ฟางเจิ้งจืออยากรู้เกี่ยวกับผู้นำคนใหม่ของเก้าขุนเขาเล็กน้อยอย่างไรก็ตามเขาไม่แปลกใจมากนัก
เขาฆ่าผู้อาวุโสสูงสุดของเก้าขุนเขาไปทำให้ต้องมีการเลือกผู้นำคนใหม่ขึ้นมา
อย่างไรก็ตาม…
ริมฝีปากของไป่เฟยที่ขยับอยู่ตลอดเวลาทำให้ฟางเจิ้งจือสับสนเล็กน้อย
แม่ของเจ้าเรียกกลับไปกินข้าว?! ฟางเจิ้งจือไม่สามารถตอบสนองได้ทัน
ผู้นำคนใหม่ของเก้าขุนเขาไป่เฟยรู้จักแม่ของข้าได้ยังไง?
เจ้าเป็นใครกัน?
เดี๋ยวก่อน!
’ไม่ไม่ใช่ เขาไม่ได้พูดแบบนั้น มันเป็นแค่คำที่ออกเเสียงคล้ายกัน’ เห็นได้ชัดว่าฟางเจิ้งจือไม่ใช่คนโง่เขาจึงรู้ในทันที
นั่นเพราะเขาตระหนักว่าปากของไป่เฟยขยับเร็วเกินไปราวกับว่ากำลังร่ายคาถาบางอย่างอยู่
แต่ฟางเจิ้งจือก็ยังสับสนอยู่เล็กน้อย…
’ทำไมไป่เฟยถึงร่ายคาถาใส่ข้ากัน?’
ในขณะที่ฟางเจิ้งจือกำลังครุ่นคิดอยู่เขาสังเกตุเห็นแสงไฟในดวงตาของไป่เฟย มันเป็นเพียงจุดเล็กๆที่ส่องสว่าง
ดูเหมือนว่ามันจะค่อยๆกลายเป็นเงาตอนนี้ฟางเจิ้งจือหมกหมุ่นอยู่กับแสงในดวงตาของไป่เฟย
จากนั้น…
เขารู้สึกว่าโลกทั้งใบเปลี่ยนไปสภาพแวดล้อมพร่ามัว เขาเริ่มเวียนหัวกับสิ่งที่เห็น
ฟางเจิ้งจือเสียสมาธิไปจากความรู้สึกที่เกิดขึ้นเขาพยายามคิดให้ออกว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ อย่างไรก็ตามยิ่งคิดมากเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก
เขาไม่รู้ว่าตกอยู่ในสภาพนั้นนานเท่าไหร่แต่เขารู้ว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าเขา
ชุดสีขาวนวลเผยให้เห็นเรือนร่างที่โค้งเว้าผมสีดำยาวสลวย ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความสดใส
เป็นเจ้านั่นเอง? ฟางเจิ้งจือเคยเห็นนางมาก่อนแล้วนางไม่ใช่คนแปลกหน้า แต่เขาก็ไม่รู้จักนางอยู่ดี
เจ้าไม่ควรอยู่ที่นี่ในตอนนี้ หญิงสาวในชุดขาวพูดอย่างเรียบๆ
ข้าไม่ควรอยู่ที่นี่?ที่นี่คือ …ที่ไหนกัน? ฟางเจิ้งจือตกใจเล็กน้อย แต่เขาก็รู้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ
นั่นเพราะผู้หญิงพูดออกมาจริงๆความจริงแล้วนี่เป็นครั้งแรกที่นางพูดกับเขา
เจ้าควรกลับไป เขาได้ยินเสียงของนางอีกครั้ง เดี๋ยวก่อนบอกข้าก่อนว่าเจ้าเป็นใคร
…
ฟางเจิ้งจือรู้สึกเหมือนทุกอย่างขัดใจเขาไปหมด
นั่นเพราะเขาไม่ได้รับคำตอบเลยทันทีที่หญิงสาวเอ่ยปากพูด ภาพก็เบลออีกครั้ง มันยิ่งทำให้เขาอยากรู้มากขึ้นอีก
อย่างไรก็ตามความคิดบางอย่างขัดจังหวะเขาขึ้นมา
ไม่!
’นี่เป็นภาพลวงตา!’
เมื่อฟางเจิ้งจือตระหนักว่าพลังในร่างกายเริ่มสั่นไหวเพื่อให้หลุดจากภาพลวงตานี้ ร่างกายของเขาจำเป็นต้องหลุดจากภวังค์ออกมาให้ได้
เขาต้องควบคุมสติอารมณ์เอาไว้ให้ได้
ในขณะที่พลังของเขาเพิ่มพูนกลับมาโลกทั้งใบก็เริ่มกลับเป็นชัดเจนอีกครั้ง ทุกอย่างค่อยๆกลับเป็นปกติ และเขาได้ยินเสียงตะโกนอีกครั้ง
มันคือภาพลวงตาไม่ใช่คาถา?! แม้ว่าไป่เฟยจะปกปิดท่าทีของเขาเอาไว้ แต่ฟางเจิ้งจือก็มั่นใจว่าไป่เฟยไม่ได้ร่ายคาถา แต่เป็นวิชาภาพลวงตาที่ส่งผลต่อจิตใจ
’เขากล้าหลอกข้าได้ยังไง?’
’ไป่เฟย…’
ชายคนนี้มาจากที่ไหนกันแน่!
ฟางเจิ้งจือกลายเป็นบ้าเล็กน้อยเมื่อเขารู้สึกว่าถึงเวลาที่ต้องสอนบทเรียนให้ไป่เฟยสักหน่อยและเหล่าเก้าขุนเขาต้องเริ่มรู้ว่าอะไรควรไม่ควรได้แล้ว
อย่างไรก็ตามผู้อาวุโสของเก้าขุนเขารีบวิ่งออกจากด้านหลังไป่เฟยก่อนที่จะเริ่มตะโกน
ยิ่งไปกว่านั้นเหล่าศิษย์เกือบ 200 คนที่วิ่งออกไปก็เช่นกัน เห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งหมดได้รับคำสั่งจากไป่เฟยเพื่อโจมตีด้วยพลังทั้งหมดในขณะที่ฟางเจิ้งจือติดอยู่ในภาพลวงตา
หืม? ฟางเจิ้งจือคิดว่าไป่เฟยต้องการความได้เปรียบจึงใช้ภาพลวงตากับเขาอย่างไรก็ตามดูเหมือนเขาจะสั่งการก่อนใช้ภาพลวงตา และไม่ได้หมายความว่าเขาจะได้เปรียบอะไรเลย
’เกิดอะไรขึ้นกันแน่?’
ฟางเจิ้งจือคิดไม่ตกกับเรื่องนี้อย่างไรก็ตามไป่เฟยต้องชดใช้ที่ใช้ภาพลวงตากับเขา
แต่ต้องบอกว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการแก้แค้นเท่าไหร่
ในขณะที่สำนักทั้งห้าของดินแดนศักดิ์สิทธิ์กำลังวุ่นวายกับการร่วมมือกันต่อต้านตระกูลหนานกงเขาจะคอยช่วยเหลือพวกนั้นและมันจะเป็นการต่อต้านสำนักทั้งห้าถ้าจู่ๆเขาโจมตีเก้าขุนเขา
ฟางเจิ้งจือค่อนข้างเอาแต่ใจแต่เขาไม่ได้โง่
แน่นอนว่าเขาอยากแก้แค้น มันง่ายที่จะหลีกเลี่ยงการโจมตีซึ่งๆหน้าแต่เป็นเรื่องยากที่จะป้องกันการลอบโจมตี
ฟางเจิ้งจือคิดว่าเขาสามารถใช้สติปัญญาอันหลักแหลมของเขาเพียงเล็กน้อยเพื่อมองหาโอกาสที่จะลอบโจมตีไป่เฟยได้
จากนั้น…
ดูเหมือนโอกาสจะมาถึงแล้ว
อย่างไรก็ตามบางอย่างเกิดขึ้นอย่างกระทันหันเกินไปฟางเจิ้งจือไม่สามารถตอบสนองได้ทันเวลา
นั่นเพราะผู้อาวุโสและเลห่าศิษย์ทั้ง200 คนของเก้าขุนเขา ไม่ได้พุ่งโจมตีหนานกงเฮา แต่พวกเขาหยุดอยู่ตรงหน้าศาลาเต๋าสวรรค์และหุบเขาฟู่ซี่
แปดกรงเล็บมังกรของหุบเขาฟูซี่เป็นสิ่งแรกที่ถูกหยุด
ผู้อาวุุโส2 คนของเก้าขุนเขาจับกรงเล็บของมังกรตัวนั้นเอาไว้ทั้งซ้ายและขวา
แม้ว่ามังกรยังคงพุงทะยานต่อไปแต่ความเร็วของมันลดลงครึ่งนึงอย่างเห็นได้ชัด
ตูม!
เสียงปะทะอันรุนแรงดังขึ้นพร้อมกับเสียงดาบที่กระทบกันราวกับเสียงร้องของมังกรที่โกรธเกรี้ยว
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันทำให้ศิษย์โดยรอบตะลึงงัน
ผู้อาวุโสเก้าขุนเขาขัดขวางหุบเขาฟู่ซี่?!
เกิดอะไรขึ้น?!
ผู้อาวุโสสองคนแข็งแกร่งพอที่จะหยุดแปดกรงเล็บมังกรได้เลยหรือ?แขนของพวกเขาทำจากเหล็กหรือยังไง
เหล่าศิษย์สับสนพวกเขาตกตะลึงในความแข็งแกร่งของผู้อาวุโสทั้งสอง
ในอีกด้านหนึ่งมู่ฉิงเฟิง โม่ฉานฉือและคนอื่นๆต่างขมวดคิ้วเพราะไม่เข้าใจในการกระทำของเก้าขุนเขา
อย่างไรก็ตามในตอนนั้นเอง ไป่เฟยก็พูดขึ้น
หนานกงเฮาฆ่าผู้นำคนก่อนของเราเทียนซิงดังนั้นเขาจึงเป็นศัตรูของพวกเรา ชีวิตของเขาต้องเป็นของพวกเรา!
ของเจ้า?…..ถ้าเจ้าไม่ได้เป็นผู้นำคนใหม่ของเก้าขุนเขา คิดหรือว่าเจ้าจะได้คุยกับพวกเรา? โม่ฉานฉือเข้าใจในทันทีว่าไป่เฟยหมายถึงอะไร
อย่างไรก็ตามนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาโกรธมากหอคอยหลิงหยุนก็หยิ่งยะโสเพียงเพราะพวกเขาแข็งแกร่ง เขาจึงทนไม่ได้ที่เก้าขุนเขาเองก็จะทำเช่นเดียวกัน
ท่านโม่ท่านไม่พอใจกับเรื่องนี้งั้นหรือ? ไป่เฟยไขว้มือไว้ด้านหลังและก้าวออกไปราวกับว่าเขาไม่กลัวโม่ฉานฉือแม้แต่น้อย
หา?น่าสนใจริงๆ ฮ่าฮ่าฮ่า… ข้ามีชีวิตอยู่มายาวนาน ข้าไม่ค่อยได้สู้กับผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์เท่าไรนัก ผู้นำไป่ เจ้าคิดจะสู้กับข้างั้นเหรอ?
ท่านไม่มีคุณสมบัติที่เพียงพอ ไป่เฟยอย่าได้ใจนัก เจ้าเป็นแค่เด็กน้อย ข้ายินดีจะลดตัวลงไปสู้กับเจ้า เพราะเจ้าเป็นผู้นำของเก้าขุนเขา!
งั้นหรือ?ยังไงก็ตาม ข้าไม่ต้องรับข้อเสนอก็ได้ใช่หรือไม่? ไป่เฟยยิ้มและมองไปรอบๆ ก่อนจะพูดต่อว่า ข้าพูดแล้ว ชีวิตของหนานกงเฮาเป็นของพวกเรา ใครก็ตามที่กล้าขัดขวาง เราจะถือว่าเป็นศัตรู!
ไป่เฟยกล้าดียังไง! เจ้าคิดจริงหรือว่าหุบเขาฟูซี่จะกลัวเก้าขุนเขา? โม่ฉานฉือ โมโหมากเมื่อได้ยินเช่นนั้น
ในขณะเดียวกันมู่ฉิงเฟิงเองก็ขมวดคิ้วหนัก
การต่อต้านอย่างกะทันหันของเก้าขุนเขาเห็นได้ชัดเลยว่าเกินคาดไปมาก เพราะแม้แต่คนโง่ก็สามารถเข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้ได้
ในตอนนี้สำนักทั้งห้ากำลังจะสู้กันเองแทนที่จะร่วมมือกัน มันไม่ฉลาดเอาเสียเลย เก้าขุนเขาอาจต้องจบสิ้นเพราะการกระทำของตัวเอง อย่างไรก็ตามไป่เฟยก็ยังทำ
ความจริงแล้วแม้แต่ผู้อาวุโสที่อยู่ด้านหลังก็ไม่ได้ค้านการกระทำของเขาแม้แต่น้อย พวกเขาทำตามคำสั่งอย่างขะมักเขม้น และต่อต้านหุบเขาฟู่ซี่
มู่ฉิงเฟิงไม่สามารถเข้าใจได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น
ถ้าไป่เฟยเป็นคนที่หลงระเริง จริงๆ เขาจะรักษาตำแหน่งผู้นำไว้ได้ยังไง ในขณะที่สำนักมีความหยุ่งเหยิงเช่นนี้?
ที่สำคัญที่สุดแม้ว่าไป่เฟยจะเสียสติไปแล้ว แต่มีผู้อาวุโสอีกหลายคน พวกเขาก็ล้วนเสียสติกันไปหมดงั้นหรือ?
’ไม่!’
’บางอย่างผิดปกติ!’
มู่ฉิงเฟิงรู้สึกได้ถึงวิกฤตใหญ่ในทันทีอย่างไรก็ตามก่อนที่เขาจะพูดอะไรออกมา บางอย่างที่ประหลาดก็ปรากฎขึ้นบนท้องฟ้า
ต้นไม้เทพเจ้าหยุดเติบโตมันตั้งตรงอยู่กลางท้องกลางราวกับเสาขนาดใหญ่
ที่สำคัญไปกว่านั้นมีผลสุกพราวอยู่บนต้นไม้ มันเป็นสีแดง ส้ม เหลือง เขียว คราม น้ำเงินและม่วง
แสงทั้งเจ็ดส่องประกายกลางอากาศเป็นสายรุ้งเชื่อมระหว่างท้องฟ้าและภูเขาสวรรค์เข้าด้วยกัน ราวกับเป็นสะพานสายรุ้งขนาดใหญ่
มันเป็นภาพที่สวยงาม
อย่างไรก็ตามมู่ฉิงเฟิงไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะชื่นชม เพราะเขาได้ยินเสียงที่ค่อยๆใกล้เข้ามา
ตูม!
เสียงฟ้าร้องดังสนั่น
ไม่มีใครเข้าใจในเสียงนั้นได้อย่างไรก็ตามมันเป็นเสียงที่ทำให้หูหนวกและดูเหมือนเป็นเสียงที่มาจากโลกที่เก่าแก่
ไม่ฆ่าหนานกงเฮาเดี๋ยวนี้! มู่ฉิงเฟิงตอบสนองในที่สุด ในขณะที่พวกเขามัวแต่ลังเลขัดแย้งกันเอง มันก็ใช้เวลามากเกินไปแล้ว
เวลาผ่านไปขนาดนี้แผนการของหนานกงเฮาก็ถูกเตรียมพร้อม แม้ว่ามู่ฉิงเฟิงจะไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ แต่เขารู้สึกได้อย่างแรงกล้าว่ามันเป็นลางร้าย
ฮ่าฮ่าฮ่า…มันสายเกินไปแล้ว ในที่สุดตระกูลหนานกงของเราก็แก้แค้นได้สำเร็จ ฮ่าฮ่าฮ่า… พวกเขาได้ยินเสียงของหนานกงเทียนอย่างชัดเจน
เขาถูกหยุดไว้โดยผู้อาวุโสสูงสุดของศาลาเต๋าสวรรค์หยานหยิงจึงไม่สามารถเข้าไปขัดขวางเหล่าศิษย์ที่พุ่งหาหนานกงเฮาได้
อย่างไรก็ตามหลังจากได้เห็นสิ่งนี้ท่าทีที่กระวนกระวายของเขาก็ดูผ่อนคลายลง มันเป็นความโง่ใจที่ได้เห็นความหวังของชัยชนะ
ตูม!หนานกงเทียนถูกโจมตีที่หน้าอกด้วยฝ่ามือของใครบางคน และส่งเขาลอยออกไป
ตูม!ร่างของหนานกงเทียนกระแทกลงที่พื้น
เจ้าต้องตายก่อนที่จะแก้แค้นได้สำเร็จ! หยานหยิงมองที่หนานกงเทียน เขาปล่อยจิตสังหารที่รุนแรงออกมา
ตายเหรอ?ฮ่าฮ่าฮ่า… ทำไมข้าต้องกลัวตายงั้นเหรอ หยานหยิง เจ้าประเมินข้าต่ำกินไปแล้ว! หนานกงเทียนดูไม่เจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย เขารู้สึกตื่นเต้นราวกับเขาไม่ได้ถูกโจมตีด้วย
……………………………………..