เฮ่าเอ๋อร์! เสียงของหนานกงเทียนดังขึ้นอีกครั้ง แม้แต่เขาก็สามารถบอกได้ว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นเช่นไร
ถ้าหนานกงเฮาไม่เลิกดูดกลืนพลังเขตแดนเลือดจากเหยียนซิวผลลัพธ์ที่ออกมาคงไม่มีใครคาดเดาได้
หัวหน้าตระกูลหนานกงท่านดูกระวนกระวายเหลือเกิน? หยานหยิงเหลือบมองหนานกงเทียนที่กำหมัดแน่นพร้อมยิ้มออกมา
หยานหยิงอย่าได้ใจไปนัก!
โอ้?ดูเหมือนว่าท่านแทบจะทนไม่ไหวแล้วสินะ?
หึ! หนานกงเทียนไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัดเจนบรรยากาศรอบตัวเขาแปรปรวนอย่างรุนแรงขณะมองแผลขนาดใหญ่ที่ไหล่ของหนานกงเฮา ขณะเดียวกันเหยียนซิวก็มองไปที่หนานกงเฮาเช่นกัน
เขาไม่เชื่อสิ่งที่ฟางเจิ้งจือพูดออกมาในทันทีแต่เขาก็ไม่ได้ไม่เชื่อไปทั้งหมด เพราะเขาสัมผัสได้ถึงบางสิ่งระหว่างการต่อสู้ร่วมกันซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้จากการร่วมต่อสู้ด้วยกันมาเป็นเวลานานเท่านั้น
หลังจากเขาใช้วิชาเขตแดนเลือดหนานกงเฮาก็พยายามดูดกลืนมันด้วยวิชาสังเวยเลือด ซึ่งหนานกงเฮาคงทำได้สำเร็จถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด
อย่างไรก็ตามฟางเจิ้งจือโจมตีใส่หนานกงเฮาก่อนที่มันจะสำเร็จ
นั่นหมายความว่าฟางเจิ้งจือสามารถคาดการการกระทำล่วงหน้าของหนานกงเฮาได้
’มันเป็นเรื่องบังเอิญงั้นรึ?’เหยียนซิวต้องการไขข้อข้องใจของตัวเอง แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่สมควรเพราะฟางเจิ้งจือเคลื่อนไหวอีกครั้ง เขาปล่อยหมัดออกไป!
มันตรงไปที่แผลของหนานกงเฮา!
เลือดไหลทะลักออกมาอีกครั้ง
เหยียนซิวเองก็เลิกลังเลและเคลื่อนไหวอีกครั้งเขาปรากฎตัวหน้าหนานกงเฮาในทันที
ตูม!
หนานกงเฮาที่บาดเจ็บอยู่แล้วล้มลงไปที่พื้นหน้าของเขาซีดขาวราวกับกระดาษพร้อมกระอักเลือดออกมา
ด้านเต๋าซิงที่นั่งอยู่ด้านนอกดวงตาของนางเต็มไปด้วยความซับซ้อน
ซิวอย่าหาว่าข้าใจร้ายเลยนะ ข้าจะไม่โกหกเจ้าหรือให้เจ้าไปยุ่งกับฟางเจิ้งจืออีกครั้งเด็ดขาดถ้าข้ามีทางเลือกอื่น…. เต๋าซิงพึมพัมก่อนที่จะเงยหน้ามองท้องฟ้าและพูดต่อ ฟางเจิ้งจือ ข้าไม่คิดว่าจะจะรอดมาได้จริงๆ ครั้งนี้ข้าต้องฆ่าเจ้าให้ได้ไม่ว่าข้าจะต้องสูญเสียเท่าไรก็ตาม!
ซิงเจ้ากำลังกังวลว่าเหยียนซิวจะฟื้นคืนความทรงจำได้งั้นหรือ? เสียงของเต๋าฮุนดังขึ้นขัดความคิดของนาง
เปล่าข้าไม่ได้กังวลเรื่องนั้น เต๋าซิงส่ายหน้า
อืมเจ้าไม่ต้องกังวลหรอก เหยียนซิวไม่มีทางฟื้นความทรงจำได้ เต๋าฮุนพยักหน้าเบาๆ
ข้ารู้ เต๋าซิงพยักหน้าอีกครั้ง จริงๆแล้วข้าไม่ได้กังวลว่าเหยียนซิวจะฟื้นคืนความทรงจำได้หรือไม่ ข้าแค่กลัวว่าพวกเขาทั้งคู่จะกลายเป็นเพื่อนกันอีกครั้ง!
ด้านเหยียนซิวโชคดีเพราะการต่อสู้อันดุเดือดทำให้เขาไม่มีเวลาสนใจอะไรมากนัก
ตูม!เสียงระเบิดดังขึ้นอีกครั้ง เพราะการร่วมือกันของเหยียนซิวและฟางเจิ้งจือทำให้ตอนนี้หนานกงเฮาไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก
เหยียนซิวนี่จะเป็นการโจมตีสุดท้ายแล้ว! ฟางเจิ้งจือยิ้มออกมาอย่างสดใสเมื่อเห็นหนานกงเฮาเริ่มถอยไปที่ขอบลานประลองเรื่อยๆ
อืม เหยียนซิวพยักหน้าเบาๆ เขากำพัดสีเงินในมือแน่นด้วยใบหน้าอันแน่วแน่
ฟางเจิ้งจือเคลื่อนไหวอีกครั้ง
เขาพุ่งไปหาหนานกงเฮาก่อนเขาฟันดาบใส่หนานกงเฮาโดยไม่ลังเล
หนานกงเฮาเอามือกุมแผลที่ไหล่ขณะที่อีกมือกำดาบแน่น
เขาไม่สามารถถอยหลังได้อีกแล้ว
ตูม!
แสงสีเลือดส่องสว่างทั่วท้องฟ้าบดบังแสงอาทิตย์พร้อมกับสัญลักษณ์สีแดงเลือดที่ปรากฎขึ้นบนท้องฟ้า ก่อนที่แสงสีแดงบนท้องฟ้าจำรวมกันราวกับดวงดาวขนากใหญ่และพุ่งลงมาที่พื้นดินอย่างรุนแรง
ตูม!
พวกเขาชนะแล้วใช่ไหม?
ในที่สุดทุกอย่างก็จบลง! หนานงเฮาแพ้แล้ว?
ศิษย์ที่อยู่รอบๆพยายามมองสิ่งที่เกิดขึ้นในลานประลองทันทีก่อนที่พวกเขาจะเบิกตากว้าง
นั่นเพราะคนที่นอนอยู่บนพื้นไมใช่หนานกงเฮา
แต่เป็นฟางเจิ้งจือ!
เกิดอะไรขึ้น?!
ฟางเจิ้งจือกระเด็นออกมา?
เป็นไปได้ยังไงกัน?
พวกเขาจะไม่แปลกใจเลยถ้าหนานกงเฮาไม่ได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก
อย่างไรก็าตามตอนนี้ฟางเจิ้งจืออยู่เหนือกกว่าอย่างชัดเจน
แม้แต่โม่ฉานฉือมู่ฉิงเฟิงและเฉียนยู่เองก็ตกใจเช่นกัน พวกเขาไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
แต่ฟางเจิ้งจือล้มอยู่บนพื้นจริงๆตอนนี้เขาดอ่อนแอลงมาก หนานกงเฮาข้าไม่คิดว่าเจ้าจะมีลูกเล่นเหลือยู่… ฟางเจิ้งจือพูดออกมาไม่ทันจบประโยค เขาก็สลบไปในทันที
เขาสลบ?!
ทำไมเป็นแบบนี้?
เอาจริงงั้นรึ?
เหล่าศิษย์ต่างอดรู้สึกปวดหัวกับเรื่องตรงหน้าไม่ได้
สำหรับนานกงเฮาที่ยืนอยู่เขาไม่สามารถยอมรับผลที่ออกมาได้
แม้แต่ตัวเขาเองยังรู้สึกว่ามันแปลกๆ
บรรยากาศรอบลานประลองเต็มไปด้วยความกระอักกระอวน
อย่างไรก็ตามถ้ามีคนหนึ่งในลานประลองที่ไม่แปลกใจคนคนนั้นคือนั้นคือเต๋าซิง
ขอบใจเจ้ามากซิว ปากของเต๋าซิงขยับเล็กน้อย อย่างไรก็ตามแม้แต่เหยียนซิวเองก็เบิกตากว้างเช่นกันท่าทีของเขาแทบไม่ต่างไปจากหนานกงเฮา
จนกระทั่งเขาได้ยินเสียงดังมาจากทางศาลาหยินหยาง
เหยียนซิวอย่าปล่อยให้โอกาสหลุดมือไป! เต๋าฮุนตะโกนขึ้นมา
เสียงของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นเพราะทุกอย่างกำลังเข้าทางศาลาหยินหยาง
ในที่สุดเหยียนซิวก็ได้สติ
แม้เขาจะยังคงแปลกใจเขาก็หันไปหาหนานกงเฮาและพุ่งเข้าใส่ในทันที
?! หนานกงเฮามีปฏิกริยาเช่นกัน เขาก้าวไปข้างหน้าและพุ่งออกไปเช่นกัน
หมัดของทั้งคู่ปะทะกันชุดเกราะสีดำของหนานกงเฮาเริ่มมีรอยร้าวมากขึ้นเรื่อยๆ
หนานกงเฮาถูกบังคับให้ต้องถอยหลังไปเรื่อยๆ
หนึ่งก้าวสองก้าว! หน้าของหนานกงเฮาซีดขาวราวกระดาษเขากัดฟันแน่น
ก้าวที่สามเท้าข้างหนึ่งของเขาเหยียบอยู่บนอากาศนอกลานประลองแล้ว!
เจ้าไม่สามารถชนะได้ เหยียนซิวมองหนานกงเฮาและพูดออกมาอย่างเย็นชา
ข้ารู้ หนานกงเฮาพูดพร้อมกระอักเลือดออกมา
อย่างที่เหยียนซิวพูดเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะชนะ
เพราะตอนนี้พลังของเหยียนซิวแข็งแกร่งกว่าเขาอย่างเห็นได้ชัดต่อให้เขาใช้วิชาสังเวยเลือด เหยียนซิวก็ไม่มีพลังสายเลือดให้เขาดูดกลืนอยู่ดี
เฮ่าเอ๋อร์!นี่เป็นก้าวสุดท้ายแล้ว ศัตรูเหลือแค่เหยียนซิวเท่านั้นเจ้าต้องสู้ต่อไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม! เสียงของหนานกงเทียนดังขึ้นในทันที
ศัตรูเพียงคนเดียว? หนานกงเฮาดูขมขื่นเล็กน้อย
เฮ่าเอ๋อร์เจ้าเป็นคนของตระกูลหนานกงเจ้าจะมาแพ้ที่นี่ได้ยังไง?
การเสียสละอันมากมายก็เพื่อเวลานี้ข้าจะมาแพ้ตอนนี้ได้ยังไง…อย่างไรก็ตามบางอย่างก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้…บางทีมันอาจจะเป็นโชคชะตา…
ไม่มีเรื่องบ้าๆแบบนั้นหรอกพวกเราตระกูลหนานกงจะต้องประสบความสำเร็จเท่านั้น!
สำเร็จ?ยังไง? หนานกงเฮามองไปที่เหยียนซิว ดาบของเขาแทงลงไปที่พื้นเพื่อต้านพลังของเหยียนซิวเอาไว้
เสียสละพวกเราจะต้องเสียสละ! ดวงตาของหนานกงเทียนเป็นสีแดงก่ำ ก่อนที่เขาจะหันไปหาหนานกงมู่ในทันที มู่เอ๋อร์ข้าต้องการยืมพลังจากเจ้า เจ้าพร้อมไหม?
อะไร…ท่านหมายความว่า? ร่างกายของหนานกงมู่สั่นสะท้าน แน่นอนว่าเขาเห็นสถานการณ์ในลานประลองดี แต่ตอนนี้เขาเองก็ไม่สามารถทำอะไรได้แน่นอน
เขาไม่เข้าใจสิ่งที่หนานกงเทียนพูด
จนกระทั่งเขาเห็นกริชในมือของหนานกงเทียน
มู่เอ๋อร์ข้าขอโทษ แต่นี่เป็นโชคชะตาของเจ้าจริงๆแล้วมันถูกกำหนดไว้ตั้งแต่ที่เจ้ากินผลไม้เทพเจ้าเข้าไป ข้าไม่มีทางเลือกอื่น… หนานกงเทียนพูดพร้อมน้ำตาที่ไหลอาบทั้งสองแก้ม
ท่านพ่อท่าน…. หนานกงมู่เบิกตากว้างด้วยความไม่เชื่อว่าพ่อแท้ของตัวเองจะแทงกริชเข้ามาที่หน้าอกของเขา
……………………………………..