ด้วยการรร่วมมือระหว่างเฉียนยู่และเต๋าฮุนสองผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ มันไม่ใช่เรื่องยากที่จะฆ่าราชาอสูรสักตัวหนึ่ง
อย่างไรก็ตามเหล่าอสูรคงไม่ปล่อยให้ทั้งสองเข่นฆ่าเผ่าพันธุ์ตัวเองไปมากกว่านี้
หลังจากเห็นราชาอสูรตนหนึ่งตายไปเหล่าอสูรก็เริ่มระวังตัวมากขึ้น พวกเขาจัดระเบียบตำแหน่งอย่างรวดเร็วราวกับกลายเป็นกลุ่มดาวบนท้องฟ้า
การรวมตัวของกลุ่มราชาอสูรทำให้เหล่าเซียนไม่สามารถขึ้นสู่ท้องฟ้าได้
อย่างไรก็ตามยกเว้นอยู่คนหนึ่ง
ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากฟางเจิ้งจือ
เขากำลังปีนต้นไม้เทพเจ้าขึ้นไปสู่ยอดสูงสุดเขาไม่ต้องเจอกับอุปสรรคใดๆ และใกล้ถึงยอดต้นไม้เต็มทีแล้ว
ระลอกคลื่นแผ่ออกมาจากยอดต้นไม้เทพเจ้าสายลมพัดแรงเสื้อคลุมสีน้ำเงินกระพือไปแรงลม
ระลอกคลื่นเกิดขึ้นจากการปะทะกันระหว่างจักรพรรดินีอสูรไป่ฉือโม่ฉานฉือและมู่ฉิงเฟิง นั่นเป็นพลังที่รุนแรงอย่างมาก เป็นพลังสามารถอาชนะเหล่าศิษย์ได้อย่างง่ายดาย
อย่างไรก็ตามนั่นไม่ใช่สิ่งที่ฟางเจิ้งจือกังวล เขาเร่งความเร็วเพื่อไปให้ถึงยอดอย่างไม่ลังเล
เขาใกล้เข้าไปเรื่อยๆ!
เมื่อใกล้ถึงเขารู้สึกได้ถึงจิตสังหารที่รุนแรของโม่ฉานฉือและจักรพรรดินีอสูรไป่ฉือ
รุนแรงมาก ฟางเจิ้งจือรู้สึกชื่นชม ตั้งแต่พวกเขาเริ่มต่อสู้กัน ยังไม่มีท่าทีจะหยุดแม้แต่น้อย
และแน่นอนว่าผลที่ออกมาเป็นไปตามที่เขาคาดเอาไว้
โม่ฉานฉือที่โกรธแค้นจนใช้พลังทั้ง200% เขาไม่เพียงแต่มองข้ามอาการบาดเจ็บของตัวเอง แต่ยังโจมตีใส่จักรพรรดินีอสูรไป่ฉืออย่างต่อเนื่อง
แม้ว่าไป่ฉือจะไม่ได้รับบาดเจ็บแต่การไล่ต้อนของโม่ฉานฉือก็ทำให้นางหนีไปไหนไม่ได้เช่นกัน
นี่คือสิ่งที่ฟางเจิ้งจืออยากเห็น
ข้าควรโจมตีไป่ฉือไหม? ความคิดที่ผุดขึ้นในใจของฟางเจิ้งจือ แต่ก็ถูกตัดทิ้งไปอย่างรวดเร็ว
เหตุผลไม่ใช่เพราะเขาไม่มีโอกาสเข้าโจมตีแต่เป็นเพราะความแตกต่างระหว่างมนุษย์กับอสูร
ฟางเจิ้งจือมั่นใจว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะฆ่าอสูรการลอบโจมตีนั้นไม่มีความหมายหากทำลายไข่มุกอสูรไม่ได้
เขาควรจะเฝ้ามองต่อหรือไม่?
แผนการไม่ผิดพลาดอย่างไรก็ตามจักรพรรดินีไป่ฉือดูเป็นกังวลเรื่องเวลาอย่างมาก
ฟางเจิ้งจือจะมาเสียเวลาเฝ้ามองได้ยังไง?
สิ่งที่ควรสนใจที่สุด…
หนานกงเฮา!
ฟางเจิ้งจือหันความสนใจไปที่หนานกงเฮาในทันทีดูเหมือนเขากำลังสับสนและทรมาน
เดี๋ยวก่อน
ทรมาน?
ความจริงแล้วด้วยท่าทีของหนานกงเฮาในตอนนี้ ฟางเจิ้งจือสามารถบอกได้เลยว่าเขากำลังดิ้นรนด้วยพลังที่เหลืออยู่
เขาควรร้องเพลงแห่งหุบเขาเพื่อปลุกหนานกงเฮาไหม?
หรือเขาควร..
ฆ่าหนานกงเฮา?
ฟางเจิ้งจือเลือกอย่างหลังนั่นเพราะถ้าหากเลือกที่จะช่วย มีหลายปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้มากเกินไป อย่างแรกเขาไม่แน่ใจว่าเพลงแห่งหุบเขาจะช่วยหนานกงเฮาได้หรือไม่ ถ้าทำไม่ได้มันจะเป็นการดึงความสนใจของจักรพรรดินีอสูรมาหาตัวเขาอีกครั้ง และทำให้ความพยายามของเขาสูญเปล่า
นอกจากนี้หลังจากปลุกหนานกงเฮาขึ้นมา เขาจะทำอะไรต่อไป เปิดประตูแห่งดินแดนพระเจ้า? นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฟางเจิ้งจืออยากเห็นแน่นอน
ดงนั้นทางเลือกที่ดีที่สุดคือการฆ่าเขาซะ
มันจะเป็นการจบเรื่องทุกอย่าง
แม้ว่าระหว่างฟางเจิ้งจือและหนานกงเฮาจะไม่ถือว่าเป็นศัตรูต่อกันนักแต่ความจริงที่หนานกงเฮาทำให้ฉือกูเหยียนและปิงหยางบาดเจ็บ เป็นเหตุผลที่เพียงพอจะให้ฟางเจิ้งจือฆ่าเขาได้
ที่สำคัญที่สุดคือ…
ถ้าคิดถึงผลประโยชน์ที่ใหญ่กว่าแล้ว ฟางเจิ้งจือเป็นคนที่ไม่ลังเลเมื่อตัดสินใจแล้วเขาจะลงมือทำอย่ารวดเร็ว
หลังจากวางเหยียนซิวซุกไว้แถวกิ่งไม้แล้วเขาจับดาบไร้ร่องรอยขึ้น
มันเป็นเรื่องยากในการลอบโจมตีจักรพรรดินีอสูรไป่ฉืออย่างไรก็ตามการลอบโจมตีหนานกงเฮาง่ายกว่ามาก
โดยเฉพาะในตอนที่หนานกงเฮาไม่ได้สติด้วยแล้ว
การไม่ทำอะไรเลยหมายถึงการทำอะไรสักอย่าง!
อย่างไรก็ตามแม้จะเป็นเช่นนั้นฟางเจิ้งจือก็รอโอกาสที่ดีที่สุดอย่างอดทน
ในขณะเดียวกันโม่ฉานฉือพุ่งไปด้านหน้าของไป่ฉืออีกครั้ง เขาเหวี่ยงค้อนยักษ์สีดำไปที่เอวของไป่ฉือ และเกิดฟ้าผ่าอย่างรวดเร็ว
เจ้าอยากตายงั้นหรือ? ไป่ฉือแสดงความเป็นโกรธออกมาอย่างเห็นได้ชัด นางเลือกที่จะโต้ตอบด้วยคำพูดก่อน แทนที่โจมตีสวนกลับในทันที
นิ้วที่เพรียวบางของนางเลื่อนผ่านอากาศสายฟ้าฟาดลงที่ค้อนยักษ์สีดำ ในเวลาเดียวกันขาของนางก็เตะไปที่ก้านคอของโม่ฉานฉือในทันที
ตูม!
ค้อนยักษ์สีดำในมือของโม่ฉานฉือสั่นจนเกือบจะหลุดออกจากมือของเขา
การโจมตีของนางทำให้ท่าทีและสีหน้าของโม่ฉานฉือเปลี่ยนไปนอกจากนั้นเขายังรู้สึกได้ถึงสายลมแรงที่พัดเข้าหานาง
ฝันไปเถอะ! มู่ฉิงเฟิงมาถึงก่อนที่โม่ฉานฉือกำลังจะโดนเตะ แสงสีแดงสดส่องสว่างออกจากดาบในมือของเขา
เขาโจมตีด้วยดาบ!
การโจมตีที่รวดเร็วราวกับว่าท้องฟ้ากำลังจะเปิดออก
ตูม!เสียงฟ้าร้องดังก้องหลังจากที่ไป่ฉือเตะไปที่ดาบของมู่ฉิงเฟิง ในขณะเดียวกันแสงจากตัวดาบก็ส่องสว่างขึ้น
การเตะของนางไม่ใช่แค่เร็วกับสายลมที่รุนแรงเท่านั้นแต่ยังมาพร้อมกับเสียงฟ้าร้องที่ดังก้องอีกด้วย
นี่คือพลังที่แท้จริงของไป่ฉือ
อย่างไรก็ตามมู่ฉิงเฟิงนั้นแข็งแกร่งพอกันเมื่อแสงพุ่งเข้าหาแทนที่เขาจะป้องกันกลับเลือกที่จะโจมตี
เขาโยนดาบเพื่อเปลี่ยนไปมือซ้าย
ในระหว่างนั้นมือซ้ายของเขาก็ถูกเคลือบด้วยแสงประกายสีเขียวหยก ราวกับเถาวัลย์ที่เลื้อยพันรอบมือ
เถาวัลย์เติบโตอย่างรวดเร็วจนปรับรูปทรงให้เข้ากับฝ่ามือ
เขาคว้าดาบและโจมตีอีกครั้ง!
แครก!ใบมีดที่แหลมคมฟันโดนแขนของไป่ฉือ
ในทันทีที่ใบมีดโดนไป่ฉือขนของจิ้งจอกสีขาวหิมะก็ขึ้นปกคลุมบนแขนของนาง มีความแข็งเทียบเท่ากับเหล็กไหล
เมื่อใบมีดกระทบขนจิ้งจอกทำให้เกิดเสียงดังที่คมชัด
การโจมตีนั้นไม่ได้สร้างบาดแผลร้ายแรงต่อไป่ฉือแต่มีพลังพอจะทำให้นางถอยออกไปได้สองสามก้าว
ตอนนี้แหละ! ฟางเจิ้งจือรอมานานแล้ว มันมีพลังพอทำให้ไป่ฉือล่าถอย
การทักทาย…
เป็นไปไม่ได้ที่จะทำ
ความจริงแล้วมันไม่จำเป็นเลยฟางเจิ้งจือเผชิญหน้ากับนางเพียงครั้งเดียวและไม่สนิทกับนางแม้แต่น้อย
หนานกงเฮาเจ้าต้องตายเพื่อความสงบสุขของโลก! ฟางเจิ้งจือพุ่งไปด้านหน้าพร้อมยกดาบขึ้น
ไม่มีทั้งแสงและเสียงใดๆ
การเคลื่อนไหวที่มีเพียงความเร็วที่มากพอจะผ่านอุปสรรคเพื่อผลสำเร็จ ฟางเจิ้งจือคิดว่าไม่มีทางที่เขาจะโจมตีพลาด
แต่ในขณะที่เขาพุ่งออกไปอย่างมั่นใจไป่ฉือที่ล่าถอยก็หันไปมองรอบๆ
ตกตะลึง!
จักรพรรดินีอสูรไป่ฉือจ้องมองมาที่เขา
เขารู้สึกตกตะลึงเช่นกันเขาไม่คิดว่านางจะสัมผัสได้แม้ในสถานการณ์เช่นนี้
นางเป็นสัตว์ประหลาดงั้นหรือ?!
เอ่ออืม …นางเป็นสัตว์ประหลาดจริงๆ!
แต่ระดับนี้?การตอบสนองในระดับสูงขนาดนี้ จะลอบโจมตีได้ยังไง? นี่มันไร้สาระ!
ฟางเจิ้งจือไม่แน่ใจว่านี่เป็นเรื่องบังเอิญหรือโชคชะตา
เขาอยากจะสาปแช่งแต่มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะหนีตั้งแต่หยิบดาบขึ้นมาแล้ว
โชคยังดีที่ไป่ฉืออยู่ห่างออกไปอย่างน้อยก็สิบก้าวจากหนานกงเฮา แม้ว่านางจะสังเกตุเห็นก็ไม่สามารถป้องกันการโจมตีของฟางเจิ้งจือได้
ตาย! ฟางเจิ้งจือเล็งไปที่หัวใจของหนานกงเฮา เขาไม่มีความเมตตาแม้แต่น้อย
มันเต็มไปด้วยพลังที่แข็งแกร่ง!
ฟางเจิ้งจือเจ้ากล้าดียังไง! ในที่สุดท่าทีของไป่ฉือก็เปลี่ยนไป เมื่อนางเห็นดาบไร้ร่องรอยพุ่งเข้าหาหนานกงเฮา นางไม่สามารถใจเย็นได้อีกต่อไป
นั่นเพราะนางไม่คิดว่าฟางเจิ้งจือจะแอบปีนขึ้นมาบนยอดต้นไม้เทพเจ้า และลอบโจมตีหนานกงเฮา
เขาไม่กลัวตายเลยหรือไง?
แม้จะพึ่งเคยพบกันครั้งแรกไป่ฉือก็รู้ดีฟางเจิ้งจือไม่ใช่คนที่มองการณ์ใหญ่นัก
ความจริงแล้วฟางเจิ้งจือมีแต่ความเจ้าเล่ห์และเห็นแก่ตัว
นางตัดสินตั้งแต่เห็นเขาพาฉือกูเหยียนและปิงหยางไปหลบที่มุมสนามรบแล้ว ด้วยเหตุนั้นนางจึงไม่สนใจฟางเจิ้งจือนักเมื่อเห็นว่าเขาหายไป
นางคิดว่าเขาหนีไปแล้วคิดว่าจะเอาตัวเองหนีไปจากอันตราย
ทำได้ดีมากเจ้าเด็กเหลือขอ! โม่ฉานฉือเห็นฟางเจิ้งจือและตกตะลึงไปชั่วขณะก่อนจะชื่นชมเขาด้วยแววตาที่เปล่งประกาย
นอกจากโม่ฉานฉือแล้วมู่ฉิงเฟิงเองก็ประหลาดใจเช่นกัน ดวงตาของเขาเบิกกว้างและพูดขึ้น ฟางเจิ้งจือฆ่าหนานกงเฮาเดี๋ยวนี้!
ฟางเจิ้งจืออย่าฆ่าเฮาเอ๋อร์! หนานกงเทียนอ้ออนวอนด้วยดวงตาที่แดงก่ำ เขาแทบจะร้องไห้ออกมา
ฟางเจิ้งจือมองข้ามพวกเขาโดยสิ้นเชิง
เขาไม่ได้สนใจถึงความหมายที่ซ่อนอยู่ใต้คำพูดของโม่ฉานฉือไม่ได้พิจารณาถึงผลที่จะตามมาหลังจากฆ่าหนานกงเฮา เขาเพียงทำตามที่ตัดสินใจเท่านั้น หรือก็คือ…
เขาแค่เอาแต่ใจ
ฟุ่บ!เสียงราวกับกระดาษถูกฉีกขาด มันเสียงของดาบไร้ร่องที่แทงเข้าสู่ร่างกาย เสียงที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
แต่เลือดไม่ได้สาดกระเซ็นไปทั่ว
อย่างไรก็ตามดาบไร้ร่องรอยจมลึกลงไปที่อกของหนานกงเฮา เลือดที่ไหลออกมาถูกดาบไร้ร่องรอยกลืนกินอย่างรวดเร็ว
เขาแทงแล้ว?! ดวงตาของมู่ฉิงเฟิงเบิกกว้างขึ้นอีกครั้ง
เจ้าเด็กเหลือขอ…แม้ว่าจะมีนิสัยที่บ้าบิ่น แต่ก็เป็นที่ไว้ใจได้ในช่วงเวลาที่วิกฤติเช่นนี้! สีหน้าที่บ้าคลั่งบนใบหน้าของโม่ฉานฉือหายไป
เฮาเอ๋อร์! หนานกงเทียนร้องคำรามออกมาเมื่อเห็นดาบไร้ร่องรอยปักลึกลงไปที่หน้าของหนานกงเฮา เขาไม่สามารถหยุดร่างกายท่สั่นไหวและสีหน้าที่ซีดขาวได้เลย สิ้นหวัง..
ท่าทีของเขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวังอย่างสมบูรณ์
ในขณะเดียวกันเหล่านักปราชญ์ที่กำลังต่อสู้กับอสูรมากมาย ต่างก็หันมองไปยังร่างบนยอดต้นไม้เทพเจ้า
ฟางเจิ้งจือและหนานกงเฮา
หนานกงเฮาถูกแทงจริงๆเหรอ?แบบนี้แผนการของตระกูลหนานกง รวมทั้งเผ่าอสูรและปีศาจก็จบสิ้นแล้วใช่ไหม?
เจ้าเด็กเหลือ…ทำได้ดีมาก!
เขาขึ้นไปได้ยังไง?
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องนั้นหรอกเขาสามารถหยุดการต่อสู้นี้ลงได้ เขาคือวีรบุรุษ!
ใช่แล้ว…เด็กเหลือขอกลายเป็นวีรบุรุษ
ใครๆก็สามารถมองความรู้สึกในดวงตาของเหล่าศิษย์ออกบางคนตื่นเต้น บางคนก็สับสน อย่างไรก็ตามมันเต็มไปด้วยความดีใจ แม้ในอดีตพฤติกรรมของฟาง เจิ้งจือ จะทำให้พวกเขาพูดไม่ออก แต่นั้นไม่สำคัญอีกต่อไป
เพราะ…
ฟางเจิ้งจือฆ่าหนานกงเฮา!
สิ่งนี้ทำให้การกระทำของฟางเจิ้งจือที่ผ่านมาถูกมองข้ามไม่ว่าจะเป็นการยั่วยุโม่ฉานฉือ หรือจักรพรรดินีอสูรไป่ฉือก็ตาม