตาม เขาเชื่อว่ามันเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องสั่งสอนคนพวกนี้ที่กล้าปฏิบัติหยาบคายต่อหน้าเขา

   เจ้ากล้าดียังไง?ข้าจะเตะก้นเจ้า! ส่วนพวกเจ้าจะยอมทนอยู่เฉยๆแบบนี้งั้นหรือ พวกเจ้ากำลังทำให้ผู้นำสำนักของตัวเองอับอาย พวกเราต้องร่วมมือกันต่อสู้กับมัน! 

   … เหล่าศิษย์โดยรอบเงียบลงในทันที

  อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นไมนานท่ามกลางความเงียบสงบก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นอีกครั้งในทันที นายน้อยฟาง ท่านเข้าใจผิดแล้ว ข้า …ข้าไม่ได้เป็นคนพูด.. 

   … 

  ตูม!สายฟ้าผ่าลงมาอีกครั้ง พวกเขาต่างได้ยินเสียงกรีดร้องที่เจ็บปวดอีกครั้ง   คราวนี้ถูกคนแล้วใช่ไหม? ฟางเจิ้งจือมองไปที่ฝูงชนด้วยสีหน้าเสียใจ

   … ในที่สุดศิษย์คนนั้นก็เงียบลง ในที่สุดเขาก็เข้าใจ บนโลกใบนี้ผู้ที่อ่อนแอไม่สามารถยืนหยัดต่อผู้ที่แข็งแกร่งได้

  เขาโจมตีผิดคน?

  แล้วยังทำมันอีกครั้ง?

  ด้านฟางเจิ้งจือเขาไม่ได้สนใจความคิดคนอื่น

   หืม?หนากงเฮา เจ้ายังอยู่อีกหรือ? ขอโทษด้วย ข้าลืมเจ้าไปเสียสนิทเลย เจ้าคงไม่ว่าอะไรใช่ไหม?  ในที่สุดฟางเจิ้งจือก็หันมองหนานกงเฮาอีกครั้ง

   … เหล่าศิษย์ต่างพูดไม่ออก อย่างไรก็ตามไม่มีใครกล้าเอ่ยปากออกมาแม้แต่น้อย

  แน่นอนยกเว้นหนานกงเฮา

   ตาย! หนานกงเฮา ตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว ราวกับฟางเจิ้งจือได้ราดน้ำมันลงบนกองไฟ หนานกงเฮาเต็มไปด้วยความโกรธและความอับอาย ความอดทนของเขาได้หมดลงแล้ว

  พลังอันรุนแรงปะทุออกมาจากตัวของหนานกงเฮา

   เฮ่าเอ๋อร์กำลังสูญเสียความเยือกเย็น! หนานกงเทียนต้องการเตือนหนานกงเฮาแต่มันสายเกินไปแล้ว หนานกงเฮาเคลื่อนไหวแล้ว

  เขาพุ่งเข้าไปหาฟางเจิ้งจือด้วยความเร็วอันสูงสุด

   การสู้กับเจ้าเด็กนี่มันช่าง…แม้แต่ข้าเองก็คงไม่สามารถรักษาความสงบเอาไว้ได้ไม่ต้องพูดถึงหนานกงเฮา! โม่ฉานฉือส่ายหัวด้วยความช่วยไม่ได้

   ใช่แล้ว กู่หยวนพยักหน้าเบาๆ

  ’มีคำพูดหนึ่งกล่าวไว้ว่าผู้ชมย่อมวิเคราะห์ได้ดีกว่าผู้ที่อยู่ในสนามเอง’แม้กู่หยวนจะไม่ใช่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดแต่ความสามารถในการวิเคราะห์ของเขาก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าใคร

  เรื่องสำคัญที่สุดในการต่อสู้นั้นคือจิตใจโดยเฉพาะในการต่อสู้ระดับสูง ในด้านพลังฟางเจิ้งจือนั้นไม่ได้ห่างกับหนานกงเฮามานัก อย่างไรก็ตามเมื่อฝ่ายหนึ่งสูญเสียความเยือกเย็น ผลลัพธ์นั้นย่อมออกมาชัดเจน

  ตูม!

  ตูม!

   … 

  การต่อสู้ดำเนินไปอย่างรวดเร็วพื้นลานประลองเต็มไปด้วยรอยแตกร้าว

  มันเร็วเกินไปจนคนที่ยืนอยู่รอบๆแทบจะดูไม่ทัน

  สิ่งที่พวกเขาเห็นคือแสงทั้งสองแสงเข้าปะทะกันอย่างต่อเนื่องบางครั้งแสงสีแดงก็พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า ขณะเดียวกันเสียงคำรามของมังกรก็ดังขึ้นตลอดเวลา บางครั้งแสงสีม่วงก็ตัดผ่านแสงสีแดงและทำลายมันครั้งแล้วครั้งเล่า  อย่างไรก็ตามแสงสีแดงก็สามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว

   ข้าอยากจะเห็นว่าวิชาสังเวยเลือดของเจ้าจะดูดพลังไปได้อีกนานแค่ไหน! หลังจากเสียงพูดดังขึ้น ร่างหนึ่งก็ปรากฎขึ้นกลางอากาศ

  ร่างที่ส่วมชุดเกราะสีดำซึ่งลุกท่วมไปด้วยเปลวไฟสีดำเช่นกันตอนนี้ร่างของฟางเจิ้งจือสูงกว่าสิบเมตรให้ความกดดันราวกับขุนเขาขนาดใหญ่

   … 

   นี่มันวิชาอะไรกัน? 

   ทำไมมันดูเหมือนวิชาทางสายเลือดของหนานกงเฮามากเลยหรือว่าเจ้าเด็กนั่น… 

   หุบปากเจ้าไม่ควรเรียกเขาว่า’เจ้าเด็กนั่น’ เจ้าต้องเรียกเขาว่านายน้อยฟาง! เจ้าอย่าลากข้าไปเจ็บตัวด้วย! 

   … 

  ศิษย์ที่อยู่รอบๆต่างตกตะลึงกับร่างขนาดยักษ์ของฟางเจิ้งจือ

  ร่างขนาดใหญ่พุ่งเข้าหาหนานกงเฮาร่างนั้นชกหมัดออกไปข้างหน้าอย่างไม่ปราณี

  แสงสีแดงจางลงอีกครั้ง

  อย่างไรก็ตามหนานกงเฮาสามารถยืนได้อย่างมั่นคงหลังจากถอยออกมาเกือบสิบก้าวหน้าผากของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ

   เฮ่าเอ๋อร์อย่าสู้กับเขาด้วยพลังเพียวๆดูดกลืนพลังของเขามา!  หนานกงเทียนตะโกนขึ้นมาด้วยความกังวล

  หนานกงเฮาไม่ได้ตอบอะไรแต่ดวงตาของเขาเปล่งแสงสีแดงออกมาอีกครั้ง สัญลักษณ์สีแดงเลือดแปดตัวก็ปรากฎขึ้นบนดวงตาของเขาเช่นกัน

  เห็นได้ชัดว่าเขาได้ยินสิ่งที่หนานกงเทียนพูดแต่ตอนนี้เขาไม่สามารถรักษาความเยือกเย็นเอาไว้ได้

  ’ดูดพลังสายเลือด?’

  ’ทำไมเขาทำไมได้?!’  หนานกงเฮาถามตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพราะไม่มีพลังสายเลือดใหม่ปรากฎขึ้นบนตัวเขาเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าเขาจะดูดพลังมาจากฟางเจิ้งจือมากเท่าไรก็ตาม กลับกันเขากลับเริ่มรู้สึกเหนื่อยอย่างรวดเร็ว

  การดูดกลืนพลังนั้นเขาต้องทำการปรับเปลี่ยนพลังที่ได้รับมาก่อนจึงจะสามารถดูดซึมได้มันไม่ใช่พลังของเขาในทันทีหลังจากดดกลืน

  ในการต่อสู้กับฉือกูเหยียนปิงหยาง เขาสามารถดูดกลืนพลังกลับมาได้อย่างง่ายดาย

  อย่างไรก็ตามการต่อสู้กับฟางเจิ้งจือนั้นแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง

  ฟางเจิ้งจือนั้นเคลื่อนไหวเร็วเกินไปและไร้แบบแผนเกินไป

  แม้เขาจะสามารถใช้วิชาสังเวยเลือดเพื่อดูดกลืนพลังได้แต่มันก็แลกมากับการที่เขาจะถูกฟางเจิ้งจือทุบตี

  ’เกิดอะไรขึ้น?’  ’หรือร่างกายของฟางเจิ้งจือจะไม่มีพลังสายเลือด?’

  ’เป็นไปไม่ได้!’

  ’ถ้าฟางเจิ้งจือไม่มีพลังสายเลือดชุดเกราะสีดำจะปรากฎขึ้นมาได้ยังไง?’

  หนานกงเฮาพบบางอย่างที่ผิดปกติอย่างรวดเร็วเขาไม่ต้องการให้การต่อสู้ดำเนินต่อไปแบบนี้ แต่ความจริงตอนนี้คือเขากำลังถูกฟางเจิ้งจือเกาะติดอยู่

   ดูเหมือนว่า…ฟางเจิ้งจือจะรู้วิธีเอาชนะวิชาสังเวยเลือดแล้วสินะ? ในที่สุดมู่ฉิงเฟิงก็พูดบางอย่างออกมา เมื่อเห็นเหงื่อไหลออกมาจากหน้าผากของหนานกงเฮา

   คงมีไม่กี่คนที่สามารถเอาชนะหนานกงเฮาได้โดยไม่ใช้พลังสายเลือด… หนึ่งในผู้อาวุโสศาลาเต๋าสวรรค์พยักหน้าด้วยท่าทีอันซับซ้อน

   อืมถ่ายทอดคำสั่งของข้า หลังจากวันนี้เป็นต้นไปศิษย์ศาลาเต๋าสวรรค์ทุกคนต้องปฎิบัติกับฟางเจิ้งจือราวกับเขาเป็นหัวหน้าสำนักคนหนึ่ง! 

   ปฏิบัติกับฟางเจิ้งจือในฐานะของหัวหน้าสำนักคนหนึ่ง?ร..รับทราบ!  ผู้อาวุโสเบิกตากว้าง แต่เขาก็เข้าใจได้อย่างรวดเร็ว เขาถ่ายทอดคำสั่งของมู่ฉิงเฟิงออกไปโดยไม่ลังเล

  ด้านเต๋าฮุนตอนนี้เขากำลังนั่งไม่ติดเก้าอี้

  เพราะถ้าฟางเจิ้งจือสามารถจัดการหนานกงเฮาได้ศาลาหยินหยางจะเป็นคู่ต่อสู้สุดท้ายของเขา

  แม้เขาจะมั่นใจในความแข็งแกร่งของเหยียนซิวแต่ไม่มีอะไรที่แน่นอนจากศักยภาพของฟางเจิ้งจือในตอนนี้ เหยียนซิวอาจจะไม่มีความสามารถพอที่จะเอาชนะได้

  ’ข้าควรทำยังไงดี?’

  เต๋าฮุนมองไปรอบๆด้วยความกังวล

   ซิวเจ้าคิดว่ามีโอกาสกี่ส่วนที่จะเอาชนะฟางเจิ้งจือได้?  เสียงของเต๋าซิงไม่ได้ดังมากแต่เต๋าฮุนได้ยินชัดเจน

   ตามปกติน่าจะเป็นหนึ่งในห้าแต่ตอนนี้อาจจะเป็นหนึ่งในสี่  เหยียนซิวไม่ได้แปลกใจกับคำถามของเต๋าซิง

   ทำไมตอนนี้ถึงเป็นหนึ่งในสี่ส่วนแล้วล่ะ? เต๋าซิงถามอีกครั้ง

   ไม่ว่าฝ่ายไหนชนะการต่อสู้เขาต้องสูญเสียพลังงานไปมาก เหยียนซิวตอบเรียบๆ

   อืม เต๋าซิงพยักหน้านางรู้ดีว่าเหยียนซิวหมายความว่ายังไง นางรู้ดีว่าฟางเจิ้งจือมีพลังมากแค่ไหน ต่อให้เขาจะเสียพลังในการต่อสู้ในรอบนี้ไปมากก็ใช่ว่าเหยียนซิวจะมีโอกาสเอาชนะ

  สายตาของเต๋าซิงมองไปที่ลานประลองอีกครั้ง

  ฟางเจิ้งจือและหนานกงเฮายังคงสู้กันอยู่แต่ผลลัพธ์นั้นค่อยๆชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ

   ซิวถ้าข้าให้เจ้าเข้าไปร่วมสู้ตอนนี้เลยล่ะ? เต๋าซิงกำมือแน่นพร้อมพูดการตัดสินใจสุดท้ายของนางออกมา

   ตอนนี้? ปากของเหยียนซิวขยับ เขามองไปที่หนานกงเฮาที่มีท่าทีเหนื่อยล้า และมองฟางเจิ้งจือที่ยังคงมีท่าทีสบายๆ ท่าทีของเขาเปลี่ยนไปในทันที  ท่านต้องการให้ข้าช่วยหนานกงเฮา? 

   ไม่ตระกูลหนานกงท้าทายห้าสำนักอย่างเปิดเผย มันไม่สมเหตุสมผลหรือมีความจำเป็นที่พวกเราจะต้องช่วยตระกูลหนานกง ข้าไม่มีทางทำอะไรโง่ๆแบบนั้น ข้าต้องการให้เจ้าช่วยฟางเจิ้งจือ!  เต๋าซิงส่ายหน้าทันที

  ……………………………………..

 

Gate of God

Gate of God

GoG, 神门
Score 7.2
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2015 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Gate of Godเรื่องราวของฟางเจิ้งจือผู้ได้มาเกิดใหม่ในโลกที่ผู้คนสามารถใช้พลังจากธรรมชาติที่เรียกว่า’เต๋า’ได้ แต่ฟางเจิ้งจือผู้ที่เกิดมาในครอบครัวชาวบ้านธรรมดาและต้องการใช้ชีวิตอย่างสงบสุขกลับต้องพัวพันกับเหตุการณ์ต่างๆทั้งการทดสอบพลังและความรู้ของอาณาจักร ความขัดแย้งทางการเมืองรวมถึงเผ่าปีศาจที่คอยชักใยแผนการอยู่เบื้องหลัง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset