ห้าคน?ในหนึ่งชั่วโมง? ปีศาจที่แข็งแกร่งมองไปยังฟางเจิ้งจือจากนั้นก็มองไปยังสี่คนที่เหลือ นิ้วของเขาเคลื่อนไหวพร้อมนับในใจ หนึ่ง สอง สาม… และหันมองหยุนชิงวู เจ้ายืนมาหนึ่งชั่วโมงแล้วหรือ?
ใช่ หยุนชิงวูหยักหน้าอีกครั้ง
ฮึ่ม…ยอดเยี่ยม! เจ้ายังไม่ต้องคุกเข่าให้ข้า อย่างน้อยก็อีกหนึ่งชั่วโมง ปีศาจที่แข็งแกร่งพยักหน้าเช่นกันและไม่คิดสงสัยในคำพูดของหยุนชิงวู
เจ้าจะทนได้ถึงชั่วโมงหรือ? หยุนชิงวูถามด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
อย่างไรก็ตามท่าทีของคนอื่นๆรวมไปถึงมู่ฉิงเฟิงและโม่ฉานฉือได้เปลี่ยนเป็นความน่าเกลียดเมื่อได้ยินสิ่งที่นางพูด
’เจ้าจะทนได้ถึงชั่วโมงไหม?’
นี่เป็นประโยคที่เรียบง่ายแต่เมื่อหยุนชิงวูพูดในสถานการณ์เช่นนี้มันอดทำให้พวกเขาหงุดหงิดไม่ได้
หยุนชิงวูผู้ที่แทบจะไม่มีความสามารถอะไรเลยกลับไม่แสดงความด้อยของตนออกมาต่อเทพปีศาจเห็น เพียงแค่สองสามประโยคกลับเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้โดยไม่ต้องใช้ความพยายามแม้แต่น้อย
ด้วยพรสวรรค์ขนาดนี้ไม่แปลกใจเลยที่นางคือผู้นำของทั้งสองเผ่าพันธุ์
ฮ่าฮ่าฮ่า… หลังจากนั้นไม่นานเทพปีศาจก็เริ่มหัวเราะอีกครั้ง กลิ่นอายที่เยือนเย็นยังคงอยู่บนใบหน้าของเขา ในขณะเดียวกัน เขาค่อยๆยกมือขึ้นแสงที่เปล่งประกายส่องสว่างขึ้นในมือ จากนั้นกริชสีดำสนิทก็ปรากกฎขึ้นในมือของเขา
แต่กริชนี้แตกต่างไปจากกริชทั่วไป เพราะรูปร่างคล้ายทรงกระดูก
สีของกริชดำสนิททั้งด้ามไม่สามารถแยกได้ว่าส่วนไหนคือด้ามและส่วนไหนคือปลายกริช เทพปีศาจไม่ได้ตอบคำถามของหยุนชิงวู
ไม่ใช่เพราะเขาไม่มั่นใจแต่เพราะรู้ว่าตัวเขาจะมีเสน่ห์มากกว่าถ้าสุขุมเยือกเย็นเข้าไว้ ในฐานะเทพปีศาจเขาจะไร้เสน่ห์ดึงดูดได้อย่างไร?
หนีเฒ่าโม่ มู่งฉิงเฟิงตะโกนเมื่อเห็นฉากตรงหน้า
หนี?ข้าก็อยากทำแบบนั้น แต่ไม่รู้ว่าพวกเราจะมีโอกาสไหม? โม่ฉานฉือหัวเราะอย่างขมขื่น มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะหนีรอดจากเทพปีศาจที่แข็งแกร่ง ไป่ฉือและเหล่าราชาอสูรจำนวนมากในสนามรบ
ผู้นำศาลาผู้นำโม่ ผู้นำเฉียน พวกท่านไปหนีก่อน ข้าจะระวังตัว! เสียงของหยานหยิงดังขึ้นพร้อมกับแสงที่ส่องสว่างทั่วร่าง
ไม่ลังเลและไม่พูดมากนี่คือนิสัยของหยานหยิง เขาเป็นคนที่ไม่พูดอะไรมากมาย แต่ในช่วงเวลาวิกฤตเช่นนี้เขาไม่เคยถอยหนี
มือของหยานหยิงเริ่มเคลื่อนไหวแสงยังคงส่องสว่างด้วยประสบการณ์ต่อสู้ที่มากมาย แม้เขาตั้งใจจะสกัดเทพปีศาจ แต่เขาก็ไม่โง่พอที่จะเข้าใกล้เกินไป
หากยังไม่เข้าใจคู่ต่อสู้มากพอการรักษาระยะห่างไว้จะปลอดภัยกว่า
ในขณะที่มือของหยานหยิงผสานกันอยู่บริเวณหน้าอกพลังอันแปลกประหลาดพุ่งไปหาเทพปีศาจ จากนั้นกลุ่มพลังที่มีรูปร่างเหมือนฝ่ามือทั้งสองข้างได้ปรากฎขึ้นรอบตัวเทพปีศาจ
เทพปีศาจเผยยิ้มออกมา
มันเป็นรอยยิ้มที่เยือกเย็นและแปลกประหลาดทำให้ผู้คนที่เห็นรู้สึกว่าได้เห็นเรื่องตลกที่สุดในโลก
แน่นอนว่าเขาไม่ได้เคลื่อนไหว
แม้ฝ่ามือทั้งสองข้างจะพุ่งเข้ามาใกล้หูของเขาจนผมปลิวเขาก็ไม่คิดที่จะเคลื่อนไหว
อย่างไรก็ตามไม่นานฝ่ามือทั้งสองก็หายไปแทบจะในทันทีราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน
ระดับพลังของคนธรรมดา? เทพปีศาจเอ่ยเบาๆ พร้อมกับยกมือซ้ายขึ้นและส่งพลังบางอย่างเข้าไปในชุดเกราะของตัวเอง แสงกระจายไปทั่วชุดเกราะของเขา
มันเป็นฉากที่แปลกมาก
อย่างไรก็ตามสำหรับโม่ฉานฉือและโม่ฉิงเฟิงพวกเขาไม่เข้าใจว่าเทพปีศาจใช้พลังอะไรเพื่อยับยั้งพลังฝ่ามือของหยานหยิง
ดูดกลืน?
ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่เขาพูดมันหมายความว่าอะไร?
ระดับพลังของคนธรรมดา?
หมายถึงระดับพลังของหยานหยิงหรือเปล่า?
ปีศาจอาวุโสต่างหันมองกันด้วยความตื่นเต้นแม้จะเห็นได้ชัดว่าเทพปีศาจทรงพลังมากแค่ไหน พวกเขาก็อดสงสัยไม่ได้กับความหมายที่เขาพูด เทพปีศาจปิง…หยานหยิงมีพลังอยู่ในระดับเซียนขั้นสูงสุด ในที่สุดปีศาจอาวุโสตนหนึ่งก็พูดขึ้นอย่างระมัดระวัง
เซียนขั้นสูงสุด? เทพปีศาจมองด้วยความประหลาดใจเขามองไปที่หยานหยิงตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะพูดด้วยความเหยียดหยาม มนุษย์ธรรมดาถูกเรียกว่าเซียน? งั้นข้าไม่สมควรถูกเรียกในนามของพระเจ้าเลยหรือ?
พระเจ้า?! เมื่อได้ยินเช่นนั้นท่าทีของทุกคนก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
ตั้งแต่สมัยโบราณผู้ที่ถูกเรียกว่าพระเจ้าได้รับการยกย่องและสรรเสริญจากผู้คน เป็นคนที่สามารถเคลื่อนย้ายภูเขาและเติมเต็มผืนทะเล
เทพปีศาจตรงหน้าสมควรได้รับนามนั้นหรือไม่?
ไม่ว่าจะหยิ่งผยองแค่ไหนแต่สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าพลังของเทพปีศาจยิ่งใหญ่กว่าหยานหยิงมาก พระเจ้า? ไป่ฉือหันมองเทพปีศาจที่แข็งแกร่งท่าทีของนางสงบลงมาก
นั่นไม่ใช่เพราะนางอยู่ฝ่ายเดียวกับเทพปีศาจแต่เพราะนางเข้าใจคำว่าพระเจ้าในสมับโบราณมากขึ้น
ฮึ่มม…จากนี้ไปข้าควรจะถูกเรียกว่าพระเจ้า! เทพปีศาจไม่ได้สนใจท่าทีที่เปลี่ยนไปของทุกคนแม้แต่น้อยและหันมองหยานหยิง เจ้ารู้ถึงความแตกต่างของ ‘พระเจ้า’ กับ ‘เซียน’ หรือไม่?
หยุดพูดไร้สาระ! หยานหยิงกำมือแน่นก่อนที่แสงจะส่องสว่างออกมาทั่วร่าง
เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการต่อสู้กับไป่ฉือหยานหยิงเกินขีดจำกัดตัวเองไปมากแล้ว
เขาผสานมืออีกครั้งฝ่ามือทั้งสองปรากฎขึ้นกลิ่นอายที่ทำให้อากาศเคลื่อนไหว
ดูเหมือนจะไม่รู้ เทพปีศาจเผยยิ้มเมื่อเห็นฉากตรงหน้า ในขณะเดียวกันเขาก็ขยับมือขวาเล็กน้อย
ไม่มีกลิ่นอายหรือแรงกดดันมากเกินไปเขายกมือขึ้นราวกับโบกมือให้หยานหยิง
อย่างไรก็ตามมันไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน
ในทันทีที่เทพปีศาจยกมือขึ้นกริชดำก็หายไปในอากาศ
มันเกิดขึ้นอย่างฉับพลันและไม่สามารถคาดเดาได้
อย่างไรก็ตามฟางเจิ้งจือที่ยืนนิ่งก็เบิกตากว้าง
ในฐานะผู้ที่อยู่ในระดับจุติเขาสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวของอากาศ ยิ่งไปกว่านั้นมันเกิดขึ้นไม่ไกลจากเทพปีศาจ
ความเร็ว?ไม่… มันไม่ใช่ความเร็ว! ฟางเจิ้งจือไม่รู้เหตุผลที่กริชดำถึงหายไปเพราะมันเร็วมาก
จากนั้นไม่นานกริชดำก็ปรากฎขึ้นไม่ไกลจากหยานหยิงมันห่างจากเขาไม่ถึงเจ็ดก้าว สีที่ดำสนิทราวกับน้ำหมึก!
จากนั้นก็หายไปในเวลาไม่กี่วินาที!
ฟุ่บ!ในตอนที่กริชดำหายไปมันเกิดเสียงเล็กน้อย จากนั้นก็ปรากฎขึ้นอีกในมือของเทพปีศาจ
บนกริชนั้นมีรอยสีแดงที่เห็นได้ชัดเลือดสีแดงค่อยๆไหลลงสู่ต้นไม้เทพเจ้า
ด้วยความรวดเร็วรอยสีแดงหายไปกริชกลับเป็นสีดำสนิทอีกครั้ง
ฉากที่แปลกประหลาดเกิดขึ้นเร็วมากมู่ฉิงเฟิงและโม่ฉานฉือที่มองจากด้านล่างต่างรู้สึกว่าพวกเขาถูกห้อมล้อมด้วยกลิ่นอายลึกลับ
พวกเขาไม่ได้ประหลาดใจกับฉาดที่เลือดหยดลงบนต้นไม้เทพเจ้าแต่เป็นเพราะพวกเขารู้ว่าเลือดนั้นเป็นของใคร
หยานหยิง!
ผู้อาวุโส!
เกือบทันทีที่ความสนใจของผู้คนมุ่งไปหาหยานหยิงและเบิกตากว้าง
หยานหยิงก็มองดูตัวเองเช่นกัน
เขาก้มศีรษะลงมองรูเล็กๆบนหน้าอกที่มีเลือดไหลออกมา
มันเป็นการโจมตีที่เร็วมาก
เร็วมากเสียจนหยานหยิงไม่รู้สึกเจ็บปวดแม้แต่น้อยเขาเพียงตระหนักถึงรูบนหน้าอกเมื่อเห็นกริชดำปรากฎขึ้นในมือของเทพปีศาจอีกครั้ง
นี่คือ…พระเจ้า? สีหน้าของหยานหยิงเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ เขาไม่เห็นการเคลื่อนที่ของกริชแม้แต่น้อย
ที่สำคัญไปกว่านั้นทั่วร่างกายมีโล่แสงคอยปกป้อง นั่นคือวิชาป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดของผู้ที่อยู่ในระดับเซียน
แต่ทว่า…
ทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีความหมายต่อหน้าเทพปีศาจ
เขาไม่ได้ใช้วิชาหรือค่ายกลที่น่าตื่นตาเขาเพียงยกมือขึ้นและวางลงเท่านั้น
ดูเหมือนว่าไม่ใช่แค่ไม่รู้ถึงความแตกต่างระหว่าง ‘พระเจ้า’ กับ ‘เซียน’ แต่ยังไม่รู้ด้วยว่าการต่อสู้ที่แท้จริงนั้นหมายความว่าอย่างไร หลังจากเทพปีศาจวางมือลง ก็หันมองไปยังประตูสีเขียวและประตูสีดำ ทีเปิดออกอย่างสมบูรณ์ มีแต่อสูรและปีศาจที่มีประสบการณ์ต่อสู้อย่างแท้จริงเท่านั้นที่จะเข้าใจว่าไม่จำเป็นต้องใช่วิชาที่ยิ่งใหญ่ เพียงแค่ด้วยวิธีธรรมดาๆเท่านั้น
เพียงแค่…
ฆ่า…งั้นเหรอ?
ท่าทีของทุกคนกลายเป็นซีดขาวในที่สุดพวกเขาก็รู้ว่าปีศาจแบบไหนที่ออกมาจากประตูพระเจ้า!
ผู้อาวุโสหยาง!
เฒ่าหยางเจ้าจะตายไม่ได้!
ในฐานะผู้ที่มีพลังในระดับเซียนขั้นสูงสุดเขาควรจะอยู่บนจุดสูงสุดของโลกและมีความสามารถป้องกันตัวเองได้แม้จะต้องเผชิญกับจักรพรรดินีอสูร
แต่ตอนนี้..
มู่ฉิงเฟิงและโม่ฉานฉือตระหนักว่าเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเทพปีศาจพวกเขาจะสูญเสียพลังป้องกันไปโดยสมบูรณ์
สถานการณ์เข้าขั้นวิกฤต
เขามีพลังมากเกินไป!
เมื่อต้องเผชิญกับจักรพรรดินีอสูรไป่ฉือพวกเขาต้องใช้ห้าคนเข้าต่อสู้
แต่ตอนนี้พลังใจได้หายไปอย่างสมบูรณ์เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเทพปีศาจ
พลังของเทพปีศาจ…
ไม่ใช่พลังธรรมดาความจริงแล้วมันเป็นพลังที่อันตรายเกินไป จิตสังหารที่แข็งแกร่งทำให้รู้สึกเหมือนอยู่ท่ามกลางสนามรบสมัยโบราณและทำให้พวกเขาเสียพลังใจในการต่อสู้!
และนั่นคือความแตกต่างระหว่าง’เซียน’กับ ‘พระเจ้า’
……………………………………..