เต๋าซิงไม่รู้ว่าเป็นความบังเอิญหรือไม่อย่างไรก็ตามถ้าเป็นเช่นนั้น ฟางเจิ้งจือคงจะพบกับความบังเอิญมากเกินไปแล้ว
เมื่อกระแสสงครามเปลี่ยนไปนางไม่สามารถพาคนหลบหนีได้อีกต่อไป
เต๋าซิงเข้าใจอย่างชัดเจน
แม้ว่าเต๋าซิงไม่ได้กล่าวเตือนออกมาเต๋าฮุนก็รู้ในทันทีว่าต้องทำอะไรต่อไป อย่างไรก็ตามมันยากสำหรับเขาที่จะกลับคำพูด
มันอึดอัดใจอย่างมาก
อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะน่าอึดอัดแค่ไหนเขาก็ไม่สามารถหลบหนีต่อไปได้อีก
เมื่อถอยไปจนถึงฐานต้นไม้เขาทิ้งเหยียนซิวให้กับเต๋าซิงก่อนจะพุ่งกลับขึ้นไปอีกครั้ง
เต๋าฮุนค่อนข้างน่ากลัวเมื่อเขากำลังโกรธเขาฝ่าเหล่าราชาอสูรไปราวกับดาวตกที่พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า ผู้นำมู่ผู้นำโม่ ผู้นำเฉียน ข้ามาช่วยแล้ว! ในชั่วพริบตาเขาก็มาถึงยอดต้นไม้เทพเจ้า
… หลังจากได้ยินเสียงนั้นเหล่าศิษย์ต่างก็หันมองกัน
นอกจากพวกเขาแล้วแม้แต่มู่ฉิงเฟิงและโม่ฉานฉือก็มึนงงเช่นกัน
อย่างไรก็ตามในสถานการณ์ดังกล่าวการที่มีเต๋าฮุนเพิ่มเข้ามาก็ถือว่าเพิ่มโอกาสชนะมากขึ้น ดังนั้นพวกเขาคงจะไม่ปฏิเสธความช่วยเหลือนี้อย่างแน่นอน
หยานหยิงที่กำลังฟื้นอาการบาดเจ็บอยู่กัดฟันแน่นและตามเต๋าฮุนไป
ร่างทั้งสองเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วและเข้าถึงตัวไป่ฉือพร้อมๆกัน
ตูม!
ตูม!
เสียงระเบิดดังขึ้นสองครั้ง
ไป่ฉือถูกแรงระเบิดทั้งสองแม้ว่าการโจมตีทั้งสองจะไม่ส่งผลกับไป่ฉือมากนักแต่ก็ทำให้นางบาดเจ็บเล็กน้อย
นี่เป็นโอกาสของเรา! เมื่อเห็นสีหน้าที่เจ็บปวดของไป่ฉือเต๋าฮุนก็มั่นใจว่าคิดถูกแล้วที่กลับมา
ดวงตาของหยานหยิงก็สว่างขึ้นเช่นกัน
ในตอนที่เข้าต่อสู้กับไป่ฉือเขารู้สึกถึงพลังป้องกันที่แข็งแกร่งของนางได้อย่างชัดเจนอย่างไรก็ตามพลังป้องกันของนางลดลงไปมากในตอนนี้
เขาสามารถทะลวงการป้องกันของนางได้!
ผู้นำมู่ผู้นำโม่ ผู้นำเฉียน นี่เป็นโอกาสที่จะฆ่าไป่ฉือและคืนความสงบสุขให้กับโลกอีกครั้ง! เต๋าฮุนกำมอแน่นและจ้องมองอย่างเยือกเย็น
ฆ่าไปฉือ? โม่ฉานฉือตกตะลึง
เขาไม่เคยคิดจะทำเช่นนั้นแม้แต่น้อยเขาคิดว่าไม่สามารถเอาชนะไป่ฉือได้ด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม…
เป็นอย่างที่เต๋าฮุนพูดถ้าพวกเขาฆ่าไป่ฉือเหตุการณ์แบบนี้จะไม่เกิดขึ้นซ้ำอีก
ถ้าไป่ฉือตายราชาอสูรหลายสิบตนจะไม่เป็นภัยคุกคามอีกต่อไป
เช่นเดียวกันกับพวกปีศาจ!
ด้วยปีศาจที่แข็งแกร่งเพียงสิบตนถ้าไม่ได้รับความช่วยเหลือจากเหล่าอสูรก็ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป!
โม่ฉานฉือไม่ได้คิดเรื่องนี้แม้แต่น้อยเพราะตอนนั้นไป่ฉือแข็งแกร่งเกินไปแต่ตอนนี้มันต่างกัน
เฒ่าโมผู้นำเฉียน ข้าคิดว่าเป็นไปได้ พวกเจ้าคิดยังไง? มู่ฉิงเฟิงพูดดวยสายตาที่เย็นชา
โจมตี! โม่ฉานฉือตะโกนออกมาทันที
แน่นอน เฉียนยู่พยักหน้า
ฮ่าฮ่าฮ่า…จะฆ่าข้างั้นหรือ?! ไป่ฉือได้ยินการพูดคุยเบื้องล่างและมองด้วยสายตาที่เย็นชา ด้วยแผนสกปรกของพวกเจ้า คิดจริงๆหรือว่ามนุษย์จะชนะและกลายเป็นผู้ปกครองสวรรค์และโลกได้ โลกใบนี้ต้องการความยุติธรรม!
ฮ่าฮ่ายุติธรรม? เจ้าหมายความว่าอะไร?! โลกนี้คือโลกของผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด ไม่ว่าจะเป็นชาติกำเนิดหรือระดับพลัง ไม่มีอะไรที่ยุติธรรมบนโลกใบนี้! หรือเจ้าจะคิดว่าคนที่ไร้ตัวตน ไร้ผู้สนับสนุนจะกลายมาเป็นผู้ที่แข็งแกร่งได้งั้นหรือ? เต๋าฮุนพูดเยาะเย้ยหลังจากได้ยินคำพูดขอไป่ฉือ
ทำไมจะไม่ได้ล่ะ?ผู้ที่แข็งแกร่งก็เกิดจากครอบครัวที่ยากจนเช่นกัน! เสียงของฟางเจิ้งจือดังขึ้น มันทำลายคำพูดของเต๋าฮุนได้อย่างสิ้นเชิง
ฟางเจิ้งจือเจ้า… เต๋าฮุนตกใจมาก เขาต้องการพูดบางอย่างแต่เมื่อเห็นแสงสีม่วงของดาบไร้ร่องรอยก็กลืนคำพูดไปทั้งหมด
ถึงข้าจะไม่ชอบยัยแก่นั่นแต่ข้ารู้สึกว่านางพูดถูกเกี่ยวกับความยุติธรรมของโลกใบนี้! ฟางเจิ้งจือพูดอย่างเฉยชา
…
…
มู่ฉิงเฟิงและโม่ฉานฉือกระตุกริมฝีปากเล็กน้อยและต้องการพูดบางอย่าง อย่างไรก็ตามพวกเขาตัดสินใจที่จะเงียบต่อไป เพราะสุดท้ายมันก็เป็นอย่างที่พวกเขาพูดโลกใบนี้เป็นของผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด
มันเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว
หืมเจ้าเด็กเหลือขอ ข้าไม่ต้องการให้เจ้าเห็นด้วย! ไป่ฉือมองฟางเจิ้งจือก่อนจะพูดขึ้นมาอย่างเย็นชา พวกเจ้าคิดว่าจะชนะจริงๆงั้นหรือ?
แล้วเจ้ายังมีโอกาสชนะอีกหรือไง? ในที่สุดเต๋าฮุนก็ได้โอกาสพูดอีกครั้ง
เอาล่ะข้าจะรอดูว่าพวกเจ้าจะทำได้หรือไม่! นางพูดพร้อมขยายร่างใหญ่อีกครั้งในขณะที่หางทั้งเก้ามีขนาดเล็กลง
ร่างของไป่ฉือกลายเป็นใหญ่ยักษ์อย่างรวดเร็วกรงเล็บของนางส่องประกายพร้อมกับขนหนาสีขาวปกคลุมทั่วร่าง
ขยายร่างอีกครั้ง? เต๋าฮุนจ้องมองอย่างเย็นชา
ไป่ฉือไม่มีประโยชน์ที่จะดิ้นรนอีกแล้ว! หลังจากมองดูร่างที่ขยายใหญ่ โม่ฉานฉือก็ตกตะลึงเช่นกัน
สุดท้ายแล้วพวกเขาต้องใช้เวลาในการฆ่าไป่ฉือมากขึ้น
ฮึ่ม! ไป่ฉือตะโกนอย่างเยือกเย็นในขณะที่หยุดพูดนางได้ฟาดหางจิ้งจอกทั้งเก้าไปรอบๆเพื่อป้องกันการโจมตี
การต่อสู้ทวีความรุนแรงขึ้นอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามเห็นได้ชัดว่าไป่ฉือเคลื่อนไวช้าลง แม้นางจะสามารถป้องกันการโจมตีที่รุนแรงได้ แต่ก็ไม่สามารถโจมตีกลับไปได้เช่นกัน
นางทำได้เพียงแค่ป้องกัน
เจ้าเด็กเหลือขอแสดงพลังให้พวกเราเห็น! โม่ฉานฉือพูดกับฟางเจิ้งจือ เขามั่นใจมากว่าปัจจัยสำคัญในการฆ่าไป่ฉือคือฟางเจิ้งจือ
ถ้าเจ้าฆ่าไป่ฉือได้เจ้าจะกลายเป็นวีรบุรุษของมนุษยชาติ มู่ฉิงเฟิงพูดเสริม
แม้สถานการณ์จะเป็นที่ชัดเจนแล้วก็ตามแต่เขาไม่มั่นใจว่าฟางเจิ้งจือมีความคิดอะไรแผลงๆอยู่อีกไหม
วีรบุรุษ? ฟางเจิ้งจือเบะปากเล็กน้อย
เขารู้ถึงความหมายที่อยู่เบื้องหลังคำพูดนั้นแต่เขารู้สึกแปลกๆที่ไป่ฉือขยายร่างใหญ่อีกครั้ง
ขยายใหญ่!
นั่นทำให้นางสามารถต่อสู้ได้นานขึ้น
อย่างไรก็ตามถึงแม้จะสู้ได้นานขึ้นเล็กน้อยแต่เสียโอกาสที่จะชนะไปอย่างสมบูรณ์
ทำไม?
ทำไมไป่ฉือถึงตัดสินใจเช่นนี้กัน? ฟางเจิ้งจือไม่แน่ใจเขารู้ว่าไป่ฉือไม่มีความตั้งใจที่จะแพ้อย่างแน่นอน
ไม่ยอมแพ้?แต่กลับใช้วิธีการตั้งรับ?
เกิดอะไรขึ้น?
มีบางอย่างผิดปกติ?
ฟางเจิ้งจือขมวดคิ้วและครุ่นคิดอย่างหนักสถานการณ์ไม่มีอะไรผิดปกติ ไป่ฉือถูกพวกเขาปิดล้อม..
เหลือเพียงแค่รอเวลาที่พวกเขาจะชนะ
อย่างไรก็ตามชัยชนะครั้งนี้ทำให้รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
นางพยายามถ่วงเวลางั้นหรือ?
เดี๋ยวก่อน!
หยุนชิงวู!
ทันใดนั้นฟางเจิ้งจือก็ตระหนักและหันมองหยุนชิงวูจากนั้นท่าทีของเขาก็เปลี่ยนไป
ข้างๆหยุนชิงวูมีร่างๆหนึ่งสวมชุดคลุมสีขาวที่โชกไปด้วยเลือด หนานกงเฮา! ฟางเจิ้งจือไม่ตกใจที่หนานกงเฮายืนอยู่ข้างหยุนชิงวูแต่เขากำลังถือผลไม้สีดำและผลไม้สีเขียวอยู่ในมือ
เดี๋ยวก่อน!
ไป่ฉือถูกพวกเขาปิดล้อมนางจะไปควบคุมหนานกงเฮาได้ยังไง เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
โอ้ไม่!เสน่ห์เย้ายวนที่เกิดขึ้นและ’วิชาขโมยวิญญาณ’ ไม่ใช่วิชาที่ไป่ฉือเป็นคนใช้! ความคิดวิ่งผ่านหัวใจของฟางเจิ้งจือ
อะไรนะ?! มู่ฉิงเฟิงได้ยินฟางเจิ้งจือและรู้สึกตกใจอย่างเห็นได้ชัดอย่างไรก็ตามเขาเข้าใจความหมายทั้งหมด
หยุนชิงวูคือคนที่ควบคุมหนานกงเฮา! ในที่สุดฟางเจิ้งจือก็เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นได้
ไป่ฉือใช้วิธีต่อสู้ที่ไม่มีทางชนะเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจและถ่วงเวลาให้หยุนชิงวู
ในขณะเดียวกันหยุนชิงวู…
นางอดทนรอให้ทุกคนจะหันไปสนใจไป่ฉือก่อนที่จะเข้าควบคุมหนานกงเฮา
ช่างเป็นความคิดที่น่าสะพรึงกลัว
ที่สำคัญที่สุดดูเหมือนทุกอย่างจะถูกกำหนดไว้แล้วโดยหยุนชิงวูหรือก็คือหยุนชิงวูไม่ได้มองเห็นอนาคต แต่ความชาญฉลาดในการวิเคราะห์เหตุการณ์ของนางทำให้คนเข้าใจผิด
ไป่ฉือแข็งแกร่งมากจริงๆอย่างไรก็ตามนางจึงตกเป็นเป้าหมายเพราะพลังที่แข็งแกร่งนั้น
หยุนชิงวูรู้เรื่องนี้
นางจึงขึ้นไปบนยอดต้นไม้เทพเจ้า
เมื่อปีศาจอาวุโสทั้งสิบใช้ค่ายกลปีศาจเพลิงเพื่อป้องกันหยุนชิงวูและหลบซ่อนจากสายตาของผู้คน
ทั้งหมดที่เกิดขึ้นทำให้ไม่มีคนสงสัยในตัวนาง
เหตุผลที่ฟางเจิ้งจือนึกเรื่องนี้ออกไม่ใช่เพราะเขาฉลาดกว่าหยุนชิงวูแต่เพราะเขามีประสบการณ์กับภาพลวงตาของหยุนชิงวู
หยุนชิงวูรู้จักวิชาขโมยวิญญาณ!
อะไรนะหยุนชิงวูก็ใช้วิชาขโมยวิญญาณได้เช่นกัน?! เมื่อได้ยินเช่นนั้นโม่ฉานฉือก็ประหลาดใจทันที
เป็นไปได้ยังไง? เต๋าฮุนไม่เชื่อหูตัวเอง
หยุดนาง! มู่ฉิงเฟิงพูดขึ้น
ในขณะเดียวกันนั้นเองหยานหยิงและเฉียนยู่ก็พุ่งเข้าหาหยุนชิงวูด้วยความเร็วสูง
อย่าทำร้ายนายน้อย! เมื่อเห็นหยานหยิงและเฉียนยู่ปีศาจอาวุโสทั้งสิบเริ่มเคลื่อนไหว
ฟุ่บ!เปลวไฟสีดำลุกโชกยิ่งขึ้นก่อเกิดเป็นกำแพงป้องกันขนาดใหญ่ปิดล้อมหยุนชิงวูและปีศาจอาวุโสเอาไว้
ฟางเจิ้งจือเร็วเขา รีบฝ่าค่ายกลปีศาจเพลิงเข้าไป! มู่ฉิงเฟิงกลายเป็นกังวลเมื่อเห็นการก่อตัวของค่ายกลปีศาจเพลิง
ฟางเจิ้งจือเองก็รู้เช่นกัน ความจริงแล้วเมื่อเห็นหนานกงเฮาปรากฎตัวข้างหยุนชิงวู เขาก็เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว เขากลายเป็นลำแสงพุ่งเข้าหาหยุนชิงวูในทันที
อย่างไรก็ตามมันสายเกินไป
หยุนชิงวูเตรียมทุกสิ่งทุกอย่างพร้อมหมดแล้วนางเดินไปข้างหนานกงเฮา
ฟางเจิ้งจือเจ้าแพ้แล้ว! หยุนชิงวูหันมองฟางเจิ้งจือด้วยท่าทีนิ่งสงบ
หลังจากสิ้นคำพูดของนางหนานกงเฮายกมือขึ้นและผลไม้ทั้งสองก็หายไปในอากาศ
หายไป? มู่ฉิงเฟิงตกตะลึงและเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
มันเกิดอะไรขึ้น? โม่ฉานฉือสับสนเช่นกัน
อย่างไรก็ตามความสับสนของเขากลายเป็นความตกใจ นั่นเพราะทันทีที่ผลไม้ทั้งสองหายไป แสงสีดำและแสงสีเขียวปรากฎขึ้นบนร่างของหนานกงเฮา
ตูม! แสงทั้งสองส่องสว่างออกมาจากร่างของเขาราวมันพุ่งขึ้นไปยังประตูสีดำและประตูสีเขียวบนท้องฟ้า
……………………………………..