เขาจะชนะได้ไหม?
นั่นคือคำถามของโม่ฉานฉือ
อย่างไรก็ตามหยานหยิงที่อยู่ท่ามกลางแสงสีทองพึ่งจะได้รู้ถึงคำตอบนั้น
ในตอนที่เขาถูกโอบล้อมไปด้วยแสงสีทองหยานหยิงรู้สึกได้ถึงพลังที่น่ากลัว
ความรู้สึกราวกับมหาสมุทรได้โอบอุ้มเขาเอาไว้มหาสมุทรที่เต็มไปด้วยคลื่นและผืนน้ำขนาดใหญ่
ที่สำคัญกว่านั้นเขารู้สึกได้ชัดเจนว่าอาการบาดเจ็บฟื้นกลับมาในชั่วพริบตา
นี่คือพลังที่แท้จริง…เจ้าเด็กเหลือขอ! เมื่อก่อนความรู้สึกที่หยานหยิงมีต่อฟางเจิ้งจือเป็นเพียงคนที่ไร้ยางอายและเย่อหยิ่ง แต่ตอนนี้เขาประทับใจอย่างแท้จริง
ประทับใจเกินจะบรรยาย
อย่างไรก็ตามฟางเจิ้งจือไม่มีเวลาสังเกตุถึงความเปลี่ยนแปลงของหยานหยิง เขายังคงฟาดดาบไปข้างหน้า
มันคือความมั่นใจที่เกิดขึ้นจากความสามารถของเขาเอง
ตูม!ดาบและกรงเล็บของไป่ฉือเข้าปะทะกันจนเกิดเสียงกระทบของโลหะ
จากนั้นก็เกิดคลื่นกระแทกอย่างรุนแรง
คลื่นที่รุนแรงทำให้ขนสีขาวของไป่ฉือสั่นไหวไปมา
ชุดคลุมของฟางเจิ้งจือกระพือไปตามสายลมแรงผมสีดำยาวถูกพัดไปด้านหลังตามคลื่นอากาศ
อย่างไรก็ตามมันไม่ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวครั้งต่อไปของเขาแม้แต่น้อย
เขาไม่เลือกที่จะตั้งรับแต่อย่างใดมือที่จับดาบแน่นพุ่งเข้าโจมตีไป่ฉืออีกครั้ง
เด็กเหลือขอ..รอดจากการโจมตีของไป่ฉือ! ดวงตาของโม่ฉานฉือแทบจะหลุดออกจากเบ้าในขณะที่มองดูการต่อสู้ตรงหน้า ไม่ไม่เพียงแต่รอดชีวิตจากการโจมตี เขาสามารถต่อสู้กับไป่ฉือได้อย่างเท่าเทียม! มู่ฉิงเฟิงตกตะลึงไม่แพ้กัน
ก่อนหน้านี้ฟางเจิ้งจือไม่สามารถป้องกันแม้แต่การโจมตีเดียวได้ หลังจากผ่านไปไม่นานเขากลับมีพลังเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
โชคช่วย?
มู่ฉิงเฟิงอยากจะคิดว่าโชคเข้าข้างฟางเจิ้งจืออย่างไรก็ตามเมื่อนึกถึงการต่อสู้ของฟางเจิ้งจือที่ผ่านมาช่วงไม่กี่เดือนนี้ เขาไม่สามารถคิดว่าเป็นเรื่องของโชคได้อีกต่อไป
หลังจากเข้ามาในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เขาได้รับบาดเจ็บเหมือนกับเหยียนซิว
จากนั้นก็ถูกหอคอยหยินหยางจับไปทั้งยังต้องแลกชีวิตของตัวเองเพื่อให้เหยียนซิวรอด ไม่เพียงแค่นั้นเขายังถูกจับลงหม้อหลอมของเก้าขุนเขาอีก
มันจะเป็นเรื่องของโชคได้ยังไง?
นอกจากนี้แม้ว่ามู่ฉิงเฟิงจะไม่รู้ชัดเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในหอคอยหลิงหยุนแต่เขาเชื่อว่าฟางเจิ้งจือต้องมีส่วนเกี่ยวกับข้องกับการตายของเฉียนเยว่เป็นแน่ ถึงได้มีเฉียนยู่ผู้นำคนใหม่ของหอคอยหลิงหยุนปรากฎตัวขึ้น
สิ่งสำคัญที่สุดคือก่อนหน้านี้…
เห็นได้ชัดว่าฟางเจิ้งจือไม่ได้มีพลังเทียบเท่ากับไป่ฉือแม้แต่น้อยอย่างไรก็ตามหลังจากที่ฟื้นจากความตายเขามีพลังเพิ่มขึ้นมหาศาล
เรื่องทั้งหมดนี้จะแค่โชคช่วยงั้นหรือ?
ไม่มันเป็นเพราะโอกาส!
เหมือนๆกับทุกคนโอกาสเกิดขึ้นตลอดเวลา อย่างไรก็ตามคนเดียวที่ไขว่คว้ามันไว้ได้คือฟางเจิ้งจือ
มันคือความกล้าหาญและความบ้าบิ่นของเขาทำให้มีความมั่นใจพอที่จะลองทำ
แต่ในใจของมู่ฉิงเฟิงและโม่ฉานฉือได้สูญเสียความมั่นใจไปแล้ว
มู่ฉิงเฟิงมองไปที่ฟางเจิ้งจือและแสงที่เปล่งประกายบนตัวดาบก่อนที่จะถอนหายใจและคิดว่าบางทีเขาคงแก่เกินไปแล้วจริงๆ…
แสงดาบพุ่งผ่านท้องฟ้า
การโจมตีของฟางเจิ้งจือไม่ได้น่าประทับใจนักแต่ทุกๆการโจมตีแม่นยำมาก แม้แต่ไป่ฉือก็ไม่สามารถป้องกันได้
เจ้าเด็กนี่…ดูเปลี่ยนไป! หลังจากป้องกันการโจมตีถึงสามครั้ง ความคิดนี้ก็ปรากฎขึ้นในใจของไป่ฉือ
ก่อนหน้านี้การโจมตีของฟางเจิ้งจือมีแต่ความรีบร้อนและรุนแรงเขาต้องการจบการต่อสู้ให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
แต่ตอนนี้มันไม่ได้เป็นเช่นนั้นอีกแล้วมันทั้งแม่นยำและหนักแน่นราวกับคลื่นทะเล
มันแสดงถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพจิตใจของเขา
รีบร้อนและรุนแรงเป็นสิ่งที่บอกว่าฟางเจิ้งจือต้องการใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ต่างๆเพื่อหาจุดอ่อนและโจมตีออกไป
แต่ตอนนี้เขาไม่ใช้ประโยชน์จากช่องโหว่อีกแล้วมันแสดงให้เห็นว่าเขามีความมั่นใจอย่างมาก ในการต่อสู้กับไป่ฉือเขาใช้เพียงความมั่นใจเท่านั้น
ตูม!แสงดาบและกรงเล็บปะกันอีกครั้ง คลื่นกระแทกที่รุนแรงก่อเกิดเป็นพายุขนาดยักษ์
ฉากนี้ทำให้เหล่าศิษย์และราชาอสูรต่างตกตะลึงฟางเจิ้งจือโจมตี…
มากกว่าห้าครั้ง!
โจมตีห้าครั้งโดยไม่ได้ถอยออกมาแม้แต่น้อยเขายังคงพุ่งเข้าไปและโจมตีไป่ฉืออย่างต่อเนื่องราวกับไม่มีความคิดที่จะหนี
สิ่งสำคัญที่สุดคือไป่ฉือไม่มีโอกาสได้ตอบโต้
ฟางเจิ้งจือ…เขา …เขาสามารถหยุดยั้งไปฉือได้ด้วยตัวคนเดียว?
น่ากลัว!มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไง?
นางคือจักรพรรดินีอสูรผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์! แต่ฟางเจิ้งจือมีอายุแค่ 18 ปีเท่านั้น!
เหล่าศิษย์ต่างภาคภูมิใจเมื่อพวกเขาเข้าถึงพลังระดับเซียนแต่หลังจากได้เห็นการต่อสู้ของฟางเจิ้งจือกับไป่ฉือ พวกเขาก็สูญเสียความภูมิใจนั้นไป
มันทำลายความมั่นใจของพวกเขาจนหมดสิ้น!
ราวกับคนที่พยายามอย่างหนักมาทั้งชีวิตเพื่อสิ่งที่คนอื่นใช้เวลาเพียงหนึ่งหรือสองปีพวกเขาต้องหดหู่ใจอย่างแน่นอน
ท่านจักรพรรดินี!
โฮก!
โฮก!
เหล่าราชาอสูรต่างก็ตกตะลึงไม่แพ้กันอย่างไรก็ตามในใจของพวกเขาไป่ฉือเป็นเหมือนพระเจ้าผู้ที่อยู่เหนือทุกสิ่งและจะไม่มีวันพ่านแพ้ในการต่อสู้
ถึงกระนั้นจักรพรรดินีอสูรกลับถูกขัดขวางโดยมนุษย์อายุ18ปี พวกเขาจะไม่ตกใจได้ยังไง?
พวกเขาจะไม่หวาดกลัวได้ยังไง?
เจ้าเด็กเหลือขอนั้นอาจจะเปลี่ยนกระแสงครามได้จริงๆ! สีหน้าของโม่ฉานฉือกลายเป็นแดงก่ำ หลังจากได้ต่อสู้กับไป่ฉือเขาก็รู้ถึงพลังความสามารถของนางเป็นอย่างดี
…
ฟางเจิ้งจือเจ้าคิดว่าจะชนะข้าได้จริงหรือ?! ไป่ฉือร้องคำรามด้วยสีหน้าที่เย็นชา
พร้อมกับดวงตาที่กลายเป็นสีแดงก่ำ
ทำไมถึงไม่ได้ล่ะ? ฟางเจิ้งจือตอบกลับในขณะเดียวกันเขาพุ่งผ่านอากาศขึ้นไปเหนือหัวของไป่ฉือ
เขาฟาดดาบลงมาทันที
แสงสีม่วงส่องสว่างมากขึ้นราวกับเป็นแสงของดวงจันทร์แสงพุ่งลงไปที่คอของไป่ฉือ
ดีข้าก็อยากรู้ว่าเจ้ามีพลังแค่ไหน! ไป่ฉือโกรธอย่างแท้จริง แทนที่จะใช้กรงเล็บป้องกันการโจมตี นางกลับกระโดดไปด้านหน้า
นางพุ่งเข้าหาการโจมตีของฟางเจิ้งจือในขณะเดียวกันร่างที่ใหญ่ยักษ์ของนางก็หดเล็กลงทันทีแต่หางทั้งเก้ายังคงอยู่
มันเป็นฉากที่แปลกประหลาด
การหดร่างเล็กทำให้ความหนาของร่างกายเล็กลงและราวกับว่านางมีความเร็วที่เพิ่มขึ้น
หลังจากพุ่งเข้าหาฟางเจิ้งจือหางจิ้งจอกทั้งเก้าก็เริ่มตวัดโจมตีจากทุกทิศทาง
ในที่สุดไป่ฉือก็เริ่มตอบโต้
ท่าทีของฟางเจิ้งจือเปลี่ยนไปเห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะการหดร่างของไป่ฉือนั้นทำให้แรงกดดันมากขึ้น
ฟางเจิ้งจือไม่มีเวลาคิดมากนักเนื่องจากหางจิ้งจอกทั้งเก้าอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว
ฟุ่บ!
ฟุ่บฟุ่บ ฟุ่บ… ร่างของฟางเจิ้งจือเลี้ยวไปเลี้ยวมาบนท้องฟ้าเขาเคลื่อนที่อย่างต่อเนื่องด้วยความรวดเร็ว
ด้วยความยากลำบากในที่สุดเขาหลบเลี่ยงจากหางทั้งเก้าออกมาได้
อย่างไรก็ตามเขาไม่มีเวลาให้พักนั่นเพราะหางจิ้งจอกใกล้เข้ามาอีกครั้ง
… ฟางเจิ้งจือดูเหมือนจะเข้าใจว่าทำไมไป่ฉือถึงเร็วนักด้วยร่างขนาดใหญ่นางไม่สามารถหลบเลี่ยงคมดาบจึงต้องรับการโจมตีอย่างอดทน
อย่างไรก็ตามตอนนี้ร่างของนางหดเล็กลงและดูเหมือนจะทำให้สถานการณ์กลับกัน
ไป่ฉือสละการป้องกันเพื่อแลกกับความเร็วยิ่งกว่านั้นนางเพิ่มความยาวของหางจิ้งจอกเพื่อให้สามารถเข้าถึงตัวของฟางเจิ้งจือได้ง่ายขึ้น
ส่วนฟางเจิ้งจือกลับกัน…
เขาเจอกับทางตันโดยสมบูรณ์! ตามหนังสือประวัติศาสตร์อสูรที่มีพลังแท้จริงสามารถเปลี่ยนรูปกายของพวกมันได้อย่างอิสระสามารถคงอยู่ในร่างมนุษย์เพื่อหลอกล่อพวกมนุษย์ให้หลงกล หรือกลายร่างเป็นอสูรยักษ์แล้วบินขึ้นไปบนท้องฟ้าเพื่อควบคุมฝนฟ้าคะนอง รวมถึงอยู่ในร่างอสูรเพื่อเลี่ยงการถูกโจมตีและหนีจากปัญหา
ฟางเจิ้งจือคิดเสมอว่ามันเป็นเพียงตำนานเล่าขานอย่างไรก็ตามเขาได้ตระหนักว่าตำนานทั้งหมดมีต้นกำเนิดที่แท้จริง หลังจากได้สู้กับจักรพรรดินีอสูรไป่ฉือ
เขาควทำยังไง?
เขาชอบที่จะอยู่เหนือกว่าผู้หญิงและไม่พอใจกับความจริงที่ว่ากำลังเป็นฝ่ายถูกกดดัน
เขาตัดสินใจที่จะจบเรื่องนี้
แต่เขาควรทำยังไง?ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ไม่ได้มีพลังเทียบเท่าไป่ฉือและไม่ได้รวดเร็วเช่นเดียวกับนาง เขาใช้พลังจากแหล่งกำเนิดอันไร้ขอบเขตเท่านั้น ป้าเฉียนในวิกฤตแบบนี้ป้ายังนิ่งเฉยอยู่ได้ยังไง? ฟางเจิ้งจือตะโกนในขณะที่พยายามหลบหนีหางจิ้งจอกอย่างยากลำบาก
ถ้าอยากให้ช่วยก็พูดมาทำไมถึงต้องใช้คำที่ข้าไม่เข้าใจ เฉียนยู่โบกมือให้ฟางเจิ้งจือและไม่เต็มใจจะเข้าช่วย
ท่านป้าช่วยข้าด้วย!
ถ้าพูดแต่แรกก็ไม่ต้องลำบากเช่นนั้นหรอก เฉียนยู่เผยยิ้มในขณะที่จับดาบทั้งสองแน่นนางรีบพุ่งหาไป่ฉือโดยไม่รอช้า
เมื่อเห็นเช่นนั้นมู่ฉิงเฟิงและโม่ฉานฉือก็เหลือบมองกันก่อนจะเผยยิ้มเล็กน้อย
ถ้าพวกเขาไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเองคงไม่มีทางจินตนาการภาพที่เฉียนยู่โกรธได้เลย
แน่นอนว่าเฉียนยู่ไม่ควรถูกว่าด้วยเรื่องนั้น
คงไม่มีใครรู้สึกดีที่มีหลานไร้ยางอายแบบฟางเจิ้งจือ
โจมตี! มู่ฉิงเฟิงพูดในขณะที่กัดฟันแน่น หยุนชิงวูล่ะ? โม่ฉานฉือถามด้วยความสงสัยในขณะที่หันมองหยุนชิงวูท่ามกลางปีศาจอาวุโสทั้งสิบ
ถ้าเราเอาชนะไป่ฉือได้แผนการของอสูรและปีศาจก็จะไม่สำเร็จ มู่ฉิงเฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อย
เจ้าพูดถูก! โม่ฉานฉือพยักหน้าอย่างเห็นชอบ
โจมตี!
โจมตี!
…
แม้ว่าทั้งสองจะบาดเจ็บสาหัสแต่เมื่อมีพลังของเฉียนยู่เข้าช่วยสถานการณ์ต้องเปลี่ยนไปแน่
แม้ร่างที่หดเล็กของไป่ฉือจะเพิ่มความเร็วอย่างมากแต่ก็ลดความสามารถในการป้องกันลงเช่นกัน
ในสถานการณ์ที่เป็นการโจมตีผสานกันความเร็วของนางย่อมมีจำกัด และนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมนางถึงขยายร่างใหญ่เพื่อรับมือกับคนทั้งสี่
เพื่อเพิ่มพลังป้องกัน
อย่างไรก็ตามเห็นได้ชัดว่าไป่ฉือไม่สามารถทำแบบเดิมได้นั่นเพราะด้วยพลังของฟางเจิ้งจือคนเดียวทำให้นางได้แต่ป้องกันเท่านั้น
ดังนั้นนางจะหาโอกาสตอบโต้ได้ยังไง?
เป็นโอกาสของเราแล้วดูเหมือนว่านางจะไม่สามารถทนได้อีกต่อไป!
ใช่แล้วฟางเจิ้งจือคนเดียวสามารถรับมือกับไป่ฉือได้ แต่ด้วยพลังของผู้นำมู่ ผู้นำโม่และผู้นำเฉียน ไป่ฉือจะไม่มีหนทางชนะอีกต่อไป!
ถ้าเอาชนะไป่ฉือได้ก็ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับราชาอสูรอีกต่อไป!
หลังจากได้เห็นฉากตรงหน้าเหล่าศิษย์ก็มีความหวังอีกครั้งพวกเขาต่อสู้อย่างเต็มกำลังและไม่หนีอีกต่อไป สุดท้ายแล้วไม่มีใครอยากเห็นมนุษยชาติต้องล่มสลาย
จิตใจของพวกเขาเปลี่ยนไปแล้วจากความล้มเหลวสู่ชัยชนะ นั่นทำให้ทุกคนมีความมั่นใจราวกับได้ฟื้นคืนชีพอีกครั้ง
ฟางเจิ้งจือ?! เต๋าซิงเหลือบมองฟางเจิ้งจือที่กำลังต่อสู้กับไป่ฉือและกำมือแน่น ข้าไม่อยากเชื่อเลย เขาพลิกกระแสสงครามครั้งนี้ได้ยังไง?!
……………………………………..