Gate of God – ตอนที่ 913 แสงสีทองแห่งความหวัง

  เป็นฉากที่น่าแปลกอย่างมากนั่นเพราะมู่ฉิงเฟิง โม่ฉานฉือและคนอื่นๆไม่ได้เข้าใกล้ค่ายกลปีศาจเพลิงแม้แต่น้อย

  ใครกันที่สามารถส่งจักรพรรดินีไป่ฉือลอยกระเด็นไปบนอากาศเช่นนี้ได้?

  ไม่มีใครคิดออกอย่างไรก็ตามไป่ฉือลอยขึ้นไปจริงๆ นอกจากนี้พวกเขามั่นใจว่าต้องมีบางคนเตะนางอย่างแน่นอน

  ตำแหน่งที่ถูกเตะ…

  ดูเหมือนจะเป็นสะโพกของนาง

  นั่นเพราะมีรอยเท้าบางๆที่มองเห็นได้แถวสะโพกของไป่ฉือมันเป็นรอยเปื้อนของเถ้าถ่านสีดำสนิท

   รอยเท้า? 

   สีดำ?เถ้าถ่าน…?! 

  หัวใจของมู่ฉิงเฟิงและโม่ฉานฉือเต้นรัวพวกเขาหันมองกันด้วยความสงสัยและต่างเห็นความตกใจในแววตาของอีกฝ่าย

  นั่นเพราะมีเพียงคนเดียวที่มีรอยเท้าเป็นเถ้าถ่านและสามารถเตะไป่ฉือได้ในตอนนี้

  ตูม!ท่ามกลางค่ายกลปีศาจเพลิง ประกายแสงสีทองพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า มันเป็นประกายแสงที่แข็งแกร่งมาก

  แสงสว่างที่ทำให้ความมืดจางลงแสงที่ทำให้ดวงดาวบนท้องฟ้าหายไป แสงสว่างพุ่งทะลุท้องฟ้าที่มืดมิดก่อเกิดเป็นรูกว้าง

  แสงอาทิตย์สาดส่องลงมาด้วยความอบอุ่น

  กลางคืนกลับกลายเป็นกลางวัน!

  สิ่งที่มีแต่ไป่ฉือเท่านั้นที่ทำได้อย่างไรก็ตามเมื่อแสงสีทองปรากฎท้องฟ้ากลับกลายเป็นกลางวันอีกครั้ง

   ฟางเจิ้งจือ! 

   เขายังมีชีวิตอยู่?!ฟางเจิ้งจือยังไม่ตาย! 

   มันเป็นไปได้ยังไง?!    มู่ฉิงเฟิงโม่ฉานฉือ เฉียนยู่และหยานหยิงต่างเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ เพราะพวกเขาเห็นร่างที่ส่องสว่างด้วยแสงสีทองอย่างชัดเจน

  ร่างนั้นยืนนิ่งท่ามกลางแสงสีทองเถ้าถ่านถูกสายลมพัดผ่านจนหลุดลอยออกไปทีละน้อย เผยให้เห็นผิวที่เหมือนหยกและกล้ามเนื้อกระชับ ร่างของเขาสดใสเหมือนผลึก และผิวพรรณที่เปล่งประกาย

   เขายังมีชีวิตอยู่จริงๆด้วย! 

   เขายังไม่ตาย! 

  เหล่าศิษย์ตื่นกลัวและตกตะลึงเมื่อเห็นร่างของฟางเจิ้งจือท่ามกลางแสงสีทอง

  เขากินผลไม้เทพเจ้าเข้าไป…

  แต่ยังมีชีวิตอยู่!

   เขาเป็นสัตว์ประหลาดหรือไง? 

  ไม่มีใครสงบใจลงได้แม้แต่น้อยเพราะไม่เคยพบเจอเรื่องแบบนี้มาก่อน

  ความจริงแล้วแม้แต่หยุนชิงวูก็สูญเสียความเยือกเย็นไปเมื่อเห็นฟางเจิ้งจือ

  ใช่แล้ว!

  แม้แต่หยุนชิงวูก็ไม่สามารถเชื่อได้!

   ยังไม่ตาย…ฟางเจิ้งจือ เจ้ายังไม่ตาย… หาได้ยากที่จะเห็นหยุนชิงวูประหลาดใจ แต่เป็นความจริงที่นางไม่สามารถสงบเยือกเย็นเหมือนเดิมได้

  อย่างไรก็ตามด้วยเหตุผลบางอย่างท่าทีของนางไม่ได้มีความหวาดกลัวมากเกินไป กลับกันมันเป็นท่าทีที่ค่อนข้างตื่นเต้น

  ในฐานะผู้หญิงหยุนชิงวูไม่ควรจ้องมองฟางเจิ้งจือเท่าไหร่นัก เพราะในตอนนี้เขาไม่ได้สวมใส่อะไรแม้แต่ชิ้นเดียว

  อย่างไรก็ตามนางไม่สามารถละสายตาไปจากเขาได้

  นั้นเพราะแววตาของฟางเจิ้งจือดึงดูดความสนใจของนางอย่างสมบูรณ์ในดวงตาของเขาไม่ได้มีแสงสว่างมากนัก แต่เป็นดวงตาที่ให้ความรู้สึกที่สงบนิ่งราวกับมหาสมุทรที่กว้างใหญ่ และพร้อมจะปลดปล่อยความโกรธได้ทุกเมื่อ

   เป็นบทเพลงที่ไม่แย่นัก! ฟางเจิ้งจือมองหยุนชิงวูและค่อยๆเผยเป็นรอยยิ้มออกมา

   อะ?อะไร… นี่ …ข้าบรรเลงเพลงนี้บ่อยครั้ง… หยุนชิงวูตอบโดยสัญชาตญาณ แต่นางรู้ทันทีว่าไม่เหมาะสมนัก จึงค่อยๆควบคุมตัวเองไว้ จากนั้นความประหลาดใจก็หายไปจากใบหน้าของนาง

   เจ้าเล่นเพลงนี้บ่อยเหรอ?น่าเสียดายที่ในวันนั้นเจ้าพูดว่าพวกเราไม่ได้อยู่ฝ่ายเดียวกัน!  ฟางเจิ้งจือเผยยิ้มสดใสออกมา ในขณะเดียวกันแสงสีม่วงก็ปรากฎขึ้นในมือของเขา

  มันคือดาบไร้ร่องรอย!

  ทันทีที่มันปรากฎขึ้นความสงบนิ่งในแววตาของฟางเจิ้งจือก็หายไป มันกลายเป็นความรู้สึกที่รุนแรงเหมือนคลื่นยักษ์

  ฟู่!   ฟู่!

   … 

  คลื่นกระแทกพุ่งออกมาจากร่างของฟางเจิ้งจือราวกับคลื่นทะเลแรงคลื่นทำให้ชุดสีขาวของหยุงชิงวูสะบัดไปมา ทั้งยังเผยให้เห็นใบหน้าและผมหงอกขาวของผู้อาวุโสทั้งสิบด้วย

  ปีศาจอาวุโสทั้งสิบมีดวงตาที่หน้าผากของพวกเขาอย่างไรก็ตามมันเป็นสีทองโดยสมบูรณ์ ดวงตาที่ส่องแสงด้วยความเยือกเย็นมันเป็นสิ่งที่บ่งชี้ว่าพวกเขาอยู่ในระดับเซียน

  อย่างไรก็ตามดูเหมือนฟางเจิ้งจือจะไม่ได้สนใจเรื่องนั้นเขายังคงจ้องมองที่หยุนชิงวูด้วยรอยยิ้ม

  และก้าวไปข้างหน้า..

  ตอนนั้นเองแสงสีทองที่พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าก็ค่อยๆกลับคืนสูร่างของฟางเจิ้งจือราวกับนกน้อยใหญ่ที่บินกลับรัง

   โอกาส…พวกเรายังมีโอกาส!     ใช่แล้วเจ้าเด็กเหลือขอยังมีชีวิตอยู่ มนุษย์ยังไม่แพ้! 

   ฟางเจิ้งจือ…ข้าไม่คิดเลยจริงๆว่าชะตากรรมของมนุษยชาติจะขึ้นอยู่กับเด็กนั่น… 

  แม้ว่ามู่ฉิงเฟิงและโม่ฉานฉือจะไม่สามารถเชื่อในสิ่งที่เห็นแต่พวกเขาก็มองเห็นความหวังอีกครั้ง

  พวกเขาไม่สามารถทำลายค่ายกลปีศาจเพลิงได้เพราะอยู่ด้านนอกอย่างไรก็ตามฟางเจิ้งจืออยู่ท่ามกลางสิ่งนั้น

  ถ้าฟางเจิ้งจือฆ่าปีศาจอาวุโสทั้งสิบได้ค่ายกลจะถูกทำลายจากนั้นด้วยพลังของพวกเขาทั้งห้าคนจะสามารถเปลี่ยนกระแสสงครามได้อีกครั้ง

   เร็วเข้าฟางเจิ้งจือฆ่าปีศาจอาวุโสพวกนั้นเดี๋ยวนี้! แม้หยานหยิงจะไม่ได้ชื่นชอบในตัวฟางเจิ้งจือนัก แต่นั่นไม่สำคัญอีกต่อไป สิ่งสำคัญคือฟางเจิ้งจือสามารถเปลี่ยนกระแสสงครามได้อย่างแน่นอน และหยานหยิงยอมรับในข้อนี้   ฆ่าปีศาจอาวุโส? ฟางเจิ้งจือได้ยินเสียงของหยานหยิงก่อนจะเหลือบมองปีศาจเฒ่าทั้งสิบตนด้วยสายตาที่เบิกกว้างอย่างประหลาดใจ จากนั้นก็หันมองหยุนชิงวูอีกครั้ง

  หลังจากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงอีก

   ฟางเจิ้งจือ! 

   เร็วเข้ารีบฆ่าพวกมันซะ! 

   … 

  เห็นได้ชัดว่ามันเป็นเสียงของเหล่าศิษย์เบื้องล่างความจริงที่พวกเขาไม่หนีไป มันแสดงให้ว่าพวกเขายังมีความหวังในชัยชนะ

  แล้วพวกเขาจะไม่ตื่นเต้นได้อย่างไร?ในเมื่อความหวังแห่งชัยชนะกลับมามีชีวิตอีกครั้ง

   ผู้คนจำนวนมากหายไป ฟางเจิ้งจือมองดูเบื้องล่างอย่างไม่ตั้งใจแม้จะบอกได้ชัดเจนว่าคนหายไปจำนวนมาก แต่ในสายตาของคนที่ยังอยู่มันเต็มไปด้วยความหวังอย่างชัดเจน

   ข้ารู้ว่าข้าเป็นคนที่สนใจของผู้คนเสมอ 

  เนื่องจากฟางเจิ้งจืออยู่ท่ามกลางเปลวเพลิงเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะรู้สึกดีเป็นพิเศษ โดยเฉพาะหยุนชิงวูที่ยืนอยู่ตรงหน้าและสายตาที่หวาดกลัวของปีศาจเฒ่าพวกนี้

   เอาล่ะดูเหมือนจะถึงเวลาที่ข้าต้องกอบกู้โลกแล้ว! 

  อย่างไรก็ตามเขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติในขณะที่กำลังจะเคลื่อนไหว เพราะเขารู้สึกถึงความหนาวเย็นใต้หว่างขาเพราะสายลมที่พัดผ่าน

   เอ๊ะ?! 

  ฟางเจิ้งจือมองลงไปอย่างสังหรณ์ใจและเห็นร่างที่ล่อนจ้อนของตัวเองในทันที เขาคิดว่ากำลังหล่อมาก แต่เขาไม่รู้ว่าทำไมถึงอยู่ในสภาพเปลือยเปล่าเช่นนี้

   ใครถอดเสื้อผ้าของข้าออก! แม้ฟางเจิ้งจือจะไร้ยางอายแต่ก็เขินเล็กน้อยกับความอับอายที่เกิดขึ้นตอนนี้

  ผู้คนนับร้อยจ้องมองเขาจากด้านล่างรวมถึงเฉียนยู่และฉือกูเหยียน  แม้แต่…

  หยุนชิงวู!

   … ฟางเจิ้งจืออยากจะสาปแช่ง

   … มู่ฉิงเฟิงโม่ฉานฉือ และหยานหยิงเหลือบมองกัน พวกเขาอยากจะสาปแช่งเช่นกัน ‘นี่เป็นเวลาที่ควรสนใจเรื่องนั้นงั้นเหรอ?’

  ริมฝีปากของเฉียนยู่กระตุกนางไม่ใช่คนที่จะต่อว่าผู้อื่นโดยไร้เหตุผล อย่างไรก็ตามนางอยากจะดึงหูฟางเจิ้งจือและตะโกนดังๆ  เกิดอะไรขึ้นกับความไร้ยางอายของเจ้ากัน? 

  นั่นเป็นสิ่งที่มู่ฉิงเฟิงและโม่ฉานฉือรู้สึกได้

  ในขณะเดียวกันสีหน้าของเหล่าศิษย์เบื้องล่างกลายเป็นสีแดง พวกเขาอยากจะเอ่ยถาม…

   คนๆนี้…เชื่อถือได้จริงหรือ?! 

  โฮก!ทันใดนั้นพวกเขาก็ได้ยินเสียงคำรามของความโกรธบนท้องฟ้า จากนั้นร่างขนาดใหญ่ก็ปรากฎขึ้นในอากาศบดบังแสงสว่างทั้งหมด

  ไป่ฉือกำลังโกรธแค้น!

  นี่เป็นครั้งที่ไป่ฉือโกรธแค้นขนาดนี้ในฐานะจักรพรรดินีอสูร ชื่อของผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดและจิ้งจอกเก้าหางต้องแปดเปื้อน

  เป็นครั้งที่สอง…

  นางถูกเตะกระเด็นถึงสองครั้ง!

  ความอัปยศที่เกิดขึ้นมันน่ารังเกียจเกินกว่าที่ใครตบหน้านางเสียอีกนางโกรธจนขนสีขาวตั้งตรงด้วยสัญชาตญาณสัตว์ร้าย

  ไป่ฉือพุ่งเข้าหาอย่างไม่ลังเล

  พายุพัดกระหน่ำฟ้าผ่าอย่างต่อเนื่อง กรงเล็บที่แหลมคมเปล่งประกาย กลิ่นอายที่รุนแรงทำให้สภาพอากาศแปรปรวน

   ฟางเจิ้งจือระวัง! 

   เด็กเหลือขอหลบเร็ว! 

  ทั้งโม่ฉานฉือและมู่ฉิงเฟิงตะโกนลั่นฟางเจิ้งจือแบกความหวังทั้งหมดเอาไว้ ดังนั้นพวกเขาจึงอดไม่ได้ที่จะกังวล

  ไป่ฉือแข็งแกร่งเกินไป

  นอกจากนี้นางกำลังโกรธแค้นอย่างเห็นได้ชัด และกลายร่างเป็นอสูรอีกครั้ง แม้แต่คนสี่คนก็รับมือกับนางไม่ไหว

  อย่างไรก็ตามฟางเจิ้งจือดูเหมือนจะไม่ได้ยินเสียงเตือนของพวกเขาแสงสีม่วงยังคงส่องสว่างบนดาบไร้ร่องรอย และดูไม่มีทีท่าจะหลบเลี่ยงแม้แต่น้อย

   ตาย! เขาตะโกนเบาๆ

  จากนั้นฟางเจิ้งจือก็พุ่งออกไป ไม่เพียงแต่จะไม่หลบเลียงการโจมตีเท่านั้น เขายังพุ่งเข้าหาไป่ฉืออีกด้วย

   … 

   เจ้าเด็กเหลือขอไม่!! 

   ไม่?ทำไมถึงไม่ล่ะ? ฟางเจิ้งจือตอบกลับมู่ฉิงเฟิงและโม่ฉานฉือด้วยท่าท่าเหยียดหยาม เขาผลักดาบไรร่องรอยไปด้านหน้าและพูดขึ้น  ขนของจิ้งจอกเก้าหางทั้งยอดเยี่ยมและสมบูรณ์แบบ เหมาะกับการเอาไปทำเสื้อของข้า! 

   … 

  จะมีอะไรน่าขันไปกว่าการที่มีคนพูดเช่นนี้อีกบ้างไม่มีใครรู้คำตอบ อย่างไรก็ตามทั้งมู่ฉิงเฟิงและโม่ฉานฉือต่างปิดปากเงียบ

  นั่นเพราะพวกเขารู้สึกสิ้นหวังอีกครั้ง

  คนที่ประเมินตัวเองสูงเกินไป

  อย่างไรก็ตามคนที่ประเมินตัวเองสูงและมั่นใจเกินไปมักไม่ได้จบด้วยดี

  ความหวังของพวกเขาเกิดขึ้นเพื่อถูกทำลายลงอีกครั้ง

  ตูม!พวกเขาได้ยินเสียงระเบิดและเห็นแสงสีทองส่องสว่าง จากนั้นร่างของชายหนุ่มและอสูรก็แยกจากกันทันที ท่ามกลางแสงที่ส่องสว่างพวกเขาแยกจากกันเร็วมาก

   เขาตายแล้วหรือ?! 

   ไม่ดูเหมือนว่าจะยังไม่ตาย!     พลังเท่ากัน?! 

   เป็นไปได้ยังไง? 

   ไม่…มันไม่ใช่ เขา …เขาพุ่งขึ้นไป! 

  หัวใจของทุกคนเหมือนจะหล่นลงไปที่ตาตุ่มเมื่อพวกเขาเห็นร่างทั้งสองแยกจากกัน ในไม่ช้าพวกเขาก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ

  นั่นเพราะร่างหนึ่งพุ่งกลับไปอีกครั้ง

  จากด้านล่าง!

  มันพุ่งเข้าหาร่างที่ใหญ่ยักษ์ด้วยความเร็วสูงในขณะเดียวกันดาบในมือราวกับสายฟ้าขนาดใหญ่

  แสงสีม่วงไหลวนบนตัวดาบ

   ตาย! เขาตะโกนเบาๆอีกครั้ง

  ทุกคนรู้สึกเหมือนพวกเขาอยู่ในความฝันมันไม่น่าเชื่อแม้แต่น้อย

   นี่ข้า..กำลังฝันงั้นหรือ? 

   ฟางเจิ้งจือโจมตีจักรพรรดินีอสูรไป่ฉือจริงๆหรือ? 

   นอกจากนี้เขายังเป็นฝ่ายไล่ล่านาง? 

  ฟุบ!พวกเขาได้ยินเสียงที่คมชัดและแสงสีแดงที่ตกลงมาจากท้องฟ้าราวกับสายฝน

  มันคือหยดเลือดจากบาดแผลลึกถึงกระดูกของไป่ฉือ

  โฮก!!ไป่ฉือร้องคำรามด้วยความเจ็บปวด

  ……………………………………..

 

Gate of God

Gate of God

GoG, 神门
Score 7.2
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2015 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Gate of Godเรื่องราวของฟางเจิ้งจือผู้ได้มาเกิดใหม่ในโลกที่ผู้คนสามารถใช้พลังจากธรรมชาติที่เรียกว่า’เต๋า’ได้ แต่ฟางเจิ้งจือผู้ที่เกิดมาในครอบครัวชาวบ้านธรรมดาและต้องการใช้ชีวิตอย่างสงบสุขกลับต้องพัวพันกับเหตุการณ์ต่างๆทั้งการทดสอบพลังและความรู้ของอาณาจักร ความขัดแย้งทางการเมืองรวมถึงเผ่าปีศาจที่คอยชักใยแผนการอยู่เบื้องหลัง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset