ชิงวู? ไป่ฉือขยับตัวเล็กน้อย ด้วยความสามารถของนางในร่างอสูร การเข้าไปกัดฟางเจิ้งจือสักครั้งนั้นไม่ใช่เรื่องยาก
นอกจากนี้นางรู้สึกได้ว่าฟางเจิ้งจือเลิกพยายามดิ้นรนแล้ว อย่างไรก็ตามนางก็อดสงสัยสิ่งที่ฟางเจิ้งจืออยากจะพูดไม่ได้
แต่ในขณะที่นางจะเปิดปากพูดว่า ‘เชิญ’ ลางสังหรณ์ที่แข็งแกร่งก็ทำให้ร่างของนางสั่นไหว
สารเลวเจ้าพยายามทำให้ข้าปล่อยเจ้างั้นหรือ?
ไป่ฉือตกใจมากถ้าไม่ใช่เพราะลางสังหรณ์ที่แข็งแกร่งนางเกือบจะถูกหลอกอีกครั้ง ทันใดนั้นนางก็นึกถึงสิ่งที่ฟางเจิ้งจือพูดเกี่ยวกับหยุนชิงวู
ชายที่ไร้ยางอายโดยเนื้อแท้
เขาเป็นคนที่มีความสำคัญเพียงเล็กน้อยแต่เมื่อมองข้ามเขาไป กลับกลายเป็นคนที่เปลี่ยนผลลัพธ์ของสถานการณ์
เขามีพรสวรรค์ที่น่ากลัวเหมือนปีศาจนอกจากนี้เขายังมีจิตใจและความคิดที่ไม่สามารถคาดเดาได้
แครก!จักรพรรดินีอสูรไป่ฉือลงคมเขี้ยวลึกลงไปมากกว่าเดิมก่อนจะพูด สารเลว เจ้ากำลังเผชิญหน้ากับคนที่แข็งแกร่งกว่าเจ้าทั้งในด้านของพลังและจิตใจ เจ้าคิดว่าความเจ้าเล่ห์จะใช้กับข้าได้ผลงั้นหรือ?
อ้าก!เจ็บ …อ้ากก ฟางเจิ้งจือส่งเสียงร้องเจ็บปวดออกมา
ไป่ฉือไม่ได้เปิดปากขึ้นอีก
นั่นหมายความว่าแผนการของเขาล้มเหลวอีกครั้งตอนนี้มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะใช้ประโยชน์จากสิ่งที่เกิดขึ้นเพื่อหลอกล่อให้ไป่ฉือปล่อยเขา
เขาควรทำยังไง?
ฟางเจิ้งจือจนปัญญา ทำไมไป่ฉือถึงเข้าใจแผนการของเขาทุกครั้ง?
สิ่งสำคัญที่สุดคือฟางเจิ้งจือรู้สึกได้ว่าพลังงานภายในร่างกายกำลังไหลออกไปอย่างต่อเนื่องในตอนที่ไป่ฉือกัดคอของเขามันราวกับว่านางกำลังดูดเอาพลังของเขาออกไปอย่างไม่หยุดหย่อน
ไม่เขาไม่สามารถปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปได้อีก
ถ้าเขายังถูกดูดพลังออกไปแบบนี้เขาต้องตายอย่างแน่นอน แม้ว่าเขาจะสามารถเอาชีวิตรอดได้ แต่ก็เหมือนกับตายไปครึ่งหนึ่งแล้ว
เขาต้องคิดแผนหลอกไป่ฉือให้สำเร็จ
ไป่ฉือต้องตื่นตัวขึ้นมากอย่างแน่นอนหลังจากรู้ว่าฟางเจิ้งจือพยายามหลอกล่อนางหลายต่อหลายครั้งถ้าเขายังล้มเหลวอีกคงไม่เหลือโอกาสอีกแล้ว
อย่างไรก็ตามแผนที่จะหลอกล่อจักรพรรดินีอสูรได้คืออะไร?หรือมีสิ่งใดบางที่จะทำให้นางเลิกกัดเขาได้?
มันยากเกินไป
ตอนแรกฟางเจิ้งจือคิดว่าไป่ฉือจะอยากรู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหยุนชิงวูอย่างไรก็ตามในสายตาของไป่ฉือมันไม่สำคัญแม้แต่น้อย
เดี๋ยวก่อน!
สิ่งที่จะเป็นเรื่องสำคัญสำหรับนาง…
เปิดประตูเทพเจ้า?! ดวงตาของฟางเจิ้งจือส่องสว่างและหันมองหนานกงเฮา
ดาบไร้ร่องรอยอยู่กลางอกหนานกงเฮาอย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถขยับมือได้อย่างอิสระเพราะสายฟ้าที่ไหลเวียนอยู่
แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาไม่สามารถขยับมือได้
ในตอนนี้ฟางเจิ้งจือเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมาเขาใช้มือขวาดันร่างของหนานกงเฮาไปด้านหน้าเล็กน้อย มันไม่ใช่การเคลื่อนไหวที่รุนแรงแต่ร่างของหนานกงเฮาก็เคลื่อนตัวไปด้านหน้าอย่างน้อยครึ่งนิ้ว มือทั้งสองข้างของเขาเกือบจะสัมผัสผลไม้เทพเจ้าที่อยู่ตรงหน้า
หนานกงเฮายังไม่ตายเขายังมีชีวิตอยู่! ฟางเจิ้งจือตะโกนออกมา เสียงของเขาเต็มไปด้วยความวิตกกังวลและประหลาดใจ
หืม?! ไป่ฉือได้ยินเสียงของเขาและเห็นว่าหนานกงเฮาเคลื่อนไหวนั่นทำให้ดวงตาสีเขียวเข้มของนางขยับเล็กน้อย
หนานกงเฮาเป็นตัวกำหนดเหตุการณ์ทั้งหมดไม่ว่านางจะระวังแค่ไหนนางก็หันมองเขาอย่างรวดเร็ว
ดวงตาของนางเบิกกว้าง
นางจำได้ชัดเจนในตอนที่นางควบคุมหนานกงเฮามือทั้งสองข้างของเขาไม่ได้ใกล้กับผลไม้เทพเจ้าเช่นนี้
แต่ตอนนี้มือทั้งสองข้างอยู่ใกล้พวกมันมาก หนานกงเฮายังไม่ตายงั้นเหรอ! ไป่ฉือที่สูญเสียความหวังไปในตอนแรก ตื่นตระหนกอีกครั้ง
มันเป็นความรู้สึกที่พิเศษ
ให้ความรู้สึกเหมือนกับนางพยายามหาคนที่หายไปมันเป็นความรู้สึกที่มีค่าอย่างยิ่ง
แน่นอนว่าในขณะที่ไป่ฉือกำลังตกหลงอยู่กับความตื่นเต้นมู่ฉิงเฟิงและโม่ฉานฉือที่ถอยออกไปก็เริ่มกังวล
พวกเขามองเห็นหนานกงเฮาได้จากที่ไกลๆเท่านั้น
หนานกงเฮาเคลื่อนไหวงั้นหรือ?!
เขายังไม่ตาย!
มู่ฉิงเฟิงและโม่ฉานฉือรู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่ามันเป็นความรู้สึกที่สิ้นหวังอย่างมาก เมื่อพวกเขาตระหนักว่าได้สูญเสียสิ่งที่อยู่ในมือไปแล้ว
นากจากมู่ฉิงเฟิงและโม่ฉานฉือเหล่าศิษย์ที่มองจากด้านล่างต่างก็พากันตกตะลึง ยัง…ไม่ตายเหรอ?
เป็นไปได้ยังไง?
เขาแทงที่หัวใจไม่ใช่หรือเขายังไม่ตายได้ยังไง!
เห็นได้ชัดว่าเหล่าศิษย์ไม่อยากจะเชื่อหลังจากได้เห็นฟางเจิ้งจือฆ่าหนานกงเฮา พวกเขาต่างเข้าใจว่าแม้การต่อสู้ยังไม่จบแต่ก็ยังดีกว่าทุกอย่างจบสิ้นลง
พวกเขาได้สิ่งที่ต้องการแล้วพวกเขาสามารถหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บที่ไม่จำเป็นได้
แต่ถ้าหนานกงเฮายังไม่ตาย…
มันจะเป็นอีกเรื่องทันที
โฮก!
โฮก…โจมตี!
นอกจากเหล่าศิษย์แล้วราชาอสูรบนท้องฟ้าต่างก็มีความคิดเช่นเดียวกัน
ถ้าหนานกงเฮาตายนั่นหมายความว่าแผนของพวกเขาถูกยับยั้ง แต่ถ้ายังไม่ตายทุกอย่างจะดำเนินต่อไปเช่นเดิมถ้าพวกเขาสามารถควบคุมหนานกงเฮาได้ แผนการก็จะสำเร็จ
ในไม่ช้าจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของเหล่าราชาอสูรก็ลุกโชนขึ้นอีกครั้ง สถานการณ์กลับเข้าสู่สงครามเหมือนก่อนหน้านี้
โจมตี!
เร็วเข้าหยุดยั้งจักรพรรดินีอสูรให้ได้!
เหล่าศิษย์ต่างก็พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าใช้พลังทั้งหมดต่อสู้กับราชาอสูร โดยลืมความกังวลทั้งหมดที่อยู่ในใจ
เฮาเอ๋อร์ยังไม่ตาย?! หนานกงเทียนจ้องมองไปยังร่างที่อยู่บนยอดต้นไม้เทพเจ้า
และทุกสิ่งที่เกิดขึ้น…
เป็นเพราะเสียงตะโกนของฟางเจิ้งจือ
กับสถานการณ์เช่นนี้ฟางเจิ้งจืออยาตะโกนว่า ‘เชี่ย คนที่กลัวการโจมตีก่อนหน้านี้ ฮึดสู้ขนาดนั้นเชียว? ในตอนนั้นเองความประหลาดใจได้เกิดขึ้น อีหคระเง
มุ่ฉิงเฟิงและโม่ฉานฉือที่ถอยออกไปก็พุ่งเข้าหาไป่ฉือพร้อมกับตะโกนว่า ไป่ฉือ ปล่อยฟางเจิ้งจือซะ เลิกคิดที่จะควบคุมหนานกงเฮาไปได้เลย!
ในตอนนั้นร่างของจักรพรรดินีอสูรไป่ฉือเริ่มสั่นไหว
นั่นเพราะนางตระหนักว่ามีบางอย่างแปลกๆเกี่ยวกับหนานกงเฮาดวงตาของเขายังคงปิดสนิทเช่นเดิม
เด็กเหลือขอนี่พยายามทำให้คนตายมีชีวิต ข้าประทับใจจริงๆ! ไป่ฉือเข้าใจแผนที่ฟางเจิ้งจือวางเอาไว้
แม้ว่านางจะเข้าใจแต่ก็ไม่สามารถอ้าปากได้
นางไม่สามารถอ้าปากเพื่ออธิบายให้คนที่ไม่รู้ว่าหนานกงเฮา’ไม่ได้ฟื้นจากความตาย’ ฟังได้ ฟุ่บ!หางยาวปรากกฎขึ้นที่ด้านหลังของไป่ฉือ พวกมันปกคลุมด้วยขนสีขาวที่แข็งเท่ากับเหล็กไหล
จิ้งจอกขาวก้าวหาง!
มันถูกบันทึกไว้ในประวัตติศาตร์หลังจากคืนร่างอสูรหางทั้งก้าวจะโผล่ออกมาจากด้านหลังของนางแน่นอน
เมื่อหางทั้งก้าวโผล่ออกมาพวกมันขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็วเคลื่อนไหวบนท้องฟ้า กลื่นอายที่น่ากลัวแผ่ออกมาจากรู้สึกได้ชัดเจน
มู่ฉิงเฟิงและโม่ฉานฉือหันมองกันอย่างรวดเร็ว
ตูม!
ตูม!
หางทั้งเก้าฟาดลงมาอย่างต่อเนื่องด้วยความเร็วสูงราวกับแส้ยักษ์ที่ขวางทางโม่ฉานฉือและมุ่ฉิงเฟิงเอาไว้
ฟางเจิ้งจือข้าบอกแล้วใช่ไหม ว่าข้าไม่มีทางหลงอุบายของเจ้า พยายามชุบชีวิตคนตายเพื่อถ่วงเวลาให้มู่ฉิงเฟิงและโม่ฉานฉือเข้าช่วย? ไป่ฉือเยาะเย้ยเล็กน้อย
แต่ฟางเจิ้งจือไม่ยอมแพ้
เขา…ยังมีชีวิตอยู่จริงๆ …ข้า …รีบหยุด …หยุดหนานกงเฮา …ต้องรีบ
เร็วเข้ามันอาจจะสายเกินไปถ้าไม่รีบหยุดเขาในตอนนี้!
เขายังมีชีวิตอยู่ได้ยังไง?เขาถูกแทงที่หัวใจอย่างแน่นอน…
เสียงของฟางเจิ้งจือยังคงวนไปซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นน้ำเสียงที่กังวลมากขึ้นเรื่อยๆ และท่าทีของเขาเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน
ไร้สาระ!คิดว่าข้าจะเชื่อเจ้างั้นหรือ? เห็นได้ชัดว่าไป่ฉือไม่เชื่อเขาและไม่ยอมปล่อยเขาไป ในใจของนางดูถูกการกระทำของฟางเจิ้งจือมาก
อย่างไรก็ตามความรู้ดูถูกในใจของนางหายไปอย่างรวดเร็ว รอยยิ้มของนางเองก็หายไปเช่นกัน
นางสังเกตุว่า..
หนานกงเฮาที่กำลังจะคว้าผลไม้สีเขียวและสีดำในตอนแรกได้เอื้อมมือไปหาผลไม้สีทองแทน
ผลไม้เทพเจ้า!
ท่าทีของไป่ฉือเปลี่ยนไปและหันไปหาหนานกงเฮาความหวาดกลัวเกิดขึ้นในใจ ดวงตาของหนานกงเฮาเริ่มเปิดออก
แสงสีแดงพุ่งผ่านดวงตาของหนานกงเฮาราวกับเลือดยังไหลเวียนในดวงตาของเขา
ย…ยังมีชีวิต? เขายังมีชีวิตอยู่จริงๆหรือ?! ไป่ฉือกลายเป็นตกใจมาก เพราะนางคิดว่ามันเป็นแผนของฟางเจิ้งจือ
แต่หนานกงเฮายังมีชีวิตอยู่จริงๆหหรือ?
มันเต็มไปด้วยความตกใจประหลาดใจ
นอกจากนั้นนางรู้สึกแปลกมากราวกับมีบางสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นกับร่างกายของนาง เจ้าเด็กไร้ยางอายกล้าทำเช่นนี้กับข้าได้ยังไง! ในที่สุดจักรพรรดินีอสูรไปฉือเปิดปากออก ในช่วงเวลาที่สับสนเช่นนี้นางจะยอมให้ชายคนหนึ่งเอาเปรียบนางได้ยังไง?
นางพึมพำออกมาโดยไม่รู้ตัว
ก่อนจะพูดจบนางก็รู้สึกตัวแต่ทว่าตั้งแต่นางเปิดปากออกทุกอย่างได้สายเกินไปแล้ว
ในที่สุดข้าก็ทำสำเร็จ? ฟางเจิ้งจือรู้สึกเบิกบานใจแม้ว่าจะตกตะลึงอยู่ไม่น้อย
หลังจากเรื่งทั้งหมด…
หนานกงเฮาดันยังมีชีวิตอยู่จริงๆ!
เขาไม่ได้หลอกล่อ
เมื่อเห็นว่าหนานกงเฮายังมีชีวิตอยู่เขาก็ตกใจมากกว่าใคร เพราะเขาเป็นคนแทงเข้าไปที่หน้าอกด้วยดาบในมือของเขาเอง
แม้ว่าเขาจะไม่ได้ตรวจสอบให้รอบคอบแต่เขามั่นใจว่าแทงดาบเข้าไปที่หน้าอกอย่างแน่นอน
ทำไมหนานกงเฮายังไม่ตาย? เป็นไปได้ไหมว่าเขาพยายามหลบในวินาทีสุดท้าย?
หรือเพราะเขาทำให้หนานกงเฮาสัมผัสกับผลไม้เทพเจ้าอย่างไม่รู้ตัว?
เขาไม่สามารถหาเหตุผลที่แท้จริงได้
ความจริงก็คือหนานกงเฮาฟื้นขึ้นมานอกจากนี้เขายังพยายามคว้าผลไม้สีทองด้วยมือของเขา
ความจริงแล้วฟางเจิ้งจือเตือนไป่ฉืออยู่หลายครั้งว่าหนานกงเฮายังมีชีวิตอยู่เพราะเห็นฉากนั้น
แต่ไป่ฉือไม่ยอมเชื่อเขาตั้งแต่แรก
เพื่อให้ไป่ฉือได้เห็นเขาพยายามบิดร่างกายเพื่อเปิดมุมมองที่บังร่างของหนานกงเฮาเอาไว้ให้นางได้เห็น
จากนั้นเขาก็ตระหนักว่ามันสำเร็จ?
……………………………………..